ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 184 ก่อนวันปะทะ
เมื่อฟอลคอนจอห์นได้รับจดหมายที่แจ็คส่งมาให้เขาก็ตกใจมาก เพราะเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าราชาหมาป่าเย่เชียนจะมาอยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้แห่งนี้จริง ๆ และราชาหมาป่าคนนี้นี่แหละที่เป็นคนจัดการกับคนของเขาเมื่อก่อนหน้านี้ ชื่อเสียงของกลุ่มเขี้ยวหมาป่าซึ่งเป็นราชาแห่งโลกของทหารรับจ้าง รวมไปถึงราชาหมาป่าเย่เชียนนั้นไม่มีใครในโลกของทหารรับจ้างที่ไม่รู้จัก ซึ่งฟอลคอนจอห์นเองก็รู้สึกชื่นชมเย่เชียนเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่อาจหลี่กเลี่ยงการปะทะกับกลุ่มเขี้ยวหมาป่าได้อีกต่อไป
ฟอลคอนจอห์นยอมรับว่ากลุ่มเขี้ยวหมาป่านั้นทรงพลังเหลือเกินในทุก ๆ ภารกิจ ชื่อเสียงและตำนานของกลุ่มเขี้ยวหมาป่านั้นเป็นที่เล่าขานกันไปทั่วในวงการทหารรับจ้าง ทว่าทุกคนที่ได้มาเป็นทหารต่างก็มีความภาคภูมิใจในตนเองด้วยกันทั้งสิ้น ทำให้ฟอลคอนจอห์นยังคงไม่เชื่ออย่างสนิทใจว่าราชาหมาป่าเย่เชียนจะมีความแข็งแกร่งตามตำนานที่เล่าขานกันมา แม้ว่าเย่เชียนจะเป็นตัวอย่างของคนที่ยังคงมีชีวิตอยู่และเป็นตำนานอย่างแท้จริงก็ตาม เขาคือชายผู้เป็นดั่งเทพแห่งสงครามที่สามารถทำลายเสือดาวดำอดีตราชาทหารรับจ้างจนสิ้นชื่อ อีกทั้งยังเป็นผู้ที่ผลักดันและนำพากลุ่มเขี้ยวหมาป่าขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของโลกแห่งทหารรับจ้างทั้งหมดทั้งมวล
อย่างไรก็ตามมันก็เป็นแค่ตำนานและตำนานก็คือเรื่องที่เล่าขานต่อ ๆ กันมา อันที่จริงฟอลคอนจอห์นนั้นไม่เคยต้องเผชิญหน้าหรือต่อสู้กับกลุ่มเขี้ยวหมาป่าเลยสักครั้ง เขาเชื่อว่าความสามารถในการต่อสู้และการรบของกลุ่มเขี้ยวหมาป่านั้นคงแข็งแกร่งอย่างที่ร่ำลือกันไว้อย่างแน่นอน มิฉะนั้นมันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบและมาถึงจุดสูงสุดเช่นนี้ได้ แต่ทว่าองค์กรทั้งองค์กรคงจะไม่ได้อาศัยความแข็งแกร่งของคนเพียงคนเดียว ด้วยเหตุนั้นฟอลคอนจอห์นจึงเชื่อมั่นว่าความสำเร็จของกลุ่มเขี้ยวหมาป่าเป็นความพยายามของสมาชิกทุกคน ไม่ใช่เพราะเย่เชียนเพียงคนเดียวที่จะทรงพลังเยี่ยงตำนานกล่าว
“กัปตันเราจะทำยังไงกันต่อ ?” หนึ่งในสมาชิกของเหยี่ยวดำทมิฬถาม
“ไม่มีคนขี้ขลาดและอ่อนแอในเหยี่ยวดำทมิฬของเรา! ต่อให้เย่เชียนจะแข็งแกร่งมากขนาดไหน เราก็จะไม่หวั่นเกรงและไม่หวาดกลัวสารจากพวกเขา เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วเราจะมีที่ยืนในโลกของทหารรับจ้างในอนาคตได้ยังไง!” ฟอลคอนจอห์นพูด “ยิ่งไปกว่านั้นฉันเองก็อยากจะเจอหน้าราชาหมาป่าเย่เชียนสักครั้งหนึ่งด้วย”
หลังจากเงียบไปชั่วขณะฟอลคอนจอห์นก็ถามว่า “ใครเป็นคนส่งสารนี้มา ?”
“มันถูกส่งมาจากล็อบบี้ของโรงแรม… พนักงานต้อนรับบอกว่าชายหนุ่มคนหนึ่งขอให้เธอส่งมอบมันให้กับคุณ” สมาชิกคนหนึ่งของเหยี่ยวดำทมิฬตอบ
ฟอลคอนจอห์นพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “อย่าบอกพวกตงเซียนกรุ๊ปเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ นี่คือการต่อสู้ในโลกของทหารรับจ้างเท่านั้น ฉันไม่ต้องการให้พวกนั้นรู้เรื่องพวกนี้มากนัก แต่ฟอลคอนจอห์นคนนี้ขอสาบานว่าจะฆ่าเย่เชียนให้ได้!”
สมาชิกคนอื่น ๆ ของกลุ่มเหยี่ยวดำทมิฬอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปทั้งตัว ทุกคนต่างจ้องมองฟอลคอนจอห์นด้วยความประหลาดใจและพบว่าสิ่งที่เขาเพิ่งจะพูดออกมานั้นเขาไม่ได้ล้อเล่น
“แต่ถึงยังไงเราก็ต้องให้พวกตงเซียนกรุ๊ปช่วยตรวจสอบแหล่งกบดานทั้งของเย่เชียนและของสมาชิกคนอื่น ๆ ในกลุ่มเขี้ยวหมาป่าด้วย เพราะฉันเชื่อว่าเย่เชียนจะไม่อยู่ที่นี่เพียงคนเดียวแน่ ๆ มันจะต้องมีพวกเขี้ยวหมาป่าคนอื่น ๆ อีกจำนวนมากอยู่ด้วย แต่จำเอาไว้อย่างนึงว่าให้บอกไปแค่ว่าเป็นเพื่อนที่ขอให้ช่วยตรวจสอบเย่เชียน ห้ามเอ่ยคำว่าเขี้ยวหมาป่าเด็ดขาดเข้าใจมั้ย ?” ฟอลคอนจอห์นพูด
“รับทราบครับกัปตัน!” สมาชิกเหยี่ยวดำทมิฬตอบแล้วหันหลังเดินออกจากห้องพักของฟอลคอนจอห์นในโรงแรมไป
ฟอลคอนจอห์นหายใจเข้าลึก ๆ และเอนกายลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น สายตาของเขาจ้องมองไปที่กำแพงอย่างว่างเปล่าและพึมพำว่า “ราชาหมาป่าเย่เชียน! แกจะเก่งเหมือนในตำนานจริง ๆ งั้นเหรอ ?”
……
แจ็คโทรมาหาเย่เชียนขณะที่เขานั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นที่บ้านของฉินหยู ในมือของเย่ชียนนั้นถือกระดาษที่เต็มไปด้วยคำต่าง ๆ มากมายและเส้นโยงไปมาดูมั่วไปหมด
คนธรรมดาทั่วไปจะต้องรู้สึกเวียนหัวมากอย่างแน่นอนถ้าหากได้มาเห็นกระดาษแผ่นนั้น แต่ถ้าหากมองดูดี ๆ แล้วจะพบว่ามันคือแผนการกระจายกองกำลังต่าง ๆ ในเมืองเซี่ยงไฮ้ รวมไปถึงคำอธิบายโดยละเอียดเกี่ยวกับแผนการทั้งหมดของเย่เชียนสำหรับการพัฒนากลุ่มเขี้ยวหมาป่าในอนาคตและวิธีการในแต่ละขั้นตอน
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา แจ็คได้ส่งข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับแก๊งชิง ชิงกรุ๊ป หงเหมินกรุ๊ป และตงเซียนกรุ๊ป รวมไปถึงกองกำลังและหน่วยงานสำคัญต่าง ๆ ในเมืองเซี่ยงไฮ้แห่งนี้ให้แก่เย่เชียน แม้ว่ามันจะไม่ได้มีรายละเอียดที่เจาะลึกมานัก แต่เพียงแค่นี้มันก็ครอบคลุมแทบทุกอย่างที่เขาจำเป็นจะต้องรู้แล้ว
เมื่อได้ยินเสียงเรียกของแจ็คผ่านโทรศัพท์ เย่เชียนก็วางกระดาษในมือลงและรอยยิ้มที่ชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
“บอส! พวกเหยี่ยวดำทมิฬเริ่มมีการเคลื่อนไหวแล้ว” แจ็คพูดตรงไปตรงมาไม่นอกเรื่อง
“ว่ามา!” เย่เชียนพูด
“ฟอลคอนจอห์นส่งข้อความให้คนมาบอกว่าพวกเขาไม่เหมือนกับเราและมันจะไม่จบง่าย ๆ แน่” แจ็คพูด
มุมปากของเย่เชียนฉีกยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย “ฟอลคอนจอห์น! กล้าหาญใช้ได้เลยนี่! แต่แค่นี้ยังไม่พอหรอก! ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนกัน ?”
“ในเขตชานเมืองครับ ตรงนั้นมีบ้านเช่าที่กำลังจะถูกรื้อถอนออกเนื่องจากรัฐบาลกำลังจะทำการบูรณะและสร้างใหม่ แต่ต้องให้ผู้อยู่อาศัยทั้งหมดที่นั่นย้ายออกไปก่อน… ดูเหมือนว่าพวกเขาน่าจะรู้ว่าเราจะเข้าไปหาพวกเขา พวกเขาต้องมีมาตรการป้องกันและตั้งรับโดยรอบรอไว้อย่างแน่นอน” แจ็คพูด
“บอกหลี่เหว่ยยี่ ชิงเฟิงและพี่ม่อหลงให้ไปรอฉันที่สำนักงานไอร่อนบลัดตอนสี่ทุ่มคืนนี้” เย่เชียนพูดต่อ “ถ้าพวกเหยี่ยวดำทมิฬอยากจะรนหาที่ตายกันขนาดนี้ล่ะก็… เดี๋ยวฉันจะช่วยสงเคราะห์ให้ชื่อเหยี่ยวดำทมิฬหายไปจากโลกนี้ซะเลย” ดวงตาของเย่เชียนเปล่งประกายไปด้วยเจตนาฆ่าที่รุนแรงและจิตสังหารของเขาก็แผ่กระจายเต็มไปทั่วทั้งบ้าน จนทำให้รู้สึกหนาวเย็นราวกับว่าบ้านหลังนี้อยู่ในอุณหภูมิศูยน์องศาสัมบูรณ์
“รับทราบครับบอส!” แจ็คตอบและวางสายโทรศัพท์ไป
เย่เชียนวางโทรศัพท์แล้วหยิบกระดาษบนโต๊ะขึ้นมาดู หลังจากอ่านอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกรอบแล้ว เขาก็หยิบไฟแช็กออกมาจุดบุหรี่ขึ้นสูบ
……
เป็นเวลาหกโมงเย็นที่ฉินหยูกลับมาถึงบ้าน แต่วันนี้จ้าวหยาไม่ได้อยู่กับเธอด้วย ไม่มีใครรู้ว่าเธอไปเที่ยวเล่นอยู่ที่ไหน ส่วนหูวเค่อสาวงามคนนั้นลึกลับมาก ทำให้การไปไหนมาไหนของเธอนั้นไร้ร่องรอยไปโดยสมบูรณ์
“กลับมาแล้วเหรอ ? กินข้าวมารึยัง ? มากินด้วยกันสิ!” เย่เชียนพูดขณะที่นำอาหารที่เพิ่งทำเสร็จร้อน ๆ ออกมาจากครัว
ฉินหยูตอบเพียง “อืม” และเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหาร ทว่าหลังจากที่เธอกินอาหารที่เย่เชียนทำไปคำนึงแล้ว ฉินหยูก็คิดว่ามันคงจะดีถ้าหากผู้ชายคนนี้อยู่คอยทำอาหารให้เธอกินในทุก ๆ วัน แต่เย่เชียนในตอนนี้นั้นดูไม่ค่อยสนใจฉินหยูเลย ซึ่งเธอไม่รู้ว่าคืนนี้เธอจะทำให้เขาอารมณ์ดีแล้วมาสนใจเธอได้อย่างไร
ในความเป็นจริงแล้วนี่คือนิสัยของเย่เชียนก่อนการต่อสู้และออกรบในแต่ละครั้ง เย่เชียนจะต้องผ่อนคลายตัวเองเพื่อที่จะได้รักษาจิตใจที่ปลอดโปร่งและสุขุม รวมทั้งดูแลสภาพร่างกายให้เหมาะสมดีที่สุดเพื่อรอการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง
“น้องโรโร่วไปแล้วเหรอ ?” ฉินหยูถามขณะรับประทานอาหาร
เย่เชียนถึงกับผงะไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าเบา ๆ จากนั้นก็พูดว่า “ใช่… ออกเดินทางไปเมื่อเช้านี้เอง” จากนั้นเขาก็ยิ้มแหย ๆ และพูดว่า “พวกคุณไปสนิทกันตั้งแต่ตอนไหนน่ะ ? พวกคุณไม่ควร…”
“ทำไม!? เราสองคนควรจะเป็นศัตรูกันอย่างงั้นใช่มั้ย ?” ฉินหยูยิ้มจาง ๆ และพูดว่า “ผู้หญิงเขามีวิธีการสื่อสารกันย่ะ ผู้ชายอย่างนายไม่เข้าใจหรอก”
เย่เชียนยิ้มอย่างขมขื่นเล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไรอีก ดูเหมือนว่าพวกเธอทั้งสองจะเป็นพี่สาวและน้องสาวที่แสนดีต่อกันแล้วและทั้งคู่ก็ไม่ได้มีข้อบาดหมางอะไรกันเลย ซึ่งสำหรับเขาแล้วมันเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะบางทีสักวันหนึ่งเขาอาจจะสามารถฆ่านกน้อยสองตัวได้ด้วยหินเพียงก้อนเดียว และเมื่อนึกถึงเรื่องนี้เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
เมื่อฉินหยูเห็นรอยยิ้มของเย่เชียนแล้ว เธอก็รู้ได้ในทันทีว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้คิดสิ่งที่ดี ๆ ในใจของเขาอย่างแน่นอน ฉินหยูจ้องมองเขาแล้วพูดว่า “อย่าได้คิดอะไรแผลง ๆ เลย… ถ้าเธอทำให้โรโร่วเสียใจล่ะก็ ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปง่าย ๆ แน่”
เย่เชียนแลบลิ้นออกมาอย่างซุกซนและพูดว่า “โธ่คุณหนู… คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก คุณก็รู้นี่ว่าคุณทั้งแข็งแกร่งทั้งฉลาด อีกทั้งยังสวยและเพียบพร้อมขนาดนี้ คุณควรเข้าใจถึงความสุขของการเป็นผู้หญิงที่แสนดีได้แล้วและคุณต้องดูแลผมด้วย”
ฉินหยูอดไม่ได้ที่จะสบตากับเย่เชียน และเธอก็เผยรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ดูมีความสุขออกมา…