ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 186 ทำลายล้างเหยี่ยวดำทมิฬ (2)
เย่เชียนส่งสัญญาณมืออีกครั้งและทุกคนก็เริ่มเคลื่อนพลขึ้นไปที่ชั้นบนอย่างเงียบเชียบ
น่าแปลกที่ตึกนี้ไม่มีใครเฝ้าที่ชั้นหนึ่งและชั้นสองเลยสักคนเดียว ทุกคนจึงมองหน้ากันและเริ่มเดินขึ้นไปที่ชั้นสามอย่างช้า ๆ
“ใครน่ะ ?” ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นที่ชั้นสาม และวินาทีนั้นเองก็มีเสียงปืนดังขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้นเย่เชียนและคนอื่น ๆ จึงรีบแยกย้ายและซ่อนตัวอยู่แถว ๆ นั้น
“เขี้ยวหมาป่า! ขึ้นมาสิวะ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าพวกแกจะเป็นราชาแห่งโลกทหารรับจ้าง! ฉันไม่เชื่อในตำนานบ้า ๆ นั่นที่บอกว่าพวกแกจะอยู่ยงคงกระพัน มาสิวะ!” เสียงปริศนาที่ดูเดือดดาลเหมือนคนบ้าที่ยิงปืนกลไม่หยุดยั้ง
มันเป็นความกลัวตายที่เพิ่มความกดดันทางจิตใจและทำให้คนผู้นั้นสูญเสียความสงบและสติไปแล้วโดยสิ้นเชิง!
ทันทีที่ชายปริศนาคนนั้นพูดจบก็มีมีดเล่มหนึ่งถูกขว้างเจาะเข้าไปที่คอของเขาอย่างแม่นยำ ตาของชายผู้นั้นเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจแล้วร่างของเขาก็ล้มลงในทันที
ความตายนั้นนำพาความหวาดกลัวมาให้สมาชิกทั้งหมดจากเหยี่ยวดำทมิฬ ทุกคนต่างก็บ้าคลั่งและยิงปืนสุ่มสี่สุ่มห้าอย่างไร้จุดหมาย และที่ด้านนอกนั้นยังคงมีเสียงฟ้าร้องฟ้าคำรามและผ่าลงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมันก็กลบเสียงปืนท่ามกลางเสียงฟ้าและฝนที่โหมกระหน่ำ
ม่อหลงหยิบปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติขึ้นมาเล็งและยิงออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้มีสมาชิกเหยี่ยวดำทมิฬสองคนเสียชีวิตในทันที จากนั้นชิงเฟิงก็ใช้ปืนไรเฟิลจู่โจมยิงขึ้นไปที่ชั้นบนตามวิถีกระสุนของฝ่ายตรงข้าม เป็นผลให้อีกฝ่ายล้มลงกับพื้นทีละคน ๆ ซึ่งภายใต้การยิงคุ้มกันของทั้งสองคนนั้น เป็นการเปิดโอกาสให้เย่เชียน หลี่เหว่ยยี่และอู๋หวนเฟิงลอบขึ้นไปโจมตีที่ชั้นบนได้ในที่สุด
ณ เวลานี้หากมีใครเดินผ่านมาคงจะได้ยินเพียงเสียงปืน เสียงกรีดร้องโหยหวนเคล้าไปกับเสียงลมและฝนเท่านั้น ม่อหลงและชิงเฟิงใช้กระสุนปืนเพียงนัดเดียวต่อคน จากนั้นสมาชิกของเหยี่ยวดำทมิฬก็ค่อบ ๆ ล้มลงไปนอนจมกองเลือดของตัวเองทีละคน ๆ
ที่น่าแปลกคือเย่เชียนไม่เห็นแม้แต่เงาของฟอลคอนจอห์นเลย หรือว่าเขาจะไหวตัวทันและหนีออกไปก่อนหน้านี้แล้ว ? เมื่อตระหนักอยู่สักพัก เย่เชียนก็รู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ทำไมเขาถึงไม่พาสมาชิกของเหยี่ยวดำทมิฬที่เหลือไปด้วยล่ะ ยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนก็เชื่อว่าฟอลคอนจอห์นจะไม่หนีไปอย่างหัวซุกหัวซุนเป็นแน่
เวลานี้เหลือสมาชิกเหยี่ยวดำทมิฬเพียงคนเดียวเท่านั้น ชิงเฟิงจึงเดินเข้าไปปลดอาวุธของเขาและเตะเขาลงกับพื้นพร้อมกันนั้นก็จ่อปืนเอาไว้ที่หัวของเขา เนื่องจากพวกเขาเห็นว่าฟอลคอนจอห์นนั้นไม่ได้อยู่ในท่ามกลางของกองศพเหล่านี้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องสอบสวนและเค้นคำตอบจากคนที่เหลือ
“บอกมา! ฟอลคอนจอห์นอยู่ที่ไหน ?” เย่เชียนถาม
“เหอะ!” ชายคนนั้นตะคอกอย่างไม่แยแส เห็นได้ชัดว่ามันเป็นการเย้ยหยันที่จะไม่ตอบคำถามของเย่เชียน
“ไอ้เวรนี่… จะตายแล้วยังปากแข็งอยู่อีกเหรอวะ ?” ชิงเฟิงทุบหัวของเขาด้วยพันท้ายปืนไรเฟิล ทันใดนั้นเองก็มีเลือดไหลออกมาจากหัวของชายผู้นั้น
“มันไม่มีประโยชน์หรอกที่จะทรมานฉัน! ฉันจะไม่ทรยศกัปตัน!” ชายคนนั้นตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
“นายค่อนข้างเด็ดเดี่ยวเลยนี่! ไม่เลวเลยสำหรับทหารรับจ้าง… แต่น่าเสียดายไปหน่อยที่นายเลือกเจ้านายผิดคน!” เย่เชียนจ้องเขม็งขณะพูด
ทหารผู้ใดที่ไม่มีความซื่อสัตย์และทรยศพรรคพวกของเขาภายใต้แรงกดดันต่าง ๆ ของศัตรูนั้น ทหารผู้นั้นก็ไม่สมควรที่จะเรียกตัวเองว่าเป็นทหาร ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นศัตรูของกลุ่มเขี้ยวหมาป่า แต่จากมุมมองส่วนตัวเย่เชียนเองก็ยังรู้สึกชื่นชมเขาอยู่เล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามการชื่นชมก็เป็นแค่การชื่นชม เพราะผลลัพธ์ของเขาก็ยังคงมีเพียงสิ่งเดียว นั่นคือความตาย…
“อย่าให้เขาทรมานล่ะ” เย่เชียนพูดจบก็หันหลังเดินออกไป
ชิงเฟิงพยักหน้าแล้วใช้มีดในมือของเขาแทงทะลุหัวใจของชายคนนั้นทันที หลังจากดึงมีดออกและเช็ดทำความสะอาดแล้วชิงเฟิงก็เดินตามเย่เชียนไป
คิ้วของเย่เชียนยังขมวดอยู่และหัวใจของเขาก็ยังไม่สามารถสงบลงได้ เพราะถึงแม้ว่าการปฏิบัติภารกิจของพวกเขาในครั้งนี้จะสามารถพูดได้ว่าประสบความสำเร็จก็ตาม แต่ถึงยังไงพวกเขาก็ล้มเหลวเช่นกัน เพราะฟอลคอนจอห์นยังคงมีชีวิตอยู่ ซึ่งเขาจะอาจจะกลายเป็นหายนะได้ในที่สุด
เย่เชียนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและโทรออกไปยังเบอร์ของแจ็ค
“บอส! เป็นไงบ้าง ?” แจ็คถามอย่างร้อนรน
“ฟอลคอนจอห์นไม่ได้อยู่ที่นี่!” เย่เชียนพูด
“อะไรนะ!?” แจ็คผงะและพูดว่า “เดี๋ยวผมจะรีบตรวจสอบตำแหน่งของเขาให้ทันที!”
แจ็คตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะฟอลคอนจอห์นนั้นจะรับรู้ความพินาศและความพ่ายแพ้ของเหยี่ยวดำทมิฬในไม่ช้า และด้วยความโกรธของฟอลคอนจอห์นแล้วก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรบ้าง เพราะลูกศรแห่งความมืดนั้นยากที่จะต้านทาน หากว่าฟอลคอนจอห์นโจมตีพวกเขาในความมืดและใช้วิธีสกปรก ๆ ล่ะก็ เขาเกรงว่ามันอาจจะต้านทานได้ยาก
“ขอด่วนที่สุด!” เย่เชียนพูดสั้น ๆ จากนั้นเขาก็วางสายโทรศัพท์ไป
เหยี่ยวดำทมิฬนั้น ณ ตอนนี้ไม่อาจมีที่ยืนอยู่ในโลกของทหารรับจ้างได้อีกต่อไปแล้ว ถึงแม้ว่าทหารรับจ้างเหยี่ยวดำทมิฬจะไม่ได้มีเพียงแค่ยี่สิบคนที่เป็นศพไปแล้วตอนนี้ก็ตาม แต่กลุ่มเขี้ยวหมาป่าจะไม่ยอมให้ฟอลคอนจอห์นออกจากประเทศจีนไปได้อย่างแน่นอน และเย่เชียนก็ยังบอกให้แจ็คติดต่อไปยัง ยี่ซิงเฉิน ที่เป็นผู้บังคับการฐานที่มั่นกลุ่มเขี้ยวหมาป่าในแอฟริกาใต้ชั่วคราวว่าให้กวาดล้างฐานที่มั่นของเหยี่ยวดำทมิฬให้สิ้นซาก
ซึ่งคำสั่งนี้ก็หมายความว่าเหยี่ยวดำทมิฬนั้นจะไม่มีโอกาสรอดใด ๆ ในโลกใบนี้!
ทุกคนเก็บอุปกรณ์ของตัวเองและใส่เอาไว้ในท้ายรถ “บอส… บอสอยากไปฉลองกันหน่อยมั้ย ? มาดื่มกันสักหน่อยสิ” ชิงเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มซุกซน
“นายไปเถอะ… ฉันอยากกลับบ้าน” เย่เชียนพูดและยิ้มอย่างยินดี
“โหบอส… วีรบุรุษแห่งสุสาน อย่ามัวจมปลักอยู่กับสิ่งเดิม ๆ สิ” ชิงเฟิงพูดต่อ “เอ้อ… อีกอย่างรถของผมน่ะ บอสจะคืนให้ผมเมื่อไหร่เหรอ ?”
“รถอะไร ?” เย่เชียนจงใจเสแสร้งแกล้งทำเป็นงง
“โธ่เอ้ย! ผมว่าแล้วเชียวว่าผมให้บอสยืมไม่ได้จริง ๆ ดูสิมันคงกลายเป็นของบอสไปแล้วสินะ” ชิงเฟิงร้องอย่างขมขื่น
เย่เชียนยิ้มและหัวเราะเบา ๆ จากนั้นก็ตบไหล่ชิงเฟิงแล้วพูดว่า “ฮ่า ๆ ๆ อย่าขี้เหนียวสิ เดี๋ยวฉันคืนให้หน่า”
“แน่นะ ?” ชิงเฟิงถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“บอส… ผมขอกลับด้วย” อู๋หวนเฟิงพูด
“นายไม่อยากไปฉลองกับพวกเขาหรือไง ?” เย่เชียนถามด้วยความประหลาดใจ
“ฟอลคอนจอห์นยังลอยนวลอยู่… ผมต้องกลับไปปกป้องพี่หลันหลัน” อู๋หวนเฟิงพูด
เย่เชียนนั้นรู้นิสัยของอู๋หวนเฟิงดี เขาจึงพยักหน้าและพูดว่า “เอาล่ะ! งั้นฉันขอตัวก่อนนะ พวกนายก็ระวัง ๆ ตัวด้วยอย่าบ้าบิ่นกันเกินไปล่ะ”
“ไม่ต้องห่วงบอส เดี๋ยวผมจะคอยดูพวกเขาเอง” หลี่เหว่ยยี่พูด
เย่เชียนจ้องเขม็งไปที่หลี่เหว่ยยี่และพูดหยอกล้อว่า “นายห่วงตัวเองเถอะ… ฉันไม่ไว้ใจนาย!”
หลี่เหว่ยยี่หัวเราะเบา ๆ อย่างซุกซนและไม่ได้พูดอะไรต่อ
บ้านของซ่งหลันและบ้านของฉินหยูนั้นอยู่ในละแวกชุมชนเดียวกัน หลังจากขึ้นรถปอร์เช่แล้ว เย่เชียนก็ขับพาอู๋หวนเฟิงไปส่งที่บ้านของซ่งหลัน จากนั้นเขาก็จะขับรถกลับไปที่บ้านของฉินหยู แต่ตอนที่อู๋หวนเฟิงลงจากรถ อยู่ ๆ เขาก็ถามขึ้นมาว่า “ไม่มาด้วยกันเหรอ ?”
ทันใดนั้นเย่เชียนก็มีอารมณ์พลุ่งพล่านขณะที่เขานึกภาพอันเย้ายวนของซ่งหลันในคืนนั้น เย่เชียนก็ยิ้มแหย ๆ และรีบปฏิเสธไป เพราะเขาไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับผู้หญิงคนนั้นได้อย่างไรและจะควบคุมตัวเองได้อีกไหม
อู๋หวนเฟิงเพียงแค่ยิ้มอย่างคลุมเครือและไม่ได้พูดอะไรต่อ จากนั้นเขาก็หันหลังและเดินเข้าไปในบ้าน เขาเป็นคนในกลุ่มเขี้ยวหมาป่าที่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเย่เชียนและซ่งหลันดีที่สุด แต่ถึงยังไงมันก็เป็นเรื่องระหว่างเย่เชียนกับซ่งหลันสองคน มันจึงดูไม่ดีถ้าหากเขาจะเข้าไปแทรกแซงหรือช่วยเหลืออะไรทั้งคู่
หลังจากกลับไปที่บ้านของฉินหยูแล้ว เย่เชียนก็เห็นว่าฉินหยูนั้นนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นพร้อมกับโฆษณาที่แสนน่าเบื่อบนจอโทรทัศน์ แต่เธอกลับไม่ได้ดูหรือสนใจมันเลยสักนิด ทว่าเธอกลับดูกังวลใจกับบางสิ่งบางอย่างอยู่ แต่เมื่อเธอเห็นเย่เชียนกลับมาแล้ว มันจึงทำให้หินในใจของฉินหยูที่หนักอึ้งถูกปล่อยลงในที่สุด เธอรู้สึกโล่งใจขึ้นอย่างมากและรีบยืนขึ้นเพื่อต้อนรับเขากลับบ้าน