ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 187 อาบน้ำ
“นายเป็นอะไรรึเปล่า ?” ฉินหยูพูด แต่ความรู้สึกของเธอนั้นเกินหน้าเกินตากว่าคำพูด
เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เขามองเธอด้วยความประหลาดใจและพูดอย่างประหม่าว่า “ไม่… ผมไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่คืนนี้คุณดูกระวนกระวายใจแปลก ๆ รึเปล่าน่ะ”
ฉินหยูจ้องเขม็งไปที่เย่เชียนและพูดว่า “นี่นาย! คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วงนะ อย่ามามัวพูดจาไร้สาระอยู่เลย ฉันเห็นนายเดินเข้ามาตัวเปียกโชกไปหมดแบบนี้ก็ต้องกระวนกระวายใจสิ มา… นั่งรอนี่ก่อน เดี๋ยวฉันจะอาบน้ำให้”
“ห๊ะ…?!” เย่เชียนทำอะไรไม่ถูกและปล่อยให้ฉินหยูดึงตัวเองไปนั่งที่โซฟา จากนั้นเธอก็ทำตัวเหมือนภรรยาสาวที่น่ารักและเอาใจใส่ เพราะเธอไปหยิบผ้าขนหนูมาให้เย่เชียนแล้วรีบดึงเย่เชียนเข้าไปในห้องน้ำและจะอาบน้ำให้เขา
เย่เชียนจ้องมองไปที่ห้องน้ำด้วยความประหลาดใจและความสงสัยอยู่ในใจของเขา เขากำลังคิดว่าทำไมจู่ ๆ ผู้หญิงคนนี้ถึงได้มาเอาใจเขาและทำตัวน่ารักแบบนี้ได้ ? นี่ฉันกำลังจะมีอะไรกับฉินหยูอย่างงั้นเหรอ ? ใจเย็น… แกต้องใจเย็นเอาไว้ก่อนเย่เชียน คอยเตือนตัวเองเอาไว้ว่าจะไม่ทำอะไรที่ทำให้หลินโรโร่วต้องเสียใจ ถ้าแกขืนเผลอตัวเผลอใจไปนอนกับฉินหยูเข้าทันทีที่หลินโรโร่วเดินทางออกจากจีนไปในวันนี้ แกมันก็จะเป็นเหมือนกับไอ้พวกผู้ชายเลว ๆ เลยน่ะสิ…
ความคิดว้าวุ่นมากมายวิ่งวนอยู่ในหัวของเย่เชียน ทำให้เขาส่ายหัวอย่างรุนแรงและพยายามที่จะขจัดความคิดที่ว้าวุ่นใจเหล่านี้ออกไป แต่ทว่ามันก็ไร้ผลและหยุดคิดไม่ได้เลย
ฉินหยูเดินออกมาจากห้องน้ำ ผมของเธอเปียกนิดหน่อยและร่างกายของเธอนั้นก็ถูกห่อหุ้มเพียงเสื้อผ้าบาง ๆ ของเธอเท่านั้น มันเผยให้เห็นเรือนร่างของเธอ ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ายวน ทำให้เย่เชียนถึงกับกลืนน้ำลายไปหลายอึกและดวงตาของเขาก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองอย่างโหยหา
แน่นอนว่าฉินหยูนั้นเห็นว่าเย่เชียนมองเธออย่างไร แต่เธอกลับไม่มีท่าทีที่รังเกียจหรือตำหนิเขาเลย เธอกลับมีรอยยิ้มที่มีความสุขจาง ๆ ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเธอ
“เห็นพอรึยัง ?” ฉินหยูพูดพร้อมกับมองไปที่เย่เชียนอย่างอ่อนโยน
“ก็… ส่วนใหญ่ก็มองไม่เห็นหรอกไม่ต้องกังวล” เย่เชียนตอบอย่างตรงไปตรงมา
รอยยิ้มที่ขี้เล่นและซุกซนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉินหยู แล้วเธอก็พูดว่า “นายอยากให้ฉันถอดมันออกให้เห็นทั้งหมดเลยมั้ยล่ะ ?”
“มันจะดีเหรอ ?” เย่เชียนตอบโดยไม่ทันได้คิด
“แล้วนายอยากให้ฉันอาบน้ำกับนายมั้ย ?” ฉินหยูถามอย่างเย้ายวน
“มะ… ไม่ดีกว่า คุณก็รู้จักผมหนิฉินหยู…” เย่เชียนพูดด้วยอารมณ์ที่ปั่นป่วน
ฉินหยูยืนพิงประตูห้องน้ำ ขาอันเรียวยาวของเธอไขว่ห้างพิงขอบประตูดูมีเสน่ห์อย่างเหลือล้นอย่างสุดจะพรรณนา เย่เชียนรู้ดีว่าไม่ใช่เพียงแค่ซ่งหลันเท่านั้น แต่ผู้หญิงคนอื่นก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวของพวกเธอเช่นกัน
“งั้นช่วยถอดมันให้ฉันหน่อยสิ” เสื้อของฉินหยูถูกเธอถกขึ้นมาเล็กน้อยและเผยให้เห็นผิวอันขาวนวลของเธอสัมผัสกับอากาศ
เย่เชียนกลืนน้ำลายของเขาไปหลายอึก ทันใดนั้นก็มีเปลวไฟลุกโชติช่วงอยู่ในใจของเขา คำพูดนั้นของฉินหยูทำให้เลือดสูบฉีดไปทั่วร่างกายของเขาและเย่เชียนก็รู้สึกร้อนรุ่มและอึดอัดราวกับว่าเขากำลังจะได้มีอะไรกับเธอ ดวงตาของเย่เชียนเป็นสีแดงเล็กน้อย เวลานี้เขาดูโลภในตัณหาเหมือนกับสัตว์ร้ายตัวหนึ่ง
“คุณคิดว่าผมไม่กล้าเหรอ ?” หลังจากพูดแบบนี้แล้วเย่เชียนก็เดินไปท้าวกำแพงด้วยมือข้างหนึ่งแล้วจับคางของฉินหยูเชิดขึ้นด้วยมืออีกข้างหนึ่ง “นี่สาวน้อย… คุณไม่กลัวอสูรร้ายใต้สะดือที่มันใหญ่มหึมาของผมหรือไง ?”
ฉินหยูฉีกยิ้มอย่างซุกซนและพูดว่า “หวังว่าอสูรร้ายของเนายมันจะใหญ่จริง ๆ อย่างที่นายว่าล่ะนะ”
ฉินหยูพูดจบก็ทำให้เย่เชียนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้นั้นไม่มีความกลัวอยู่เลย คราวนี้เธอควบคุมสติของตัวเองได้ดีมาก แต่เธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้
“ผมกดคุณเอาไว้แบบนี้แล้วคุณจะทำอะไรได้ ?” เย่เชียนจ้องตาด้วยสายตาที่ขี้โกง
“นายคิดว่าฉันไม่กล้าเหรอ !?” ฉินหยูตะคอกและผลักเย่เชียนออกไป พร้อมกับพลิกตัวกดเขาแนบชิดกับขอบประตูพร้อมกับใช้ดวงตาคู่สวยของเธอจ้องมองไปที่เย่เชียนอย่างเย้ายวนและมีเสน่ห์ ว่ากันว่าดวงตานั้นเป็นหน้าต่างแห่งจิตวิญญาณและหัวใจ ในที่สุดเย่เชียนก็เข้าใจแล้ว เพราะตอนนี้ดวงตาของฉินหยูนั้นมันเป็นสายตาของการกระตุ้นและเชิญชวนให้เขามีอะไรกับเธอ…
“เอ่อคือ…” หัวใจของเย่เชียนนั้นเต้นรัวและเร็วขึ้นมากราวกับว่ามันกำลังจะพุ่งออกจากอกของเขา
“ไม่กล้า ?” ฉินหยูพูดอย่างซุกซน
“นี่คงเป็นครั้งแรกของคุณ… คุณไม่กลัวเหรอ ? ผมเคยได้ยินมาว่ามันจะเจ็บนะ ถ้างั้น… ผมจะอ่อนโยนกับคุณ” เย่เชียนพูดด้วยแววตาอ่อนโยน
“ไม่ต้องห่วง… พี่สาวก็จะอ่อนโยนกับนายด้วย” ฉินหยูในตอนนี้เป็นเหมือนดั่งราชินีสิงโต ปากของเธอค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ ๆ กับปากของเย่เชียน ขณะเดียวกันนั้นมือข้างหนึ่งของเธอก็สอดเข้าไปใต้เสื้อของเย่เชียนอย่างช้า ๆ และลูบไล้ไปที่หน้าอกของเขา
“อ๊ายยยยยยยยย!!!”
ทันใดนั้นเสียงแหลมแสบแก้วหูก็ดังขึ้น ทั้งสองคนตกใจและฉินหยูก็รีบปล่อยเย่เชียนออก ซึ่งเธอรู้สึกเขินอายเป็นอย่างมากเพราะเธอไม่คิดว่าจ้าวหยาจะเดินลงมาจากชั้นบนในเวลานี้ ใบหน้าที่งดงามของฉินหยูนั้นแดงก่ำและเธอก็แทบรอไม่ไหวที่จะหาช่องที่จะเข้าไปหลบซ่อนจากความเขินอายนี้
“ไม่… ฉันขอโทษ… ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณอยู่ตรงนี้ คือ…” จ้าวหยาพูดอย่างเขินอาย “พวกคุณทำต่อเถอะ ฉันแค่หิวเลยลงมาหาอะไรกินน่ะ”
จ้าวหยาพูดเสร็จและเธอก็เดินไปที่ห้องครัวและหยิบแตงกวาลูกหนึ่งออกมาจากตู้เย็น เมื่อจ้าวหยาเดินออกมาแล้วเธอยังเห็นพวกเขาทั้งสองยังยืนกันอยู่นิ่ง ๆ ที่เดิม จ้าวหยาก็เหลือบมองพวกเขาทั้งสองและพูดว่า “พวกคุณทำต่อได้เลย… ฉันขอโทษ ฉันไม่รบกวนแล้ว”
เย่เชียนจ้องมองไปที่ผู้หญิงงี่เง่าคนนี้อย่างหมดหนทางและคิดในใจว่า ‘นี่เธอคิดว่ามันเป็นแค่การกินข้าวด้วยกันอย่างงั้นเหรอ ? ถ้าเป็นเธอ เธอจะกล้าทำต่อมั้ยถ้ามีใครมาขัดจังหวะกลางคันแบบนี้น่ะ มันยากมากเลยนะที่จะสร้างบรรยากาศที่คลุมเครือเช่นนี้ได้ แต่เมื่อคิดดูดี ๆ แล้วมันก็โชคดีที่เธอม าเพราะฉันก็ไม่อาจรู้ได้ว่าฉันจะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้สักแค่ไหนและฉันก็คงจะเผลอทำอะไรฉินหยูไปจริง ๆ ’
เมื่อเย่เชียนเหลือบไปเห็นว่าจ้าวหยาถือแตงกวาอยู่ในมือของเธอ เขาก็แอบคิดในใจอย่างลับ ๆ ว่าผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้เหงาและทนไม่ได้ขนาดที่ถึงกับต้องใช้แตงกวาเพื่อสนองตัณหาและระบายอารมณ์ใช่มั้ย ?
เมื่อเห็นดวงตาที่น่าเวทนาและชั่วร้ายของเย่เชียนแล้ว จ้าวหยาก็ดูเหมือนว่าจะรู้ถึงความคิดที่เลวทรามของเย่เชียน จากนั้นเธอก็จ้องมองเขาอย่างโกรธเคืองและพูดอย่างฉุนเฉียวว่า “อย่าแม้แต่จะคิดนะ! ฉันแค่หิว… ฉันเอามันมากินย่ะ”
เย่เชียนยิ้มอย่างคลุมเครือและพูดว่า “ฉันยังไม่ได้คิดอะไรเลย… เธอรู้ได้ไงว่าฉันคิดอะไรอยู่”
จ้าวหยาจ้องมองเย่เชียนอย่างหมดหนทางและไม่อยากที่จะไปรบกวนพวกเขาทั้งสองให้นานมากไปกว่านี้ เธอจึงเดินขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับรองเท้าแตะคู่หนึ่งของเธอ
เมื่อเห็นจ้าวหยาขึ้นไปแล้ว การแสดงออกของฉินหยูก็เปลี่ยนไป “นายไปอาบน้ำเถอะ… ฉันจะไปนอนแล้ว ฉันมีสอนพรุ่งนี้เช้า” จากนั้นเธอก็ถอนหายใจแล้วรีบเดินขึ้นไปชั้นบน
เย่เชียนยักไหล่เล็กน้อยและเดินเข้าไปในห้องน้ำ เขานอนแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำอย่างสบายใจ แล้วเขาก็เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว…
ค่ำคืนอันแสนยาวนานก็ได้ผ่านพ้นไปในที่สุด เมื่อเย่เชียนตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลและกำลังจะลุกขึ้นมาสวมเสื้อผ้า แต่ทว่าเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าเมื่อคืนนี้เขารู้สึกประหม่าเสียจนลืมหยิบเสื้อผ้าเข้ามาเปลี่ยนในห้องน้ำด้วย เย่เชียนเหงื่อตกและเมื่อมองดูเวลามันก็เป็นเวลาหกโมงกว่าแล้ว เขายืนคิดอยู่สักพักก็คิดได้ว่าพวกเธอทั้งหลายน่าจะยังคงไม่ตื่น เย่เชียนจึงหยิบผ้าขนหนูที่ฉินหยูนำมาให้เมื่อคืนมาพันรอบเอวอย่างหมดหนทาง และค่อย ๆ แง้มประตูออกไปมองรอบ ๆ เมื่อเขาไม่เห็นใครอยู่ในบ้าน เขาก็เดินออกมาจากห้องน้ำอย่างช้า ๆ
“อ๊ายยยยยยยยย!!!”
เสียงกรีดร้องของใครคนหนึ่งดังกึกก้องไปทั่วทั้งบ้าน!