ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 191 จุดอ่อนของฉินหยู
จ้าวหยาไม่เคยเห็นเย่เชียนโกรธมากขนาดนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะเคยได้รับบาดเจ็บสาหัสเพื่อช่วยเธอในครั้งก่อน แต่เขาก็ไม่ได้บ่นหรือโกรธอะไรเลย แต่ทว่าในตอนนี้เมื่อเธอเห็นเย่เชียนโกรธ เธอก็รู้สึกกลัวเล็กน้อยที่จะพูดอะไรออกไป
สำหรับฉินหยูแล้วเธอไม่คิดเช่นนั้น ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะดูสงบและมั่นคงอยู่เสมอ แต่ครั้งนี้ถึงแม้ว่าเขาจะดูโกรธมากก็ตาม ทว่าการแสดงออกของเขากลับดูเย็นชาและอ่อนโยนไปพร้อม ๆ กัน เมื่อฉินหยูเห็นใบหน้าของเย่เชียนที่เต็มไปด้วยความโกรธ ฉินหยูก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยแต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุขเล็ก ๆ อยู่หัวใจ เพราะสิ่งที่เย่เชียนเพิ่งจะพูดออกมานั้น มันเต็มไปด้วยความกังวลและความเป็นห่วงอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นมันไม่เหมือนกับการพูดในฐานะเพื่อนคนนึงแต่เหมือนกับคนรักมากกว่าเสียอีก
“มี… มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ ?” ฉินหยูถามเสียงสั่น
เย่เชียนจึงตอบอย่างเย็นชาว่า “ไม่มีอะไรแล้วล่ะ”
ระหว่างทางมาที่นี่นั้นเย่เชียนไม่รู้ว่าจะลงโทษผู้หญิงสองคนนี้อย่างไรดี เขาคิดว่าเขาจะทำเป็นจริงจังและโกรธสักหน่อยเมื่อไปหาพวกเธอ แต่เมื่อเขาได้เจอหน้าพวกเธอจริง ๆ แล้ว นอกจากคำบ่นสองสามคำในตอนแรก เขาก็โกรธพวกเธอไม่ลงเลยแม้แต่น้อย
“ขอโทษนะเย่เชียน…” ฉินหยูค่อย ๆ เดินไปหาเย่เชียนและพูดด้วยความเสียใจพร้อมกับใบหน้าที่ดูอ่อนแอทำให้เย่เชียนรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
เย่เชียนรีบหันหน้าหนีเธอไป เขาไม่กล้าที่จะมองหน้าเธอเพราะกลัวว่าเขาจะทนไม่ได้จนใจอ่อนและหายโกรธเธอง่าย ๆ
ฉินหยูอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอกลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เพราะเธอไม่ใช่คนที่จะแสดงออกได้อย่างโจ่งแจ้งเหมือนกับผู้หญิงคนอื่น ๆ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอดูเหมือนราชินีแห่งภูเขาน้ำแข็งอยู่เสมอ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเธอเห็นท่าทางที่โกรธเคืองของเย่เชียนแล้ว ฉินหยูก็รู้สึกบางอย่างและคิดว่าเธอนั้นจะต้องทำอะไรผิดต่อเขาอย่างแน่นอน เธอรู้สึกเสียใจมากจนน้ำตาคลออยู่ในดวงตาคู่งามของเธอ
เมื่อจ้าวหยาเห็นการแสดงออกของฉินหยูในตอนนี้แล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงอย่างมาก เพราะในความทรงจำของเธอนั้นฉินหยูไม่เคยร้องไห้เลย เธอจำได้ว่าตอนที่ฉินหยูอยู่ในโรงเรียนมัธยมและมีนักฆ่าคนหนึ่งต้องการที่จะลอบสังหารฉินเทียนพ่อของเธอ แต่บังเอิญยิงพลาดไปถูกฉินหยู เมื่อเธอไปโรงพยาบาลเพื่อผ่าเอากระสุนออก หมอก็ไม่ได้ใช้ยาชาและฉินหยูก็ไม่ได้หลั่งน้ำตาเลยสักหยดเดียว อันที่จริงตั้งแต่จำความได้จ้าวหยาไม่เคยเห็นฉินหยูร้องไห้เลยสักครั้ง แต่ทว่าในตอนนี้เย่เชียนกลับทำให้ฉินหยูร้องไห้ เมื่อเห็นเช่นนั้นจ้าวหยาก็รู้สึกโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันทีและพูดอย่างเดือดดาลว่า “พอแล้วเย่เชียน! มันจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรนักหนา ชีวิตของเรามันก็เป็นของเรา มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับนายเลย นายไม่จำเป็นที่จะต้องเข้ามายุ่ง ดูสินายทำให้เจ๊หยูร้องไห้เลยเห็นมั้ย!”
ก่อนหน้านี้เย่เชียนรู้สึกโกรธเล็กน้อยและกำลังจะหายโกรธอยู่แล้ว แต่คำพูดของจ้าวหยาเพิ่งจะเติมเชื้อไฟเข้าไปในกองไฟที่ยังไม่มอด มันทำให้ไฟความโกรธของเย่เชียนที่ถูกระงับอยู่กลับลุกโชติช่วงขึ้นอีกครั้ง คำพูดของจ้าวหยานั้นสะเทือนใจเขามาก แต่เขาก็ยอมรับมันแต่โดยดี เพราะถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะเขาแล้ว พวกเธอก็คงไม่ต้องตกอยู่ในอันตรายแบบนี้เรื่อยมา เขาจึงตัดสินใจหันกลับไปและเดินจากพวกเธอไปโดยไม่พูดอะไร
ตอนนี้นั้นจ้าวหยาเห็นแล้วว่าเย่เชียนนั้นกำลังโกรธอยู่จริง ๆ เมื่อเย่เชียนจ้องมองเธอแบบนั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปทั้งหัวใจ และเมื่อเธอเห็นเย่เชียนเดินจากไปโดยไม่ได้พูดอะไรกับเธอเช่นนั้น จ้าวหยาก็รู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก เธอสูญเสียการควบคุมตัวเองไปโดยสิ้นเชิงและไม่รู้สึกโกรธอีกต่อไป ยิ่งเมื่อนึกถึงดวงตาที่เย็นชาของเย่เชียนเมื่อครู่นี้แล้ว จ้าวหยาก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเสียใจและสำนึกผิดอย่างมาก
ทันทีที่ฉินหยูเห็นเย่เชียนเดินจากไป หัวใจของเธอก็สับสนวุ่นวายไปหมด เธอร้อนรนและกระวนกระวาย จากนั้นก็รีบวิ่งตามเขาไปทันที
ณ ประตูสโมสรสปา ฉินหยูกอดเย่เชียนเอาไว้แน่นและแนบใบหน้าของเธอไว้ที่หลังของเขา จากนั้นเธอก็พูดว่า “เย่เชียน นายอย่าไปนะ… นายจะให้ฉันทำอะไรก็ได้ ฉันจะเชื่อฟังนายทุกอย่าง เพราะงั้นอย่าไปเลยนะ”
ฉินหยูนั้นเป็นลูกค้าประจำของสปาคลับแห่งนี้ จึงทำให้ไม่มีใครในสโมสรที่จะไม่รู้จักเธอ อีกทั้งพนักงานเหล่านี้ยังรู้จักตัวตนที่แท้จริงของฉินหยูอีกด้วย โดยปกติแล้วพวกเธอมักจะเห็นฉินหยูเฉยเมยและเย็นชาราวกับว่าเธอนั้นไม่เคยสนใจอะไรเลย ทว่าตอนนี้เธอกลับกำลังสวมกอดกับชายคนหนึ่งที่สภาพดูเหมือนกับขอทานด้วยเสื้อผ้าที่ฉีกขาดและเป็นรู ซึ่งแท้ที่จริงแล้วมันมาจากรอยกระสุนเมื่อก่อนหน้านี้ เมื่อเหล่าพนักงานเห็นดังนั้นทุกคนต่างก็ตกอยู่ในความงุนงงไปตาม ๆ กัน
พนักงานคนหนึ่งเหลือบมองไปที่เย่เชียนและพึมพำอย่างเหยียดหยามว่า “นี่มันอะไรกันเนี่ย ? เขาหล่อได้ไม่ถึงครึ่งของแฟนของฉันเลย แล้วทำไมคุณฉินหยูถึงทำแบบนั้นล่ะ ? คนอย่างเธอควรจะแต่งงานกับคนดี ๆ ไม่ใช่เหรอ ?”
โชคดีที่เย่เชียนไม่ได้ยินคำพูดดูถูกนั้น มิฉะนั้นแล้วเขาคงจะสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขา หน้าตาเขามันไม่หล่อขนาดนั้นเลยหรือยังไงกัน ?
ความโกรธของเย่เชียนนั้นไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไร มันเป็นเพียงความขุ่นเคืองใจและอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น เมื่อฉินหยูกอดเขาแน่นขนาดนี้ เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะแน่นิ่งไปชั่วขณะ เขารู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับฉินหยูเลยที่เธอจะมาทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นได้ ถ้าไม่ใช่เพราะความรัก ฉินหยูก็คงจะไม่ลดศักดิ์ศรีอันยิ่งใหญ่ของเธอลงมา อีกทั้งเธอยังแสดงถึงจุดอ่อนและความอ่อนแอของตัวเองออกมาอย่างชัดเจนขนาดนี้
“เย่เชียน… ฉันผิดเอง ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว นายอย่าไปเลยนะ!” ฉินหยูพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอน
เป็นความโชคดีของเย่เชียนอีกครั้งที่ตอนนี้ไม่มีผู้ชายคนอื่นอยู่แถวนี้เลยนอกจากเขา ไม่เช่นนั้นพวกเขาเหล่านั้นคงจะกำลังวิ่งเข้ามาต่อยเย่เชียนให้ได้สักคนละหมัดสองหมัดเป็นแน่ เพราะเขากล้ามาทำให้ผู้หญิงที่แสนงดงามคนนี้ต้องเสียน้ำตา
“ถ้าผมไม่ออกไป… แล้วจะให้ผมกินอาหารเย็นที่นี่เหรอ ?” เย่เชียนจงใจพูดหยอกล้อเล็กน้อยเพื่อปรับเปลี่ยนบรรยากาศ
ฉินหยูหัวเราะเล็กน้อย “ฮึ… ฮึก…” แต่เสียงของเธอนั้นก็ยังคงสะอึกสะอื้นเล็กน้อย “นายหายโกรธแล้วเหรอ ?”
“จะให้ผมโกรธคุณต่อได้ยังไงกันเล่า ในเมื่อคุณเล่นมากอดผมซะแน่นแบบนี้น่ะ อืม… แบบนี้คุณต้องชดใช้ผมเป็นการไถ่โทษนะ” เย่เชียนพูด
“แล้วนายจะเอาอะไรเป็นการไถ่โทษล่ะ ?” ฉินหยูรู้นิสัยของเย่เชียนดี เธอรู้ว่าเขาคงจะคิดอะไรไม่ดีอย่างแน่นอน
เย่เชียนหันกลับมาหาฉินหยูและโอบเอวของเธอเอาไว้ ขณะเดียวกันก็เอนตัวไปข้าง ๆ หูของเธอเพื่อกระซิบอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นฉินหยูก็เขินอายจนหน้าแดงก่ำ เธอเหลือบมองไปรอบ ๆ และฉินหยูก็กระซิบเบา ๆ ว่า “ที่นี่เลยเหรอ ?”
เย่เชียนแน่นิ่งไปชั่วขณะและคิดว่าเธอคงจะแค่พูดเล่นเฉย ๆ อย่างแน่นอน “ไม่ ๆ ที่นี่มีผู้หญิงตั้งเยอะตั้งแยะ คุณทำที่นี่ไม่ได้” เย่เชียนพูด
“จริงด้วย แล้วนายอยากทำที่ไหนล่ะ ?” ฉินหยูพูดพร้อมกับท่าทางที่เขินอายเหมือนสาวน้อยตัวเล็ก ๆ
“ไม่รู้สิผมยังไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลย…” เย่เชียนพูด
หัวใจของฉินหยูพองโตอย่างอิ่มเอม เธออธิบายความรู้สึกนี้ไม่ถูกเลยจริง ๆ ให้ตายสิ! ความรู้สึกมากมายมันผสมปนเปกันไปหมด เย่เชียนคนนี้นี่คิดดีไม่ได้เลยจริง ๆ สิหน่า
ตอนนี้เองที่จ้าวหยาเดินตามออกมาจากข้างใน เมื่อเธอเห็นทั้งสองคนยืนกอดกันอยู่ เธอก็รู้สึกดีใจที่เย่เชียนยังไม่ได้จากเธอไป แต่ทว่าเธอก็ผิดหวังและเสียใจอยู่เล็กน้อยกับภาพที่เห็นตรงหน้า เธอแอบคิดในใจว่ามันคงจะดีถ้าคนที่เย่เชียนกอดอยู่ตอนนี้คือตัวเธอเอง จ้าวหยาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และระงับความคิดที่ว้าวุ่นของเธอเอาไว้ จากนั้นเธอก็ก้าวไปข้างหน้าและจ้องมองไปที่เย่เชียนแล้วพูดว่า “ทำไมนายถึงยังไม่ไปล่ะ ? ผู้ชายอะไรจะขี้งอนและโกรธง่ายขนาดนี้ นายมันไม่ใช่ผู้ชายแท้ ๆ นี่นา”
“มันก็เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับเธอ!” เย่เชียนตอกกลับในสิ่งที่เธอเคยพูด “เธอจะให้ฉันถอดกางเกงออกต่อหน้าเธอเพื่อให้เธอเห็นว่าฉันเป็นผู้ชายมั้ยล่ะ ?”
“เอาสิ! ถอดเลย” จ้าวหยาตะโกนเสียงดัง “ใครไม่ถอดเป็นหมานะ”
“เหอะ! แล้วถ้าฉันพูดว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงล่ะ ? เธอจะถอดกางเกงเธอออกมาให้ฉันดูเหมือนกันมั้ย ?” เย่เชียนพูดอย่างซุกซน