ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 200 ก่อกบฏต่อต้าน
ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างก็อดไม่ได้ที่จะหันไปดูที่ประตู เว้นก็แต่เย่เชียนและอู๋หวนเฟิงเท่านั้นที่ยังคงนิ่งอยู่ คนที่เปิดประตูเข้ามาเป็นชายวัยกลางคนตัวสูง ร่างกายกำยำ ทว่ามีท่าทางดูเหมือนกับคนโง่อยู่เล็กน้อย หน้าตาของชายผู้นั้นดูมีความสุขเจือภาคภูมิใจในตัวเองอยู่หน่อย ๆ ขณะที่เดินเข้ามา
เขาคนนี้เป็นผู้บริหารธุรกิจเกี่ยวกับสื่อและสถานบันเทิงต่าง ๆ ของเฉินฟู่เฉิง หลังจากที่เขาเข้ามาในห้องประชุมแล้ว เขาก็รู้สึกแปลกใจที่เห็นผู้บริหารทั้งหมดกำลังยืนทำความเคารพอย่างประหม่าให้กับชายหนุ่มแปลกหน้าที่ไม่ได้หันมามองทางเขา หนุ่มน้อยคนนี้คงจะเป็นผู้สืบทอดของเฉินฟู่เฉิงงั้นสินะ แล้วทำไมตาเฒ่าพวกนี้ถึงได้มายืนแสดงความเคารพให้กับเด็กคนนี้ด้วยล่ะ ? เขาก็เป็นแค่เด็กคนนึงไม่ใช่หรือไง ? อย่าบอกนะว่าตาเฒ่าพวกนี้ถูกไอ้เด็กแปลกหน้าคนนี้ควบคุมไปเสียแล้ว
เล่ยไท่ ตั้งใจมาช้าเพื่อให้เย่เชียนหัวเสียและหงุดหงิด เขาต้องการดูว่าผู้สืบทอดที่เฉินฟู่เฉิงกำหนดไว้เป็นคนยังไงและจะมีความกล้าสักแค่ไหน
“พวกคุณยืนทำอะไรกันอยู่น่ะ ? นั่งลงสิ” เล่ยไท่เดินตรงไปที่ตำแหน่งที่นั่งของตัวเองและนั่งลงโดยไม่ได้มองไปที่เย่เชียนเลยราวกับว่าเย่เชียนไม่มีตัวตน
คนทั้งเจ็ดตกใจและเดาไม่ออกเลยว่าเย่เชียนจะใช้วิธีใดกับเล่ยไท่คนนี้ พวกเขาได้เห็นตัวอย่างจากกู๋หมิงเซียงไปแล้วก่อนหน้านี้ทำให้ไม้มีใครกล้าปริปากอะไรออกมาและไม่มีใครกล้านั่งลงเลยสักคนเดียว
ไม่มีคำพูดใดออกจากปากของเย่เชียน เขาเพียงแต่ชูมือให้เหล่าผู้บริหารนั่งลงอย่างเงียบ ๆ
เมื่อเล่ยไท่เห็นเหล่าผู้บริหารทั้งเจ็ดทำตามคำสั่งของเย่เชียนอย่างว่าง่าย เขาก็แอบคิดในใจว่าพวกจิ้งจอกเฒ่าเหล่านี้คงจะพ่ายแพ้ต่อหนุ่มน้อยคนนี้ไปแล้วสินะ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเด็กหนุ่มธรรมดา ๆ คนนึงถึงทำให้คนพวกนี้ยอมเชื่อฟังได้ง่าย ๆ ถายในเวลาอันสั้น
เย่เชียนมองไปที่เล่ยไท่อย่างเย็นชา จากนั้นก็หันไปถามเฉิงเหวินว่า “คุณไม่ได้แจ้งให้คุณเล่ยรู้เหรอว่าเราจะมีประชุมกันวันนี้ตอนแปดโมงเช้า ?”
“เมื่อคืนฉันไปนวดมา… ใครจะไปรู้ล่ะว่าจะมีประชุมเช้าขนาดนี้ เอาล่ะ… ฉันยังง่วงอยู่เลย มีอะไรก็รีบ ๆ พูดมาเถอะ ฉันจะได้รีบกลับไปนอนต่อ” เล่ยไท่พูดอย่างหยิ่งผยอง
รอยยิ้มชั่วร้ายเผยขึ้นบนใบหน้าของเย่เชียน “ผมยังไม่ได้แนะนำตัวอย่างเป็นทางการเลย… ผมชื่อเย่เชียนที่แปลว่าอ่อนน้อมถ่อมตน”
“นายคือผู้สืบทอดที่ประธานแต่งตั้งงั้นเหรอ ?” เล่ยไท่เหลือบมองไปที่เย่เชียนและพูดว่า “งั้นฉันขอบอกอะไรนายไว้หน่อยละกันว่า ทุกคนที่อยู่ที่นี่น่ะเป็นคนที่ฝ่าฟันและบุกน้ำลุยไฟมาด้วยกัน ถึงท่านประธานจะมอบตำแหน่งประธานคนใหม่ให้กับนาย แต่นายอย่าคิดนะว่าจะมาใช้ตำแหน่งนั่นมากดขี่พวกเราที่อยู่มาก่อนได้ง่าย ๆ ถ้าวันไหนนายเดินผ่านถนนในย่านหยางกวนล่ะก็ ฉันไม่รับประกันความปลอดภัยให้หรอกนะ”
“คุณกำลังขู่ผมเหรอ ?” เย่เชียนถามเสียงเย็น
“นายอย่ามาพูดจากล่าวหากันแบบนั้นเลย… ฉันรู้ว่าท่านประธานน่ะแต่งตั้งให้นายมาเป็นผู้สืบทอดของเขา แต่นายทำอะไรมากไม่ได้หรอก ถ้าพวกเราไม่สนับสนุนและให้ความช่วยเหลือ เพราะงั้นนายอย่างมาใช้อำนาจงี่เง่านั่นกับพวกเราให้เปล่าประโยชน์เลยดีกว่า” เล่ยไท่พูดอย่างหยิ่งผยอง
“คุณเล่ยต้องการที่จะแบ่งแยก ?” เย่เชียนถาม
“มันก็ไม่ใช่อย่างนั้น… ตราบใดที่นายไม่มายุ่งกับพวกเรามากเกินไป พวกเราก็จะยอมลดตัวลงไปก้มหัวให้กับนายต่อหน้าลูกน้องคนอื่น ๆ ก็ได้ แต่ถ้าหากนายต้องการที่จะวางตัวแบบจักรพรรดิและให้พวกเราเป็นแค่ข้าราชบริพาร หรือกำจัดใครที่คัดค้านออกไปแล้วล่ะก็ ฉันขอเตือนและขอโทษเอาไว้ก่อนล่วงหน้าเลยก็แล้วกัน!” เล่ยไท่พูดอย่างเย้ยหยัน
“เยี่ยม… เยี่ยมมาก” เย่เชียนปรบมือและพูดต่อ “ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมท่านประธานถึงให้คุณดูแลสถานบันเทิง มันช่างเป็นความกล้าหาญและผยองเดชจริง ๆ ”
ทว่าหลังจากที่เย่เชียนพูดจบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นจริงจังทันที เย่เชียนโยนแฟ้มเล่มหนึ่งลงไปที่โต๊ะตรงหน้าเล่ยไท่แล้วถามว่า “ไหนคุณช่วยอธิบายเรื่องนี้ให้ผมฟังหน่อยซิ ?”
เล่ยไท่เปิดมันออกดูแล้วพูดอย่างเย้ยหยันว่า “นายจะให้ฉันอธิบายอะไรล่ะ ? ในเมื่อมันไม่มีอะไรที่ต้องอธิบาย สถานบันเทิงมันไม่ได้ทำกันง่าย ๆ หรอกนะ คนอย่างนายจะไปเข้าใจอะไร ?”
“แล้วส่วนแบ่งที่คุณมอบให้กองทุนบริษัททุก ๆ ปีล่ะ ?” เย่เชียนพูดและโยนเอกสารไปอีกฉบับ “เท่าที่ผมรู้มา ท่านประธานบอกผมก่อนที่ท่านจะเสียว่าห้ามใช้สื่อลามก การพนันและยาเสพติดในทุก ๆ อุตสาหกรรมและธุรกิจ! แต่ดูเหมือนว่าคุณจะไม่สนใจทำตามคำสั่งพวกนี้เลยสินะ”
“ไร้สาระ! ไอ้ที่นายพูดถึงเนี่ยมันมีในธุรกิจที่ฉันดูแลตั้งแต่เมื่อไหร่ ? พ่อหนุ่ม! ถ้านายต้องการใส่ร้ายฉันนายก็แค่พูดมันออกมาเลย ไม่ต้องมาทำให้มันเป็นเรื่องยุ่งยากขนาดนี้หรอก ฉันรู้ว่านายต้องการอำนาจใช่มั้ย ? หึ… ถ้าอย่างนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับว่านายน่ะมีความกล้าหาญมากขนาดไหน ขนาดตอนที่เฉินฟู่เฉิงยังมีชีวิตอยู่ เขายังไม่กล้าทำอะไรฉันเลยสักนิด แล้วเด็กอย่างนายจะมาทำอะไรฉันได้!” เล่ยไท่ตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยวและทุบโต๊ะอย่างรุนแรง จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนเหมือนพร้อมที่จะต่อสู้
ขณะเดียวกันนั้นเองก็มีผู้ชายที่ดูเหมือนอันธพาลสี่ห้าคนวิ่งกรูเข้ามาในห้อง พวกเขาต่างจ้องมองไปที่เย่เชียนด้วยความเดือดดาล
“เฮ้ย ๆ เล่ยไท่! แกคิดจะทำอะไรของแกน่ะ แกรีบบอกให้คนของแกออกไปเดี๋ยวนี้เลย!” หม่าชานเหอ ตะโกนออกมาเมื่อเห็นว่าสถานการณ์มันชักจะไปกันใหญ่ ถึงแม้ว่าการที่เฉินฟู่เฉิงส่งมอบทุกอย่างให้เย่เชียนจะทำให้เขารู้สึกอึดอัดและไม่พอใจเล็กน้อยก็ตาม แต่เมื่อนึกถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เขาและเฉินฟู่เฉิงฝ่าฟันกันมาก่อนที่จะมีทุกอย่างเหมือนในวันนี้ได้ มันก็เป็นดังที่เย่เชียนพูดจริง ๆ ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการดูแลทรัพย์สินทั้งหมดและการบริหารอย่างคุณธรรมไม่ใช่การแย่งชิงกันเหมือนที่เล่ยไท่กำลังทำอยู่
“คุณหม่า! คุณไม่เห็นหรือไงว่าไอ้เด็กนี่มันพยายามที่จะกำจัดผู้บริหารชุดก่อตั้งอย่างเรา ๆ ออกไป การที่ผมทำแบบนี้มันก็ถูกต้องแล้ว” เล่ยไท่พูดอย่างเกรี้ยวกราด
“คุณกำลังจะก่อกบฏงั้นเหรอ ?” ภายใต้น้ำเสียงเรียบ ๆ ปกติของเย่เชียนนั้นใครจะรู้ว่าเขาแอบรู้สึกยินดีอยู่ลึก ๆ เพราะการกระทำของเล่ยไท่นั้นจะช่วยเขาได้อย่างไม่ต้องสงสัย ตราบใดที่เขาถูกคุกคามก่อน เขาก็จะสามารถตอบโต้กลับไปได้ ซึ่งมันจะเป็นโอกาสในการทำให้คนเหล่านี้รู้ซึ้งถึงความหวาดกลัวที่แท้จริง
“ถ้าเป็นงั้นจริงแกจะทำไม ? ตอนแรก… ฉันก็แค่อยากให้พวกเราแยกกันไปทำตามหน้าที่เหมือนก่อน ๆ ก็แค่นั้น แต่แกกลับมาทำก้าวร้าวกับเราแบบนี้ เพราะงั้นอย่ามาตำหนิเล่ยไท่ผู้นี้ว่าโหดร้ายเลย” เล่ยไท่พูดอย่างหยิ่งผยอง
“งั้นก็ตามนั้น… คุณเล่ย คุณไม่จำเป็นต้องแก้ตัวใด ๆ อีกต่อไปแล้ว เพราะตอนนี้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็ได้รู้แล้วว่าคุณน่ะคิดแผนชั่วอะไรอยู่ ส่วนผมก็แค่ต้องทำตามหน้าที่…” เย่เชียนพูดอย่างเยือกเย็น
ทันทีที่สิ้นเสียงของเย่เชียน ร่างของอู๋หวนเฟิงก็ขยับในชั่วพริบตา มีดบินในมือของเขาพุ่งเข้าไปปักในหัวใจของอันธพาลคนหนึ่งทันที
คนของเล่ยไท่ไม่ลังเลอีกต่อไป พวกเขารีบพุ่งตัวเข้าไปหาอู๋หวนเฟิงทันที ในขณะที่เย่เชียนนั้นไม่แม้แต่จะแยแสกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นเลยสักนิด เขาเพียงนั่งอยู่ที่นั่นนิ่ง ๆ เพราะรู้ว่าแค่นักเลงอันธพาลไม่กี่คน อู๋หวนเฟิงสามารถรับมือกับพวกเขาได้อย่างสบาย ๆ อยู่แล้ว
ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที อันธพาลห้าคนนั้นก็กลายเป็นศพ อู๋หวนเฟิงเช็ดคราบเลือดจากมีดบินของเขาและเสียบมันกลับไปในช่องเก็บมีดที่อยู่ตรงช่วงแขน จากนั้นก็กลับไปยืนอยู่ข้างหลังเย่เชียนตามเดิม
เย่เชียนลุกขึ้นยืนช้า ๆ และจ้องมองไปยังเล่ยไท่ ในขณะที่เหล่าผู้บริหารคนอื่น ๆ ต่างก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เพราะถ้าพวกเขาทำตัวหยิ่งผยองท้าทายอำนาจของเย่เชียนเหมือนอย่างกู๋หมิงเซียงหรือเล่ยไท่ทำ พวกเขาอาจจะถูกฆ่าตายขึ้นมาจริง ๆ ก็ได้ใครจะรู้…