ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 220 ของอันล้ำค่าที่มิอาจหยั่งถึง
พระบรมสารีริกธาตุหรือพระอัฐิของพระพุทธเจ้านั้นมีอยู่จริงหรือไม่ ? มันเป็นคำถามที่ตอบได้ยากยิ่งนัก เย่เชียนเองก็สงสัยอยู่ในใจมาตลอด เพราะเหล่าบรรดาสื่อต่าง ๆ ทั้งในวงการภาพยนตร์และหนังสือต่างก็เคยพูดถึงเรื่องแบบนี้เช่นกันลึก ๆ แล้วส่วนตัวของเย่เชียนนั้นไม่ค่อยจะมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ เขาคิดไม่ออกเลยว่าการที่คนคนหนึ่งได้เสียชีวิตลงแล้วเถ้าอัฐิของคนคนนั้นจะกลายมาเป็นอัญมณีที่ทรงพลังและมีค่ามหาศาลได้อย่างไร ?
แต่ก็อย่างที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนได้พูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า มันไม่ใช่เรื่องสำคัญเลยว่าของสิ่งนี้มันจะมีพลังหรือมีมูลค่ามากมายมหาศาลขนาดไหน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ของสิ่งนี้มันมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้งและยาวนานนับหลายชั่วอายุคน
“แล้วเอ็งรู้มั้ยว่าไอ้พวกผู้ก่อการร้ายพวกนั้นมันเป็นใครมาจากไหน ?” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนถาม
เย่เชียนส่ายหัวอย่างว่างเปล่าและพูดว่า “ปู่มาถามผมแบบนี้ แล้วจะให้ผมไปถามใครล่ะ ? ผมไม่รู้หรอก”
“หมาป่าผี! เอ็งน่าจะคุ้นเคยกับชื่อนี้นะ” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด “ไอ้พวกผู้ก่อการร้ายพวกนั้นเป็นคนของหมาป่าผีไป๋ฮวย”
เย่เชียนถึงกับผงะและพึมพำว่า “จะเป็นเขาได้ยังไง ?”
“ไอ้หนู… เอ็งน่าจะรู้จักไป๋ฮวยดีกว่าฉัน เพราะเขาเคยเป็นหนึ่งในสมาชิกเขี้ยวหมาป่าของเอ็งนี่ เมื่อก่อนฉันยังจำได้เลยว่าเขาน่ะเป็นคนมีฝีมือไม่เบาเลยทีเดียวและเขาจะต้องมีอนาคตไกลแน่ ๆ แต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าวันนึงเขาจะกลับกลายมาเป็นศัตรูกับเอ็งแบบนี้” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด
เย่เชียนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะถามขึ้นว่า “แล้ววันนั้นพระบรมสารีริกธาตุถูกขโมยไปหรือเปล่าปู่ ?”
“ไม่” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด “พระบรมสารีริกธาตุไม่ได้ถูกขโมยไปหรอก คืนนั้นเราเลยนำพระบรมสารีริกธาตุกลับไปที่กรุงเกียวโต ประเทศญี่ปุ่นเพื่อเก็บรักษาเอาไว้ที่วัดอารามหลวงและมีเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าเอาไว้ตลอดเวลา” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด
“ทำไมถึงต้องเอาไปเก็บไว้ที่นั่นล่ะ ?” เย่เชียนถามด้วยความสับสน
“โอ้… ที่จริงฉันก็ต้องการนำพระบรมสารีริกธาตุกลับไปเก็บไว้ที่กระทรวงความมั่นคงของฉันแหละ เพราะมันจะปลอดภัยกว่าวัดอารามหลวงมาก แต่ถึงยังไงพระราชาคณะที่ทรงดูแลพระบรมสารีริกธาตุบอกเอาไว้ว่า พระบรมสารีริกธาตุนั้นเป็นสมบัติของแผ่นดิน ซึ่งมันไม่สามารถปนเปื้อนด้วยสิ่งสกปรกจากมรรตัยต่าง ๆ ได้ รัฐบาลจึงให้ฉันเก็บมันเอาไว้ในวิหารวัดอารามหลวง” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดและยังคงรู้สึกเป็นกังวลเมื่อต้องคิดถึงเรื่องนี้ เพราะถ้าหากเขายืนกรานให้เก็บรักษาเอาไว้ในที่ที่ปลอดภัยในตอนแรกล่ะก็ มันก็จะไม่เกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายขึ้นอย่างแน่นอน
เย่เชียนรู้มาว่าวัดอารามหลวงนั้นเป็นวัดพุทธของทิเบต ซึ่งถือได้ว่าเป็นวัดที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในกรุงเกียวโต “ว่าแต่ว่าปู่น่ะเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ ? ผมคิดว่าปู่เป็นคนเชื่อมั่นในความเป็นจริงที่สามารถพิสูจน์ได้ แล้วปู่ไปเชื่อเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน ?”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนถอนหายใจแล้วจึงพูดอย่างหมดหนทางว่า “เฮ้อ! ก็นั่นน่ะสิ แล้วเอ็งจะให้ฉันทำยังไงล่ะในเมื่อพระราชาคณะ ผู้ที่ผู้คนเล่าขานกันว่าเป็นถึงทายาทโดยตรงของพระพุทธเจ้าบอกกับฉันมาแบบนั้น อีกอย่างในช่วงหลายปีที่ผ่านมาท่านก็ได้เดินทางไปรอบโลกเพื่อเผยแผ่และส่งเสริมวัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนา ไม่แค่นั้นนะเพราะแม้แต่ท่านนายกกระทรวงวัฒนธรรมกับท่านประธานาธิบดีก็ยังเห็นด้วยเลยว่าพระบรมสารีริกธาตุจะต้องถูกเก็บเอาไว้ในวัดอันศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ฉันก็เลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากทำตามที่พวกเขาว่า ฉันทำได้แค่ให้คนของฉันที่มีฝีมือไปคอยคุ้มกันทั้งกลางวันและกลางคืน แต่สุดท้ายพระบรมสารีริกธาตุก็ยังถูกขโมยไปจนได้!”
ร่องรอยของความรู้สึกผิดปรากฎขึ้นบนใบหน้าของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนอย่างเห็นได้ชัด ทางด้านจื่อจุนและเซียวหวันเองก็คงรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยเช่นกัน พวกเขาทั้งสองคนต่างก็ก้มหน้าลงมองหน้าตักของตัวเองอย่างหดหู่ เห็นได้ชัดเลยว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นถือเป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ในหน้าที่การรักษาความปลอดภัยของพวกเขา
เย่เชียนขมวดคิ้วแน่นแล้วถามว่า “ปู่คิดว่ามันเป็นฝีมือของไป๋ฮวยเหรอ ?”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพยักหน้า “จากการตรวจสอบและแหล่งข้อมูลทั้งหมดอย่างละเอียดจากหน่วยข่าวกรองของเรานั้น… ช่วงเวลาก่อนที่พระบรมสารีริกธาตุจะถูกขโมย ไป๋ฮวยไม่ได้อยู่ที่จีน แต่หลังจากที่พระบรมสารีริกธาตุถูกขโมยไปแล้ว หลังจากนั้นไม่นานนักไป๋ฮวยก็โผล่มาที่จีนอีกครั้ง”
“แล้วคนอย่างเขาจะอยากได้พระบรมสารีริกธาตุไปทำไม ?” เย่เชียนถามด้วยความประหลาดใจ
“พระบรมสารีริกธาตุนั้นอาจจะไม่สำคัญสำหรับเรา แต่สำหรับชาวพุทธที่เคร่งนั้นถือได้ว่ามันเป็นสมบัติอันล้ำค่าและประเมินค่าไม่ได้เลย จากการประสานงานและการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ระดับหัวกะทิในหลาย ๆ องค์กร วันนี้เราได้ข้อมูลมาว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยได้ร่วมมือกับกบฏขององค์กรซีไอเอเพื่อขโมยพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งทางซีไอเอเองก็ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น พวกเขาสืบมาได้ว่าสถานที่ค้าขายพระบรมสารีริกธาตุนั้นอยู่ในเมืองหนานจิงแห่งนี้นี่แหละ” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดอย่างจริงจัง
ในที่สุดเย่เชียนก็เข้าใจแล้วว่าทำไมผู้ก่อการร้ายพวกนั้นถึงสามารถนำอาวุธหนักครบมือจำนวนมากขึ้นเครื่องบินไปได้อย่างง่ายดาย นั่นก็เป็นเพราะว่าอดีตคนของซีไอเอเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องเหล่านี้นี่เอง “ในเมื่อพวกปู่รู้อยู่แล้ว แล้วทำไมปู่ถึงไม่ระดมกำลังพลเจ้าหน้าที่ของกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติหรือหน่วยสืบราชการลับของปู่โดยตรงไปเลยล่ะ ? หรือไม่ปู่ก็ไปประสานงานและระดมกำลังทหารโดยตรงจากเขตทหารของเมืองหนานจิงก็ได้นี่ ? แล้วพอถึงเวลาแลกของหรือทำการซื้อขาย พวกเขาจะได้ล้อมจับให้หมดในคราวเดียวไปเลย เพราะแบบนั้นต่อให้พวกเขาจะเก่งสักแค่ไหนก็ไม่สามารถรอดไปได้อย่างแน่นอน”
“เฮ้อ! เรื่องนั้นฉันเองก็เคยคิดเอาไว้หมดแล้ว แต่ถ้าฉันทำได้แบบนั้นจริงฉันคงไม่ต้องมานั่งปวดหัวอยู่แบบนี้หรอก” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด “อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันสักการะพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์แล้ว เดิมทีทางกระทรวงวัฒนธรรมมีแผนที่จะจัดพิธีทางศาสนาขนาดใหญ่ รวมไปถึงการจัดแสดงพระบรมสารีริกธาตุสำหรับพุทธศาสนิกชนที่เคารพนับถือ แต่ถ้าเหตุการณ์เหล่านี้ถูกแพร่กระจายออกไป ชาวพุทธเหล่านั้นจะต้องตื่นตระหนกและเดือดดาลกันอย่างมากน่ะสิ เพราะฉะนั้นการดำเนินการและการปฏิบัติการทั้งหมดจะต้องเป็นความลับเท่านั้น และเอ็งนั่นแหละเย่เชียนที่เป็นคนที่เหมาะสมที่สุด เฮ้อ… ถึงแม้ว่ามิตรภาพและความสัมพันธ์ของพวกเราจะไม่เหมือนกับปู่กับหลานทั่วไปก็เถอะ แต่ฉันก็รู้ดีว่าเอ็งจะไม่มองข้ามคุณค่าและประโยชน์ของประเทศชาติไปแน่ ๆ ฉันเชื่อว่ากัปตันเทียนเฉินของพวกเอ็งก็สอนพวกเอ็งมาแบบนั้นใช่มั้ยล่ะ ?ฉันหวังเสมอว่าเอ็งน่ะจะช่วยฉันได้ในเรื่องนี้” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดด้วยความจริงใจอย่างแท้จริง
เย่เชียนถอนหายใจพรืด คิ้วของเขาขมวดกันเป็นปมแน่น เขาค่อย ๆ เอนหลังพิงเก้าอี้พลางครุ่นคิดอย่างละเอียดเกี่ยวกับเรื่องที่เพิ่งจะได้ยินมาทั้งหมด มันก็จริงอย่างที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดนั่นแหละที่ว่า เย่เชียนนั้นเป็นคนรักชาติยิ่งชีพ แม้ว่าการที่เขากลับมาที่ประเทศจีนในครั้งนี้จะเพื่อความก้าวหน้าของกลุ่มเขี้ยวหมาป่า แต่พอเขาได้รู้เรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของบ้านเกิดเมืองนอนของตัวแล้ว เขาก็ไม่อาจเพิกเฉยอยู่ได้
ท้ายที่สุดแล้วเย่เชียนจะต้องเผชิญหน้ากับไป๋ฮวยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ หรือนี่ ? เขารู้ดีว่าสำหรับพี่น้องเขี้ยวหมาป่าคนอื่น ๆ นั้น พวกเขาไม่มีปัญหาเลยในการเผชิญหน้ากับไป๋ฮวย มีก็แต่เย่เชียนนี่แหละที่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ ทว่าเรื่องนี้มันใหญ่มากกว่าแค่เรื่องของความสัมพันธ์ของคนสองคน ถ้าหากพวกเขาจะต้องต่อสู้กันจริง ๆ มันก็ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อตัวเองหรือคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น แต่มันคือการต่อสู้ระดับประเทศชาติ! และถ้าไป๋ฮวยแพ้ หวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะต้องลงมือจัดการกับไป๋ฮวยตามหน้าที่ของเขา ซึ่งเย่เชียนนั้นไม่ต้องการที่จะนึกถึงผลลัพธ์สุดท่ายที่จะตามมาเลย
“ไอ้หนู! ฉันรู้ว่าไป๋ฮวยนั้นเป็นเหมือนเพื่อนและพี่ชายของเอ็ง มันคงทำให้เอ็งตัดสินใจลำบาก แต่ถึงยังไงแล้วเรื่องนี้มันก็เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศชาติเลยนะ ฉันหวังว่าเอ็งจะละเว้นเรื่องส่วนตัวได้” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด
หลังจากเงียบไปสักพัก เย่เชียนก็หายใจเข้าลึก ๆ และพูดว่า “ผมต้องขอบคุณมากที่ปู่ช่วยจ้าวหยาเอาไว้ ผมเป็นหนี้บุญคุณของปู่ในครั้งนี้ ถ้างั้นผมขอสัญญากับปู่ว่าผมจะนำพระบรมสารีริกธาตุกลับมาให้… ส่วนเรื่องอื่นผมไม่สนใจหรอกนะ”
“ขอบใจเอ็งมาก… หวงฟู่ชิงเตี๋ยนคนนี้จะจดจำน้ำใจของเอ็งในวันนี้เอาไว้ จื่อจุนและเซียวหวัน ฉันจะให้สองคนนี้คอยให้ความช่วยเหลือเอ็งทุกอย่าง” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดออกมาด้วยความโล่งอก เพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าเย่เชียนจะตอบตกลงช่วยเขาจับตัวไป๋ฮวยมาให้อยู่แล้ว
เย่เชียนเหลือบมองพวกเขาทั้งสองคน จากนั้นก็พยักหน้าเบา ๆ
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนมองไปที่จื่อจุนและเซียวหวันจากนั้นก็พูดว่า “พวกเธอต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเย่เชียนในภารกิจนี้อย่างเคร่งครัดนะ แล้วห้ามทำสิ่งใดโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเย่เชียนเข้าใจมั้ย ? แต่หลังจากที่พวกเธอได้รับพระบรมสารีริกธาตุมาอย่างปลอดภัยแล้ว พวกเธอค่อยทำสิ่งที่ต้องทำ พวกเธอได้ยินชัดเจนมั้ย ?”
“ครับ! ค่ะ! ท่านผู้อำนวยการ!” จื่อจุนและเซียวหวันตอบกลับพร้อมกัน พวกเขานั้นชัดเจนมากถึงความหมายในคำพูดของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนว่า ถ้าหากพวกเขายังไม่ได้รับพระบรมสารีริกธาตุมาพวกเขาก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเย่เชียนอย่างเคร่งครัด แต่ถ้าหากได้รับพระบรมสารีริกธาตุมาแล้ว พวกเขาก็สามารถดำเนินภารกิจการจับกุมไป๋ฮวยได้อย่างเต็มที่หลังจากนั้น
แน่นอนว่าเย่เชียนเองก็ได้ยินและเข้าใจถึงความหมายของคำพูดเหล่านี้ได้โดยธรรมชาติเช่นกัน แต่เขาไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่ยิ้มอย่างขมขื่นเท่านั้น
“มา… ดื่มชากันเถอะ!” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดพลางรินน้ำชาใส่ถ้วยของเย่เชียน
เย่เชียนพยักหน้าและหยิบถ้วยน้ำชาที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนรินให้ขึ้นมาอย่างสุภาพและดื่มมันทั้งหมดในคราวเดียว ซึ่งการที่น้ำชาร้อน ๆ นั้นได้ไหลลงไปในลำคอ มันก็ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายลงมาได้นิดหนึ่ง
……
ที่ด้านนอกของโรงน้ำชา
หลังจากกล่าวคำอำลากับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนแล้วเย่เชียนก็เดินตรงไปที่รถของเขา โดยมีจื่อจุนและเซียวหวันเดินตามเขาไปอย่างเป็นธรรมชาติ เย่เชียนยังคงเงียบ เพราะตอนนี้เขานั้นยังรู้สึกหดหู่อยู่เล็กน้อยกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
เย่เชียนขับรถเร็วมาก ทำให้ลมจากด้านนอกหน้าต่างพัดเข้าหูของเขาอย่างรุนแรง ซึ่งทำให้เย่เชียนนั้นลืมสิ่งที่เขาไม่อยากนึกถึงไปชั่วคราวได้เป็นอย่างดี
ขณะเดียวกันเซียวหวันนั้นกำลังเปิดปากของเธอเพื่อพูดอะไรบางอย่าง แต่จื่อจุนกลับทำท่าทางเพื่อห้ามเธอเอาไว้ และเซียวหวันก็จ้องมองจื่อจุนด้วยความโกรธเกรี้ยวเล็กน้อย แต่เธอก็ยอมกลืนคำพูดนั้นของเธอลงคอไป
ไม่นานนักเย่เชียนก็ขับรถผ่านประตูจงซานและมาถึงด้านล่างของภูเขาสีม่วงจื่อจินชาน…
ในประวัติศาสตร์นั้น หลาย ๆ คนเปรียบภูมิประเทศที่ของเมืองหนานจิงว่าเป็นดั่งมังกรและเสือ มังกรหมายถึงภูเขาสีม่วงที่ตั้งสูงตระหง่านราวกับมังกรขนาดยักษ์ทางตะวันออกของเมืองหนานจิง และชื่อของภูเขาสีม่วงนั้นมาจากการที่ผู้คนมักจะเห็นว่าภายใต้แสงแดดที่สาดส่องมานั้นจะปรากฏแสงสีม่วงบนยอดเขาลูกนี้ ซึ่งคนในสมัยก่อนก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่พวกเขาก็คิดกันว่ามันเป็นดั่งนางฟ้าที่ประทับอยู่ที่นี่ ทำให้พวกเขาเริ่มบูชาภูเขาสีม่วงลูกนี้กัน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นเพียงภาพสะท้อนจากการหักเหของแสงจากหินดินดานสีม่วงบนยอดเขาเพียงเท่านั้น
“พวกคุณไม่ต้องตามมา” เย่เชียนพูดเบา ๆ และเดินตรงไปที่ยอดเขา
“หึ! ฉันจะตามไปด้วย” เซียวหวันพูด “ฉันก็ไม่ได้อยากที่จะไปกับนายนักหรอก แต่ในเมื่อผอ.ให้เรามาช่วยนายตามหาพระบรมสารีริกธาตุ ฉันก็ต้องทำตามหน้าที่ของฉัน แล้วถ้านายไม่อยากทำ นายจะไปรับปากสัญญากับผู้มีบุญคุณแบบนั้นไปทำไมกันล่ะ ?”
จื่อจุนที่ได้ยินเซียวหวังพูดดังนั้นก็รีบเดินเข้าไปกระซิบข้าง ๆ หูของเซียวหวันว่า “นี่! เธออย่าพูดเรื่องไร้สาระสิ เธอเพิ่งจะได้บรรจุเข้าทีมปฏิบัติการได้ไม่นาน เธอก็เลยไม่รู้อะไร มีอะไรอีกหลายอย่างที่เธอไม่รู้เกี่ยวกับหมาป่าผีไป๋ฮวยคนนั้น เธอรู้มั้ยว่าเย่เชียนและไป๋ฮวยน่ะเขาเป็นเหมือนพี่น้องที่ฟ่าฟันผ่านชีวิตและความตายด้วยกันมาก่อน แต่ก่อนไป๋ฮวยน่ะเคยเป็นสมาชิกของกองกำลังทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า และการที่ให้เย่เชียนเขามาเผชิญหน้ากับอดีตพี่ชายของเขานั้น เธอคิดว่าเขาจะรู้สึกดีอย่างงั้นเหรอ ?”
เซียวหวันทำหน้ามุ่ยและบุ้ยปากของเธอ เธอจ้องมองไปที่แผ่นหลังของเย่เชียนที่กำลังเดินจากไปอย่างช้า ๆ จู่ ๆ เธอก็มีความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้แวบขึ้นมาในใจ “เอ้า! เขี้ยวหมาป่าไม่ใช่ชื่อของหน่วยรบพิเศษของกองทัพจีนหรอกเหรอ ? แล้วทำไมถึงเรียกพวกเขาว่ากองกำลังทหารรับจ้างกันล่ะ ?” เซียวหวันถามด้วยความประหลาดใจ
“จริง ๆ แล้วกัปตันเทียนเฟิงผู้ก่อตั้งกองกำลังทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่านั้นเป็นสมาชิกที่เกษียณอายุของหน่วยรบพิเศษเขี้ยวหมาป่าของกองทัพจีนที่เธอรู้จักนั่นแหละ และเป็นเพราะความรักที่เขามีต่อชาติและกองทัพของเขา เขาจึงตั้งชื่อกองกำลังทหารรับจ้างที่เขาสร้างขึ้นมาว่าเขี้ยวหมาป่านั่นเอง” จื่อจุนพูดอธิบาย
ดูเหมือนว่าในที่สุดเซียวหวันจะเข้าใจแล้วเสียทีว่าทำไมหวงฟู่ชิงเตี๋ยนถึงได้ปฏิบัติต่อเย่เชียนดีมากขนาดนี้ “ไปกันเถอะ… พี่ก็ขึ้นมาด้วยสิ อย่ามัวแต่ชักช้าอยู่ เดี๋ยวเขาก็คิดที่จะกระโดดลงจากหน้าผาและฆ่าตัวตายกันพอดี”
เมื่อเซียวหวันพูดจบ เธอก็รีบเดินตามเย่เชียนไปอย่างรวดเร็ว เธอนั้นยืนกรานที่จะตามเย่เชียนไปอย่างดื้อรั้นเหมือนกับเด็กผู้หญิงที่เอาแต่ใจในคราบของสายลับ