ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 252 ไม่ได้รับอนุญาตให้ตาย
หลังจากที่หวังเต๋อเซินและหลัวโจวนั่งลงแล้วเฟิงหลานก็เติมน้ำชาใส่ถ้วยตรงหน้าของพวกเขาทั้งสองด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ท่านผู้การหลัว..ท่านนายพลหวังคงจะบอกคุณคร่าวๆ แล้วใช่มั้ย?”
“ใช่!” หลัวโจวพยักหน้าและพูดว่า “เขาบอกมาคร่าวๆ แล้ว..แต่ฉันก็ยังต้องการทราบว่าเป้าหมายของการว่าจ้างคือใครและค่าว่าจ้างเท่าไหร่”
“เอาล่ะ” เฟิงหลานยิ้มแล้วหยิบซองสีขาวออกมาจากเสื้อของเขาและยื่นให้หลัวโจวพร้อมพูดว่า “นี่คือเป้าหมายของคุณ..เขาอยู่ในเมืองหนานจิง..พี่น้องของฉันหลายคนถูกเขาจัดการ..เพราะงั้นฉันหวังว่าผู้การหลัวจะช่วยฉันได้..ส่วนเรื่องค่าว่าจ้างนั้นมันไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย”
หลัวโจวเปิดซองสีขาวออกและเห็นว่าข้างในซองสีขาวก็คือรูปของเย่เชียน เมื่อเขาเห็นเช่นนั้นเขาก็ผงะไปชั่วขณะและสีหน้าของเขาก็ดูโกรธเกรี้ยวเล็กน้อย
“ผู้การหลัวรู้จักเขาหรือ?” เฟิงหลานแสร้งถามอย่างสงสัย
“ไม่! ..ฉันไม่รู้จัก..เพิ่งจะเห็นจากรูปถ่านเนี่ยแหละ” หลัวโจวพูด
ปฏิกิริยาตอบสนองของเย่เชียนที่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังก็อดไม่ได้ที่จะมืดมนลงเพราะดูเหมือนว่าเขาจะเดาไม่ผิดว่าหลัวโจวคนนี้อยู่เบื้องหลังสถานการณ์ต่างๆ ของอู๋หวนเฟิงในครั้งนี้
หลังจากนั้นหลัวโจวก็ดูรูปถ่ายอีกรูปซึ่งมีรูปถ่ายของอู๋หวนเฟิงและซ่งหลันอยู่ในนั้นด้วยและการแสดงออกของหลัวโจวก็เปลี่ยนไปเป็นความประหลาดใจมากขึ้น และเฟิงหลานก็อธิบายเพิ่มเติมว่า “สองคนนี้เป็นมือขวาของเขา..ฉันหวังว่าคุณจะสามารถจัดการทั้งหมดได้”
หลัวโจวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า “พวกเขาไม่ใช่คนธรรมดาๆ เลยนะ..พูดตรงๆ เลยก็คือว่าฉันได้รับงานเดียวกันนี้เมื่อสองสามวันก่อน..มีคนสั่งให้ฉันไปฆ่าพวกเขาน่ะ..แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวจากคนของฉันเลย..ฉันเกรงว่าลูกน้องของฉันอาจจะตายไปหมดแล้ว..เพราะงั้นฉันต้องพิจารณาค่าว่าจ้างใหม่”
การแสดงออกบนใบหน้าของเย่เชียนดูมืดมนมากขึ้นเพราะในที่สุดก็ทุกอย่างก็กระจ่างแล้วว่าคนเหล่านี้เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์ไล่ยิงอู๋หวนเฟิงและซ่งหลัน
“หือ! ..มีคนอื่นที่อยากจะฆ่าพวกเขาด้วยหรือ..เขาเป็นใครน่ะ” เฟิงหลานถามด้วยความประหลาดใจ
หลัวโจวยิ้มเจื่อนๆ และพูดว่า “ฉันไม่สามารถพูดถึงเรื่องนี้ได้..เพราะในธุรกิจของเรานั้นเราจำเป็นที่จะต้องเก็บข้อมูลของลูกค้าเอาไว้เป็นความลับ..ฉันหวังว่าหัวหน้าเฟิงคงจะเข้าใจ”
“เดี๋ยวๆ ..ฉันไม่ได้มีเจตนาอื่นๆ ..ฉันก็แค่คิดว่าเนื่องจากคนๆ นั้นกับฉันมีเป้าหมายเดียวกันและบางทีเราอาจจะร่วมมือและเป็นเพื่อนกันได้น่ะ” เฟิงหลานพูด
“ฉันขอโทษจริงๆ ..ฉันไม่สามารถทำแบบนั้นได้” หลัวโจวยืนกรานพูด
“ผู้การหลัวรู้เรื่องนี้ด้วยใช่มั้ย?” เย่เชียนที่เดินออกมาจากด้านในมุมืดด้วยท่าทางที่ดุดันและขณะที่เขาเดินเข้ามาเขาก็หยิบวัตถุที่ห่อด้วยผ้าออกมาและโยนมันลงไปที่โต๊ะตรงหน้าของหลัวโจว
“นี่แก! …แก! …” เมื่อเห็นเย่เชียนปราฏกตัวออกมาหลัวโจวก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจราวกับว่าเขาตระหนักได้แล้วว่านี่มันเป็นกับดักจากนั้นสายตาที่โกรธเกรี้ยวก็หันไปที่หวังเต๋อเซินและตะโกนว่า “หวังเต๋อเซิน! ..คุณทรยศฉันเหรอ? ..ฉันเชื่อใจคุณมากขนาดนี้..คุณทำกันได้ยังไง”
หวังเต๋อยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า “ผู้การหลัว! ..อย่าพูดอะไรที่มันเกินตัวเลย..พวกเราไม่ได้มีมิตรภาพอะไรกันมากนัก..แต่เย่เชียนเป็นน้องชายของฉัน..และเขาก็ต้องการกำจัดคุณ..แล้วคุณคิดว่าฉันจะช่วยอะไรคุณมั้ยล่ะ?”
ใบหน้าของหลัวโจวเปลี่ยนไปเป็นมืดมนและแน่นิ่งไป
เย่เชียนเดินไปที่ข้างๆ หลัวโจวและเปิดห่อผ้าออกซึ่งภายในมันเป็นผิวหนังของมนุษย์ที่มีรอยสักดอกฝิ่นอยู่ “คุณน่าจะคุ้นเคยกับมันดีใช่มั้ย?” เย่เชียนถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
“แล้วคนของฉันล่ะ! ..แกทำอะไรกับพวกเขา?” ถึงแม้ว่าหลัวโจวจะรู้ดีอยู่แล้วว่าลูกน้องของเขานั้นเก่งและมีความสามารถแต่ทว่าหลัวโจวก็อดไม่ได้ที่จะถามคำถามนี้
“มันจำเป็นต้องถามด้วยเหรอ? ..คุณควรจะเข้าใจได้แล้วนะเมื่อคุณเห็นสิ่งนี้” เย่เชียนพูดอย่างดุดัน
หลัวโจวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า “แกต้องการอะไร?”
“ลูกน้องของคุณไล่ยิงน้องชายของผมและตอนนี้เขาก็ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลที่ห้องฉุกเฉินอยู่..แล้วคุณคิดว่าผมต้องการอะไรกันล่ะ?” เย่เชียนพูด
หลัวโจวก็อดไม่ได้ที่จะผงะไปเพราะลูกน้องฝีมือดีทั้งสิบคนที่เขาส่งออกไปนั้นถูกฆ่าตายทั้งหมดแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นลูกน้องของเขากลับไม่สามารถฆ่าเป้าหมายได้เลยด้วยซ้ำ เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาก็ต้องประเมินความแข็งแกร่งของเย่เชียนอีกครั้งอย่างถี่ถ้วน “หึ! ..เป็นอุบายที่ดีนี่ในการเชิญศัตรูเข้าถ้ำเสือ..แต่แกคิดดีแล้วเหรอ? ..กองทัพหลัวโจวของฉันมันไม่ได้กระจอกขนาดนั้น..และถ้าแกฆ่าฉันแล้วล่ะก็ลูกน้องอีกนับพันที่อยู่ใต้เงื้อมมือของฉันล่ะแกจะรับมือได้มั้ย? ..เหอะๆ ..ฉันเกรงว่าแกจะไม่สามารถกลับไปได้แม้แต่ประเทศจีนของแก!” หลัวโจว
“จริงเหรอ? ..ผู้การหลัว! ..ดูเหมือนว่าคุณจะประเมินค่าตัวเองสูงเกินไปนะ..กองกำลังทหารรับจ้างดอกฝิ่นกระจอกๆ ของคุณน่ะมันก็เป็นแค่องค์กรทหารรับจ้างชั้นต่ำของโลกแค่นั้น..แล้วคุณคิดว่าเขี้ยวหมาป่าของพวกเราจะกลัวการรุกรานของคุณอย่างงั้นเหรอ?” เย่เชียนพูดอย่างเย้ยหยัน
“หมาป่า…เขี้ยวหมาป่า?” หลัวโจวพึมพำด้วยความประหลาดใจอย่างมากเพราะเขาไม่คาดคิดเลยว่าตัวเขาจะไปทำให้เขี้ยวหมาป่าต้องขุ่นเคืองถึงเพียงนี้ เพราะเขี้ยวหมาป่านั้นเป็นการดำรงอยู่ดั่งตำนานและเป็นจุดสูงสุดในโลกแห่งทหารรับจ้างและมีเพียงแค่เสือดาวหิมะเท่านั้นที่สามารถเทียบเคียงกับเขี้ยวหมาป่าได้และนอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีองค์กรใดๆ อยู่ในสายตาของพวกเขาได้เลย และเมื่อเป็นเช่นนั้นหลัวโจวก็ตระหนักว่าในเมื่อเขาทำให้เขี้ยวหมาป่าต้องขุ่นเคืองและโกรธแค้นถึงเพียงนี้และนี่มันก็เป็นการแสวงหาความตายของตัวเองไม่ใช่หรือ?
“ใช่! ..ผมคือราชาหมาป่าเย่เชียน!” เย่เชียนอย่างพูดช้าๆ
“เห้อ….” หลัวโจวอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ไปในอากาศ ปรากฏว่าบุคคลที่เขาต้องการฆ่านั้นกลับกลายเป็นถึงผู้นำของเขี้ยวหมาป่าราชาหมาป่าเย่เชียนผู้นั้น ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีของโลกแห่งทหารรับจ้างว่าเขาคนนั้นมีตัวตนอยู่จริงและดำรงอยู่ดั่งเทพเจ้าแห่งสงคราม และเมื่อเป็นเช่นนั้นหลัวโจวก็ต้องรู้สึกถึงร่องรอยของความหวาดกลัวและความตายที่เกิดจากความไม่รู้ของเขาเอง
เย่เชียนยกมือขึ้นเพื่อตรวจสอบเวลาบนนาฬิกาข้อมือของเขาจากนั้นเย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “ใกล้จะถึงเวลาแล้วสินะ..ผมคิดว่าคนของคุณน่าจะกำลังรอคุณอยู่ที่ประตูนรกแล้ว”
หลัวโจวถึงกับผงะและพึมพำออกมาว่า “นี่แก…แกทำอะไร? ..แกจะฆ่าคนของฉันทั้งหมดงั้นเหรอ? ”
เย่เชียนหัวเราะอย่างเยือกเย็นและพูดว่า “บอกผมมาสิว่าผู้ว่าจ้างคือใคร..แล้วผมจะให้คุณตายอย่างไม่ทรมาน!”
ดวงตาของหลัวโจวกลอกไปมาซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาพยายามหาโอกาสที่จะหลบหนีแต่ทว่าเขากลับไม่เคยรู้สึกตัวเลยว่าชิงเฟิงได้มายืนอยู่ที่ประตูแล้วพร้อมกับรอยยิ้มที่ซุกซนบนใบหน้าที่กำลังถือมีดอยู่
“อย่าคิดว่าคุณจะหนีไปได้..มีน้อยคนนักที่สามารถหลบหนีไปได้ภายใต้เหล่าพี่น้องเขี้ยวหมาป่าของผม” เย่เชียนพูดต่อ “บอกความจริงมา! ..แล้วผมจะไม่ทำให้คุณต้องร้องขอความตายและคุณจะไม่ตายอย่างทรมาน”
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เป็นเช่นนี้หลัวโจวก็รู้ว่าวันนี้เขานั้นไม่สามารถหนีออกจากคฤหาสน์แห่งนี้ได้เลยและถ้าเขาหนีไปได้มันจะเป็นอย่างไรต่อไปล่ะ? ถึงยังไงคนของเขี้ยวหมาป่าก็จะตามล่าชีวิตของเขาได้อยู่ดีและเขาก็ไม่สามารถจินตนาการถึงเหตุการณ์ในวันนั้นได้เลย “นายก็เป็นทหารรับจ้างเหมือนกัน..นายก็ควรรู้กฎไม่ใช่หรือ..มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ฉันจะเปิดเผยข้อมูลของผู้ว่าจ้าง..เพราะงั้นฆ่าฉันซะ!” หลัวโจวพูดอย่างหนักแน่น
“ถ้าคุณไม่บอกผม..ผมก็จะไม่ปล่อยให้คุณตายไปง่ายๆ หรอก..คุณเองก็น่าจะรู้เกี่ยวกับวิธีการบังคับให้สารภาพไม่ใช่เหรอว่ามันไม่ยากเลยที่จะต้องการให้ใครสักคนพูดความจริงใช่มั้ยล่ะ?” เย่เชียนพูดแล้วฉีกยิ้มอย่างเยือกเย็น
การแสดงออกของหลัวโจวมืดมนลงเพราะในฐานะที่เขาเองก็เป็นทหารรับจ้างนั้นเขาก็รู้ดีเกี่ยวกับวิธีการทรมานเพื่อเค้นความจริงและมันจะเจ็บปวดและทรมานอย่างยิ่งและต่อให้อยากตายแค่ไหนก็ตายไม่ได้อยู่ดีและถึงแม้ว่าจะไม่ตายแต่ก็เสียสติจนเป็นบ้าไปทั้งชีวิตและยิ่งไปกว่านั้นยังมียาบางชนิดที่ตราบใดที่พวกมันถูกฉีดเข้าไปในร่างกายแล้วล่ะก็แม้แต่เจ้าหน้าที่และสายลับระดับสูงที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวดก็จะต้องเผยความจริงออกมาเพียงเท่านั้น เมื่อตระหนักถึงผลของการทำเช่นนี้มันก็ทำให้คนอย่างหลัวโจวยอมตายเสียดีกว่ากลายเป็นคนบ้าและเศษเดนมนุษย์ และเมื่อคิดได้เช่นนี้หลัวโจวก็รีบดึงมีดที่ซ่อนอยู่ออกมาจากตัวของเขาเองและแทงเข้าไปที่หน้าอกของตัวเองอย่างแรง
บางครั้งมันก็ไม่ง่ายเลยที่ใครอยากจะตายเพราะเมื่อเผชิญหน้ากับเย่เชียนแล้วบางคนก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะฆ่าตัวตายเพราะมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเองอีกต่อไปนั่นก็เพราะว่าเย่เชียนจะเป็นผู้ตัดสินชีวิตและความตายคนใครคนหนึ่งที่เผชิญหน้ากับเขา
ทันใดนั้นร่างของเฟิงหลานก็ขยับอย่างรวดเร็วและฉับพลันพร้อมกับทักษะทางทหารที่ทุกกองทัพของทุกประเทศจะต้องเรียนรู้แล้วนับประสาอะไรกับเขี้ยวหมาป่าอย่างเขา เพราะเฟิงหลานนั้นรีบคว้าข้อมือของหลัวโจวเอาไว้บิดอย่างรุนแรงและมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของหลัวโจวเอาไว้อย่างรวดเร็ว
หลัวโจวรู้สึกหดหู่อย่างมากเพราะเขาสูญเสียแม้แต่สิทธิ์ที่จะตายและเขาก็ไร้ซึ่งหนทางใดๆ อีกต่อไปแล้ว
เย่เชียนพูดอย่างเยือกเย็นว่า “ผมบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมจะไม่ปล่อยให้คุณตายง่ายๆ น่ะ..และเนื่องจากคุณยอมแพ้ง่ายๆ ที่จะตายแบบนี้ล่ะก็..ผมก็จะทำให้คุณตายอย่างน่าสังเวชยิ่งขึ้นก็แล้วกัน!” เย่เชียนพูดแล้วหันไปมองชิงเฟิง “ชิงเฟิงพาเขาไปขังเอาไว้และอย่าให้เขาฆ่าตัวตายได้ไม่ว่าจะวิธีใดๆ ก็ตามทั้งทางทหารและทางกายภาพ!”
“รับทราบ!” ชิงเฟิงตอบเดินเข้าไปจากนั้นก็กดหลัวโจวลงกับโต๊ะ
องค์กรทุกองค์กรก็ต้องมีกฎที่กำหนดเองเพราะถ้าหากไม่มีกฎก็จะไม่มีระเบียบและสิ่งต่างๆ ทั้งหลาย ซึ่งเขี้ยวหมาป่าก็ไม่มีข้อยกเว้นเพราะเขี้ยวหมาป่าก็มีกฎของตัวเองเช่นกัน “ชิงเฟิง! ..ฉันไม่สนใจวิธีการ..ฉันแค่ต้องการผลและข้อมูลก่อนที่พี่เทียนเฉินจะกลับมา..ฉันหวังว่านายจะทำให้เขายอมแพ้ได้นะ” เย่เชียนพูด
ชิงเฟิงยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า “บอสไม่ต้องกังวลไป..ผมสัญญาว่าจะทำให้ไอ้หมอนี่ยอมจำนน” หลังจากพูดจบหลัวโจวก็ถูกนำตัวไปที่ด้านหลังของห้องลับและถูกขังไว้และเพื่อเป็นการป้องกันในกรณีต่างๆ ชิงเฟิงก็มัดเขาเอาไว้อย่างแน่นหนาและรอบคอบอย่างมากเพราะถึงแม้ว่าเขาจะหนีไปไม่ได้ก็ตามแต่ก็ต้องป้องกันเผื่อหลัวโจวฆ่าตัวตายด้วย
หลังจากตบหน้าของหลัวโจวเบาๆ แล้วชิงเฟิงก็พูดว่า “ยินดีด้วยนะ..ฉันเพิ่งจะซื้อสมบัติอันล้ำค่ามา..เดี๋ยวฉันจะให้ดู”
หลังจากพูดเสร็จชิงเฟิงก็วิ่งออกไปและหลังจากนั้นไม่นานภาพยนตร์ลามกอนาจารจากแดนยุโรปก็ปรากฏขึ้นที่โทรทัศน์บนผนังห้องและภาพที่เย้ายวนใจก็แล่นอยู่ในสมองของหลัวโจวพร้อมกับเสียงที่เร้าใจก็ดังเข้าหูของเขาและมันก็กระตุ้นทุกเส้นประสาทในตัวเขา
หลัวโจวก็ถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะเพราะเดิมทีเขาคิดว่าชิงเฟิงจะใช้มาตรการและวิธีที่รุนแรงอย่างมาก แต่ทว่าเขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าชิงเฟิงจะทำสิ่งที่น่ารังเกียจเช่นนี้ อย่างไรก็ตามเขาก็ตระหนักได้ว่ามีดที่มองไม่เห็นใบมีดนั้นมักจะมีพิษสงร้ายแรงที่สุด จากนั้นหลัวโจวก็หลับตาลงและไม่ยอมให้ตัวเองมองภาพเหล่านั้น แต่ทว่าเสียงที่เร้าอารมณ์ที่ดังกึกก้องก็วนเวียนเข้ามาในหูของเขาเรื่อยๆ และมันก็ฝังลึกเข้าไปในร่างกายและจิตใจของเขาและมันก็กระตุ้นประสาทการรับรู้ของเขาทั้งหมด และเขาก็รู้สึกได้เลยว่าหลังจากนี้อีกไม่นานเขาจะต้องทนไม่ไหวอย่างแน่นอน
ชิงเฟิงก็เดินออกมาจากห้องและเมื่อคนอื่นๆ เห็นรอยยิ้มที่น่าสังเวชของชิงเฟิงแล้วเย่เชียนและเฟิงหลานก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเล็กน้อย “ไอ้หนูคนนี้คงทำอะไรที่ไม่ดีมาอีกล่ะสิ” เฟิงหลานพูด
ชิงเฟิงก็ยิ้มอย่างมีความสุขและบอกพวกเขาไปว่าตัวเองทำอะไรไปบ้างซึ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วเย่เชียนและเฟิงหลานก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ส่วนหวังเต๋อเซินที่อยู่ด้านข้างก็ยิ่งประหลาดใจอย่างมากซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าจะมีคนที่ทำการทรมานได้น่าสมเพชเช่นนี้และไม่คาดคิดเลยว่าเด็กหนุ่มของเขี้ยวหมาป่าคนนี้จะใช้วิธีการที่อนาจารเช่นนี้ได้
.
.
.
.
.
.
.