ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 26 เส้นทางอาชีพของลูกผู้ชาย
ตอนที่ 26 เส้นทางอาชีพของลูกผู้ชาย
“พี่สอง… สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการที่พี่กลับมาแล้ว พี่น้องเหล่านี้จะเป็นผู้ติดตามใหม่ของพี่ ขอแค่เพียงพี่เอ่ยมาคำเดียว พวกเราจะตามพี่ไป แม้กระทั่งไปเยือนนรก!” หวังหู่พูดอย่างจริงใจและดุดัน หลังจากที่เขาพูดเช่นนี้ เขาก็สบตากับพวกลูกน้องที่อยู่ข้างหลังเขาและตะโกนว่า
“พวกนายมัวมองอะไรกันอยู่ ? ทำไมยังไม่ทักทายพี่สองอีก ห๊ะ?!”
“พะ… พวกเราขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ พี่สอง!” คนอื่น ๆ พยักหน้าและพูดพร้อมกัน
เย่เชียนพยักหน้าเบา ๆ เป็นการตอบรับแล้วพูดว่า “ไอ้เสือ… ตอนนี้ฉันกลับมาแล้วก็จริง แต่ว่าฉันแค่ต้องการหางานทำและใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา ๆ เท่านั้น ฉันไม่ต้องการให้พ่อต้องเป็นกังวล”
เย่เชียนพูดยังไม่ทันจบ หวังหู่ก็พูดอย่างใจจดใจจ่อ “พี่สอง…”
เย่เชียนโบกมือเพื่อหยุดเขาและพูดต่อไปว่า “ต่อให้นายจะพูดยังไงมันก็ไม่มีประโยชน์หรอก เพราะฉันตัดสินใจเรื่องนี้ไปแล้ว… นอกจากนี้เราพี่น้องก็ไม่ควรกระทำการใด ๆ ที่โจ่งแจ้งจนเกินไปกันอีก เพราะช่วงนี้ระบบรักษาความปลอดภัยมันจะคุมเข้มขึ้นมาก… แต่อย่าห่วงไปเลย ถึงฉันจะไปทำอะไรที่ไหนก็แล้วแต่ เรื่องระหว่างพวกเรามันก็จะยังคงเหมือนเดิม และหากพวกนายมีปัญหาอะไรแล้วล่ะก็ ฉันคนนี้จะมาช่วยพวกนายเสมอ”
หวังหู่เห็นว่าเย่เชียนได้ตัดสินไปใจแล้ว เขาจึงไม่ตื้อในเรื่องนี้อีกต่อไป เขารู้ว่าสิ่งที่เย่เชียนพูดมานั้นไม่ใช่สิ่งจอมปลอม หากเขาต้องเจอกับปัญหาจริง ๆ แล้วล่ะก็ เย่เชียนจะต้องมาช่วยอย่างแน่นอน และตัวเขาเองก็จะทำเช่นเดียวกัน ถ้าเมื่อใดที่เย่เชียนมีปัญหา เขาจะไม่ลังเลที่จะไปช่วยเลยแม้แต่น้อย…
“พี่สอง… พวกเราไม่ได้เจอกันตั้งแปดปี เราต้องดื่มกันหน่อยนะคืนนี้ และอย่าหนีกลับจนกว่าเราจะเมา!”
“ได้เลยไอ้เสือ! งั้นคืนนี้… ไม่เมา ไม่กลับ!” เย่เชียนพูดพร้อมยิ้ม
……
เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว…
หวังหู่ดื่มมากจนเขาหลับลงคาโต๊ะและกรนออกมาเบา ๆ อย่างสบายใจ เย่เชียนเองก็ดื่มไปมากเช่นกันแต่เขาไม่ค่อยเมา ส่วนหลินโรโร่วนั้น เธอดื่มไปไม่น้อยกว่าพวกผู้ชายเช่นกัน และแล้วก็ถึงเวลาที่จะต้องแยกย้ายกันกลับ
เย่เชียนกำลังพาหลินโรโร่วไปส่งที่บ้านของเธอ ในระหว่างทาง เธอก็พึมพำพูดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
ในด้านของหลี่ตงนั้น เมื่อคืนเขาวางแผนที่จะมอบเงินให้เย่เชียน แต่เมื่อเขาเห็นว่าหวังหู่และเย่เชียนคุยกันอย่างมีความสุข เขาจึงไม่ต้องการเข้าไปรบกวนพวกเขาทั้งสองคนในตอนนั้น
จริงอยู่ที่ว่าหลี่ตงเป็นนักเลงหัวไม้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ใช่อาชญากรหรือมาเฟียแต่อย่างใด เขาเป็นคนสีเทา ๆ คนหนึ่งที่มีดีมีชั่วปะปนกันไป เขารู้ว่าในเขตย่านนี้หวังหู่เป็นผู้ที่มีอิทธิพลอย่างกว้างขวางมาก หลี่ตงจึงไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก
อันที่จริงแล้วตั้งแต่ที่หลี่ตงได้รู้ซึ้งถึงฝีมืออันเก่งกาจของเย่เชียน เขาก็ได้แต่คิดว่าเขาและพรรคพวกจะขอติดตามเย่เชียนได้อย่างไร หรืออย่างน้อย ๆ ถ้าหากเขาไม่ได้ติดตามเย่เชียนตามที่หวังไว้ เขาก็ขอให้ได้ติดตามหวังหู่ก็ยังดี แต่ก็อีกนั่นแหละ เขาไม่แน่ใจเลยว่าเขาจะสามารถทำเช่นนั้นได้อย่างไร
บ้านของหลินโรโร่วเป็นอะพาร์ตเมนต์ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ เธออาศัยอยู่กันสองคนกับพี่สาว ที่นั่นมีทั้งหมดสองห้องนอน หนึ่งห้องนั่งเล่น และหนึ่งห้องน้ำ หลังจากที่เย่เชียนขึ้นไปส่งเธอ พี่สาวของเธอก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยและแซวว่า
“โรโร่ว… นั่นแฟนของเธอเหรอ ? หล่อลากกระชากใจพี่มากเลยนะ…”
หลินโรโร่วดื่มมากเกินไปจนเธอไม่สามารถเข้าใจอะไรได้ เธอจึงทำเพียงมองตามเย่เชียนขณะที่เขาเดินกลับเข้าไปในรถและเผยรอยยิ้มอันแสนสุขกระจายไปทั่วใบหน้าของเธอ
เย่เชียนไม่เคยเสแสร้งแกล้งทำเป็นว่าตัวเขาเป็นคนมีคุณธรรมหรือมีศีลธรรมอันใด เขารู้แค่เพียงว่าเขานั้นไม่ต้องการที่จะวนเวียนอยู่ในโลกของอาชญากรรม และเขาเองก็เข้าใจอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งว่าในประเทศจีนนั้นโลกอาชญากรรมมันช่างร้ายแรงเป็นอย่างมาก แม้ว่าเขาอาจจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันในเซี่ยงไฮ้ได้ดีนัก เพราะเขาเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งแปลกใหม่ไม่คุ้นเคยสำหรับเขา ดังนั้นหากเขาจะต้องทำอะไรก็แล้วแต่ เขาต้องคิดให้รอบคอบเสียก่อน จะหุนหันพลันแล่นเหมือนอย่างเคยก็คงไม่ได้
ก่อนที่จะออกจากบาร์ หวังหู่ได้เตือนเย่เชียนด้วยความหวังดีจากใจจริงว่าเขาต้องระวังอู่หยางเทียนหมิงให้มากเพราะอิทธิพลของคนผู้นี้แสนจะกว้างขวาง ไม่ว่าเย่เชียนจะทำอะไรในอนาคตก็ต้องทำอย่างระมัดระวังถี่ถ้วน ห้ามประมาทเด็ดขาด อีกอย่าง อู่หยางเทียนหมิงเป็นถึงลูกชายของรองผู้ว่าเทศบาลเมืองเซี่ยงไฮ้ผู้ทรงอิทธิพล
ความจริงแล้วหากเย่เชียนตัดสินใจที่จะจัดการกับอู่หยางเทียนหมิงอย่างจริงจัง มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย เขาสามารถใช้อำนาจผ่านเบื้องบนของประเทศจีน หรือจะใช้วิธีการทางการทูต หรือแม้แต่เหล่าทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าของเขาในการจัดทำข้อมูลและการเชื่อมต่อทางธุรกิจเพื่อสร้างแรงกดดันในประเทศจีน หรือหากเขาจะจัดการกับอู่หยางเทียนหมิงโดยตรงก็ไม่มีปัญหา สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเขา แต่เย่เชียนไม่ต้องการให้เบื้องบนของจีนรู้ว่าเขากลับมาเยือนยังที่แห่งนี้แล้ว และเขาก็ไม่ต้องการให้หน่วยเขี้ยวหมาป่ารู้เช่นกัน ไม่เช่นนั้นพวกเขาทั้งหมดจะยกทัพแห่กันมาที่ประเทศจีนเหมือนฝูงผึ้งเพื่อมาหา เย่เชียน ผู้ซึ่งพวกเขายกให้เป็นราชัน ซึ่งนั่นมันมีแต่ทำให้เย่เชียนต้องปวดหัวมากขึ้น
……
รุ่งอรุณสาดแสงเป็นสัญญาณบอกถึงเช้าวันใหม่…
เย่เชียนลุกออกจากเตียงในเวลาหกโมงเช้าเหมือนอย่างเคย จากนั้นเขาก็ออกไปวิ่งออกกำลังกายข้างนอกรับลมยามเช้า และกลับเข้ามาหลังจากผ่านไปชั่วโมงหนึ่ง มันเป็นกิจวัตรประจำวันของเขามาหลายปีแล้วในฐานะผู้นำของกองทัพทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า ไม่เพียงแต่เขาที่เป็นแกนหลักและเป็นดั่งหัวใจของกลุ่ม เขาเองยังเป็นทั้งจิตวิญญาณของมันอีกด้วย เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว สภาพร่างกายของเขาจะต้องแข็งแรงฟิตปั๋งอย่างไร้ที่ติเพื่อให้เขาสามารถต้านทานสภาพแวดล้อมทุกประเภทในจักรวาลนี้ได้อย่างสมบูรณ์
เมื่อออกกำลังกายเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาสำหรับมื้อเช้า ซึ่งมื้อเช้าของเย่เชียนนั้นเป็นเพียงขนมปังง่าย ๆ เพราะเขาเน้นสะดวกและรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ขึ้นรถประจำทางไปยังบริษัทเทียนหยากรุ๊ป
วันนี้เป็นวันแรกของการทำงานในฐานะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เย่เชียนไม่อยากไปสายแต่เขากลับไม่เลือกที่จะขับรถไปเองเพราะคิดว่าคนอื่นอาจมองว่าเขาทำตัวเป็นคนโอ้อวด เขาไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าเขามีรถยนต์ขับขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงต้องมาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแบบนี้อีก
ระบบการรักษาความปลอดภัยของบริษัทเทียนหยากรุ๊ปนั้นไม่ซับซ้อน ทุก ๆ วันนอกเหนือไปจากการตรวจตราอาคารของบริษัทต่าง ๆ ในพื้นที่ที่กำหนดก็ไม่มีอะไรให้ทำอีกแล้ว นอกจากนี้เทียนหยากรุ๊ปยังเป็นบริษัทใหญ่โตและมีชื่อเสียงในเซี่ยงไฮ้ซึ่งไม่มีใครกล้าที่จะสร้างปัญหาที่นี่ แต่ถึงอย่างนั้นโดยรวมแล้วงานรักษาความปลอดภัยนี้ก็ยังคงเข้มงวดมาก
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเทียนหยากรุ๊ปทำงานกันไม่หนักเท่าไหร่ แต่สวัสดิการกลับไม่เลวเลย บริษัทเทียนหยากรุ๊ปครอบคลุมห้าประกันภัยและสามกองทุน มีอาหารให้ทานฟรีสองมื้อต่อวัน ถ้าพนักงานคนใดมีความประพฤติดีและได้รับการพิจารณาจากผู้ใหญ่ในบอร์ดบริหาร ก็สามารถเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการได้ภายในเวลาไม่กี่ปี ทำให้ทุกคนที่ทำงานที่นี่ล้วนมีโอกาสเติบโตในอนาคตและมีเส้นทางอาชีพที่ดีขึ้น
ในแผนกรักษาความปลอดภัยนั้นมีพนักงานที่ทำงานอยู่รวมทั้งหมดประมาณสิบคน แต่บางคนก็เป็นเพียงเจ้าหน้าที่กะกลางคืน ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่เคยเห็นพวกเขาเหล่านั้น
หัวหน้าเจิ้งซิน ชายผู้ที่สัมภาษณ์เย่เชียนเมื่อวันก่อนเดินนำเย่เชียนไปที่แผนกอย่างเป็นทางการเพื่อไปลงทะเบียนบรรจุเข้าเป็นบุคลากร เขาพาเย่เชียนไปรับชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยและอาวุธชุดกองกำลังพิเศษมาตรฐาน 511 เมื่อเย่เชียนเห็นเครื่องแบบและอุปกรณ์ เขาคิดว่ามันก็ไม่ได้ดูแย่อย่างที่เขาคิดไว้เลย
ในขณะที่เขาสวมเครื่องแบบอยู่นั้น เย่เชียนมีภาพผุดขึ้นมาในหัวชั่วครู่หนึ่งราวกับว่าเขายังอยู่ในทวีปแอฟริกา ขณะที่เขานำทหารหน่วยเขี้ยวหมาป่าของเขาบุกตะลุยฝ่าแดนทมิฬนั้น…
หลังจากที่เย่เชียนได้รับการแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนร่วมงานทั้งหลายแล้ว หัวหน้าเจิ้งซินก็แค่บอกหน้าที่และความรับผิดชอบของเขาในฐานะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และยังกำชับเขาด้วยว่า หากมีสิ่งใดที่เขาไม่เข้าใจ เขาสามารถถามตนหรือเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ได้เลยโดยไม่ต้องเกรงใจกัน จากนั้นเขาก็เดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผยและดูมีพลัง
เย่เชียนไม่ได้มีปฏิกิริยาใด ๆ ต่อทัศนคติหรือการวางตัวของเจิ้งซิน อย่างมากถ้าเขาไม่ชอบเจิ้งซิน เขาก็แค่ต้องเสวนากับเจิ้งซินให้น้อยลงก็เท่านั้นเอง
เมื่อเย่เชียนเห็นว่าเจิ้งซินเดินออกไปจนพ้นประตูแล้ว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งก็พูดขึ้นมาอย่างเก็บกดว่า
“ดูทำท่าเข้า… คิดว่าเป็นหัวหน้าแล้วจะเต๊ะท่าวางมาดอย่างไรก็ได้งั้นสิ น่าหมั่นไส้!”
เย่เชียนกระตุกยิ้มออกมาเบา ๆ เมื่อเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเพิ่งจะนินทาหัวหน้าให้เย่เชียนได้ยิน เขาคนนั้นคือ หวันชุนหัว เป็นชายร่างเตี้ยที่ดูตลกนิดหน่อย
“ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ชอบขี้หน้าหัวหน้าเจิ้งซินสินะ…” เย่เชียนพูดพร้อมยิ้มเจื่อน ๆ
“แหม่… นายพูดมาอย่างงี้มันก็ไม่ถูกนา ฉันไม่ได้เกลียดเขาขนาดนั้นหรอก เขาแค่เป็นหัวหน้าคนนึงที่มีความสม่ำเสมอมาก ๆ คือถ้ามีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นน่ะนะ นายจะไม่เห็นหัวเขาหรอก แต่ถ้ามีเรื่องอะไรดี ๆ ล่ะก็ เขาจะโผล่มาเอาหน้าก่อนเลยเป็นคนแรก เหอะ…! ถ้ามันไม่ลำบากที่จะหางานใหม่ทำ ฉันก็อยากจะลองงัดกับเขาดูซักตั้ง! ฮ่า ๆ ๆ ” หวันชุนหัวตอบด้วยน้ำเสียงและท่าทางใส่อารมณ์แต่ก็ยังไม่วายหยอกล้อตบท้ายเล็กน้อย
เพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ แสดงท่าทีที่เห็นด้วยกับเขา ยกเว้นก็แต่ชายหนุ่มคนหนึ่งที่อายุประมาณ 27–28 ปี ผู้ซึ่งนั่งอยู่เงียบ ๆ โดยไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ