ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 260 แผนร้ายของหมาป่าผี
ค่ำคืนอันเงียบงันและหนาวเหน็บที่มิอาจบรรยายได้
ในบ้านของเฝิงเฝิงนั้นหมาป่าผีไป๋ฮวยนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของเฝิงเฝิงอย่างเงียบๆ ซึ่งกำลังจ้องมองเฝิงเฝิงที่อยู่ตรงหน้าและมีรอยยิ้มที่เย้ยหยันอยู่ที่มุมปากของเขา
“นายคือสุดยอดทหารของเขี้ยวหมาป่าอะไรนั่นไม่ใช่เหรอ..ถ้างั้นนายก็ช่วยไปฆ่าเย่เชียนให้ฉันทีสิ” เฝิงเฝิงพูด
หมาป่าผีไป๋ฮวยก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “แล้วคุณรู้มั้ยว่าเย่เชียนเป็นใคร?”
เฝิงเฝิงถึงกับผงะไปครู่หนึ่งซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าเฝิงเฝิงนั้นเข้าใจดีว่าสิ่งที่ไป๋ฮวยถามเขานั้นไม่ใช่จะถามว่าเย่เชียนนั้นเป็นคลื่นลูกใหม่ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองหนานจิงเลย เพราะไม่เช่นนั้นคนอย่างไป๋ฮวยก็คงจะไม่ถามคำถามเช่นนี้เป็นแน่ “แล้วมันเป็นใคร?” เฝิงเฝิงถามด้วยความงุนงง
“เขาเป็นผู้นำสูงสุดของกองกำลังทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าหรือที่รู้จักกันในนามของราชาหมาป่า” ไป๋ฮ่วยพูดอย่างช้าๆ
“ซื้ด…” เฝิงเฝิงอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าไปและปล่อยมันออกมาอย่างรุนแรงเพราะเขาไม่ได้คาดหวังผลลัพธ์นี้เลยแม้แต่น้อย ปรากฏว่าเย่เชียนคนนี้เป็นถึงผู้นำของเหล่าทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าอันยิ่งใหญ่ เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาก็คิดและตระหนักอย่างสิ้นหวังว่าเขานั้นช่างโชคไม่ดีเอาเสียเลยที่ไปเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มที่ได้ครอบครองอุตสาหกรรมทั้งหมดของเฉินฟู่เฉิงและเป็นถึงผู้นำของกองกำลังทหารรับจ้างอันยิ่งใหญ่ ทันใดนั้นร่างกายของเฝิงเฝิงก็สั่นเทาเล็กน้อยและจ้องมองไป๋ฮวยอย่างกระวนกระวายและพูดอย่างร้อนรนว่า “แล้วเขาส่งนายมางั้นเหรอ? ”
ไป๋ฮวยยิ้มเจื่อนๆ และพูดว่า “อย่ากังวลไป..ฉันไม่ใช่คนของเขี้ยวหมาป่าอีกต่อไปแล้ว..เพราะงั้นสบายใจได้เลยเพราะพวกเขาไม่ได้ส่งฉันมา..แต่กลับกันเลยเพราะฉันน่ะมีความเกลียดชังและความแค้นอย่างลึกซึ้งกับพวกเขี้ยวหมาป่า..เพราะงั้นคุณเฝิงไม่ต้องกังวลไป”
เฝิงเฝิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกและเมื่อเขาตระหนักถึงเรื่องนี้แล้วเขาก็พูดว่า “ในเมื่อนายไม่ใช่คนของเขี้ยวหมาป่าแล้วและยังมีความแค้นกับพวกนั้นอีกด้วยซ้ำ..ถ้างั้นนายก็ไปฆ่าเย่เชียนซะเลยสิ..นี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับนายและฉันเลยไม่ใช่เหรอ?” เฝิงเฝิงพูดด้วยรอยยิ้มที่ยินดีเพราะเขาเคยได้เห็นความสามารถของหมาป่าผีไป๋ฮวยมาก่อนแล้วและปฏิกิริยากับการแสดงออกของไป๋ฮวยก็ดูเปลี่ยนไปและดูมีพลังมากขึ้นเพราะฉะนั้นจึงเป็นการดีที่จะให้ไป๋ฮวยไปฆ่าเย่เชียนในตอนนี้
“ฉันคิดว่าคุณคงจะลืมอะไรไปนะ..อย่างแรกเลยฉันไม่ใช่ลูกน้องของคุณ..และคุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาสั่งฉันเลย..พวกเราแค่ร่วมมือกันเพื่อบางสิ่งเท่านั้น..อย่างที่สองก็คือความบาดหมางระหว่างคุณกับเย่เชียนมันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉันเลย..แล้วทำไมฉันถึงต้องช่วยคุณฆ่าเขาด้วยล่ะ?” หมาป่าผีไป๋ฮวยยังคงมีใบหน้าที่สงบเสงี่ยมในขณะที่เขาพูดเช่นนี้ และดูเหมือนว่าจะปฏิเสธเรื่องที่ไม่สำคัญสำหรับตัวเขาเลย
เฝิงเฝิงก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและพูดว่า “ก็ในเมื่อเราตกลงร่วมมือกันแล้วถ้าฉันตายไปมันก็จะไม่เป็นผลดีสำหรับนายไม่ใช่เหรอ..นายควรจะช่วยฉันขจัดอุปสรรคสิ”
“น่าเสียดายที่ฉันได้สิ่งที่ฉันต้องการแล้ว..และตอนนี้คุณก็ไม่ได้สำคัญอะไรกับฉันเลย” ไป๋ฮวยฉีกยิ้มและพูดว่า “อ้อ..ฉันลืมบอกคุณไป..ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมดที่คุณส่งมาฝึกกับฉันน่ะ..พวกเขาเหล่านั้นเป็นคนของฉันหมดแล้ว!”
“ห๊ะ! ..เป็นไปไม่ได้! ..นี่มันเป็นไปไม่ได้..ไอ้พวกนั้นมันจงรักภักดีต่อฉันและพวกนั้นก็ไม่มีวันที่จะทรยศฉัน” เฝิงเฝิงนั้นไม่อยากจะเชื่อสิ่งเหล่านี้เลยเพราะเขาได้ส่งลูกน้องของเขาไปฝึกการต่อสู้กับไป๋ฮวยเป็นจำนวนมากกว่า 100 คน แต่ทว่าพวกเขาเหล่านั้นกลับกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของไป๋ฮวยไปอย่างไร้ซึ่งเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น
“นี่คุณไม่รู้จริงๆ เหรอว่ามันมียาบางชนิดในโลกใบนี้ที่สามารถเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นเครื่องจักรและอาวุธสังหารได้โดยไม่ต้องคิดอะไรใดๆ เลย..ตอนนี้พวกนั้นฟังแค่คำสั่งของฉันเพียงเท่านั้น..และไม่มีความรู้สึกและความนึกคิดแบบมนุษย์อีกต่อไปแล้ว” รอยยิ้มที่ชั่วร้ายบนใบหน้าของไป๋ฮวยนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าสิ่งใดที่เฝิงเฝิงเคยพบเจอมา ซึ่งทั้งหมดนี่มันก็เป็นหนึ่งในแผนการของไป๋ฮวยในการทำลายล้างเขี้ยวหมาป่านั่นเอง เพราะไป๋ฮวยนั้นทำด้วยตัวเองเพียงคนเดียวไม่ได้ เขาจึงสร้างกองทัพของเขาขึ้นมาเองอย่างสมบูรณ์แบบและมันก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะคนกว่าหนึ่งร้อยคนที่เคยอยู่ภายใต้เฝิงเฝิงนั้นถูกไป๋ฮวยฉีดยาบางอย่างเพื่อล้างสมองพวกเขาอย่างต่อเนื่องและขจัดความเจ็บปวดและความรู้สึกนึกคิดของพวกเขาออกไปจนหมดเกลี้ยง ซึ่งพูดได้เลยว่าตอนนี้คนเหล่านี้ได้กลายเป็นเครื่องจักรสังหารที่ไม่รู้จักความเจ็บปวดและไม่มีความนึกคิดหรือจิตใต้สำนึกใดๆ แบบมนุษย์อีกต่อไป ซึ่งแน่นอนว่าการทดลองเหล่านี้ก็อันตรายเมากเช่นกันเพราะมีเพียงแค่ 20 กว่าคนเท่านั้นที่รอดชีวิตจากการทดลองเหล่านี้
ใบหน้าของเฝิงเฝิงก็เริ่มมืดมนลงและความโกรธเกรี้ยวในใจของเขาก็เป็นเหมือนน้ำในแม่น้ำที่กำลังจะทำลายเขื่อนและเขาก็พูดอย่างเย็นชาว่า “แล้วที่นายมาร่วมมือกับฉันเนี่ยก็เพื่อแค่คนหนึ่งร้อยคนเท่านั้นหรอกเหรอ?”
ไป๋ฮวยส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า “แน่นอนว่ามันต้องไม่ใช่แค่นั้นอยู่แล้ว..เพราะฉันนะอยากที่จะครอบครองอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ล้ำเลิศอยู่เสมอ..และฉันก็รู้ว่าคุณน่ะมีดาบมุรามาสะอยู่ด้วยใช่มั้ย?”
เฝิงเฝิงตัวสั่นเท่าและพูดว่า “นายรู้ได้ยังไง?”
“เรื่องนั้นคุณไม่ต้องรู้หรอก..ฉันมีวิธีการของฉันก็แล้วกัน” ไป๋ฮวยพูด
“ใช่! ..ดาบมุรามาสะอยู่กับฉันจริงๆ ..แล้วนายยินดีที่จะฟังฉันเพื่อดาบนั่นนานขนาดนั้นเชียวเหรอ?” เฝิงเฝิงค่อนข้างแปลกใจเล็กน้อยเพราะถึงแม้ว่าดาบมุรามาสะจะมีชื่อเสียงอย่างมากในด้านอาวุธก็ตาม แต่มันก็เป็นแค่วัตถุเล็กๆ น้อยๆ เพียงหยิบมือเท่านั้น ซึ่งมันก็เป็นแค่ดาบคุณภาพดีและคมกว่าดาบอื่นๆ เพียงเท่านั้น เฝิงเฝิงนั้นคิดไม่ออกจริงๆ ว่าไป๋ฮวยต้องการดาบเล่มนั้นไปเพื่ออะไร
“บางอย่างคุณก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรู้หรอก..รู้แค่ว่าที่ฉันมาที่นี่ก็เพื่อดาบมุรามาซะแค่นั้นก็พอ” ไป๋ฮวยพูดอย่างเคร่งขรึม
หลังจากที่เงียบไปชั่วครู่ไป๋ฮวยก็พูดว่า “ฉันลืมบอกคุณอีกอย่างหนึ่งว่าเย่เชียนและทุกคนในเขี้ยวหมาป่านั้นเป็นของฉัน..และห้ามใครแตะต้องพวกเขาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน! ..คุณน่ะช่างโชคร้ายจริงๆ ที่ละเมิดหลักการของฉัน..เพราะงั้นคุณต้องตาย!”
เฝิงเฝิงถึงกับผงะและกำลังร้องอุทานออกมาแต่ว่ามันก็สายเกินไปแล้วเพราะลำคอของเฝิงเฝิงนั้นถูกเชือดเป็นแผลลึกและมีเลือดพุ่งออกมาอย่างน่าอนาถ เฝิงเฝิงจับลำคอของตัวเองด้วยท่าทางที่ไม่คาดคิดและไม่คาดฝันและเลือดก็พุ่งออกมาอย่างต่อเนื่องและเขาก็พยายามที่จะส่งเสียงแต่ทว่าเขาก็ไม่สามารถที่จะทำได้เลย
ไป๋ฮวยตบไหล่เฝิงเฝิงแล้วพูดว่า “แกเป็นแค่ตาเฒ่าที่อยู่ใต้พิภพที่แต่กลับกล้าที่จะท้าทายเขี้ยวหมาป่าอย่างงั้นเหรอ? ..ชีวิตต่อไปในชาติหน้าของแกก็จงจำเอาไว้เลยว่าเขี้ยวหมาป่านั้นห้ามใครแตะต้องนอกจากฉันผู้นี้!”
หลังจากพูดจบหมาป่าผีไป๋ฮวยก็หันกลับไปและเดินออกจากห้องไป ซึ่งเหล่าลูกน้องคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ บ้านต่างก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเจ้านายของพวกเขาถูกปลิดชีพภายใต้เงื้อมมือของหมาป่าผีไป๋ฮวยเลย เพราะเมื่อพวกเขาเหล่านั้นเห็นไป๋ฮวยเดินออกมาพวกเขาก็ยังคงแสดงความเคารพเหมือนปกติแต่ทว่าไป๋ฮวยก็ได้ทักทายกลับด้วยมีดของเขาอย่างเลือดเย็น
…..
เย่เชียนรู้ดีว่าการบุกโจมตีแบบฉับพลันอย่างรวดเร็วนั้นหมายถึงอะไรและด้วยวิธีนี้เขาก็จะสามารถกำจัดเฝิงเฝิงได้ก่อนที่เฝิงเฝิงจะได้เคลื่อนไหวอะไรใดๆ และเขาก็จะสามารถหลีกเลี่ยงการโต้กลับของเฝิงเฝิงได้อย่างสมบูรณ์แบบ และยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้ก็คือการล้างแค้นให้อู๋หวนเฟิงเพราะใครก็ตามที่กล้าท้าทายเขี้ยวหมาป่าแล้วก็จะไม่มีวันลอยนวลไปได้
เย่เชียนใช้ประโยชน์จากความมืดมิดของค่ำคืนยามราตรี เย่เชียนพาชิงเฟิงและหวงฟู่เส้าเจี๋ยมาด้วยและกำจัดเหล่าบอดี้การ์ดที่อยู่บริเวณด้านนอกบ้านพักของเฝิงเฝิงได้อย่างราบรื่นและแอบเข้ามาบริเวณด้านในบ้าน ทว่าดูเหมือนว่าเย่เชียนจะรู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดปกติเพราะมียามอยู่บริเวณด้านนอกของบ้านแต่กลับไม่มีคนอยู่เฝ้าภายในเลยสักคนซึ่งทำให้เย่เชียนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“บอส! ..มันมีกลิ่นคาวเลือด” ชิงเฟิงกระซิบเบาๆ
“นี่แกเป็นหมารึไงถึงได้กลิ่นเลือด” หวงฟู่เส้าเจี๋ยดูเหมือนจะเป็นคู่แข่งและคู่แค้นของชิงเฟิงไปโดยปริยายแล้วเพราะเขาหยอกล้อทันทีเมื่อได้ยินชิงเฟิงพูด
เย่เชียนจ้องเขม็งไปที่หวงฟู่เส้าเจี๋ยเพราะเย่เชียนนั้นรู้ดีว่าชิงเฟิงจะไม่มีทางพูดตลกในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้เพราะถ้าหากว่าชิงเฟิงบอกว่ามีกลิ่นคาวเลือดมันก็ต้องมีจริงๆ หวงฟู่เส้าเจี๋ยที่ถูกเย่เชียนมองเช่นนี้เขาจึงเงียบไปและปิดปากของเขาอย่างเชื่อฟัง และเย่เชียนก็พูดอย่างเย็นชาว่า “อย่าพูดอะไรที่มันไร้สาระในสถานการณ์แบบนี้อีก”
“ผมเข้าใจแล้วครับอาจารย์!” เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เชียนแล้วซึ่งเหมือนจะไม่ใช่เรื่องตลกจริงๆ หวงฟู่เส้าเจี๋ยก็เลยตอบอย่างเชื่อฟัง
“ไปๆ!” เย่เชียนพูดเบาๆ พร้อมแสดงสัญญาณมือและทั้งสามคนก็ย่องเบาเขาไปในบ้าน ซึ่งหวงฟู่เส้าเจี๋ยเองก็เติบโตมาในกองทัพเช่นกันและเขาก็ลงพื้นที่ปฏิบัติการมาเยอะเช่นกันเขาจึงมีความชัดเจนในเรื่องภาษามือเป็นอย่างดี
เมื่อพวกเขามาถึงห้องนั่งเล่นแล้วพวกเขาทั้งสามก็ต้องประหลาดใจไปกับฉากตรงหน้าของพวกเขาเพราะพวกเขาทั้งสามเห็นเฝิงเฝิงล้มลงอยู่บนโซฟาพร้อมกับรอยแผลสดๆ ที่คอโดยมีแผลถูกมีดเชือดอย่างลึก ชิงเฟิงก็เดินเข้าไปและวางนิ้วเอาไว้บนคอของเฝิงเฝิงเพื่อตรวจสอบชีพจรของเฝิงเฝิงและจากนั้นชิงเฟิงก็ส่ายหัวและพูดว่า “เขาตายแล้ว..แต่อุณหภูมิของร่างกายเขายังอุ่นๆ อยู่..ผมคิดว่าเขาเพิ่งจะถูกฆ่าเมื่อไม่นานมานี้”
คิ้วของเย่เชียนขมวดเข้าหากันแน่นเพราะถึงยังไงแล้วเฝิงเฝิงก็ยังมีอำนาจและอิทธิพลอยู่และยังมีหมาป่าผีไป๋ฮวยอีกด้วยซ้ำ แต่ทว่าตอนนี้เขากลับถูกฆ่าตายไปแล้วหรือนี่อาจจะเป็นฝีมือของหลี่จื้อเทียน? แต่เมื่อตระหนักและไตร่ตรองเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วมันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะการที่หลี่จื้อเทียนยืนอยู่จุดนี้ก็คงจะไม่ใช้วิธีดังกล่าวอย่างแน่นอน เพราะในการที่เขาจะจัดการกับเฝิงเฝิงแล้วหลี่จื้อเทียนก็คงจะใช้วิธีตามขั้นตอนผ่านความสัมพันธ์ในทุกระดับทั้งรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจอย่างแน่นอน และเขาก็จะไม่ฆ่าเฝิงเฝิงอย่างแน่นอนเพราะไม่เช่นนั้นหลี่จื้อเทียนก็คงไม่จำเป็นที่จะต้องหาใครสักคนเพื่อร่วมมือกันเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของมณฑลและประเทศอย่างแน่นอน
แล้วจะเป็นใครได้อีก? คิ้วของเย่เชียนก็ขมวดเข้าหากันแน่นกว่าเดิมเพราะคิดว่าอาจจะเป็นหมาป่าผีไป๋ฮวยหรือเปล่า? เพราะนอกเหนือจากไป๋ฮวยแล้วเย่เชียนก็คิดไม่ออกแล้ว
จู่ๆ ในทันใดนั้นร่างเงาดำๆ ร่างหนึ่งก็แวบออกมาจากห้องด้านในจากนั้นก็กระโดดออกไปทางหน้าต่างและทั้งสามคนก็ถึงกับผงะเล็กน้อยแต่ก็รีบวิ่งไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นเงาดำก็หยุดและยิ้มอย่างชั่วร้ายพร้อมพูดว่า “ฉันก็คิดเอาไว้แล้วว่าคืนนี้พวกนายจะมา..แต่ไม่คิดเลยว่าจะมากันเร็วขนาดนี้”
เย่เชียนและทั้งสามก็หยุด “พี่ไป๋ฮวย?” เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นเล็กน้อย
“นายไม่ต้องกังวลไป..ฉันจัดการเฝิงเฝิงให้แล้ว” ไป๋ฮวยพูด
“ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้ล่ะ..พี่ไม่ได้ทำงานให้เขาหรอกเหรอ?” ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะคาดเดามานานแล้วว่าไป๋ฮวยนั้นทำงานให้เฝิงเฝิงด้วยจุดประสงค์บางอย่างแต่ถึงยังไงเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะถาม
“ต้องการคำตอบงั้นเหรอ? ..ไม่ก็ง่ายมาก..เพราะพวกนายทั้งหมดเป็นของฉันและมีแค่ฉันเท่านั้นที่สามารถฆ่าพวกนายได้..และใครก็ตามที่กล้ามาแตะต้องเขี้ยวหมาป่าล่ะก็ฉันจะฆ่ามันก่อนเลย” ไป๋ฮวยพูดอย่างช้าๆ
“ไอ้ … “หวงฟู่เส้าเจี๋ยกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่ทว่าชิงเฟิงก็รีบเอามือของเขาปิดปากของหวงฟู่เส้าเจี๋ยและส่ายหัวอย่างดุดัน และหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็ดูสับสนอย่างมากเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมชิงเฟิงถึงรู้สึกกระวนกระวายเมื่อเห็นคนๆ นี้และแม้แต่อาจารย์เองก็ดูกระตือรือร้นเช่นกัน
“พี่ไป๋ฮวย..ผมอยากถามคำถามคุณ..และช่วยตอบผมตามความจริงด้วย” เย่เชียนหายใจเข้าลึกๆ และพูด
“ก็ลองถามมาสิ..แต่ฉันไม่รับประกันนะว่าฉันจะตอบนายรึเปล่า” ไป๋ฮวยพูด
“พระบรมสารีริกธาตุยังอยู่ในมือของพี่หรือเปล่า?” เย่เชียนถาม
.
.
.
.
.
.
.