ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 269 ความรันทดของหวงฟู่เส้าเจี๋ย
คำพูดของซ่งหลันนั้นอาจจะดูเหมือนสาปแช่งเย่เชียนก็ตามแต่เย่เชียนก็รู้ดีว่าสิ่งที่ซ่งหลันพูดออกมานั้นมันเป็นดั่งความรักแบบหนึ่งและเป็นการแสดงออกถึงความรักที่จริงใจที่สุดของซ่งหลัน ท่าทางการอ้อนวอนที่ยั่วยวนและทรงเสน่ห์และน่าหลงใหลพร้อมกับรอยยิ้มของเย่เชียนและเขาก็พูดซ้ำๆ ว่า “ขอบคุณ..ขอบคุณมาก..ผมรู้อยู่แล้วว่าพี่หลันน่ะดีที่สุดสำหรับผม”
แม้ว่าจะเป็นคำพูดประจบสอพลอที่เกินจริงก็ตามแต่มันก็เป็นคำพูดที่จริงใจของเย่เชียนสำหรับซ่งหลัน ซึ่งเย่เชียนก็รู้ดีว่าการแสดงความรู้สึกที่มีต่อเธอนั้นมันไม่ได้เป็นการขอบคุณเลยเพราะมันซับซ้อนและคลุมเครืออย่างมาก
ซ่งหลันก็ส่งข้อความกลับไปหาอีกฝ่ายโดยบอกว่าเธอสัญญากับพวกเขาว่าจะไถ่ถอนสินค้าเป็นเงินจำนวน 200 ล้าน เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้านหยวนแล้ว 200 ล้านนั้นก็ถือว่าเล็กน้อยอย่างมาก แต่นี่มันก็ไม่ใช่ส่วนน้อยในฐานะค่าไถ่เลยเพราะมีกฎในการทำธุรกรรมเหล่านี้และค่าไถ่ก็ควรเป็น 10% ของจำนวนทั้งหมด
อีกฝ่ายก็ไม่ได้ตอบกลับในทันทีเพราะบางทีพวกนั้นอาจจะยังไม่เห็นข้อความของซ่งหลันหรืออาจจะมีเหตุผลอื่นก็เป็นได้ แต่เนื่องจากอีกฝ่ายส่งจดหมายท้าทายเช่นนี้มาเย่เชียนจึงไม่ได้กังวลว่าพวกเขาจะไม่ตอบกลับมา และถึงแม้ว่ามูลค่าของสินค้าจะมหาศาลอย่างมากก็ตามแต่พวกโจรสลัดก็จะต้องเจอกับปัญหามากมายหากพวกเขาขายมันด้วยตัวเอง เพราะบ่อยครั้งที่โจรปล้นสะดมเหล่านี้จะขอค่าไถ่ที่น้อยกว่าของมูลค่าทรัพย์สินซึ่งมันจะดีกว่าการนำไปขายด้วยตัวเองอย่างมาก
ซ่งหลันจะคอยจัดการเรื่องการติดต่อและเย่เชียนก็เชื่อว่าเธอจะสามารถจัดการเรื่องเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี หลังจากออกจากเครือน่านฟ้ากรุ๊ปแล้วเย่เชียนก็ตรงกลับไปที่บ้านของฉินหยูและเก็บกระเป๋าเดินทางและนำกลับไปที่บ้านของซ่งหลัน เพราะพวกเธอนั้นอยู่ในละแวกเดียวกันอยู่แล้วและมันก็ง่ายมากที่จะย้ายไปมาและนอกจากนี้เย่เชียนก็ไม่ได้มีสิ่งของมากมายเพราะเขามีเพียงแค่เสื้อผ้าเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ขอให้ใครมาช่วยย้ายของ
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในช่วงบ่ายเลยจากนั้นเย่เชียนก็ไปที่บริษัทรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัดซึ่งในปัจจุบันนั้นบริษัทก็เข้าที่ลงตัวแล้ว แน่นอนว่าด้วยความช่วยเหลือของผู้ว่าการหวังปิงนั้นจึงทำให้บริษัทรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัดได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วและทำให้ชุมชนต่างๆ และโรงเรียนรวมไปถึงห้างสรรพสินค้า ฯลฯ หลายๆ แห่งอยู่ภายใต้การรักษาความปลอดภัยของบริษัทรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัดโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
เจ้าหน้าที่สำหรับการเข้ากองกำลังเขี้ยวหมาป่าที่โดดเด่นทั้งหมดนั้นถูกย้ายไปยังทวีปตะวันออกกลางและรับการฝึกที่แสนสาหัสมากที่สำนักงานใหญ่ของกองกำลังทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า เพราะต้องผ่านการฝึกอบรมหลายชุดที่หนักหน่วงแล้วเท่านั้นที่จะสามารถระบุได้ว่าพวกเขามีสิทธิ์ที่จะเข้าร่วมเขี้ยวหมาป่าได้หรือไม่ เพราะองค์กรทุกๆ คนกก็ต้องการคนรุ่นใหม่และเขี้ยวหมาป่าเองก็ไม่มีข้อยกเว้นในเรื่องนี้เช่นกัน
เมื่อเห็นเย่เชียนมาหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมากราวกับเรือที่อยู่ท่ามกลางพายุและในที่สุดก็เห็นท่าเรือสักที เพราะตั้งแต่มาที่เมืองเซี่ยงไฮ้แล้วความตื่นเต้นของหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็หมดไปเพราะไม่กี่วันหลังจากที่เขามาถึงที่นี่เขาก็ได้รู้ซึ้งว่าสิ่งที่พวกเขี้ยวหมาป่าทำกับเขานั้นช่างไร้มนุษยธรรมอย่างสิ้นเชิงด้วยการฝึกฝนอย่างหนักหน่วง และถ้าหากเมื่อไหร่ที่สมาชิกของเขี้ยวหมาป่าไม่ทรมานเขาล่ะก็คนพวกนั้นก็ดูเหมือนจะขาดอะไรบางอย่างไปและคนเหล่านั้นก็ดูเหมือนจะสนุกกับมันอย่างมาก ในความคิดของหวงฟู่เส้าเจี๋ยนั้นสิ่งที่ไร้มนุษยธรรมที่สุดก็คือชิงเฟิงนั่นเองเพราะชิงเฟิงเหมือนกับกำลังล้างแค้นเขาอย่างไงอย่างงั้นเพราะชิงเฟิงพยายามอย่างเต็มที่ที่ให้เขาฝึกฝนอย่างหนักหน่วงและทรมานอย่างมาก
อย่างไรก็ตามหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็รู้ชัดเจนอยู่ในใจว่าสิ่งเหล่านี้เป็นวิธีที่ทหารเหล่าแสดงความรักต่อพวกพ้องเพราะถ้าหากพวกเขาไม่คิดว่าเราเป็นสหายล่ะก็พวกเขาก็จะไม่สนใจและไม่ช่วยฝึกให้เช่นนี้อย่างแน่นอน
เมื่อเห็นเย่เชียนมาหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็รีบวิ่งเข้าไปหาและเกาะต้นขาของเย่เชียนแล้วพูดว่า .อาจารย์ช่วยผมด้วย..พวกเขาเป็นปีศาจ..พวกเขาทรมานผมทุกวันเลย” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูดด้วยสีหน้าที่หดหู่พร้อมกับน้ำตาบนใบหน้าของเขา
เย่เชียนนั้นดีรู้ได้โดยธรรมชาติว่ามันเกิดอะไรขึ้นเพราะนี่เป็นสิ่งที่เย่เชียนจงใจสั่งให้ชิงเฟิงทำหลังจากมาถึงเมืองเซี่ยงไฮ้ เพราะถึงแม้ว่าหวงฟู่เส้าเจี๋ยจะเป็นทหารก็ตามแต่เนื่องจากต้นกำเนิดของเขานั้นเขาไม่ได้รับการฝึกที่หนักหน่วงและเข้มงวดเช่นนี้ในกองทัพ และเพื่อทำให้หวงฟู่เส้าเจี๋ยกลายเป็นคนใหม่ที่มีความสามารถรอบด้านนั้นเขาก็ต้องได้รับการฝึกฝนที่ลำบากและโหดร้ายที่สุดเท่านั้น แน่นอนว่าการฝึกฝนของเขี้ยวหมาป่านั้นมีมาตรฐานและยอดเยี่ยมอย่างมากและถึงแม้ว่าความเข้มงวดและความโหดร้ายของการฝึกจะสูงมากก็ตามแต่ก็ไม่ถึงขั้นพิการหรือเสียชีวิตได้
“ไอ้บ้านี่..ถ้านายไม่สามารถแม้แต่จะรับการฝึกฝนเล็กๆ น้อยๆ นี้ได้ล่ะก็..กลับเมืองหนานจิงไปซ่ะ..และไปเป็นผู้บัญชาการกองร้อยทหารของนายต่อไปเถอะ..ลูกศิษย์ที่ทำให้อาจารย์อย่างเย่เชียนคนนี้ต้องเสียหน้า” เย่เชียนถีบหวงฟู่เส้าเจี๋ยออกไปและพูด
หวงฟู่เส้าเจี๋ยก็หัวเราะอย่างเชื่องช้าจากนั้นก็รีบวิ่งไปและพูดว่า “อาจารย์ไม่รู้เหรอว่าคนพวกนี้เป็นปีศาจน่ะ..พวกเขาไม่ได้เห็นผมเป็นมนุษย์เลยดูสิ..ดูผมสิแผลฟกช้ำเต็มตัวไปหมดแล้วเนี่ย”
สิ่งที่หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูดนั้นไม่ใช่เรื่องโกหกใดๆ แต่ทว่าคนอื่นๆ นั้นไม่ได้ให้การฝึกฝนกับเขาอย่างโหดร้ายเกินไปทว่ามีแต่ชิงเฟิงเท่านั้นที่ฝึกหวงฟู่เส้าเจี๋ยอย่างรุนแรงในทุกๆ ครั้ง
ในขณะที่พูดหลี่เหว่ย,ม่อหลงและชิงเฟิงก็เดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มที่น่ากลัวบนใบหน้าที่เป็นมิตรและหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็สั่นสะท้านไปทั้งตัวขณะที่เขาเฝ้ามอง “ไอ้บ้านี่..นายฟ้องบอสเหรอ? ” ชิงเฟิงฉีกยิ้มแล้วพูด
“ไม่…ไม่ใช่ๆ …ไม่เลย” ใบหน้าของหวงฟู่เส้าเจี๋ยเต็มไปด้วยความสยดสยองและก็เขากลัวชิงเฟิงอย่า
มากเพราะการฝึกของเขานั้นหนักหน่วงเกินไป
“ไม่งั้นเหรอ?” ชิงเฟิงพูดในขณะที่ฉีกยิ้มและเดินเข้าไปหาหวงฟู่เส้าเจี๋ยอย่างช้าๆ
“ใช่ๆ” เมื่อหวงฟู่เส้าเจี๋ยเห็นชิงเฟิงที่กำลังเข้ามาใกล้เขาก็รีบวิ่งหนีไป เพราะเขารู้ดีว่าถ้าเขาไม่วิ่งหนีชิงเฟิงก็จะลงมือกับเขาอย่างแน่นอน และเมื่อเห็นชิงเฟิงไม่ได้ไล่ตามเขามาหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็รู้สึกโล่งใจอย่างมากและก็กลับมาได้ใจและเกรี้ยวกราดยิ่งกว่าเดิมจากนั้นหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็หันกลับไปและตะโกนว่า “ไอ้ชิงเฟิง..แน่จริงก็มาสู้กันตัวต่อตัวสิวะ..อย่าใช้ข้ออ้างในการฝึกสิ”
“ไอ้เวรนี่ฉันจะฆ่าแก” ชิงเฟิงตะโกนกลับและวิ่งรีบตามหวงฟู่เส้าเจี๋ยไป
เมื่อจ้องมองไปที่น้องๆ ที่ซุกซนและเกรี้ยวกราดทั้งคู่แล้วเย่เชียนก็อดยิ้มไม่ได้จากนั้นก็หันไปมองม่อหลงและหลี่เหว่ยและพูดว่า “หลี่เหว่ยนายไปคุมฝึกต่อเถอะ..ฉันมีอะไรจะคุยกับพี่ม่อหลงน่ะ”
“อ่าห๊ะ!” หลี่เหว่ยตอบและหันหลังเดินออกไป
เย่เชียนนยิ้มเบาๆ และพูดว่า “ไปกันเถอะ..เข้าไปคุยข้างในกัน”
เมื่อเขาไปถึงห้องและนั่งลงแล้วเย่เชียนก็ถามว่า “พี่ม่อหลงเกิดอะไรขึ้นกับสำนักม่อของพี่บ้าง..พี่มีเบาะแสมั้ย?”
ม่อหลงก็พยักหน้าและพูดว่า “ฉันพบศิษย์พี่ของฉัน..แต่โชคไม่ดีเลยที่เขาทรยศต่อสำนักม่อจื๊อและลืมกฎของม่อจื๊อไปอย่างสิ้นเชิง”
เย่เชียนขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามว่า “แล้วพี่ได้จัดการกับเขาหรือเปล่า” สำนักม่อจื๊อนั้นจะปฏิบัติต่อผู้ทรยศเพียงอย่างเดียวก็คือลงทัณฑ์! และนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเย่เชียนถึงถาม
ม่อหลงก็ส่ายหัวตอบว่า “เปล่า..ตัวตนของเขาค่อนข้างไม่ธรรมดาน่ะ..ตอนนี้เขาเป็นหัวหน้าแก๊งชิง”
“ตู้เหลียนเฉิง?” เย่เชียนประหลาดใจอย่างมากเพราะเขาไม่คาดคิดเลยว่าหัวหน้าแก๊งชิงจะเป็นสมาชิกของสำนักม่อจื๊อ
“ใช่!” ม่อหลงพยักหน้าและพูดว่า “บอส! ..มีบางอย่างที่ฉันทำไปโดยไม่ได้ขอความยินยอมจากบอสเลย..และตอนนี้มันก็อาจจะสร้างความเดือดร้อนให้กับเขี้ยวหมาป่าด้วย..บอสลงโทษฉันได้เลย”
เย่เชียนยิ้มอย่างแผ่วเบาและพูดว่า “มันคืออะไรหรอ..มาคุยกัน”
“เดิมทีฉันต้องการใช้ตัวตนของฉันในฐานะผู้นำของสำนักม่อจื๊อเพื่อทำให้ตู้เหลียงเฉิงและพวกแก๊งชิงอยู่ภายใต้การควบคุมของเขี้ยวหมาป่าของเรา..แต่ฉันก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าเขาจะทรยศต่อสำนักของเราและเขาก็ยังพูดออกมาอีกด้วยว่าเซี่ยงไฮ้คือถิ่นของแก๊งชิงและถ้าหากเขี้ยวหมาป่าต้องการที่จะปักหลักอยู่ที่นี่ล่ะก็ต้องไปขอความยินยอมจากพวกนั้นก่อน” ม่อหลงหยุดไปชั่วขณะและพูดต่อ “ถ้าฉันไม่หุนหันพลันแล่นขนาดนั้นมันก็อาจจะไม่เป็นแบบนี้หรอก..ฉันดันรีบไปเปิดเผยตัวจนของเขี้ยวหมาป่าต่อหน้าพวกนั้น”
เย่เชียนก็หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “โถ่..ผมก็คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่สะอีก..เอาหน่าถึงแม้ว่าพี่จะไม่ได้พูดก็ตาม..ถึงยังไงตู้เหลียงเฉินก็กลัวการมีอยู่ของพวกเราอยู่ดีและถึงแม้ว่าพวกนั้นจะไม่รู้จักตัวตนทที่แท้จริงของพวกเราก็เถอะ..แต่เราก็อยู่ในเซี่ยงไฮ้นะ..เพราะงั้นพวกเขาก็ต้องรู้ความเคลื่อนไหวบางอย่างอยู่แล้ว..และการที่พวกนั้นรู้ตั้งแต่ตอนนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร..เพราะถึงยังไงเขี้ยวหมาป่าของเราก็จะต้องเผชิญหน้ากับแก๊งชิงในไม่ช้าก็เร็ว..และถ้าตู้เหลียงเฉินต้องการที่จะเคลื่อนไหวก่อนล่ะก็มันก็จะเป็นการดีเลยด้วยซ้ำ”
ม่อหลงถึงกับผงะไปชั่วครู่จากนั้นก็พยักหน้าโดยไม่ได้พูดอะไรใดๆ
เย่เชียนก็รู้นิสัยของม่อหลงดีเพราะงั้นเขาจึงไม่ได้พูดอะไรอีกเช่นกัน เย่เชียนเพียงยิ้มและตบไหล่ม่อหลงเบาๆ แล้วพูดว่า “เอาล่ะ..มีบางอย่างเกิดขึ้นในวันนี้..เรือบรรทุกสินค้าของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปของเราถูกปล้นโดยกลุ่มโจรสลัดในมหาสมุทรแปซิฟิก..พวกนั้นเสนอให้เราใช้มอบเงินค่าไถ่ 200 ล้านหยวนเพื่อแลกสินค้าเหล่านั้นน่ะ”
“โจรสลัด?” ม่อหลงขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “แล้วบอสจะทำยังไง?”
เย่เชียนยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “ความโชคดีมันมักจะมาจากความโชคร้ายและความโชคร้ายที่เกิดขึ้นครั้งนี้นั้นมันก็อาจเป็นเรื่องที่ดีเลย..และพี่หลันก็ติดต่อกลับไปที่นั่นแล้ว..ผมต้องการให้พี่มากับผมด้วย”
“ได้!” ม่อหลงพยักหน้าอย่างแน่วแน่และพูด ม่อหลงก็รู้ดีว่าทักษะและความสามารถของพวกเขานั้นยอดเยี่ยมอย่างมากเมื่ออยู่บนบก แต่ทว่าในครั้งนี้พื้นที่ปฏิบัติการมันเป็นในทะเล อย่างไรก็ตามเนื่องจากเย่เชียนขอให้เขาไปด้วยม่อหลงจึงไม่ลังเลใจใดๆ และยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่ได้ขอให้เขาไปด้วยก็ตามถึงยังไงเขาก็จะยืนกรานไปด้วยอยู่ดีเพราะนี่เป็นความศรัทธาแบบหนึ่งที่ว่าความตายนั้นไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวเพราะสิ่งที่น่ากลัวก็คือการที่เราไม่มีความศรัทธา
“การฝึกซ้อมในวันนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหลี่เหว่ยและชิงเฟิง..เพื่อให้พี่จะได้ปลุกจิตวิญญาณของพี่เพราะปฏิบัติการในครั้งนี้มันเสี่ยงอย่างมาก..และเราจะกลับมาอีกไม่ได้ถ้าเราทำพลาด” เย่เชียนพูด
“ไม่หรอก..เพราะถ้าเขี้ยวหมาป่าของเราครองแผ่นดินได้เราก็ครองมหาสมุทรได้เหมือนกัน..และไม่ช้าก็เร็วผืนมหาสมุทรทั้งหมดก็จะเป็นโลกของพวกเรา!” ม่อหลงพูดอย่างหนักแน่น
เย่เชียนฉีกยิ้มและพูดว่า “คำพูดของพี่ยอดเยี่ยมมาก..เมื่อไหร่ที่เราสามารถเป็นราชาแห่งโลกของทะเลได้ล่ะก็..เราก็จะออกหาสมบัติได้สินะ..ถ้าเราไปปล้นพวกโจรมันจะเจ๋งแค่ไหนกันเนี่ย..ฮ่าฮ่า
ม่อหลงถึงกับผงะไปเล็กน้อยแล้วยิ้มเล็กยิ้มน้อย
เนื่องจากตอนนี้ยังเช้าอยู่ซ่งหลันจึงยังไม่ได้กลับมาบ้านเพราะเธอมักจะกลับมาประมาณสามทุ่มของทุกคืน เย่เชียนเองก็ไม่อยากกลับบ้านเร็วเกินไปเขาจึงหันหน้าไปมองเหล่าพี่ๆ น้องๆ รอบข้างเพราะเป็นการดีที่จะรวมตัวกับพี่น้องของเขาในที่นี้ แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่ขมขื่นสำหรับหวงฟู่เส้าเจี๋ยเพราะเย่เชียนบอกว่าเขาต้องการตรวจสอบผลการฝึกซ้อมของตัวเองในวันนี้และผลที่ออกมาก็คือจมูกและใบหน้าของหวงฟู่เส้าเจี๋ยบวมและไม่มีจุดใดบนร่างกายของเขาที่ไม่ฟกช้ำเลย เขาจึงถูกไล่ให้ไปพักผ่อนเพื่อพักฟื้น
.
.
.
.
.
.
.