ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 283 พันธมิตรของทั้งสองฝ่าย
ตอนที่ 283 พันธมิตรของทั้งสองฝ่าย
“บอกผมหน่อยสิว่าผมต้องทำยังไงคุณถึงจะบอกผมเกี่ยวกับตัวคุณทั้งหมด” เย่เชียนพูด
“นั่นก็ขึ้นอยู่กับผลงานของคุณ..ฉันจะบอกคุณเองเมื่อฉันพอใจ” หูวเค่อพูด
เย่เชียนก็ไม่ได้ที่จะส่ายหัวเพราะเห็นได้ชัดเลยว่าผู้หญิงคนนี้รับมือได้ยากกว่าจ้าวหยามากและดูเหมือนว่าจะไม่ง่ายเลยที่จะเค้นความลับออกจากปากของเธอ และเนื่องจากเธอไม่ต้องการพูดถึงเช่นนี้เย่เชียนก็รู้ดีว่าต่อให้เขาจะถามแค่ไหนมันก็ไร้ประโยชน์ ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่ได้พยายามที่จะถามต่อ
หลังจากจัดการกับนักฆ่าขององค์กรดาร์คลิลลี่ทั้งหมดแล้วเย่เชียนกับหูวเค่อก็ช่วยกันทำความสะอาดบ้าน ซึ่งนักฆ่าจากองค์กรดาร์คลิลลี่ทำให้เย่เชียนรู้สึกขุ่นเคืองอย่างมากและดูเหมือนว่าตงเซียงกรุ๊ปจะต้องได้รับการกวาดล้างโดยเร็วที่สุดและนี่ก็คือจุดมุ่งหมายที่แท้จริง
สำหรับองค์กรดาร์คลิลลี่นั้นเย่เชียนก็ไม่คิดที่จะเพิกเฉยแต่อย่างใดเพราะเมื่อหลังจากทำลายตงเซียงกรุ๊ปลงได้แล้วต่อไปมันก็ถึงเวลาขององค์กรดาร์คลิลลี่ที่ต้องสูญสิ้นออกไปจากโลกใบนี้
เช้าวันรุ่งขึ้นเย่เชียนก็ได้รับสายโทรศัพท์จากแจ็คโดยรายงานว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนจากบริษัทรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัดที่ประจำการอยู่ในเขตโครงการเมืองเก่าถูกทำร้ายและถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลแล้ว ซึ่งทำให้คิ้วของเย่เชียนขมวดกันแน่นเพราะดูเหมือนว่าตงเซียงกรุ๊ปจะเกรี้ยวกราดอย่างมาก อย่างไรก็ตามไม่ว่าตงเซียงกรุ๊ปจะสร้างปัญหาสักแค่ไหนแต่ก็ทำอะไรไมได้อยู่ดีเพราะทรัพย์สินและที่ดินเหล่านั้นเป็นของเย่เชียนแล้ว เว้นแต่ตงเซียงกรุ๊ปจะข้ามศพของเย่เชียนไปได้
ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของไอร่อนบลัดจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการต่อสู้ก็ตามแต่ถึงยังไงพวกเขาก็จะมีปัญหาในการเผชิญหน้ากับพวกอันธพาลหรือมาเฟียไม่กี่สิบคน แต่ทว่าคราวนี้อีกฝ่ายคงจะส่งพวกหัวรุนแรงจำนวนมากมา แต่สิ่งที่ทำให้เย่เชียนประหลาดใจก็คือทำไมตงเซียงกรุ๊ปถึงได้มีพวกอันธพาลหรือมาเฟียจำนวนมากเช่นนี้ได้
“นายรู้มั้ยว่าพวกนั้นเป็นใคร?” เย่เชียนถามอย่างเย็นชา
“พวกมาเฟียของแก๊งชิง!” แจ็คตอบ
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่นอีกครั้งเพราะท้ายที่สุดแล้วตงเซียงกรุ๊ปก็จับมือเป็นพันธมิตรกับเครือชิงกรุ๊ป ซึ่งยักษ์ใหญ่ทั้งสองได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียวและอิทธิพลของพวกเขาก็ยิ่งใหญ่มากกว่าเดิม หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเย่เชียนก็พูดว่า “เพิ่มกำลังคนให้มากขึ้นอีก! ..และเรียกหลี่เหว่ย..ชิงเฟิงและพี่ม่อหลงมาด้วย..และติดต่อไปหาพี่หลิวเทียนเฉินด้วยและถามว่าถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในเมียนมาร์แล้วก็บอกให้พวกเขารีบกลับมาทั้งหมด..ส่วนฉันจะไปหาฉินเทียนก่อน..เรื่องนี้ค่อยจัดการหลังจากที่ฉันกลับไป”
“ผมแจ้งพี่เฟิงหลานไปแล้ว..พวกเขาขึ้นเครื่องกันเมื่อคืนนี้” แจ็คตอบ
“เอาล่ะๆ ..งั้นนายจัดการเรื่องต่างๆ ไปก่อนก็แล้วกัน” เย่เชียนพูดด้วยความพึงพอใจ
แจ็คตอบและวางสายไป เมื่อเย่เชียนวางโทรศัพท์แล้วเขาก็ขับรถไปที่บ้านของฉินเทียน เพราะศัตรูได้เคลื่อนไหวครั้งใหญ่แล้วเขาก็ไม่สามารถนั่งนิ่งนอนใจได้อีกต่อไปและถึงเวลาที่จะต้องตอบโต้กลับแล้ว
ใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงบ้านของฉินเทียน หลังจากที่เย่เชียนเปิดประตูเข้าไปเขาก็เห็นฉินเทียนนั่งอยู่บนโซฟาและกำลังดื่มชาอยู่อย่างสบายใจเฉิบราวกับว่าฉินเทียนจะรู้ว่าตนกำลังมาหาเขา เมื่อเห็นเย่เชียนเข้ามาฉินเทียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “มาสิ..นั่งลงก่อน!”
เย่เชียนก็ทำตัวสบายๆ เช่นกันและนั่งลฝั่งตรงข้ามของฉินเทียนโดยไม่ได้พูดอะไรเขาเพียงหยิบถ้วยน้ำชาและรินให้กับตัวเองและดื่มมันเบาๆ เมื่อเห็นเช่นนั้นฉินเทียนก็หัวเราะเบาๆ
“มีอะไรถึงได้มาหาฉันหรือ?” ฉินเทียนถามด้วยรอยยิ้ม
“โถ่ลุงฉิน..คุณก็รู้ว่าผมมาหาคุณทำไม” เย่เชียนพูด
“ตงเซียงกรุ๊ปหรือเครือชิงกรุ๊ปกันล่ะ?” ฉินเทียนถามอย่างรู้ทัน
“ทั้งสองเลย” เย่เชียนพูด “มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นในเมืองเซี่ยงไฮ้แห่งนี้..และอย่าบอกนะว่าคุณไม่รู้เรื่องอะไรเลย..คุณไม่มีความคิดเห็นอะไรบ้างเลยหรอ?”
“แน่นอนว่าต้องมีอยู่แล้ว..แต่ฉันเห็นว่าหลานเย่มาหาฉันโดยเฉพาะฉันก็เลยยังไม่ได้พูด” ฉินเทียนพูดติ่ “หลานเย่อยากให้ฉันทำอะไรกันล่ะ?”
“ผมต้องการให้หงเหมินกรุ๊ปใช้มาตรการและเดินหน้าอย่างเต็มที่..ผมต้องการกว้างล้างสิ่งต่างๆ ในเมืองเซี่ยงไฮ้!” เย่เชียนพูดอย่างจริงจัง “ลุงฉินอยู่ในเซี่ยงไฮ้มานานกว่าผมเพราะงั้นคุณก็ต้องรู้เกี่ยวกับตงเซียงกรุ๊ปกับพวกแก๊งชิงมากกว่าผมอยู่แล้ว..ซึ่งผมต้องการข้อมูลของเหล่าผู้บริหารและผู้จัดการอาวุโสทุกคนและข้อมูลที่อยู่และกิจวัตรประจำวันของพวกเขาทั้งหมด!”
ฉินเทียนก็หัวเราะเบาๆ และหันไปข้างๆ จากนั้นก็หยิบกองเอกสารออกจากโซฟาและส่งมันให้กับเย่เชียนพร้อมพูดว่า “ทุกอย่างที่หลายเย่ต้องการอยู่นี่หมดแล้ว..หลานเย่ช่วยบอกฉันถึงแผนการทั้งหมดหน่อยได้มั้ย? ”
“ไม่มีแผนการอะไรใดๆ ทั้งสิ้น..ต้องฆ่าเท่านั้น!” เย่เชียนพูดอย่างเคร่งขรึม
“แล้วหลานเย่จะให้ฉันร่วมมือด้วยยังไงล่ะ?” ฉินเทียนถาม
“ในขณะที่ผมไล่กวาดล้างพวกนั้น..หงเหมินกรุ๊ปก็ไล่กลืนกินทั้งหุ้นและธุรกิจและบริษัทตงเซียงกรุ๊ปกับแก๊งชิงทั้งหมด..สำหรับลุงฉินแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรใช่มั้ย?” เย่เชียนพูดอย่างจริงจัง
“ปัญหามันก็ไม่ได้ใหญ่ถึงขนาดนั้น..แต่กุญแจสำคัญก็คือหลานเย่ต้องกวาดล้างคนพวกนั้นให้หมดจดและทำให้แก๊งชิงกับตงเซียงกรุ๊ปจมดิ่งสู่ความโกลาหลเพื่อที่ฉันจะได้โจมตีพวกมันได้อย่างสมบูรณ์ในครั้งเดียว” ฉินเทียนพูด
“ถ้างั้นมันก็ถึงเวลาที่ต้องตัดสินแล้ว..เที่ยงคืนของคืนนี้ผมจะทำให้เมืองเซี่ยงไฮ้ทั้งเมืองยุ่งเหยิงและโกลาหลกันไปหมด..ผมจะทำให้แก๊งชิงและตงเซียงกรุ๊ปต้องเผชิญหน้ากับประตูนรก!” ดวงตาของเย่เชียนเปล่งประกายสัมผัสแห่งเจตนาฆ่าและจิตสังหารอย่างมาก เพราะตงเซียงกรุ๊ปกับแก๊งชิงทำให้เขาโกรธเกรี้ยวอย่างมากโดยส่งทั้งนักฆ่าและเหล่ามาเฟียมาโจมตีตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าและถ้าหากพวกเขี้ยวหมาป่าไม่ตอบโต้กลับบ้างล่ะก็พวกนั้นก็คงจะคิดว่าพวกเรากำลังกลัว
ฉินเทียนยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “หลานเย่..ฉันมีอีกอย่างที่อยากจะบอกน่ะ”
เย่เชียนตกตะลึงไปชั่วขณะและพูดว่า “ลุงฉินพูดมาได้เลยครับ”
“หลานเย่รู้มั้ยว่าทำไมฉันถึงแนะนำหลานเย่ให้เฉินฟู่เฉิงน่ะ” ฉินเทียนถาม
เย่เชียนส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า “อันที่จริงผมก็อยากรู้เรื่องนี้มาโดยตลอด..เพราะลุงฉินก็สามารถแนะนำคนจากหงเหมินกรุ๊ปเพื่อทำให้อิทธิพลและอำนาจของหงเหมินกรุ๊ปสามารถเข้าสู่เมืองหนานจิงได้และจะทำให้พวกคุณยิ่งใหญ่กว่าเดิม”
ฉินเทียนยิ้มและพูดว่า “ฉันรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าฟู่เฉิงป่วยหนักและเขาก็ขอให้ฉันช่วยมองหาผู้สืบทอดตำแหน่งให้เขาน่ะ..ฉันเองก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตลอดเหมือนกัน..แต่หลังจากที่ฉันเจอหลานเย่ที่บ้านของหยูเอ๋อแล้วฉันก็ตัดสินใจในทันทีที่จะแนะนำหลานเย่ให้กับฟู่เฉิง..แต่แน่นอนว่าการตัดสินใจครั้งสุดท้ายนั้นเป็นของฟู่เฉิงเอง..ซึ่งเป็นเพราะหลานเย่เองที่ทำให้เขาพอใจและเขาก็มอบทรัพย์สินและสมบัติทั้งหมดของเขาให้กับหลานเย่..และแล้วสุดท้ายหลานเย่ไม่ได้ทำให้เขาและฉันผิดหวังเลย”
เย่เชียนจ้องมองไปที่ฉินเทียนโดยไม่ได้พูดอะไรใดๆ
“หลังจากผ่านประสบการณ์ชีวิตการสู้ชีวิตมานานหลายปีฉันก็เหนื่อยแล้ว..แต่ก็ปล่อยวางมันไปไม่ได้..เพราะท้ายที่สุดแล้วฉันก็ยังมีพี่น้องอีกมากมายที่ต้องดูแล..และสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองหนานจิงน่ะฉันเองก็ไม่ได้ช่วยอะไรหลานเย่เลย..ที่จริงฉันก็แค่อยากจะทดสอบหลานเย่และดูว่าหลานเย่สามารถรับมือกับคนเหล่านั้นได้หรือเปล่า..เพราะถ้าหากว่าหลานเย่ทำได้ล่ะก็รากฐานของหงเหมินกรุ๊ปของฉันน่ะหลานเย่ก็จะเป็นผู้สืบทอดต่อจากฉัน..และฉันก็จะได้ปล่อยวางได้สักทีและมีความสุขอยู่กับวัยชราของฉันที่เหลือได้อย่างหมดห่วง”
“หมาล่าเนื้อจะต้องตายบนภูเขาและนายพลจะต้องตายในสนามรบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว..ส่วนคนอย่างพวกเราไม่สามารถสงบสุขและปลอดภัยได้เสมอไป..บางทีวันหนึ่งเราอาจจะตายไปด้วยน้ำมือของใครก็ไม่รู้..เพราะงั้นควรปล่อยวางให้เร็วที่สุดโดยหาผู้สืบทอดต่อ..หลานเย่! ..เมื่อเรื่องนี้จบลงทรัพย์สินและหุ้นทั้งหมดของหงเหมินกรุ๊ปของฉันจะถูกส่งมอบให้หลานเย่โดยตรง..หลานเย่อย่าทำให้ฉันผิดหวังนะ” ฉินเทียนพูด
เย่เชียนถึงกับตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็พยักหน้าอย่างงุนงง ไม่ใช่ว่าเย่เชียนไม่สามารถเข้าใจได้หรืออะไรเพราะมันเป็นความจริงใจในคำพูดของฉินเทียนที่เย่เชียนได้ยินและเขาก็ไม่จำเป็นต้องที่จะต้องแสดงออกอะไรมาก อิทธิพลและอำนาจและพลังของหงเหมินกรุ๊ปนั้นเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมอย่างมากสำหรับการพัฒนาเขี้ยวหมาป่าและยิ่งไปกว่านั้นยังมีพลังลึกลับบางอย่างที่ยังทำให้เย่เชียนต้องกังวลอยู่ เพราะฉะนั้นเย่เชียนต้องขยายพลังและอำนาจของเขาให้ได้มากที่สุดเพื่อที่ว่าหากเขาเผชิญหน้ากับมันในอนาคตเขาก็จะสามารถมีพลังที่จะต้านทานและโต้กลับได้อย่างสมบูรณ์
ฉินเทียนยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “ส่วนหยูเอ๋อน่ะหลานเย่รอเธอหน่อยนะ..เรื่องนี้ฉันช่วยหลายเย่ไม่ได้จริงๆ”
เย่เชียนก็พยักหน้าและพูดว่า “ครับ..ไม่ต้องห่วงลุงฉิน..มั่นใจได้เลยว่าหงเหมินกรุ๊ปจะต้องรุ่งโรจน์ในมือของผมเอง”
“ฉันก็เชื่อว่ามันจะต้องมีวันนั้น” ฉินเทียนพูด “เอาล่ะ..หลานเย่ไปจัดการเรื่องแผนของหลานเย่เถอะ..เดี๋ยวฉันจะสั่งให้คนของฉันร่วมมือกับแผนของหลานเย่เอง..”
…..
แก๊งชิงหรือเครือชิงกรุ๊ปนั้นแตกต่างจากตงเซียงกรุ๊ปอย่างสิ้นเชิงเพราะรากฐานของแก๊งชิงเป็นเหล่ามาเฟียนรกจากใต้ดินที่พัฒนาขึ้นมาเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ และถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีอุตสาหกรรมเป็นของตัวเองทว่าพวกนั้นก็ยังควบคุมสถานบันเทิงส่วนใหญ่ในเซี่ยงไฮ้เอาไว้ และยิ่งไปกว่านั้นภายในแก๊งชิงยังมีการแบ่งแยกตามลำดับชั้นและมีโครงสร้างองค์กรขนาดใหญ่และอุตสาหกรรมเหล่านั้นก็เป็นเพียงแค่เบื้องหน้าเท่านั้น
แม้ว่าตงเซียงกรุ๊ปจะมีการลักลอบค้ายาเสพติดก็ตามแต่ก็ไม่มีโครงสร้างองค์กรขนาดใหญ่เหมือนกับของแก๊งชิงแต่อย่างใด เพราะตงเซียงกรุ๊ปเพียงแค่ใช้เครือข่ายการตลาดในอุตสาหกรรมขนส่งของตัวเองในการลักลอบขนส่งยาเสพติดเข้าสู่ประเทศแล้วจัดจำหน่ายไปทั่วประเทศนั่นเอง
การกวาดล้างแก๊งชิงหรือเครือชิงกรุ๊ปนั้นแตกต่างจากการกวาดล้างตงเซียงกรุ๊ปอย่างสิ้นเชิงในการทำลายในเชิงธุรกิจนั้นเพราะตราบใดที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารและผู้จัดการในแก๊งถูกกำจัดไปแก๊งชิงก็จะตกอยู่ในความโกลาหลอย่างแน่นอน ควบคู่ไปกับการสนับสนุนของหงเหมินกรุ๊ปด้วยแล้วแก๊งชิงกับเครือชิงกรุ๊ปก็จะถูกกำจัดออกไปจากเมืองเซี่ยงไฮ้อย่างสูญสิ้น
การกวาดล้างตงเซียงกรุ๊ปนั้นสามารถยื้อเวลาในการต่อสู้ได้ แต่การกวาดล้างแก๊งชิงนั้นต้องใช้การต่อสู้ที่รวดเร็วและต้องสามารถปิดฉากในคราวเดียวได้
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนได้พูดเอาไว้แล้วว่ารัฐบาลกลางจะปิดหูปิดตาจากเมืองเซี่ยงไฮ้ชั่วคราวตราบใดที่ไม่มีใครสร้างปัญหามากและกระทบต่อประเทศมากเกินไป ในความเป็นจริงแล้วเย่เชียนก็รู้ดีว่าผู้นำของรัฐบาลกลางนั้นต้องการยืมมือของเขาเองเพื่อกำจัดภัยพิบัติขนาดใหญ่ของตงเซียงกรุ๊ปที่มีรากฐานอยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้แห่งนี้นั่นเอง
ในขณะที่เย่เชียนไปหาฉินเทียนนั้นอีกด้านหนึ่งตู้เหลียงเฉิงและเหว่ยตงเซียงก็นั่งเสวนากันอยู่ในห้องส่วนตัวที่สโมสร ด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายบนใบหน้าของเหว่ยตงเซียงพร้อมกับหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาและพูดว่า “ประธานตู้..ยินดีกับการร่วมมือ!”
“เดี๋ยวก่อนคุณเหว่ย! ..เรามาพูดถึงผลตอบแทนและผลกำไรของแผนการนี้กันก่อนสิ!” ตู้เหลียงเฉิงพูดอย่างเคร่งขรึม
“เราไม่ได้ตกลงกันแล้วเหรอ? ..คุณก็แค่ส่งคนของคุณไปกำจัดเย่เชียนก็แค่นั้น…คุณไม่ได้เสียเงินอะไรเลย..คุณก็แค่นั่งรอและสนุกไปกับมันแค่นั้นไม่ใช่เหรอ?” เหว่ยตงเซียงขมวดคิ้วแน่นและไฟในใจของเขาก็ลุกโชนขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยว เพราะสิ่งนี้เห็นได้ชัดเลยว่าตู้เหลียงเฉิงต้องการใช้ประโยชน์จากครั้งนี้และพยายามข่มขู่ตัวเองซึ่งเหว่ยตงเซียงก็คิดอย่างลับๆ
“ในตอนแรกเราตกลงกันเอาไว้แค่ว่าเราจะช่วยคุณการจัดการกับพวกที่ต่อต้านคุณก็แค่นั้น..แต่คุณไม่ได้บอกเราว่าจะกำจัดเย่เชียนหนิ” ตู้เหลียงเฉิงพูดต่ออย่างจริงจังว่า “คุณรู้มั้ยว่าเย่เชียนคือใคร? ..มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะที่จะจัดการกับเขาน่ะ”
เหว่ยตงเซียงถึงกับผงะและแน่นิ่งไปชั่วขณะเพราะอันที่จริงเขาก็ไม่รู้รายละเอียดของเย่เชียนเลย นักฆ่าขององค์กรดาร์คลิลลี่เหล่านั้นได้รับการว่าจ้างมาจากคนที่อยู่เบื้องหลังของเขาอีกทีและแน่นอนว่าพวกเธอจะไม่บอกอะไรกับเขาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเย่เชียนอย่างแน่นอน และเมื่อตู้เหลียงเฉิงพูดเช่นนั้นแล้วเหว่ยตงเซียงก็อดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัยว่า “มันคือใคร?”
.
.
.
.
.
.
.