ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 285 ล่าหัว ตอนที่ 2
ตอนที่ 285 ล่าหัว ตอนที่ 2
มีเหล่านักธุรกิจและเหล่าคนดังมากมายมาที่นี่เพื่อสังสรรค์และดื่มกิน แต่ไม่มีใครที่ใจกว้างเหมือนกับเย่เชียนเลยเพราะโดยปกติแล้วแขกเหล่านั้นก็มักจะให้ทิปประมาณห้าสิบถึงหนึ่งร้อยหยวนซึ่งนั่นก็ถือว่าเยอะมากพอแล้วสำหรับงานต้อนรับง่ายๆ เช่นนี้ แต่ทว่าครั้งนี้เย่เชียนกลับให้พวกเธอมากกว่าหนึ่งพันหยวนอย่างใจกว้าง ซึ่งในเวลานี้พนักงานสาวต้อนรับทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะคิดเรื่องนี้อย่างลับๆ ว่าในเมื่อเย่เชียนเย่เชียนร่ำรวยมากถึงขนาดนี้ดังนั้นผู้ชายคนที่เลือดกำเดาไหลก็คงจะไม่เลวร้ายนักและตราบใดที่พวกเธอยินยอมเขานั้นพวกเธอคงจะมีชีวิตที่ดีใช่หรือไม่?
พนักงานสาวต้อนรับทั้งสองต่างก็ต้องมองหน้ากันและกันเพราะพวกเธอนั้นสามารถรับรู้ได้ถึงความคิดของกันและกันได้อย่างชัดเจนและจากนั้นไม่นานพวกเธอก็หันหน้าออกจากกัน ซึ่งดูเหมือนว่าพวกเธอจะกลายเป็นคู่แข่งกันในเรื่องของความรักไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
เย่เชียนสั่งห้องส่วนตัวและเรียกพนักงานสาวมาสองคนซึ่งพวกเธอเป็นพนักงานนวดเท้ามืออาชีพ ส่วนหวงฟู้เส้าเจี๋ยก็ไม่สามารถนั่งอยู่นิ่งๆ ได้เพราะดวงตาของเขามัวแต่จับจ้องและกวาดไปรอบๆ อย่างไม่หยุดไม่หย่อน เมื่อเย่เชียนเห็นเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวอีกครั้ง “อาจารย์! ..สาวๆ ต่างชาติเหล่านั้นสวยมากเลย..อาจารย์ไปถามพวกเธอให้ผมหน่อยสิ..ฮ่าฮ่า?” หวงฟู้เส้าเจี๋ยพูดอย่างคาดหวัง
“ไอ้บ้าเอ๊ย..ในหัวสมองมีแต่หนอนรึไง” เย่เชียนจ้องเขม็งเขาและพูด
พนักงานนวดสาวก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อย จู่ๆ พนักงานนวดสาวคนที่นวดให้หวงฟู้เส้าเจี๋ยก็พูดขึ้นมาว่า “คุณคะ..เรามีบริการแบบนั้นอยู่ที่ชั้นบนด้วยค่ะ..ถ้าคุณต้องการฉันสามารถจัดเตรียมให้คุณได้ค่ะ”
หวงฟู้เส้าเจี๋ยดีใจอย่างมากและพูดอย่างเร่งรีบว่า “จริงเหรอๆ ..ถ้างั้นก็จัดการเลย”
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ หลังจากนั้นเย่เชียนก็ยื่นเงินสองร้อยหยวนให้กับพนักงานนวดสาวคนนั้นและพูดว่า “ฝากคุณจัดการด้วยนะ..พาไอ้หนุ่มนี่ออกไปได้ซะ”
“ขอบคุณครับท่านอาจารย์!” หวงฟู้เส้าเจี๋ยก็ลุกขึ้นยืนและจัดท่าทางและเสื้อผ้าของเขาให้เข้าที่และเดินตามพนักงานนวดสาวคนนั้นออกไป
“อย่าช้าล่ะ..ฉันให้เวลานายแค่หนึ่งชั่วโมงนะ..เรายังมีธุระที่ต้องทำ!” เย่เชียนพูด
“ชั่วโมงเดียวเองหรออาจารย์” หวงฟู้เส้าเจี๋ยพูด
“อย่ามาไร้สาระ..นายจะทำตั้งหนึ่งชั่วโมงเลยรึไงห๊ะ!” เย่เชียนจ้องเขม็งหวงฟู้เส้าเจี๋ยและพูด ซึ่งเมื่อพนักงานนวดสาวทั้งสองได้ยินเช่นนี้พวกเธอก็ยิ้มอย่างซุกซน
หวงฟู้เส้าเจี๋ยก็เลียริมฝีปากของตัวเองและเดินออกไปข้างนอกอย่างเชื่อฟัง
พนักงานนวดสาวที่กำลังนวดเท้าให้เย่เชียนอยู่จู่ๆ เธอก็ถามขึ้นมาว่า “แล้วคุณล่ะคะ..คุณต้องการใช้บริการอย่างอื่นด้วยมั้ยคะ?”
เย่เชียนนั้นรู้ได้โดยธรรมชาติว่าเธอหมายถึงอะไร จากนั้นเขาก็ส่ายหัวและพูดว่า “ไม่เป็นไรๆ ..แต่คุณกดจุดเป็นมั้ย”
“ได้ค่ะ!” พนักงานนวดสาวก็ตอบว่า “ฉันถนัดมาก”
เย่เชียนก็พยักหน้าและยื่นเงินให้เธอห้าร้อยหยวนแล้วพูดว่า “เมื่อเร็วๆ นี้ผมปวดเมื่อยนิดหน่อยน่ะ..กดจุดให้ผมที..และถ้าผมหลับไปก็อย่าลืมปลุกผมให้หน่อยนะในอีกหนึ่งชั่วโมงน่ะ”
พนักงานนวดสาวรู้สึกแปลกใจอย่างมากเพราะแขกคนนี้ใจดีเกินไป จากนั้นเธอจึงพูดอย่างเร่งรีบว่า “ได้ค่ะ..ฉันถนัดมากคุณวางใจได้เลย”
เย่เชียนก็นอนลงบนโซฟาจากนั้นพนักงานนวดสาวก็นวดเขาเบาๆ ซึ่งช่วงนี้เย่เชียนเองก็เผชิญกับงานหนักมาโดยตลอดและต้องรับมือกับนักฆ่าจากองค์กรดาร์คลิลลี่จำนวนมากอีกเขาจึงค่อนข้างเหนื่อยล้าเล็กน้อย และภายใต้เทคนิคการนวดที่เชี่ยวชาญของพนักงานนวดสาวคนนี้นั้นเย่เชียนก็เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
ไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วพนักงานนวดสาวก็ปลุกเย่เชียนให้ตื่นและเมื่อเย่เชียนลืมตาขึ้นมาเขาก็รู้สึกว่าเขาผ่อนคลายขึ้นอย่างมากและเขาก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยให้กับพนักงานนวดสาวคนนั้นและเมื่อเขาหันไปก็เห็นหวงฟู่เส้าเจี๋ยนั่งอยู่อีกฝั่งด้วยพร้อมกับใบหน้าที่หดหู่ ซึ่งเมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเล็กน้อยและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“อาจารย์ผมเสียหน้าอย่างมากเลย..ผมละอายใจตัวเองมาก..เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเธอแล้วผมไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงความเร่าร้อนของชายชาวจีนได้เลย” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูดด้วยความเสียใจ
“ฮ่าฮ่า! ..” เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะเย้ยและพนักงานนวดสาวที่นวดเขาก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยเช่นกัน
“เอาเถอะๆ ..อย่าเสียใจไปเลย..คราวหน้าค่อยลองใหม่..อีกหน่อยเดี๋ยวก็ชิน” เย่เชียนพูด แต่ในใจเขาก็แอบคิดว่าหวงฟู่เส้าเจี๋ยจะไปรับมือกับหญิงสาวที่เชี่ยวชาญเหล่านั้นได้ที่ไหน? จากนั้นเย่เชียนก็หันไปมองพนักงานนวดสาวแล้วถามว่า “คุณมาทำงานที่นี่นานแค่ไหนแล้ว”
“สามปีค่ะ!” พนักงานนวดสาวตอบอย่างสุภาพ เพราะแขกอย่างเย่เชียนนั้นหาได้ยากมากเพราะไม่เพียงแค่เป็นคนใจกว้างและใจดีเพียงเท่านั้นเพราะเขายังไม่หยิ่งผยองและทำตัวโออ่าอีกด้วยซึ่งเขานั้นเป็นกันเองอย่างมาก จึงทำให้พนักงานนวดสาวสามารถคุยกับเขาได้อย่างเป็นธรรมชาติและแน่นอนว่าเธอจะตอบทุกคำถามเท่าที่เธอสามารถตอบได้
“ถ้างั้นคุณก็น่าจะรู้จักเหว่ยเฉิงหลงใช่มั้ย..ที่เป็นดั่งเจ้าชายของตงเซียงกรุ๊ปที่มีชื่อเสียงในเมืองเซี่ยงไฮ้ของเราน่ะ” เย่เชียนถาม
“ใช่ค่ะ..เขามักจะมาที่นี่อยู่บ่อยๆ ..อย่างน้อยๆ ก็สัปดาห์ละสามสี่ครั้งค่ะ..และปกติเขาก็จะอยู่ที่ชั้นบนค่ะ” พนักงานนวดสาวตอบ
เย่เชียนก็พยักหน้าเพราะบริการของชั้นบนนั้นเป็นทางการอย่างมาก จากนั้นเย่เชียนก็สวมรองเท้าและหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมาแล้วยื่นให้พนักงานนวดสาวจากนั้นก็พูดว่า “วันนี้ต้องขอบคุณมากเลย..ทักษะการนวดของคุณดีมากเลย” หลังจากพูดจบเขาก็เตะหวงฟู่เส้าเจี๋ยเบาๆ และพูดว่า “ไปได้แล้ว!”
พนักงานนวดสาวรู้สึกประหลาดใจและตกตะลึงอย่างมากในวันนี้เพราะทิปการบริการที่เย่เชียนให้เธอมานั้นมันก็เพียงพอสำหรับเงินเดือนครึ่งเดือนของเธอแล้ว จากนั้นเธอก็พูดซ้ำๆ ว่า “ขอบคุณค่ะ..ขอบคุณมากเลยค่ะ..โชคดีนะคะ”
“อาจารย์เรากำลังจะไปไหนกัน” หวงฟู่เส้าเจี๋ยถาม
เย่เชียนมองดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือของเขาและพูดว่า “ปฏิบัติการกวาดล้างล่าหัวน่าจะเริ่มขึ้นแล้ว..เราไม่ควรอยู่เฉยๆ ..นายอยากจะมีส่วนร่วมใช่มั้ย..ตอนนี้แหละโอกาสอยู่ที่นี่แล้ว..มากับฉัน”
หวงฟู่เส้าเจี๋ยก็ฉีกยิ้มและโน้มตัวไปข้างหน้าใกล้ๆ เย่เชียนและถามว่า “อาจารย์..เป้าหมายของเราคือใคร”
“เหว่ยเฉิงหลง!” เย่เชียนพูดพร้อมกับร่องรอยของเจตนาฆ่าและจิตสังหารที่พลุ่งพล่านอยู่ภายในดวงตาของเขา
…..
เหว่ยเฉิงหลงนั้นไม่รู้ตัวเลยว่าหายนะกำลังจะมาเยือนเขาแล้ว เขานั้นกำลังนอนอยู่ในห้องรับรองส่วนตัวและเพลิดเพลินไปกับบริการอันเร่าร้อนของเหล่าหญิงสาว อย่างไรก็ตามเหว่ยเฉิงหลงนั้นได้กินยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศเข้าไปและหญิงสาวทั้งสองก็บริการอย่างหนักหน่วงเพื่อทำให้เหว่ยเฉิงหลงพอใจแต่เขาก็ยังไม่ตอบสนองใดๆ และยังไม่พอใจพวกเธอ
เป็นเวลานานมากกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วที่พวกเธอบริการอย่างเหน็ดเหนื่อยจนปากของหญิงสาวบริการทั้งสองรู้สึกเจ็บและชาอย่างมากจนพวกเธอพูดออกมาอย่างหมดหนทางว่า “นายน้อยเหว่ย..ทำไมถึงยังไม่เสร็จอีกล่ะ..พวกเราเหนื่อยและปากชากันหมดแล้ว” หญิงสาวพูดอย่างไม่เต็มใจและประหม่า
“แม่งเอ้ย!” เหว่ยเฉิงหลงเตะผู้หญิงที่กำลังพูดอยู่จากนั้นเขาก็ตะโกนว่า “กล้ามากเลยนะ..ไหนดูซิ..ฉันจะทำให้เธอร้องขอชีวิตเลยคอยดู”
ด้วยอิทธิพลและอำนาจของตงเซียงกรุ๊ปนั้นพวกเธอก็ต้องยอมจำนนและจำใจอย่างสิ้นหวัง แต่พวกเธอก็แอบดูถูกเหว่ยเฉิงหลงอยู่ในใจว่า “เล็กเหมือนไม้จิ้มฟันแล้วยังจะกล้าพูด”
“เฮ้ย..เหว่ยเฉิงหลง..ยุ่งอยู่รึเปล่า!” ประตูห้องรับรองส่วนตัวก็ถูกผลักเปิดออกและมีเสียงดังเข้ามาในหูของเหว่ยเฉิงหลง ซึ่งเหว่ยเฉิงหลงนั้นก็กำลังหายใจไม่ออกเพราะแน่นหน้าอกและท้องเพราะเขากินยาโดฟเสริมสมรรถภาพทางเพศไวอากร้ามากเกินไปในคืนนี้ และเมื่อเขาได้ยินเสียงใครบางคนดังเข้าขัดจังหวะเขาก็ตะโกนกลับไปด้วยความโกรธเกรี้ยวทันทีว่า “ใครกันที่กล้ามารบกวนฉัน..ออกไปเดี๋ยวนี้”
เหว่ยเฉิงหลงก็เงยหน้าขึ้นขณะตะโกนด่าและเมื่อเขาเห็นร่างของเย่เชียนปรากฏขึ้นอยู่ที่ประตูเขาก็อดไม่ได้ที่จะแน่นิ่งอยู่ครู่หนึ่งและขมวดคิ้วแน่นจากนั้นก็ถามว่า “เย่เชียน! ..แกมาทำอะไรที่นี่?”
“ไม่มีอะไร..แค่มาดูเฉยๆ ..ทำต่อเถอะ” เย่เชียนพูดขณะที่เขาเดินเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ของฝั่งตรงข้าม ซึ่งหญิงสาวบริการทั้งสองก็หยุดเช่นกัน ส่วนเหว่ยเฉิงหลงก็หยิบผ้าขนหนูมาพันช่วงล่างของเขาเอาไว้และพูดกับหญิงสาวบริการทั้งสองว่า “ออกไป!”
หญิงสาวทั้งสองก้มหัวลงอย่างเชื่อฟังและเดินออกไป
“เย่เชียน..แกต้องการอะไร?” เหว่ยเฉิงหลงขมวดคิ้วและถาม
“ต้องการอะไรน่ะเหรอ!” เย่เชียนฉีกยิ้มและพูดว่า “เหว่ยเฉิงหลง..แกรู้จักองค์กรทหารรับจ้างดอกฝิ่นมั้ย?”
เหว่ยเฉิงหลงสั่นไปหมดทั้งตัวแล้วพูดว่า “ทหารรับจ้างดอกฝิ่นดอกเฝิ่นอะไร..ฉันไม่รู้ว่าแกกำลังพูดถึงอะไร”
“เอาล่ะงั้นฉันจะบอกนายให้นะ” เย่เชียนพูดต่อ “เมื่อไม่นานมานี้มีคนว่าจ้างคนขององค์กรทหารรับจ้างดอกฝิ่นมาที่เมืองหนานจิงและมากราดยิงจนมีคนได้รับบาดสาหัส..และคนคนนั้นก็เป็นน้องชายของฉันเอง! ..และตัวการของเบื้องหลังก็คือเฝิงเฝิง..ที่รู้จักกันในฐานะราชาแห่งขุนเขาแห่งมณฑลเจ้อเจียง”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน..ฉันไม่รู้จักพวกเขา!” เหว่ยเฉิงหลงพูด
“หึ! ..แต่หลัวโจวหัวหน้าขององค์กรทหารรับจ้างดอกฝิ่นพูดก่อนที่เขาจะตายว่าแกคือคนกลาง..ซึ่งนั่นก็คือแกเป็นคนแนะนำพวกเขาให้รู้จักกับเฝิงเฝิงและบอกให้พวกเขามาลอบสังหารฉันยังไงล่ะ..แต่โชคไม่ดีที่พวกนั้นล้มเหลว..แต่พวกมันทำให้น้องชายของฉันต้องนอนห้องฉุกเฉิน! ..น้องชายของฉันยังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่เลย! ..แล้วแกคิดว่าฉันต้องการที่จะแก้แค้นให้กับน้องชายของฉันมั้ยล่ะ?”
“มันไม่มีเหตุผลอะไรเลย..แกมีหลักฐานอะไรทำไมถึงบอกว่าฉันเป็นคนกลางล่ะ?” เหว่ยเฉิงหลงพูด
เย่เชียนหัวเราะอย่างเย้ยหยันและพูดว่า “ฉันไม่ใช่คงของหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายของรัฐบาล..แล้วฉันจะต้องการหลักฐานไปทำไมกัน..ถ้าพวกเขาบอกว่ามันเป็นแก..มันก็ต้องเป็นแก..ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดได้รับผลกรรมตามที่สมควรแล้ว..และถึงเวลาแล้วที่แกควรจะลงนรกไปกับพวกเขาด้วย”
“เย่เชียนอย่ามายุ่งกับฉัน! ..ถ้าแกฆ่าฉันล่ะก็..พ่อฉันจะไม่ปล่อยแกไปอย่างแน่นอน” เหว่ยเฉิงหลงพูดด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย
“ถ้าแกตายแล้วพ่อของแกจะมาหลอกหลอนฉันงั้นเหรอ..เดี๋ยวก็ต้องลงหลุมไปด้วยกันอยู่ดี..คิดว่าฉันจะกลัวมั้ย?” เย่เชียนพูด
“อาจารย์..นี่มันน่าเบื่อเกินไปมั้ย..มันก็เป็นแค่ขยะ..เพราะงั้นรีบตัดหัวมันเถอะ” หวงฟู่เส้าเจี๋ยก็คิดมาก่อนหน้านี้ว่ามันจะต้องน่าตื่นเต้นมากแต่ใครจะรู้ล่ะว่ามันจะง่ายและน่าเบื่อถึงขนาดนี้
เย่เชียนหันไปมองเขาและหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็รีบปิดปากของเขาทันทีอย่างเชื่อฟัง ส่วนเหว่ยเฉิงหลงก็หัวเราะเยาะและพูดว่า: “เหอะๆ..เย่เชียน! ..แกประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว..แกรู้ถึงพลังและอำนาจของตงเซียงกรุ๊ปของฉันมั้ย..ต่อให้แกและแก๊งชิงและหงเหมินกรุ๊ปมารวมกันมันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตงเซียงกรุ๊ปอยู่ดี”
เย่เชียนก็ตกตะลึงไปชั่วขณะเมื่อเห็นว่าเหว่ยเฉิงหลงยังคงมั่นใจมากและดูเหมือนว่าเหว่ยเฉิงหลงจะยังคงหยิ่งผยองได้อยู่เมื่ออยู่ต่อหน้าความตาย และเมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะสนใจเล็กน้อยจากนั้นเขาก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “เอ้าเหรอ! …ฉันล่ะอยากจะรู้จริงๆ ว่านอกจากเป็นผู้ลักลอบขนยาเสพติดรายใหญ่ที่สุดของจีนแล้วตงเซียงกรุ๊ปจะมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่อะไรอีก..แกบอกมาหน่อยซิ..ถ้าแกทำให้ฉันตื่นเต้นได้ล่ะก็ฉันจะไม่ฆ่าแกในวันนี้”
“ถ้างั้นก็รู้เอาไว้ซ่ะว่าหัวหน้าใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังที่แท้จริงของตงเซียงกรุ๊ปของฉันก็คือยากูซ่าแก๊งยามากุจิ!” เหว่ยเฉิงหลงพูดต่อ “เย่เชียน..แกรู้มั้ยว่าพวกยากูซ่ายามากุจิน่ะมีอำนาจมากแค่ไหนในประเทศญี่ปุ่น..พวกนั้นคือยากูซ่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นและสมาชิกเกือบๆ 40,000 คน..และถ้าแกทำให้ตงเซียงกรุ๊ปของฉันต้องขุ่นเคืองล่ะก็..แกก็เหมือนทำให้พวกยากูซ่ายามากุจิขุ่นเคืองไปด้วย..แกต้องคิดให้ดีๆ นะเกี่ยวกับอนาคตของแก”
“ยากูซ่า..ยามากุจิ?” เย่เชียนก็หัวเราะอย่างเกรี้ยวกราดและคิดอย่างลับๆ ว่าไม่แปลกใจเลยที่นักฆ่าจากดาร์คลิลลี่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับเขี้ยวหมาป่าอย่างเย้ยหยันเช่นนี้เพราะกลับกลายเป็นว่ายากูซ่ากลุ่มยามากุจิจะพัวพันอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการที่จะแก้แค้นให้กับอดีตหัวหน้ายากูซ่า ซึ่งเย่เชียนเองก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าพวกเขาเหล่านั้นจะมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับตงเซียงกรุ๊ป
ด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายเย่เชียนก็พูดขึ้นมาว่า “โทษที..ถึงยังไงแกก็ไม่สมควรมีชีวิตอยู่..แกต้องตายซะ!”
.
.
.
.
.
.
.