ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 38 รายงานตัว
จ้าวเทียนห่าวมีคอนเนคชั่นและเส้นสายอยู่มากมาย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีส่วนร่วมใด ๆ ในมหาวิทยาลัยก็ตาม แต่เพียงแค่คำคำเดียวจากเขา อะไร ๆ มันก็สามารถเป็นไปได้ในพริบตา การที่จะมีนักศึกษาใหม่สักคนหนึ่งมาลงทะเบียนเพื่อเป็นนักศึกษาของที่นี่ อธิการบดีก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธเขาได้ ดังนั้นในขณะที่พวกเขายังอยู่ระหว่างทางไปยังมหาวิทยาลัย เลขาหูวเก๋ออธิบายรายละเอียดแค่เพียงไม่กี่คำ อธิการบดีก็ตอบตกลงอย่างง่ายดาย
หลังจากที่เย่เชียนถามสำนักงานประชาสัมพันธ์ถึงที่ตั้งของสำนักงานคณบดี เขาก็รีบเดินไปตามทางที่พนักงานบอก กระทั่งก่อนที่เขาจะมาถึงหน้าประตู เย่เชียนก็ได้ยินเสียงครางกระเส่าดังออกมาจากด้านใน ถึงแม้ว่าที่นี่จะเป็นสถาบันการศึกษา แต่เขาก็เดาได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นในนั้น มหาวิทยาลัยจัดว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าอนาคตของชาติ แต่ทำไมกลับมีเรื่องสกปรกแบบนี้เกิดขึ้นที่นี่
เย่เชียนรู้สึกตกใจกับสิ่งที่ได้ยินเล็กน้อย เขาหยุดตรงหน้าประตูแล้วตัดสินใจเคาะมันเบา ๆ…
จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคนสวมใส่เสื้อผ้าอย่างรีบเร่ง ทั้งเสียงจากหัวเข็มขัดที่กระทบกับพื้น เสียงจากการรูดซิปต่าง ๆ นานา หลังจากนั้นเสียงของชายคนหนึ่งก็ดังลั่น น้ำเสียงฟังดูหงุดหงิดมาก
“เข้ามา!”
ความคิดอันไม่พึงประสงค์ผุดขึ้นมาในหัวของเย่เชียน เมื่อเขาเคาะประตูแล้ว เขาก็คิดว่าตนไปรบกวนพวกเขาทำให้พวกเขาต้องหยุดในสิ่งที่กำลังทำกันอยู่ เย่เชียนรู้สึกผิดเล็กน้อยเนื่องจากเขาไปทำลายความสุขอันแสนภิรมย์ของคนสองคน เขาคิดว่าตนได้ทำบาปไปแล้วจริง ๆ
หลังจากที่เขาผลักประตูเปิดออก เขาก็เห็นชายแก่อายุประมาณห้าสิบปีนั่งอยู่หลังโต๊ะ ชายแก่มองเย่เชียนด้วยความโกรธเคืองและตำหนิเย่เชียนอย่างชัดเจนว่าเขาไปขัดจังหวะ ข้าง ๆ ชายแก่มีผู้หญิงอายุราว ๆ สามสิบปียืนอยู่ เมื่อเธอเห็นเย่เชียนเข้ามา เธอก็ไม่ได้มีอาการเขินอายเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน เธอกลับเผยรอยยิ้มเยี่ยงสุนัขจิ้งจอกตัวเมียและยังมองเย่เชียนอย่างเย้ายวนซึ่งมันทำให้เย่เชียนถึงกับขนลุกเพราะผู้หญิงคนนี้ไม่ได้สวยเท่าไหร่ แต่ดวงตาที่แสนจะเจ้าเล่ห์นั้นมีเสน่ห์เหลือร้าย เมื่อเย่เชียนพินิจพิจารณาเธอดู เขาคิดว่าเธอคงจะแต่งงานแล้ว
เย่เชียนเป็นคนแบบไหน ? เขาหน้าด้านใจจืดใจดำหัวใจด้านชาขนาดนั้นเลยหรือ ?
เขาไม่สนใจการยั่วยวนของผู้หญิงคนนั้นเลยแม้แต่นิดโดยหันไปหาผู้อำนวยการคณบดีที่ดูคล้ายกับคางคกและพูดขึ้นว่า “คุณคือคณบดีฝ่ายบุคคลใช่ไหมครับ ? ผมเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนชื่อเย่เชียน ผมหวังว่าผมคงไม่ได้มารบกวนคุณในตอนนี้…”
ถึงแม้ว่าคำพูดของเย่เชียนจะสุภาพเพียงใด แต่ผอ.คางคกก็ทำเป็นไม่ได้ยิน เขาได้แต่ทำหน้าทำตาเย้ยหยันอย่างโกรธเคืองราวกับว่าเขากำลังก่นด่าและสาปแช่งเย่เชียนอยู่ในใจ ถึงแม้ว่าชื่อเสียงในมหาวิทยาลัยของเขาส่วนใหญ่จะเป็น ‘ชื่อเสีย’ เสียมากกว่า แต่เขาก็ยังคงต้องรักษาเกียรติของความเป็นครูบาอาจารย์
หลังจากที่เขาได้ยินคำพูดของเย่เชียน ผอ.คางคกก็พูดว่า “นักศึกษาเย่… อย่าเข้าใจผิด! ตอนนี้ฉันกับอาจารย์แพนกำลังคุยธุระกันอยู่!”
“ครับผม… ผมไม่ได้ยินอะไรเลยครับ!” เย่เชียนตอบด้วยรอยยิ้ม
ผอ.คางคกผยักหน้าเล็กน้อย เขาคิดว่าเด็กคนนี้ดูเป็นคนพาลมาก อีกทั้งตอนนี้เด็กนี่ยังมีข้อมูลที่สามารถนำมาใช้โจมตีเขาในภายหลังได้ ฉะนั้นคำพูดที่ออกมาจากปากของเขาจะต้องกลั่นกรองให้ดี มิเช่นนั้นไอ้เด็กนี่อาจจะนำมันมาแบล็กเมล์เขาก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น ไม่เพียงแค่ตำแหน่งของเขาจะตกอยู่ในอันตราย ถ้าสามีของอาจารย์แพนเหลียนรูเข้าล่ะก็ ชีวิตของเขาก็อาจตกอยู่ในอันตรายเช่นเดียวกัน
“ท่านอธิการบดีอธิบายทุกอย่างให้ฉันฟังหมดแล้ว นายไปที่คลาสเรียนสามของตึกคณะภาษาต่างประเทศ สาขาภาษาฝรั่งเศส เดี๋ยวฉันจะโทรเรียกให้อาจารย์ที่ปรึกษาเข้ามาและพานายไป แล้วถ้านายต้องการความช่วยเหลืออะไรก็อย่าลังเลที่จะมาพบฉันได้ตลอด!” ผอ.คางคกพูดอย่างผึ่งผาย
เย่เชียนคิดว่าผอ.คางคกคนนี้คงกำลังพยายามติดสินบนเขา แต่เขาไม่ได้คิดวางแผนที่จะเปิดเผยเรื่องอื้อฉาวนี้แต่อย่างใด และแม้การได้รับการสนับสนุนจากคณบดีมันจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขา แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ต้องพยายามแฝงตัวอยู่ในมหาวิทยาลัยให้แนบเนียนที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ขอบคุณครับท่านคณบดี… ท่านเป็นตัวอย่างของสถาบันการศึกษาที่ดีมาก ๆ นักศึกษาอย่างพวกเราสามารถผ่อนคลายและสบายใจได้เมื่อมีท่าน… ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รู้จักกับท่านครับ!” เย่เชียนฉีกยิ้มและแกล้งพูดเยินยอเขาอย่างภาคภูมิใจ
ผอ.คางคกดูเหมือนจะเพลิดเพลินไปกับคำสรรเสริญเยินยอของเย่เชียนมาก แต่เขาก็ยังตอบอย่างวางท่า “ตราบใดที่นายและนักศึกษาคนอื่น ๆ ตั้งใจเรียน อนาคตของชาติของประเทศเราก็จะไม่ถดถอยอย่างแน่นอน!”
“นั่นคือสิ่งที่ผมปรารถนาอย่างที่สุดครับ! ผมจะทำตามคำสั่งสอนของอาจารย์และจะตั้งใจเรียนเพื่อให้เกียรติแก่ท่านคณบดีที่เป็นบุคคลตัวอย่างของพวกเราครับ!” เย่เชียนตอบอย่างมั่นใจ แต่ในใจเขานั้นกำลังคิดว่าผอ.คางคกนี่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอาจารย์และนักศึกษาของสถาบันอย่างลึกซึ้งได้อย่างไร
ผอ.คางคกพยักหน้าเล็กน้อยและแสดงท่าทีชัดเจนว่าไม่ต้องการเสวนากับเย่เชียนอีกต่อไป ก่อนหน้านี้เขาโกรธเคืองเย่เชียนอย่างมาก ทว่าตอนนี้เขากลับหลงใหลไปกับความนุ่มนวลและคำเยินยอของเย่เชียนไปโดยปริยาย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาอยากให้เย่เชียนรีบ ๆ ออกไปแต่เขาไม่สามารถไล่ได้ตรง ๆ เพราะเขาต้องการที่จะทำภารกิจของเขาต่อ เขาไม่รีรอรีบหยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นมาโทรศัพท์หาอาจารย์ที่ปรึกษาประจำชั้นของเย่เชียนและพูดไม่กี่คำ หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ก๊อก ๆ ๆ!
เมื่อเย่เชียนเห็นผู้ที่เข้ามา เขาก็ตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก เขารู้สึกว่าจริง ๆ แล้วมหาวิทยาลัยนานาชาติแห่งนี้ไม่ได้บริหารอย่างลวก ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะคนที่เข้ามาเป็นผู้หญิงอายุไม่เกินสามสิบ เธอสวมสูทแบบมืออาชีพและผมของเธอมัดไว้ด้านหลังศีรษะอย่างเรียบร้อยสมบูรณ์แบบ เธอสวมแว่นตาขอบดำและมีกลิ่นหอมของน้ำหอมอ่อน ๆ ที่เย้ายวนโชยมา และเมื่อเย่เชียนรู้ว่าเธอคนนี้คืออาจารย์ที่ปรึกษาของเขา เขาก็รู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่ดีมากเพราะคลาสเรียนของเขาในอนาคต มันอาจจะไม่น่าเบื่ออย่างที่เขาคิด ด้วยความคิดนี้เขาก็กัดริมฝีปากตัวเองอย่างช่วยไม่ได้
“สวัสดีค่ะ ผู้อำนวยการหวาง!” ผู้หญิงคนนั้นทักทายผอ.คางคกอย่างสุภาพ
ผอ.คางคกพยักหน้าแล้วพูดว่า “นักศึกษาคนนี้เป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยน เขาจะมาอยู่ในชั้นเรียนของอาจารย์ฉินหยูตั้งแต่นี้ไป อ.ฉินหยู คุณมีคำถามอะไรไหม ?”
เมื่อเธอได้ยินคำพูดของผอ.คางคก ฉินหยูก็หันไปหาเย่เชียน และสิ่งที่เธอเห็นก็คือผู้ชายคนหนึ่งซึ่งกำลังจ้องมองเธอด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยตัณหา และยิ่งไปกว่านั้น น้ำลายของเขาก็ดูเหมือนว่ากำลังจะไหลออกมาจากมุมปากอยู่แล้ว!
ภาพที่เห็นมันทำให้ฉินหยูขมวดคิ้วและมีความรู้สึกที่รังเกียจต่อเย่เชียนผุดขึ้นมาในใจของเธอ เธอต้องการปฏิเสธผอ.คางคก แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็เป็นถึงคณบดีฝ่ายบุคคล การจัดการเรียนการสอนย่อมขึ้นตรงกับเขา เธอจึงจ้องมองไปที่เย่เชียนอย่างช่วยไม่ได้และพูดอย่างเย็นชาว่า “คลาสใกล้จะเริ่มแล้ว… ตามฉันมา!”
“ท่านคณบดี ผมขอตัวก่อนนะครับ… ถ้าท่านจะทำอะไรก็ทำต่อเถอะครับ!” เย่เชียนหันไปยิ้มให้ผอ.คางคกและส่งยิ้มร้าย
ผอ.คางคกรู้ความหมายของรอยยิ้มนั้นดี เขาพยักหน้าและพูดย้ำว่า “อืม อย่าลืมว่าหากนายมีปัญหาอะไรในอนาคตก็มาหาฉันได้!”
เมื่อเห็นว่าเย่เชียนและผอ.คางคกเข้ากันได้เป็นอย่างดี ฉินหยูก็รู้สึกอึดอัดอย่างมาก
ในสถาบันแห่งนี้ใคร ๆ ก็รู้ว่าผอ.คางคกเป็นคนอย่างไร มีนักศึกษาหญิงและอาจารย์สาว ๆ จำนวนมากที่ถูกล่วงละเมิดโดยผอ.คางคก และเย่เชียนก็ดูเหมือนจะปลื้มปีติเขาซ้ำยังเยินยอเขาอีกด้วย! ด้วยเหตุนี้ ฉินหยูจึงจัดให้เย่เชียนเป็นหนึ่งในประเภทเดียวกันกับคนอย่างผอ.คางคกไปอย่างไม่มีข้อสงสัย
เมื่อออกจากสำนักงานของคณบดีแล้ว เย่เชียนก็เดินตามอาจารย์ฉินหยูไป เขาไม่สามารถละสายตาออกไปจากก้นและสะโพกที่บิดไปส่ายมาของเธอขณะที่เธอเดินนำหน้าเขาได้เลย เท่านั้นไม่พอ เขายังกระเดาะลิ้นของตัวเองเป็นจังหวะเบา ๆ ด้วยความปลาบปลื้มและพึมพำกับตัวเองว่า
“กล๊ม… กลมและดี๊ดี!”