ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 41 เหมือนคู่รัก
ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เย่เชียนยังอยู่ในห้องสำนักคณบดีของผอ.คางคก
เย่เชียนเหลือบไปเห็นแฟ้มประวัตินักศึกษาบนโต๊ะของผอ.คางคก ซึ่งมันเป็นเรื่องบังเอิญอย่างมากที่แฟ้มนั่นเปิดอยู่ที่หน้าประวัติของจ้าวหยา เขาจึงรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าสาวน้อยที่เขาคุยอยู่ด้วยคนนี้คือจ้าวหยา
ด้วยความที่เย่เชียนรู้สึกว่าก่อนหน้านี้จ้าวหยาทำให้เขาต้องกระวนกระวายและลำบากใจอย่างมาก เขาจึงอยากแกล้งเธอต่ออีกสักหน่อย เพื่อเป็นการแก้แค้นที่เธอนั้นทำให้เขาคิดว่าเธอเป็นพวกไดโนเสาร์ล้านปี แต่อันที่จริงเธอทั้งสวยและน่ารักอย่างไร้ที่ติ
“อะไรนะ ?!”
จ้าวหยาลั่นวาจาออกมาด้วยความตกใจอย่างมากเมื่อเธอได้ยินคำพูดของเย่เชียน เธอมองเขาอีกครั้งตั้งแต่หัวจรดเท้าและแอบคิดในใจ
‘สายตาของพ่อมีปัญหาหรือเปล่าเนี่ย พ่อไม่ได้ตาบอดใช่มั้ย ? มีชายหนุ่มมากความสามารถ อีกทั้งยังเพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตาและฐานะร่ำรวยไปที่บ้านของพวกเราทุกปีเพื่อจะมาสู่ขอฉันไปเป็นสะใภ้ ผู้ชายพวกนั้นมีมากมายเกินกว่าจะนับไหว แต่พ่อก็ล้วนปฏิเสธพวกเขาไปทั้งหมด แล้วดูตอนนี้สิ พ่อกลับหมั้นฉันให้กับเด็กบ้านนอกคนนี้เสียอย่างนั้น ? พ่อทานยาผิดประเภทหรือเปล่า ?’
จ้าวหยารู้สึกว่าเธอคงจะต้องรีบกลับบ้านเพื่อไปคุยกับพ่อให้เร็วที่สุด เธอต้องการรู้ความจริงว่าเรื่องมันเป็นยังไงมายังไงกันแน่! มันจะต้องเป็นเรื่องตลกอย่างแน่นอน พ่อของเธอไม่มีทางที่จะปล่อยให้ลูกสาวต้องไปหมั้นกับคนประเภทนี้เป็นแน่ แต่ถึงอย่างนั้นเธอเองก็อดกังวลใจไม่ได้ เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง อนาคตของเธอจะเป็นเช่นไรกันเล่า
เธอมองสารรูปของเย่เชียนและเห็นว่าเขาคงจะไม่สามารถเข้ากับสังคมชนชั้นอย่างเธอได้ เธอจะพาเขาไปพบปะกับผู้คนได้อย่างไร หากเพื่อน ๆ ของเธอเห็นเขาในฐานะคู่หมั้นแล้ว พวกเขาจะไม่หัวเราะเยาะอย่างสนุกสนานกันเหรอ ?
เมื่อคิดได้ดังนั้น จ้าวหยาก็ไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้อีกต่อไป เธอตะโกนออกมาเสียงดังจนทำให้คนทั้งห้องหันมองมาทางพวกเขาทั้งสองอีกครั้ง
จ้าวหยา ผู้ซึ่งเป็นดั่งเป็นราชินีแห่งความงามของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ร้องตะโกนออกมาเสียงดังทั้งที มีหรือที่เหล่าผู้ชายทั้งหลายที่สนใจเธออยู่จะยังคงนิ่งเฉยอยู่ได้ พวกเขามีปฏิกิริยาตอบสนองที่รุนแรงมากโดยต่างก็จ้องมองเย่เชียนด้วยความโกรธเคืองและรังเกียจ พวกเขาคิดว่าสัตว์เดรัจฉานตนนี้ต้องทำสิ่งที่ผิดศีลธรรมกับเธอเป็นแน่ เพราะความแก่ชรามันมิได้ทำให้ใครเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพนับถือ พวกเขาคิดว่าเย่เชียนต้องการจะชิงจ้าวหยาไปครอบครอง เหมือนวัวแก่กำลังพยายามที่จะกินหญ้าอ่อน ซึ่งแน่นอน ในใจของพวกเขาเหล่านั้นล้วนแต่จ้องจะหาทางกำจัดเย่เชียนออกไปจากจ้าวหยา
อาจารย์ฉินหยูก็เริ่มโกรธมากขึ้นเช่นกัน ยิ่งความประทับใจครั้งแรกของเธอกับเย่เชียนนั้นค่อนข้างแย่อยู่แล้ว และตอนนี้เขาก็ยังสร้างปัญหาในวันแรกของการเรียนอีก ตอนแรกเขาตะโกนออกมาโดยไม่มีเหตุผลและตอนนี้มันก็เป็นจ้าวหยาที่ตะโกนขึ้นโดยไม่มีเหตุผลอีกคน นี่มันเหมือนกับว่าเป็นการดูหมิ่นในอำนาจหน้าที่การงานความเป็นอาจารย์ของเธอใช่ไหม ? เธอจ้องมองเย่เชียนอย่างเกลียดชังและตะคอกใส่เขา
“นักศึกษาเย่! โปรดรักษาระเบียบในห้องเรียนด้วย! หากนายไม่ให้ความสนใจกับบทเรียนและทำนิสัยแย่ ๆ อย่างนี้อีก ก็ออกไปจากห้องซะ!”
ฉินหยูเพิ่งจะได้เป็นอาจารย์เต็มตัวเมื่อไม่นานมานี้เอง เธอเริ่มสอนหลังจากที่จบการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา แต่ทว่าในสองปีที่เธอทำงานมานี้ เธอไม่เคยพบนักศึกษาคนใดที่เป็นเหมือนเย่เชียนมาก่อน
โดยปกติแล้วเธอเป็นคนที่อ่อนโยนมากกับนักศึกษาของเธอ บางครั้งนักศึกษาชายบางคนอาจจะทำสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ เธอก็ยังคงไม่โกรธ แต่ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้เธอถึงมีปฏิกิริยากับเย่เชียนมากขนาดนี้ ฉินหยูไม่เข้าใจตัวเองและคำอธิบายเดียวก็คือเย่เชียนนั้นเลวร้ายเกินไปสำหรับเธอ
เย่เชียนมองไปที่ฉินหยูอย่างไร้เดียงสา จากนั้นก็ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า “มันไม่ใช่ความผิดผมนะ… ผมถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ นี่มันไม่ยุติธรรมเลย!”
“ถ้าไม่ใช่นายแล้วใครล่ะ ? นายกำลังบอกว่าเธอบ้าและตะโกนออกมาส่งเดชโดยไม่มีเหตุผลงั้นเหรอ ?” ฉินหยูโกรธมากและระเบิดโทสะออกมา ทำให้เธอทะเลาะกับเย่เชียนจนลืมรักษาภาพพจน์ของตัวเองในฐานะอาจารย์ไปอย่างสมบูรณ์
เย่เชียนจ้องมองฉินหยูอย่างหมดหนทางและพูดตัดพ้อตัวเองว่า “ก็ได้…! มันเป็นความผิดของผมเอง ผมมันไม่ดีเอง… ผมมันเลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน… จบมั้ย ?”
ฉินหยูไม่คิดว่าเย่เชียนจะกล้าพูดถึงขนาดนี้ เธอรู้สึกโกรธมากจนตัวสั่นเล็กน้อย แต่เธอก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เธอยังอยู่ในคลาสการเรียนการสอนของเธอ และเธอก็ไม่สามารถที่จะโต้เถียงกับเด็กอันธพาลคนนี้ได้ในเวลานี้
“เย่เชียน… นายไปที่ออฟฟิศของฉันหลังเลิกเรียน! เข้าใจไหม ?” ฉินหยูกัดฟันพูด
เย่เชียนผงะไปชั่วครู่และตอบกลับไปว่า “ได้… ผมจะไป… ผมอยากคุยกับคุณเสมอ” และเขายังย้ำไปว่า “เรื่องของเรานะ!”
คำพูดย้ำทิ้งท้ายของเขาเพิ่มบรรยากาศแห่งความลึกลับทำให้คำพูดเหล่านั้นดูคลุมเครือ
ฉินหยูจ้องมองเย่เชียนอย่างโกรธเคือง เธอไม่ต้องการที่จะเข้าไปยุ่งกับเด็กอันธพาลคนนี้มากนักจึงหันหน้าหนีและบรรยายบทเรียนต่อ
เมื่ออาจารย์ฉินหยูหันไป จ้าวหยาก็หันไปหาเย่เชียนเพื่อจ้องมองเขาและถามเขาเบา ๆ “เย่เชียน… นายบอกความจริงมานะว่าจริง ๆ แล้วนายกำลังวางแผนทำอะไรอยู่กันแน่ ?”
เย่เชียนมองจ้าวหยาอย่างใจจดใจจ่อก่อนตอบกลับ “ฉันไม่เข้าใจเธอจริง ๆ ว่าเธอจะตื่นตระหนกไปทำไม ? นี่มันยุคไหนแล้วที่อิสรภาพของคนสองคนมีสิทธิ์ที่จะรักกันและมีอิสระในการเลือกคนที่ตัวเองอยากจะแต่งงานด้วย ถึงแม้ว่าพ่อของจ้าวหยาจะหมั้นลูกสาวของเขากับฉัน แต่สำหรับฉันแล้ว ฉันก็ต้องการความยุติธรรมให้กับจ้าวหยาด้วย ฉันอยากจะเอาชนะใจเธอด้วยตัวของฉันเอง ฉันจะไม่เอาคำสั่งของพ่อเธอมาใช้เพื่อบังคับเธอหรอก สุดท้ายแล้วถ้าเธอไม่ชอบฉันจริง ๆ ฉันก็จะไม่รั้งเธอเอาไว้และยินดีให้เธอไปพบกับคนที่เธอรักจากหัวใจ อีกอย่าง ฉันเองก็ยังไม่รู้เลยว่าลูกสาวของเขาหน้าตาเป็นยังไง ถ้าเธอน่าเกลียดและนิสัยไม่ดี ฉันจะทิ้งยัยนั่นไว้กับเธอก็แล้วกัน!”
“นายน่ะสิน่าเกลียด! นายคิดว่าฉันเป็นใคร ? ฉันว่านายว่าฉันแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นนายจะว่าใครล่ะ ห๊ะ ?” จ้าวหยาพูดอย่างโกรธ ๆ
เย่เชียนแกล้งทำเป็นเฉยเมยและพูดว่า “ฉันไม่ได้พูดถึงเธอซะหน่อย… ฉันกำลังพูดถึงจ้าวหยา!”
“ก็ฉันนี่ไงจ้าวหยา!!!” จ้าวหยาสับสนในตัวเอง เธอเกลียดชังเย่เชียน แต่เมื่อเธอได้ยินคำพูดของเขาประโยคที่ว่า ‘เขาจะไม่รั้งเธอเอาไว้ เขาจะไม่ใช้คำสั่งพ่อของเธอมาบังคับใจเธอ และยินดีที่จะให้เธอไปพบกับคนที่เธอรักจากหัวใจ’ จ้าวหยาก็รู้สึกว่าตัวเธอเองใจบางลงเล็กน้อย
“หะ… หา ? เธอคือจ้าวหยางั้นเหรอ ?” เย่เชียนทำท่าประหลาดใจและอ้าปากค้าง เขาพูดต่ออีกว่า “เธออย่ามาล้อเล่นสิ เธอสวยมาก… แล้วเธอจะเป็นจ้าวหยาได้ยังไง หยุดล้อกันเล่นซะทีเหอะ”
“ใครล้อเล่น! ก็ฉันนี่แหละจ้าวหยาตัวจริงเสียงจริง ถ้านายไม่เชื่อก็โทรไปถามพ่อฉันได้… หึ!” จ้าวหยาพูดด้วยสีหน้าที่หงุดหงิดเล็กน้อย
เย่เชียนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และใช้สายตาที่ดูชั่วร้ายเหลือบมองเธออย่างถี่ถ้วน และจ้าวหยาก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมากเมื่อเย่เชียนจ้องมองเธออย่างชั่วร้ายแบบนั้น เธอรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที
“นี่นาย… นาย คิดจะทำอะไร ? ฉันเตือนนายแล้วนะว่าอย่ามายุ่งกับฉัน! ฉันเป็นเทควันโดหกดั้งเชียวนะ!”
เย่เชียนเลียริมฝีปากของตนและพูดว่า “ฉันไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะสวยมากขนาดนี้ รูปร่างของเธอ ฉันเห็นแวบแรกก็นึกว่าเป็นนางแบบเสียอีก! เฮ้อ… รู้อย่างนี้ฉันคงคุยกับพ่อเธอและเริ่มการแต่งงานของฉันกับเธอในทันทีไปแล้ว ฉันจะได้พาเธอกลับบ้านของพวกเราไง ฮ่า ๆ ๆ!”
เมื่อจ้าวหยาได้ยินเย่เชียนบอกว่าเธอสวย มันก็ทำให้เธอรู้สึกพอใจกับตัวเองเล็กน้อย มีผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่อยากได้ยินว่าตัวเองถูกชมว่าสวย แม้แต่จ้าวหยาผู้ซึ่งเป็นผู้หญิงที่สวยและน่ารักอย่างสมบูรณ์แบบก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้นเลย…
หลังจากนั้นไม่นาน จ้าวหยาก็นึกได้ว่าสัตว์เดรัจฉานที่อยู่ต่อหน้าเธอคือคู่หมั้นที่พ่อของเธอตัดสินใจให้เธอโดยพละการ และเธอก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก เธอจ้องมองเย่เชียนอย่างเกลียดชังและพูดว่า
“อย่าคิดว่าฉันจะแต่งงานกับนายนะ! ใครก็ตามที่สัญญากับนายไว้ นายก็กลับไปคุยกับคนที่สัญญากับนายเอาไว้เองเถอะ!”
เย่เชียนยิ้มอย่างมีความสุข
“แหมที่รัก… เธอไม่รู้สึกว่าพวกเราดูเหมือนเป็นคู่รักกันเลยเหรอ ?” พูดจบ เย่เชียนก็ทำหน้าจริงจัง