ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 45 โอกาส มีหรือจะไม่ฉกฉวย
“ซี้ดดดดดด…!”
เย่เชียนสูดปากด้วยความเจ็บปวดจากการถูกบีบเอว การแก้แค้นของผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างรุนแรง เขาหันไปเผชิญหน้ากับเธอและก็ยิ้มออกมา จากนั้นเขาก็บีบแก้มของฉินหยูเบา ๆ แล้วพูดว่า “คุณนี่มัน… น่ารักที่สุดเลย!”
ฉินหยูคาดไม่ถึงว่าเย่เชียนจะทำเช่นนี้กับเธอ มันยิ่งทำให้พวกเขาทั้งสองดูเหมือนคู่รักที่หยอกเย้ากันอย่างหวานละมุนละไม เหว่ยเฉินหลงกัดฟันด้วยความเกลียดชังและอิจฉาริษยา เขาไม่สามารถทนดูพวกเขาทั้งสองได้อีกต่อไป มิฉะนั้นเขาอาจจะโกรธจัดจนหัวใจวายตาย
“ฉินหยู… งั้นผมขอตัวก่อนนะ อย่าลืมไปงานราตรีสุดสัปดาห์นี้ล่ะ” หลังจากเหว่ยเฉินหลงพูดเช่นนี้ เขาก็จากไป
“นี่…! ปล่อยได้แล้ว!” ฉินหยูพูดพลางสะบัดไหล่ หลังจากที่เหว่ยเฉินหลงออกไปจากห้อง
เย่เชียนหัวเราะเบา ๆ และยอมปล่อยมือออกจากไหล่ของเธอแต่โดยดี แต่เขาก็พูดอย่างเศร้าใจว่า “นี่… คุณทำลายสะพานเชื่อมระหว่างเรา… คุณทำร้ายหัวใจผมมากเลยนะ”
ฉินหยูจ้องมองเย่เชียนและพูดว่า “อย่ามาทำเป็นพูดดี นายกล้าดียังไงมาหยิกแก้มฉันห๊ะ ?!”
“ก็คุณบีบเอวผมก่อนนี่นา แหม… มีเหตุผลหน่อยสิคุณ” เย่เชียนพูดอย่างใสสื่อ
“แล้วใครใช้ให้แตะตัวฉันกันล่ะ! ถ้านายไม่เป็นคนเริ่มก่อน ฉันก็คงไม่หยิกนายหรอก!” ฉินหยูพูดอย่างเกรี้ยวกราด
“อ้าวคุณ… ก็ถ้าผมไม่ทำแบบนั้นแล้วเขาจะเชื่อเหรอ ?” เย่เชียนตอบอย่างจริงจัง
“ไม่รู้ล่ะ! ฉันไม่สน… ยังไงมันก็เป็นความผิดของนายอยู่ดี!” ฉินหยูขมวดคิ้วขณะพูด
“ใช่ซี้…! ผมมันโง่เองนั่นแหละที่ไปเผลอใจแอบรักคุณอยู่ฝ่ายเดียว! ผู้หญิงนี่ช่างไม่มีเหตุผลเลยจริง ๆ” เย่เชียนพึมพำกับตัวเอง จากนั้นเขาก็ถามฉินหยูว่า “คนเมื่อกี๊เป็นใครเหรอ ? ดูเหมือนเขาจะชอบคุณนะ”
ฉินหยูตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดแล้วตอบอย่างเย้ยหยันว่า “เฮอะ! ฝันไปเถอะย่ะ เขาน่ะเป็นคนหลงตัวเองมาก ๆ ว่าแต่นายเคยได้ยินชื่อเหว่ยตงเซียนกรุ๊ปไหมล่ะ ?”
“เหว่ยตงเซียนกรุ๊ป… ? คุ้น ๆ แฮะ เหมือนเคยได้ยินมาจากที่ไหนสักที่…” เย่เชียนพยักหน้าเบา ๆ เขาจำได้ว่าจ้าวเทียนห่าวเคยพูดถึงเหว่ยตงเซียนกรุ๊ปกับเขามาก่อน
“เขาเป็นผู้บริหารของเหว่ยตงเซียนกรุ๊ปน่ะ บริษัทเครือตงเซียนกรุ๊ปมีอิทธิพลอย่างมากในเซี่ยงไฮ้ นายไม่กลัวว่าเหว่ยเฉินหลงจะพยายามแก้แค้นหรือทำร้ายนายเลยเหรอ ?” ฉินหยูพูดอย่างกังวล
“อ้าว! แล้วทำไมคุณเพิ่งจะมาบอกผมตอนนี้เล่า นี่มันฝันร้ายของผมชัด ๆ ผมเพิ่งจะกระโดดลงไปในหุบเหวนรกดี ๆ นี่เอง! ผมควรต้องรีบไปอธิบายทุกอย่างให้เหว่ยเฉินหลงฟังเดี๋ยวนี้เลย ผมต้องบอกเขาว่าคุณน่ะไม่ใช่แฟนของผม ผมแค่ถูกคุณบังคับให้ทำตามคำสั่ง” เย่เชียนแกล้งพูดและแสร้งทำเป็นว่ากลัว
“นายกล้าทำอย่างนั้นจริง ๆ หรือไง!” ฉินหยูจ้องมองเย่เชียนอย่างผิดหวังเล็กน้อย
“โธ่เอ๋ย… ทำไมผมถึงจะไม่กล้าล่ะ ? อีกอย่าง ทำไมผมต้องแกล้งเป็นแฟนของคุณด้วย ? มันไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับผมเลย แถมตอนนี้ชีวิตของผมก็มาตกอยู่ในอันตรายอีก” เย่เชียนตอบและแกล้งทำเป็นกระวนกระวาย
“อย่ามาพูดจาเหลวไหลหน่า!” ฉินหยูเริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมา เธอจึงถามเย่เชียนไปอย่างซื่อ ๆ ว่า “ถ้าอย่างงั้น… นายต้องการประโยชน์อะไรล่ะ!”
เย่เชียนแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เพราะมันเป็นไปอย่างที่เขาคาดเอาไว้ไม่มีผิด…
“ในเมื่อคุณเป็นแฟนของผม… อย่างน้อย ๆ คุณก็น่าจะให้ผมจูบคุณสักหน่อย…”
“ฝันไปเถอะ! ไม่มีทางหรอก เราแค่แกล้งเป็นแฟนกันเท่านั้นไม่ใช่หรือไง ?!” ฉินหยูปฏิเสธเสียงแข็ง แต่เอาเข้าจริง ๆ เธอเองก็ยังคงต้องใช้เขาเป็นเกราะกำบังตัวเองจากเหว่ยเฉินหลงอยู่ดี เธอจึงคิดว่าเธอจะต้องให้รางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ แก่เขาเป็นการตอบแทน “เอางี้ดีกว่า… เดี๋ยวเราไปทานข้าวด้วยกันสักมื้อนึงเป็นไง ?”
“คุณต้องการให้ผมไปทานมื้อเย็นกับคุณงั้นเหรอ ? คุณคิดว่าผมเป็นคนโง่เหมือนเหว่ยเฉินหลงหรือยังไง ?” เย่เชียนโบกมืออย่างไม่ใส่ใจและพูดอีกว่า “ไม่ล่ะ! ไม่มีทาง… คุณคิดว่าผมมีเงินเหลือกินเหลือใช้หรือไงกัน ?”
“ไม่… ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง นายไม่ต้องจ่ายหรอก!” ฉินหยูพูดอย่างเร่งรีบ
“เอาเถอะ… ตามนั้นก็ได้! ถึงผมจะไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่ล่ะก็นะ…” เย่เชียนพูดราวกับว่าฉินหยูเป็นคนมาขอร้องให้เขาไปทานอาหารกับเธอ
ฉินหยูเห็นการแสดงออกของเขาก็ชักจะหมั่นไส้ เธอจ้องมองเขาแล้วพูดอย่างฉุนเฉียวว่า “ไปรอฉันข้างนอกตอนหกโมงเย็นหลังเลิกเรียน… อย่าสายล่ะ!”
“นี่คุณ… ผมน่ะไม่เคยสายสำหรับอาหารฟรีเลยสักครั้งนะ จะบอกให้! หึ ๆ ๆ” เย่เชียนยิ้มราวกับปีศาจ
ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะทำตัวเหมือนอันธพาลก็ตาม แต่ฉินหยูก็มั่นใจว่านั่นเป็นเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกของเขาเท่านั้น เพราะเธอเคยเห็นคนพวกนี้มานักต่อนักแล้ว เพราะแม้แต่ในบรรดาลุง ๆ และพี่น้องในครอบครัวของเธอ พวกเขาก็ล้วนแต่เป็นคนเลวทรามทั้งนั้น
“เอาล่ะ… นายกลับไปที่ห้องเรียนได้แล้ว คลาสกำลังจะเริ่มละ อีกอย่าง ฉันเองก็ต้องเตรียมเอกสารการสอนของฉัน…” หลังจากที่ฉินหยูพูดเสร็จ เธอก็ก้มหัวของเธอเพื่อตรวจดูเอกสารเรียนการสอนของเธอที่จะต้องเตรียม
เย่เชียนเบะปากและยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ ทว่าเขาก็เดินออกไปจากออฟฟิศแต่โดยดี…
……
ก่อนที่จะถึงห้องเรียน จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น เมื่อเขารับโทรศัพท์ เขาก็ได้ยินเสียงของจ้าวเทียนห่าวดังมาตามสาย “เย่เชียน นี่ฉันเอง จ้าวเทียนห่าว… ฉันคิดว่าแผนของนายดีมาก นายทำตามที่นายบอกได้เลย!”
เย่เชียนรู้สึกว่างเปล่าและตอบอย่างสับสนไปว่า “แผนของผม ?”
“ห๊ะ? นายไม่ใช่คนที่แกล้งเป็นแฟนของเสี่ยวหยาเอ๋อร์คนนั้นหรอกเหรอ ? เมื่อสักครู่นี้ เธอโทรมาหาฉันและฉันก็คิดว่าแผนของนายมันก็ไม่เลวเลย ฉันก็เลยเล่นไปตามน้ำ… นายไม่ต้องกังวลอะไร นายสามารถแสร้งทำเป็นคู่หมั้นของเธอต่อไปได้เลย อย่าลืมเฝ้าดูเธออย่างใกล้ชิดด้วยล่ะ ฉันว่าแผนนี้มันจะช่วยให้นายทำภารกิจได้สะดวกขึ้น!” จ้าวเทียนห่าวร่ายยาว
ในที่สุด เย่เชียนก็เข้าใจทุกอย่างชัดเจน เขาวางแผนที่จะโทรหาจ้าวเทียนห่าวก่อนหน้านี้เพื่อจะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งเย่เชียนเองก็ค่อนข้างแน่ใจว่าจ้าวเทียนห่าวน่าจะตอบตกลงในทันที และเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เมื่อเขาคิดว่าตอนนี้จ้าวหยาจะรู้สึกอย่างไร
“เยี่ยมไปเลยครับ! แต่ว่า… ผมดันเริ่มเรื่องนี้ซะก่อนโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตจากลุงจ้าวเลย ผมหวังว่าลุงจะให้อภัยผมนะ” เย่เชียนค่อนข้างพอใจกับตัวเอง ถึงแม้ว่าเขาจะพูดสารภาพด้วยถ้อยคำที่ดูเสียใจ แต่สีหน้าของเขานั้นพึงพอใจเป็นอย่างมาก
จ้าวเทียนห่าวหัวเราะและตอบว่า “ไม่เป็นไร ๆ ฉันต้องการให้นายดูแลลูกสาวตัวแสบของฉันอยู่แล้ว หากมีอะไรเกิดขึ้นกับฉันล่ะก็ เย่เชียน… ฉันขอฝากเธอด้วยล่ะ และอย่าให้เธอรู้เรื่องนี้เด็ดขาด!”
เย่เชียนรู้สึกสบายใจขึ้นอย่างมากราวกับว่านี่คือใบเบิกทางในการเข้าถึงหญิงสาว เขาคิดว่าจ้าวเทียนห่าวคนนี้ช่างเป็นคนที่ใจกว้างมากและมันคงจะไม่เลวเลยถ้าได้เขามาเป็นพ่อตาของตนจริง ๆ
หลังจากพูดคุยกันอีกนิดหน่อย พวกเขาก็จบการสนทนาลงและวางสายไป เมื่อเย่เชียนเดินไปถึงทางเข้าห้องเรียน เขาก็เห็นว่าเหลือนักศึกษาอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น และจ้าวหยาเองก็ยังคงนั่งอยู่ข้างในห้อง
เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเล็กน้อย เขาจึงตัดสินใจหันหลังกลับเพื่อจะออกไป แต่ทว่าจ้าวหยาก็ดันเห็นเขาเสียก่อนและเธอก็ตะโกนออกมาเสียงดัง
“หยุดนะ!”
เย่เชียนหัวเราะแห้ง ๆ และหันกลับมาพร้อมรอยยิ้ม เขาเดินไปหาจ้าวหยาจากนั้นก็ถามว่า “ภรรยาของฉันมีอะไรงั้นเหรอ ?”
“ภรรยาบ้าอะไรของนาย ? อย่ามาพูดจาไร้สาระ! ภรรยงภรรยาอยู่นั่นแหละ ฟังแล้วมันขัดหูชะมัด! ฉันจะบอกอะไรให้นะว่ามันไม่มีทางเลยที่คนอย่างฉันจะยอมแต่งงานกับนาย!” จ้าวหยาพูดอย่างเกรี้ยวกราด
“ก็ได้ ๆ เอางั้นก็ได้… ฉันจะไม่เรียกเธอว่าภรรยาแล้ว ฉันจะเรียกเธอว่า ‘ที่รัก’ แทนก็แล้วกัน” เย่เชียนเห็นอยู่ว่าเธอกำลังโกรธจัด แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งเธออยู่ดี…
“ที่รัก… ว่าแล้วเรามาทำสิ่งที่เราต้องทำกันเถอะ ที่รักควรเลิกจู้จี้ขี้บ่นได้แล้วนะ เดี๋ยวผ่านช่วงเวลานี้ไปแล้วมันจะไม่มีตัวเลือกให้เลือกมากนัก ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ใช่ผู้ชายที่หล่อเหลาอะไร อีกทั้งยังไม่มีมีความสามารถหรือมีฐานะที่ดี แต่ฉันก็มีสิ่งที่ผู้ชายทุกคนมี! เพราะงั้น… เราควรรีบ ๆ ทำมันซะ เธอจะได้เลี้ยงลูกน้อยของเราไว ๆ ไง”