ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 56 แผนการ
เมื่อเย่เชียนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวเข้าห้องคุมขัง เหล่านักโทษที่อยู่ข้างในต่างก็พากันกลัวจนตัวสั่น เพราะพวกเขาเคยสัมผัสกับความแข็งแกร่งของเย่เชียนมาแล้วครั้งหนึ่ง พวกเขายังจำได้ดีว่าเย่เชียนเอาชนะพวกนักโทษทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่อุกอาจและแปลกประหลาดเล็กน้อย เพราะตั้งแต่ที่เย่เชียนถูกปล่อยตัวไป พวกเขาเหล่านั้นก็สามารถผ่อนคลายลงได้ในที่สุด พวกเขาต่างก็คิดกันว่าหากจะต้องเผชิญหน้ากับเย่เชียนอีกครั้ง พวกเขายอมถูกยิงตายยังดีเสียกว่า
ใครจะคิดว่าอสูรร้ายตนนี้จะหวนกลับมาอีกครั้งหลังจากผ่านไปเพียงไม่นาน เมื่อพวกเขาเห็นหน้าของเย่เชียน พวกเขาก็เริ่มสั่นสะท้านและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว หากว่าเย่เชียนอารมณ์ดีก็จะไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อไหร่ที่เขาอารมณ์เสียขึ้นมา เขาอาจจะระเบิดโทสะออกมาก็ได้
แล้วจะมีใครอีกนอกจากพวกเขาที่ต้องเดือดร้อน ?
เมื่อเย่เชียนเข้าไปข้างในห้องขัง เขาก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะทุกคน…”
“โห! เชิญนั่งก่อน ๆ นี่บุหรี่ครับ” นักโทษคนหนึ่งกุลีกุจอวิ่งเข้าไปและบริการอย่างดี
เมื่อเห็นทุกคนปฏิบัติตัวดี เย่เชียนจึงเริ่มรู้สึกสนุกขึ้นมา เขาเอนกายลงบนเตียงและสูบบุหรี่สบายใจในขณะที่นักโทษบางคนกำลังนวดให้เขา
เย่เชียนใช้ชีวิตอย่างราชาในคุกนี้ ตอนนี้สิ่งที่เขาขาดอย่างเดียวก็คือผู้หญิง…
“ลูกพี่… ทำไมลูกพี่ถึงกลับมาที่นี่ล่ะ ?” นักโทษถามในขณะที่ตัวสั่นด้วยความกลัว
“อ้อ… ฉันตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรม” เย่เชียนตอบอย่างเฉยเมย
“ฆาตกรรมเหรอครับ ?!” นักโทษทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
ในประเทศจีนนั้นการฆาตกรรมมีโทษถึงชีวิต แต่เย่เชียนยังคงสงบอยู่ได้กับสถานการณ์เช่นนี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตายแต่ยังคงสามารถสงบเยือกเย็นได้อยู่ สิ่งนี้ทำให้เหล่านักโทษอดรู้สึกไม่ได้ว่าตัวเองเป็นพวกเห่ย ๆ โดยปกติพวกเขามักจะวางท่าและหยิ่งยโสอยู่เสมอ แต่เมื่อเห็นเย่เชียนที่สงบเยือกเย็นต่อหน้าประตูแห่งความตายอย่างไม่เกรงกลัว พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปถึงกระดูก
ความตาย…
เย่เชียนลืมมันไปนานแล้วว่าคืออะไร เพราะเกือบทั้งชีวิต ตัวเขานั้นต้องเดินอยู่บนเส้นด้ายแห่งความตายมาตลอด เขาคือผู้ที่เคยก้าวเท้าเข้าสู่อาณาจักรของเทพแห่งความตายมาแล้ว ดังนั้นสำหรับเขา ชีวิตและความตายมันก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก เหมือนที่คนในสมัยโบราณกล่าวเอาไว้ว่า ‘ความสุขของการมีชีวิตอยู่คืออะไรและความโศกเศร้าของความตายคืออะไร’
ไม่ใช่ว่าเย่เชียนไม่กลัวตาย เขาเพียงแค่ไม่ได้กลัวความตายในเวลาทำงาน เขาทุ่มเททุกภารกิจทุกปฏิบัติการของเขาเสมอ เขาต้องเดินบนเส้นทางแห่งความตายและความตายก็สามารถคืบคลานมาได้ทุกวินาที ถ้าหากเขามัวแต่กลัวความตาย โอกาสที่เขาจะมีชีวิตรอดได้ก็ยิ่งริบหรี่และน้อยนิดลง การลืมความตายเท่านั้นที่จะสามารถเอาชนะศัตรูได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เย่เชียนหรี่ตาลงขณะที่เขาเอนตัวลงบนเตียงและตั้งสมาธิกับสิ่งที่อยู่นอกห้องขัง เขาบังเอิญเห็นหยางเหว่ยเดินไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่เฝ้าเวรอย่างมีพิรุธ เย่เชียนจึงส่งสัญญาณให้พวกนักโทษเงียบและแอบฟังอย่างตั้งใจ
“อย่าลืมหาวิธีที่จะพาเขาเข้าไปใกล้ประตู เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ฉันจะได้ทำมันอย่างสะดวก เข้าใจมั้ย ?” หยางเหว่ยกระซิบราวกับว่าเขากลัวคนอื่นจะได้ยินในสิ่งที่เขาพูด ดูเหมือนว่าเขากำลังวางแผนชั่วร้ายอะไรบางอย่างอยู่
“พี่หยาง… พี่จะทำมันในสถานีตำรวจนี่จริง ๆ เหรอ ? มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยนะพี่ ถ้าถูกจับได้ ไม่เพียงแค่เราจะตกงานเท่านั้น แต่เราจะต้องติดคุกเลยนะพี่” เจ้าหน้าที่เฝ้าเวรพูดด้วยความกังวลกระวนกระวายใจอย่างมาก
“นายจะกลัวอะไร ? นี่เป็นคำสั่งจากเบื้องบน ถ้าเรากำจัดเขาให้เขาตายได้แล้วล่ะก็ หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว เราจะไม่เพียงแค่ไม่ติดคุก แต่เรายังได้รับการเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งด้วย มันประจวบเหมาะกับช่วงพิจารณาเลื่อนขั้นข้าราชการที่ใกล้จะมาถึงพอดี” หยางเหว่ยตอบด้วยกิเลสความโลภ
“ตราบใดที่เราทำตามแผนที่วางเอาไว้ มันก็จะทำให้ดูเหมือนว่าเขากำลังวางแผนที่จะหลบหนีออกจากคุก และเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องวิสามัญ ถึงแม้ว่าอธิการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะที่เป็นน้องชายของเขาจะเข้ามาแทรกแซง แต่เขาก็ไม่มีทางทำอะไรพวกเราได้อย่างแน่นอน เพราะพวกเราเองก็มีเบื้องบนหนุนหลังอยู่เหมือนกัน”
“แล้วนักโทษคนอื่น ๆ ล่ะพี่ ?” เจ้าหน้าที่เฝ้าเวรถาม
“ถ้านายสงสัยว่าจะทำให้พวกเขาเหล่านั้นปิดปากได้อย่างไรนั้น มันก็เป็นเรื่องง่ายมาก ไม่ต้องกังวลไปหรอก นายก็แค่ต้องทำตามแผนที่เราวางไว้ก็เท่านั้น” หยางเหว่ยตอบอย่างผึ่งผายและมั่นใจ
เมื่อเย่เชียนได้ยินเรื่องนี้แล้ว เขาก็เข้าใจทุกอย่าง คนพวกนั้นวางแผนที่จะปิดปากเขาด้วยความตาย เพราะคนตายนั้นพูดไม่ได้
แต่หลังจากที่เย่เชียนตระหนักดูแล้ว มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ จากท่าทางก่อนหน้านี้ของหยางเหว่ย ถึงแม้ว่าเขาจะเล่นละครตบตาได้ดี แต่ดูเหมือนว่าเขาจงใจให้เย่เชียนได้ยิน มิเช่นนั้นพวกเขาก็คงจะไปพูดเรื่องแผนการกันที่อื่น สถานีตำรวจนี้มันก็ค่อนข้างใหญ่จึงไม่จำเป็นเลยที่จะต้องมาพูดใกล้กับทางเข้าห้องขัง หากเป็นเช่นนั้น คำอธิบายเพียงอย่างเดียวก็คือพวกเขาจงใจที่จะให้เย่เชียนได้ยินและพยายามหาทางหนีออกจากคุกด้วยวิธีใดก็ได้เพื่อที่พวกเขาจะได้มีโอกาสฆ่าเย่เชียน แต่ไม่ว่ามันจะเป็นไปในสถานการณ์ใด ทั้งหมดก็ล้วนเสี่ยงสำหรับเขาอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม เย่เชียนไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ เลย เหตุผลที่เขาเข้าไปในสถานีตำรวจด้วยความเต็มใจโดยไม่เปิดเผยความจริงที่ว่าเขามีจ้าวเทียนห่าวเป็นพยาน เพราะเขาต้องการให้คนอยู่เบื้องหลังเดินหน้าต่อไป และตอนนี้พวกเขาก็กำลังจะเคลื่อนไหวตามแผน สิ่งที่เย่เชียนจะต้องทำในตอนนี้คือเขาต้องใช้โอกาสนี้สืบหาตัวผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังเหล่านั้นให้โผล่ (หัว) ออกมา
ไม่ว่าคำพูดของหยางเหว่ยจะเป็นความจริงหรือเรื่องโกหก เย่เชียนก็รู้สึกว่าเขาต้องออกไปจากที่นี่แล้ว ประการแรก เขาไม่ใช่คนประเภทที่จะนั่งรอศัตรูให้วิ่งกรูเข้ามาหาเขาอยู่ฝ่ายเดียว ประการที่สอง เมื่อเขาออกจากสถานที่แห่งนี้แล้ว ศัตรูก็จะเดินหน้าตามแผนต่อไปอย่างแน่นอน และโอกาสที่พวกนั้นจะฆ่าเขาก็มีมากขึ้นเช่นกัน ทว่าเย่เชียนจะไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องพบกับจุดจบเช่นนั้น ส่วนวิธีการที่จะออกไปจากที่แห่งนี้ เขาได้วางแผนเอาไว้นานแล้ว…
แกร๊ง! แกร๊ง!
เสียงกระบองในมือของเจ้าหน้าที่เฝ้าเวรคนนั้นกระทบกับกรงเหล็กของห้องขังในขณะที่เขาตะโกนเสียงดัง
“เย่เชียน… นายมานี่ซิ!”
เย่เชียนยิ้มเย้ยหยันและพูดว่า “คุณสั่งผมเหรอ ? ถ้าผมไปเพราะคุณสั่งผม ผมก็เสียหน้าน่ะสิ”
เจ้าหน้าที่เฝ้าเวรจ้องมองอย่างตกตะลึงพลางคิดว่า ‘ไอ้หนุ่มนี่ช่างยโสโอหังจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่มีคนต้องการให้เขาตาย และตัวเขาเองต้องเข้าไปเสี่ยงเพียงเพื่อผลประโยชน์ของคนอื่น แต่ก็เอาเถอะ เรื่องพวกนี้ของไอ้หนุ่มนี่มันก็มีผลต่อหน้าที่การงานของฉันเช่นกัน ไม่ว่ายังไงถ้ามีอะไรผิดพลาด เบื้องบนคงจะช่วยเหลือฉันให้รอดไปได้’
“หัวหน้าของฉันต้องการสอบปากคำนายคืนนี้… ออกมาซะ!” น้ำเสียงของเขายังคงดูแข็งกร้าว แต่ก็น้อยลงกว่าเดิมมาก
เย่เชียนหัวเราะในใจเพราะคิดว่าการเล่นละครตบตาของชายคนนี้ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่ เนื่องจากอีกฝ่ายต้องการทำตามแผน เย่เชียนก็เลยเล่นไปตามน้ำด้วย เย่เชียนฉีกยิ้มและยืนขึ้น จากนั้นก็เดินไปที่ประตูห้องขัง
“หัวหน้าคุณนี่ตั้งใจทำงานมาก ดึกดื่นป่านนี้เขายังต้องการที่จะสอบสวนอีกเหรอ ? ช่างเป็นตำรวจที่ดีของประชาชนเสียจริง” เย่เชียนพูดอย่างประชดประชัน
ในขณะที่เจ้าหน้าที่เฝ้าเวรเปิดประตูห้องขังออก ทันใดนั้นหยางเหว่ยก็รีบวิ่งเข้ามาแล้วชักปืนออกมาอย่างรวดเร็ว เย่เชียนเห็นดังนั้นก็หลบอย่างรวดเร็ว มือของเขาเป็นเสมือนกับใบมีดที่เหวี่ยงออกไปและสับเข้าไปที่ท้ายทอยของหยางเหว่ยอย่างจัง ซึ่งมันทำให้หยางเหว่ยหมดสติทรุดตัวลงไปนอนกองกับพื้นในทันที
เจ้าหน้าที่เฝ้าเวรก็ตกตะลึงและยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น เขาไม่คิดไม่ฝันว่าเย่เชียนจะรวดเร็วขนาดนี้ และเขาก็คิดว่าต่อให้เขาจะชักปืนออกมาในตอนนี้ มันก็สายไปเสียแล้ว
พลั่ก!
ทันใดนั้น เย่เชียนก็เหวี่ยงมือของเขาเข้าใส่ท้ายทอยของเจ้าหน้าที่เฝ้าเวรเช่นกัน จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็หมดสติลงไปนอนกองกับพื้นเหมือนกันกับหยางเหว่ย