ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 58 เค้นความลับคำสารภาพ
หลังจากที่คุยกับหลี่เหว่ยยี่ไปสักพักหนึ่ง เย่เชียนก็ลุกขึ้นยืนและเดินไปหาซูย่าหยิง เขาแสยะยิ้ม จากนั้นก็พูดว่า
“คุณซู… ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ คุณจำผมได้มั้ย ?”
“จะ… จะ… จำได้สิ คุณ… เป็นแฟนของหลินโรโร่วไง” ซูย่าหยิงพูดตะกุกตะกักด้วยความกลัว
“โอ้… คุณซูความจำดีมาก” เย่เชียนฉีกยิ้มและพูดต่ออีกว่า “ว่าแต่… คุณรู้ใช่มั้ยว่าทำไมผมถึงส่งคนไปพาคุณมาที่นี่ ?”
“ฉะ… ฉันไม่รู้” ซูย่าหยิงตอบอย่างหวาดกลัว “คุณรู้ใช่มั้ยว่าฉันเป็นแค่พนักงานออฟฟิศธรรมดา ๆ ฉันไม่มีเงินหรอก คุณปล่อยฉันไปเถอะ”
เย่เชียนขมวดคิ้ว “เหอะ ๆ คุณซู นี่คุณดูถูกสติปัญญาของผมเหรอ คุณคิดว่าผมโง่หรือไง ? ผมรู้ว่าคุณเพียงคนเดียวน่ะไม่มีความสามารถมากพอที่จะต้อนให้ผมจนมุมได้หรอก อีกอย่าง ผมก็ไม่ได้ต้องการที่จะทำร้ายอะไรคุณด้วย ขอเพียงแค่คุณบอกผมมาว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือใครก็พอละ”
ซูย่าหยิงรู้ดีว่าเธอไม่สามารถหลีกหนีไปจากปัญหาตรงนี้ได้ เธอสาปแช่งอู่หยางเทียนหมิงอยู่ในใจ เพราะเขาสัญญากับเธอว่าเย่เชียนจะไม่สามารถสาวไปถึงตัวเธอได้ว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย เธอแค่ต้องเป็นพยายานในการขึ้นศาลเพื่อให้การเท่านั้น แต่ตอนนี้เย่เชียนอยู่ที่นี่โดยไม่คาดคิดและยังรู้ทุกอย่างหมดแล้ว มันเหมือนกับว่าอู่หยางเทียนหมิงได้ผลักเธอลงไปในกองไฟที่กำลังปะทุ
“บอส… ผู้หญิงคนนี้ยังกล้าปากแข็งอยู่อีก เอางี้มั้ย… ให้ผมช่วยทำให้เธอได้ลิ้มรสชาติแบบวิถีของจักรวรรดิแมนจูเรียแห่งราชวงศ์ฉิงดีมั้ยบอส ? เธอจะได้คายความลับออกมาไง ฮ่า ๆ” หลี่เหว่ยยี่พูดขณะเดินไปที่ด้านข้างของเย่เชียนและจ้องมองซูย่าหยิงด้วยสายตาดุร้ายอำมหิต
“ไม่นะ! บอกแล้ว ฉันยอมบอกแล้ว” ซูย่าหยิงรีบพูดด้วยความกลัว “แต่คุณต้องสัญญากับฉันนะว่าคุณจะไม่บอกเขาว่ามันเป็นฉันเองที่เป็นคนบอกทุกอย่างให้แก่คุณ… มิฉะนั้นฉันจะต้องตายแน่ ๆ”
ซูย่าหยิงเข้าใจเป็นอย่างดีว่าอู่หยางเทียนหมิงโหดร้ายเลือดเย็นแค่ไหน สำหรับอู่หยางเทียนหมิงแล้ว การฆ่าคนเป็นเหมือนแค่การเล่นเกม หากเขารู้ว่าเป็นเธอที่แทงข้างหลังเขา เธอก็จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ในเซี่ยงไฮ้ได้อีกต่อไป…
“นี่เธอยังกล้าต่อรองอีกเหรอ ?” หลี่เหว่ยยี่ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด
เย่เชียนมองอย่างเฉยเมยและตอบว่า “เฮ้อ… เอาจริง ๆ ถึงคุณจะไม่บอกผม ผมก็สามารถรู้ได้ว่ามันเป็นใคร ผมแค่ให้โอกาสคุณเท่านั้น… แต่ถ้าคุณไม่รับมันไว้ล่ะก็… คุณก็อย่ามาตำหนิผมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นแล้วกัน”
หลังจากพูดเช่นนี้ เย่เชียนก็หันหลังและกำลังจะเดินจากไป ดูเหมือนว่าเขาจะปล่อยซูย่าหยิงไว้ให้หลี่เหว่ยยี่จัดการ
ซูย่าหยิงยังพอรู้จักกับเย่เชียนมาบ้าง แต่เธอไม่รู้จักหลี่เหว่ยยี่เลยแม้แต่นิด สิ่งนี้จึงทำให้เธอตกใจและหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เมื่อเธอเห็นว่าเย่เชียนกำลังจะจากไป เธอก็รีบดิ้นรนคุกเข่าที่เท้าของเย่เชียนทันที หัวของเธอพิงขาของเขาและรีบพูดว่า
“ฉันจะบอกคุณ ฉันจะบอกคุณเอง มันคืออู่หยางเทียนหมิง มันเป็นแผนของอู่หยางเทียนหมิงทั้งหมด!”
“อู่หยางเทียนหมิง” เย่เชียนพึมพำกับตัวเอง
เย่เชียนไม่ค่อยคุ้นเคยกับอู่หยางเทียนหมิงมากนัก เขาเคยพบอู่หยางเทียนหมิงเพียงสองครั้งเท่านั้น ครั้งแรกที่บาร์มนต์เสน่ห์ และครั้งที่สองที่มหาวิทยาลัย อันที่จริงเย่เชียนไม่ได้ให้ความสนใจกับคนที่อาศัยอำนาจของบรรพบุรุษของพวกเขาในการข่มเหงรังแกผู้อื่นสักเท่าไหร่ เมื่อเขาได้เห็นอู่หยางเทียนหมิงในคลาสเรียนภาษาฝรั่งเศสห้องสาม เย่เชียนก็ถึงกับชะงักเล็กน้อยและมีความรู้สึกว่าโลกนี้มันช่างแคบและกลมจริง ๆ เขาไม่ได้รู้สึกสงสัยหรืออะไรเกี่ยวกับอู่หยางเทียนหมิงเลยในเวลานั้น แล้วใครจะรู้ว่าชายหนุ่มคนนี้จะเป็นคนที่ชั่วร้ายขนาดนี้
“แล้วจ้าวเซี่ยล่ะ ใครฆ่าจ้าวเซี่ย ?” เย่เชียนถามอย่างเคร่งขรึม
“ก็อู่หยางเทียนหมิงนั่นแหละ เขา… เขาฆ่าจ้าวเซี่ย…” ซูย่าหยิงตอบอย่างโศกเศร้าและโกรธเกรี้ยวในใจ
เย่เชียนตกตะลึงอย่างมาก เพื่อที่จะกำจัดตนแล้ว อู่หยางเทียนหมิงไปไกลถึงขนาดเลือกที่จะฆ่าใครสักคนเพื่อต้อนให้เขาต้องจนมุมเชียวเหรอ ? เรื่องแบบนี้มันงี่เง่าเกินไปไหม ?
“แล้วทำไมเขาถึงฆ่าจ้าวเซี่ยล่ะ ?” เย่เชียนถามอย่างสงสัย
“เพราะ… เพราะว่าจ้าวเซี่ยเห็นอู่หยางเทียนหมิงกำลัง…” ซูย่าหยิงพูดตะกุกตะกักและเสียงสั่นเล็กน้อย
ดูจากอาการของเธอ ซูย่าหยิงไม่ต้องอธิบายเย่เชียนก็พอจะเดาได้ มันต้องหมายความว่าซูย่าหยิงถูกอู่หยางเทียนหมิงล่อลวงและจ้าวเซี่ยก็มาเห็นเข้าพอดีในตอนที่พวกเขาทั้งสองกำลังทำเรื่องอย่างว่ากัน ดังนั้นมันจึงจบลงด้วยการที่อู่หยางเทียนหมิงฆ่าจ้าวเซี่ยทิ้ง จากนั้นก็ตัดสินใจว่าจะโยนความผิดให้เย่เชียน เหมือนการฆ่านกสองตัวด้วยหินเพียงก้อนเดียว
“เขาบอกให้คุณพูดว่าเห็นผมฆ่าจ้าวเซี่ยด้วยตาของคุณเองใช่มั้ย ? แล้วบอกให้พ่อของเขากดดันผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาโดยให้ตำรวจวิสามัญและยิงผมทิ้งเพราะว่าคนตายมันพูดไม่ได้ใช่มั้ย!” เย่เชียนถามอย่างเดือดดาล คนพวกนี้บทจะเลวก็เลวได้โล่จริง ๆ
ซูย่าหยิงพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ เธอมองไปที่เย่เชียนด้วยความตื่นตระหนกและพูดว่า “ฉันบอกคุณทุกอย่างแล้ว… ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันยังไม่อยากตาย… อ้อใช่! ฉันมีวิดีโอคลิปที่อู่หยางเทียนหมิงฆ่าจ้าวเซี่ยอยู่ด้วยนะ”
“อะไรนะ ?” เย่เชียนอุทานด้วยความประหลาดใจและถามว่า “มันเกิดขึ้นได้ยังไง ?”
“อู่หยางเทียนหมิงเป็นคนมีรสนิยมแปลก ๆ เขาชอบถ่ายเก็บไว้ขณะทำมัน และจ้าวเซี่ยมาอย่างกะทันหันจึงไม่มีเวลาจัดการกับกล้องถ่ายวิดีโอน่ะ เป็นไปได้ว่าอู่หยางเทียนหมิงลืมมันไปแล้วในตอนนี้ ซึ่งฉันก็เอาเมมโมรี่การ์ดไปซ่อนไว้ ฉันกะจะใช้มันเพื่อขู่เขา เผื่อเขาคิดจะต่อต้านฉันหรือทำอะไรฉัน” ซูย่าหยิงอธิบายอย่างตรงไปตรงมา
มันจริงดังคำพูดที่ว่า ‘ผู้หญิงเป็นดั่งงูพิษ’ เย่เชียนไม่เคยคิดเลยว่าอู่หยางเทียนหมิงจะมีรสนิยมเช่นนี้ และซูย่าหยิงเองก็ไม่โง่เขลาไปเสียทีเดียว เขาคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่ในใจ แต่สายตาของเขาเหม่อลอยไปทางหลี่เหว่ยยี่ ทันใดนั้นหลี่เหว่ยยี่ก็รีบพูดขึ้นมาว่า
“บอส! บอสมองผมทำไม ? ผมไม่มีรสนิยมอย่างเขาหรอก ผมแตกต่างจากเขานะ… ของผมมันคือศิลปะที่แท้จริงครับบอส”
เมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้ เย่เชียนก็รู้สึกว่ามันตลกเกินไป เขาไม่คิดว่าอู่หยางเทียนหมิงและหลี่เหว่ยยี่จะมีรสนิยมที่คล้าย ๆ กัน แต่เขาคิดว่าหลี่เหว่ยยี่นั้นไร้ยางอายมากกว่าอู่หยางเทียนหมิงมาก เพราะทุกครั้งที่เขาทำธุระของเขาเสร็จ เขามักจะอยากแสดงความภาคภูมิของเขาและเล่าเรื่องพวกนั้นให้พี่น้องในหน่วยเขี้ยวหมาป่าฟังเสมอ
“วิดีโอคลิปเหรอ ?” เย่เชียนถาม และฉุกคิดกับตัวเองว่า ‘ถ้าซูย่าหยิงพูดความจริงล่ะก็ อู่หยางเทียนหมิงคงต้องบันทึกเอาไว้ตั้งแต่เริ่มล่ะสิ’
เย่เชียนไม่อยากเห็นทักษะท่วงท่าของอู่หยางเทียนหมิงบนเตียง แต่เขารู้สึกว่าถ้าได้วิดีโอนั้นมาล่ะก็ มันจะมีประโยชน์กับเขาอย่างมากแน่ ๆ
“ใช่… มันอยู่ในบ้านของฉันเอง” ซูย่าหยิงตอบอย่างซื่อตรง
“งั้นไปกันเลย… พาเราไปที่นั่น” เย่เชียนพูดและหันไปมองหลี่เหว่ยยี่เพื่อจะสื่อว่ามันเป็นงานของเขาที่ต้องดูแลซูย่าหยิง
หลี่เหว่ยยี่เดินไปที่ด้านข้างของซูย่าหยิงและดึงเธอมาหาเขาพร้อมกับยิ้มอย่างซุกซน ขณะที่เขาพูดว่า
“ผมไม่ได้สังเกตเห็นก่อนหน้านี้… คุณมีไฝอยู่ตรงนี้ด้วยเหรอ หึ ๆ ๆ” ขณะที่พูด ดวงตาของเขากำลังจ้องมองไปที่ไฝบริเวณหน้าอกของซูย่าหยิง
ซูย่าหยิงเอื้อมมือตัวเองไปปิดที่หน้าอกเมื่อเห็นสายตาของหลี่เหว่ยยี่จ้องมองมาที่มัน เธอแอบคิดอยู่ในใจว่า ถ้าหลี่เหว่ยยี่ต้องการมีอะไรกับเธอจริง ๆ เธอเองก็จะไม่ขัดขืน ตราบใดที่เธอสามารถรักษาชีวิตของเธอเอาไว้ได้ และต่อให้พวกเขาทั้งสองต้องการจริง ๆ แล้วล่ะก็ เธอก็ไม่รังเกียจและพร้อมยอมทุกอย่าง แต่เมื่อเธอนึกย้อนกลับไปว่าเมื่อครู่นี้หลี่เหว่ยยี่ดูเหมือนปีศาจแค่ไหน ซูย่าหยิงก็ไม่กล้าที่จะขยับตัวอีก
เธอคิดว่ายอมให้หลี่เหว่ยยี่คนนี้พาเธอไปที่บ้านอย่างเชื่อฟังน่าจะดีกว่า