ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 61 พรรคการเมือง
อู่หยางเฉิงกัดฟันแน่น ขณะที่เขามองเย่เชียนและหลี่เหว่ยยี่เดินออกนอกประตูไป เขาพึมพำกับตัวเองว่า “พวกแกบังอาจมาขู่คนอย่างฉัน! คอยดูเถอะ… ไม่ช้าก็เร็วพวกแกจะต้องถูกฝังลงใต้ดิน”
หลังจากนั้นไม่นาน อู่หยางเฉิงก็นึกขึ้นได้ว่าพวกนั้นยังไม่ได้บอกเขาเลยว่าเหม่ยลี่ของเขาอยู่ที่ไหน เขาจึงรู้สึกร้อนรนขึ้นมาทันที เขาใช้เวลาเดินตามหาเธออยู่พักใหญ่ จนกระทั่งในที่สุดเขาก็พบว่าเธอนอนไม่ได้สติอยู่บนพื้นในห้องน้ำ เธอสวมเพียงชุดนอนบาง ๆ เผยให้เห็นต้นขาที่ขาวบริสุทธิ์ผุดผ่อง ถึงแม้ว่าเขาจะเคยนัวเนียกับเธอมาหลายครั้งแล้วก็ตาม แต่ทุกครั้งที่อู่หยางเฉิงเห็นเธอ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา เขากลืนน้ำลายแล้วรีบเดินไปปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์
……
เมื่อออกมาจากที่พักส่วนตัวของอู่หยางเฉิงแล้ว หลี่เหว่ยยี่ก็อดกลั้นความอยากรู้อยากเห็นของเขาเอาไว้ต่อไปไม่ได้อีก เขาจึงถามขึ้นมาว่า “บอส… บอสต้องการร่วมมือกับผู้ชายคนนั้นจริง ๆ เหรอ ?”
“แล้วนายคิดยังไงล่ะ ?” เย่เชียนถามกลับ
“ก็ต้องไม่น่ะสิบอส! คนแบบนั้นเลี้ยงไม่เชื่องหรอก… ฮ่า ๆ ๆ” หลี่เหว่ยยี่พูดพลางหัวเราะ
เย่เชียนมองไปที่หลี่เหว่ยยี่อย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็มอบไฟล์และเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวกับเรื่องที่อู่หยางเฉิงรับสินบนและขายโครงการของรัฐบาล รวมถึงคลิปวิดีโอเลิฟซีนของอู่หยางเฉิงให้กับหลี่เหว่ยยี่แล้วพูดว่า “ฉันคงต้องรบกวนนายอีกเรื่องนะคืนนี้… นายช่วยเอาหลักฐานพวกนี้ไปให้ใครบางคนให้ฉันที”
เย่เชียนมองหน้าหลี่เหว่ยยี่ เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจ้าหน้าที่ของรัฐถึงชอบเก็บบันทึกการรับสินบนที่พวกเขารับเอาไว้ด้วย พวกเขาไม่กลัวว่าจะถูกจับโดยคณะกรรมการตรวจสอบวินัยหรืออย่างไร ? แต่หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็รู้ว่ามันไม่ได้แปลกอะไรเลย เพราะเจ้าหน้าที่ระดับสูงเหล่านั้นมีทั้งอำนาจและอิทธิพลอย่างมาก แล้วจะมีใครหน้าไหนกล้ามาแทงข้างหลังพวกเขา อีกอย่าง จะมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงในประเทศจีนกี่คนกันที่ไม่ทุจริต ?
“ให้ใครบอส ?” หลี่เหว่ยยี่ถามอย่างสงสัย
เย่เชียนยิ้มเล็กยิ้มน้อย จากนั้นก็โน้มตัวไปกระซิบบางอย่างข้าง ๆ หูของหลี่เหว่ยยี่
……
เช้าวันรุ่งขึ้น
หลี่ฮ่าวได้รับโทรศัพท์จากหวังปิงที่บอกให้เขาไปที่บ้านของหวังปิงโดยเร็วที่สุด เขารู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งเมื่อได้ยินเสียงของหวังปิงที่ดูร้อนรนกระวนกระวาย และอดคิดไม่ได้ว่ามันจะต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
การที่หลี่ฮ่าวได้มีโอกาสครอบครองตำแหน่งอันสูงส่งอยู่ ณ ตอนนี้ นั่นก็เพราะหวังปิงเป็นคนช่วยดันเขาให้ขึ้นสู่ตำแหน่ง ดังนั้นในเซี่ยงไฮ้นี้ เขาจึงถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาของหวังปิงเลยก็ว่าได้ หลังจากวางสายไป หลี่ฮ่าวก็ไม่รอช้า เขารีบขึ้นรถและมุ่งหน้าตรงไปที่บ้านของหวังปิงทันที
เมื่อหลี่ฮ่าวไปถึง เขาก็เห็นว่าหวังปิงนั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม โต๊ะกาแฟด้านหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยกองแฟ้มหนา ๆ วางอยู่เต็มไปหมด แต่หลี่ฮ่าวก็คิดไม่ออกว่ามันคืออะไรอยู่ดี
“สวัสดีครับ… ท่านเลขาหวัง” หลี่ฮ่าวทักทายด้วยความเคารพ
“โอ้…! หลี่ฮ่าว นั่งก่อนสิ” หวังปิงพูดอย่างเป็นกันเอง
หวังปิงนั้นชื่นชมหลี่ฮ่าวมาก เพราะถึงแม้ว่าเขาจะยังเด็ก แต่เขาก็มีแรงผลักดันและเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นทุ่มเทอย่างมาก เขาจึงได้ตัดสินใจเลื่อนตำแหน่งให้กับหลี่ฮ่าว ในบรรดาพรรคการเมืองทั้งหลายนั้น พรรคของหวังปิงถือได้ว่าเป็นกลุ่มที่เล็กที่สุดในแวดวงการเมืองของเซี่ยงไฮ้ ดังนั้นหลี่ฮ่าวจึงถือได้ว่าเป็นผู้ช่วยที่เชื่อถือได้และเป็นหนึ่งในบุคคลที่สำคัญของเขา
ไม่นานนัก คนรับใช้ของหวังปิงคนหนึ่งก็เข้ามาเสิร์ฟน้ำชาให้กับหลี่ฮ่าว และเมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินจากไปเงียบ ๆ
หลี่ฮ่าวจิบชาเบา ๆ ก่อนจะถามว่า “ท่านเลขาหวังครับ… ท่านโทรหาผมและบอกให้ผมมาพบด่วนมาก มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอครับ ?”
หวังปิงพยักหน้าและตอบว่า “หลี่ฮ่าว… คุณมีพี่ชายชื่อเย่เชียนไหม ?”
หลี่ฮ่าวรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เพราะคนที่รู้เรื่องนี้นั้นมีเพียงไม่กี่คน นอกเหนือไปจากเพื่อนสมัยเด็กที่เขาเติบโตมาในสลัมด้วยกันแล้ว ก็มีเพียงเพื่อนร่วมงานในสำนักงานไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ หลี่ฮ่าวนึกไม่ออกว่าทำไมหวังปิงจึงพูดถึงเย่เชียนขึ้นมา หรือว่าเย่เชียนจะประสบกับปัญหาอีกครั้ง
“ท่านเลขาหวัง… มีบางอย่างเกิดขึ้นกับพี่สองของผมเหรอครับ ?” หลี่ฮ่าวถามอย่างกังวล
“ใช่” หวังปิงพยักหน้า จากนั้นก็พูดต่ออีกว่า “ช่วยบอกฉันเกี่ยวกับเย่เชียนมาทั้งหมดหน่อยได้มั้ย ?”
คำถามนั้นของหวังปิงทำให้หลี่ฮ่าวรู้สึกเป็นกังวลมากขึ้นไปอีก เขาต้องการทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเย่เชียนกันแน่ แต่ตอนนี้เขาต้องอดกลั้นความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ก่อน และตอบหวังปิงไปตามความจริงว่า
“พี่สองกับผมเป็นเด็กกำพร้าที่พ่อรับอุปถัมภ์มาด้วยกันตั้งแต่เราทั้งสองคนยังเด็ก เราทั้งคู่ปฏิบัติต่อกันดั่งพี่น้องตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา… พี่สองเป็นคนตรงไปตรงมาและซื่อสัตย์อย่างมากครับ เขารู้ว่าพ่อของพวกเราต้องทำงานอย่างหนักเพื่อส่งพวกเราไปเล่าเรียนหนังสือ เขาจึงขอลาออกก่อนเวลาเพื่อหางานทำและช่วยพ่อหาเงิน…
แต่แล้ววันหนึ่ง… ผมถูกหัวหน้ามาเฟียซ้อม ผมเจ็บหนักจนต้องถูกหามส่งโรงพยาบาลโดยด่วน พอพี่สองรู้เรื่องนี้เข้า เขาก็แค้นใจมากจึงแอบไปดักรออยู่หน้าประตูบ้านของหัวหน้ามาเฟียคนนั้นเป็นเวลาสามวันสามคืนเต็ม ๆ จนในที่สุดเขาก็สบโอกาสใช้มีดแทงหัวหน้ามาเฟียคนนั้น ถ้าหากมีดนั้นเยื้องไปทางขวาอีกเพียงนิดเดียว เขาก็คงจะตายไปแล้ว พอหัวหน้ามาเฟียคนนั้นออกจากโรงพยาบาลมาได้ เขาก็ออกตามล่าพี่สองไปทุกหนทุกแห่ง เพราะเหตุนั้นเอง พี่สองจึงตัดสินใจหลบหนีออกไปจากเซี่ยงไฮ้ ผ่านไปกว่าแปดปี ในที่สุดเขาก็กลับมาที่นี่และผมเองก็เพิ่งจะรู้ว่าเขากลับมาเมื่อสองวันก่อนนี่เองครับ…”
หวังปิงพยักหน้าน้อย ๆ หลังจากที่เขาได้ฟังสิ่งที่หลี่ฮ่าวเล่ามาทั้งหมด จากอารมณ์ในคำพูดของหลี่ฮ่าว เขาดูเหมือนจะชื่นชมและรักเย่เชียนเป็นอย่างมาก
หวังปิงเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเขาก็ถามว่า “แล้วเย่เชียนไปอยู่ที่ไหนมาระหว่างแปดปีที่ผ่านไปนั่น ? เขาไปทำอะไรหรือ ?”
หลี่ฮ่าวส่ายหัว “ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ในช่วงแปดปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยติดต่อกลับมาเลยสักครั้งราวกับว่าเขาได้หายตัวไปจากโลกนี้ยังไงยังงั้น ในตอนแรก พวกเราคิดว่าเขาคงถูกมาเฟียพวกนั้นฆ่าตายไปเสียแล้ว ผมเพิ่งจะมารู้ข่าวว่าเขากลับมาที่นี่ก็ตอนที่พ่อโทรหาผมเมื่อสองวันก่อนที่บอกว่าพี่สองถูกตำรวจจับไปนั่นแหละครับ”
“แล้วเขาโดนตำรวจจับในข้อหาอะไรล่ะ ?” หวังปิงถาม
หลี่ฮ่าวเล่าถึงเหตุการณ์ที่เย่เชียนไปทำร้ายนายหัวเหมืองถ่านหิน จากนั้นเขาถามด้วยความกังวลใจว่า “ท่านเลขาหวัง ท่านบอกผมได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? พี่สองมีปัญหาอีกแล้วเหรอ ?”
หวังปิงพยักหน้าและตอบว่า “ใช่แล้ว… แต่คราวนี้มันไม่ใช่ปัญหาเล็ก ๆ เลย เพราะเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมข้าราชการคนนึง ถึงกระทั่งมีคำสั่งจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงให้วิสามัญเขาได้ทันทีหากเขาขัดขืนการจับกุม”
เสมือนสายฟ้าผ่าลงกลางใจของหลี่ฮ่าวเมื่อเขาได้ฟังข่าวนี้ เขาทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนโซฟา การฆาตกรรมเป็นคดีอาชญากรรมที่มีโทษถึงชีวิต ยิ่งคนที่ตกเป็นเหยื่อเป็นข้าราชการของรัฐด้วยแล้ว ยิ่งทำให้คดีอาชญากรรมนี้ร้ายแรงขึ้นไปอีก มันไม่เหมือนกับเรื่องของเจิ้งต้าฟู นายหัวเหมืองแร่ที่เขาจะสามารถจัดการเรื่องนี้เป็นการส่วนตัวได้ นี่เป็นถึงคดีอาญา แม้ว่าเขาอยากจะช่วยใจจะขาดแต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรเย่เชียนได้
“อย่ากังวลไปเลย… ฉันคิดว่าสถานการณ์ในตอนนี้ เรายังสามารถพลิกแพลงมันได้อยู่ ฉันสังหรณ์ว่าเรื่องนี้มันมีลับลมคมในบางอย่างซ่อนอยู่ ยังไงก็ตาม อีกฝ่ายต้องไม่ใช่คนธรรมดา ๆ อย่างแน่นอน มันจะต้องเป็นคนที่มีอิทธิพลมาก มิฉะนั้นคงจะไม่สามารถสั่งเบื้องบนให้สั่งจับตายได้ เป้าใหญ่ ๆ อย่างนั้นน่ะหาไม่ยากหรอก” หวังปิงพูดปลอบใจหลี่ฮ่าวเมื่อเห็นสีหน้าที่ดูหดหู่ของเขา