ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 63 ความโกลาหลยุ่งเหยิงของสถานีตำรวจ
“ผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมที่ชื่อเย่เชียนหลบหนีไปได้เมื่อคืนนี้เรอะ!” หยางเหว่ยพูด ทำทีตกอกตกใจ แต่ทว่าใบหน้าเผยรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์เพราะในหัวของเขานั้นมีภาพจินตนาการถึงจังหวะที่เขาได้ยิงเย่เชียนตายไปเรียบร้อยแล้ว
ส่วนทางด้านของหวังยู่ เมื่อเธอนึกถึงเย่เชียนว่าจะเป็นอย่างไรบ้างในตอนนี้ อีกทั้งเป็นห่วงสถานการณ์ที่อาจจะเลวร้ายมากขึ้นไปอีกในอนาคต เธอก็มีสีหน้าที่ดูปั้นยากและความคิดของเธอก็ยุ่งเหยิงไปหมด เธอคิดกับตัวเองว่า ‘เย่เชียน นายนี่มันงี่เง่าจริง ๆ ทำไมนายถึงต้องทำแบบนี้ด้วย… นี่มันแก้ตัวอะไรไม่ขึ้นแล้วนะ มันเป็นเหตุผลชั้นดีที่จะเอื้อให้พวกเขากำจัดนาย’
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมัวตำหนิเย่เชียน เธอหันไปหาเจ้าหน้าที่เฝ้าเวรและถามอย่างโกรธเกรี้ยว
“นี่…! ซุนจีเซียง คุณเป็นคนเฝ้าเวรเมื่อคืนนี้ คุณปล่อยให้ผู้ต้องสงสัยหนีไปได้ยังไง ? มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?”
ซุนจีเซียงตัวสั่นอย่างกับเจ้าเข้า เขารู้ซึ้งถึงตัวตนที่หัวรั้นและเดือดดาลของหวังยู่เป็นอย่างดี มีเพียงไม่กี่คนในสถานีตำรวจที่สามารถทนรับแรงกดดันนี้ได้โดยไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมา อาชญากรที่หวังยู่จับกุมตัวมานั้น มักจะถูกเธอใช้ความรุนแรงในการจับกุมเสมอ ทั้งเนื้อทั้งตัวของอาชญากรเหล่านั้นล้วนเต็มไปด้วยแผลฟกช้ำดำเขียวตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งแน่นอนว่ากรณีของเย่เชียนเป็นข้อยกเว้นสำหรับเรื่องนี้
“ผมจำได้แค่ว่าเมื่อคืนนี้ จู่ ๆ ผู้ต้องสงสัยตะโกนบอกผมว่าเขาปวดท้องมาก พอผมเดินเข้าไปดูผมก็จำอะไรหลังจากนั้นไม่ได้อีกเลย พอผมฟื้นขึ้นมาอีกทีมันก็ใกล้จะเช้าแล้ว ดังนั้นผมจึงคิดว่ามันคงจะดีที่สุดถ้าผมจะรอให้หัวหน้ามาถึงก่อนแล้วค่อยรายงานให้ทราบครับ” ซุนจีเซียงตอบอย่างกระตือรือร้น
ในความเป็นจริงแล้ว ซุนจีเซียงเองก็รู้สึกผิดกับเย่เชียนเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ถูกหยางเหว่ยกดดันมาอีกที แถมยังล่อลวงเขาด้วยรางวัลและตำแหน่งต่าง ๆ มันเลยทำให้ท้ายที่สุดแล้วเขาตัดสินใจเลือกที่จะเป็นเสือร้าย
เมื่อหูวเยว่ได้ยินคำอธิบายของซุนจีเซียงก็โกรธจัด เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังจะระเบิด เด็ก ๆ พวกนี้ช่างไม่เข้าใจเอาเสียเลยว่าเย่เชียนนั้นมีความสำคัญมากขนาดไหน หากเย่เชียนหลบหนีไปได้ คนจากเบื้องบนจะต้องตำหนิเขาแน่ และไม่เพียงแค่นั้น แม้แต่ตำแหน่งของเขาเองก็จะตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน ซุนจีเซียงเลือกที่จะไม่โทรมารายงานเขาในทันทีที่ทำได้ แต่กลับมัวรีรอจนถึงตอนเช้า
แล้วตอนนี้พวกเขาจะตามล่าหาเย่เชียนได้อย่างไรกัน ? แค่ชั่วข้ามคืน ใคร ๆ ก็สามารถหนีไปไกลถึงเกาะไหหลำได้แล้ว ทว่าตอนนี้เขาไม่มีเวลาที่จะมาตำหนิซุนจีเซียงเพราะเขาต้องคิดหาวิธีจัดการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของหูวเยว่ดังขึ้นมา เขาตกใจพลันหยิบมันออกมาจากกระเป๋า และเมื่อเขามองไปที่หน้าจอโทรศัพท์เพื่อดูว่าใครโทรมา ใบหน้าของเขาก็หม่นลงทันที ถึงแม้ว่าหูวเยว่จะไม่รู้สถานการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่เขาก็เดาได้ว่าเย่เชียนเป็นคนโชคร้ายมากที่ดันไปทำให้คนที่ไม่ควรทำให้โกรธต้องโกรธขึ้นมา และตอนนี้ตัวเขาเองก็ถูกลากเข้าไปในความโชคร้ายนี้ด้วย เขารู้สึกเหนื่อยล้าและหดหู่อย่างมาก เขารับสายและถามอย่างระมัดระวัง
“ท่านเลขาอู่หยาง… มีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ ?”
“ไม่มีอะไรมากหรอก… ฉันก็แค่โทรมาถามว่าผู้ต้องสงสัยที่ชื่อเย่เชียนเป็นยังไงบ้าง ?” เสียงของอู่หยางเฉิงดังทะลุโทรศัพท์ออกมา
หูวเยว่เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากของเขาและตอบด้วยเสียงสั่น ๆ ว่า “ด้วยความเคารพนะครับท่านเลขา… ผมต้องกราบขอโทษท่านจริง ๆ ผู้ใต้บังคับบัญชาของผมล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่และปล่อยให้ผู้ต้องสงสัยหลบหนีไปได้เมื่อคืนนี้ แต่ท่านไม่ต้องกังวลนะครับ ผมจะรีบจัดกำลังพลไปจับกุมผู้ต้องสงสัยในทันทีครับท่าน!”
“หูวเยว่… นี่คุณละเลยในหน้าที่ ปล่อยให้ผู้ต้องสงสัยหลบหนีไปได้ยังไง ? คุณต้องรีบจับเขามาให้ได้โดยเร็วที่สุดเข้าใจไหม ?” อู่หยางเฉิงพูดอย่างไม่แยแส
หูวเยว่ตกตะลึงเล็กน้อยกับคำตอบที่ได้ฟัง เนื่องจากอู่หยางเฉิงนั้นดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับสถานการณ์นี้เลยสักนิดเดียว
จากนั้น อู่หยางเฉิงก็กัดฟันจำใจพูดต่อว่า “อ้อ… แล้วจำเอาไว้ด้วยว่าอย่าทำอะไรให้มันเกินเลยไป ยังไงซะประเทศเราก็เป็นประเทศประชาธิปไตย ผู้ต้องสงสัยคนนั้นยังไงก็เป็นพลเมืองของประเทศจีน ถ้าพวกคุณจับกุมเขามาได้แล้ว คุณต้องทำตามกฎหมายและต้องถูกต้องตามสิทธิมนุษยชน เข้าใจมั้ย ?”
เมื่ออู่หยางเฉิงพูดเช่นนั้น หูวเยว่ก็รู้สึกประหลาดใจกับการตอบรับของเขามากขึ้นไปอีก เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะได้ยินคำพูดเหล่านั้นจากปากของอู่หยางเฉิงเลย เพราะเมื่อวานนี้เองที่อู่หยางเฉิงได้สั่งให้เขาวิสามัญจับตายผู้ต้องสงสัยในที่เกิดเหตุอย่างรุนแรงได้ในทันทีหากเขาขัดขืนการจับกุม แต่พอมาวันนี้อู่หยางเฉิงไปกินยาอะไรผิดประเภทมาหรือเปล่าถึงมาบอกให้ทำตามกฎ ?
หูวเยว่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ สิ่งเหล่านี้มันยากเกินกว่าที่คนอย่างเขาจะเข้าใจความคิดและแผนการของพวกเบื้องบน อู่หยางเฉิงคนนี้เป็นคนโลเลเฉไฉเกินไป แต่อย่างไรก็ตาม ในเมื่ออู่หยางเฉิงดูท่าจะไม่ได้กระวนกระวายกับเรื่องต่าง ๆ มากนัก หูวเยว่ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นอย่างมาก
หลังจากวางสายไป หูวเยว่ก็กลอกตาไปที่เจ้าหน้าที่ในสถานีตำรวจทุก ๆ นายและตะโกนออกมาว่า “พวกคุณมัวยืนทำอะไรกันอยู่หา !? รีบออกไปจับตัวผู้ต้องสงสัยมาได้แล้ว! แต่ห้ามเจ้าหน้าที่คนไหนยิงเขาเข้าใจมั้ย ? ผู้ต้องสงสัยคนนี้จะต้องถูกนำตัวไปพิจารณาคดีตามกฎหมายอย่างเป็นธรรม”
หยางเหว่ยจ้องไปที่หูวเยว่ด้วยความตกใจ เขาไม่เข้าใจว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้มันเป็นอย่างไรกันแน่ ในเมื่ออู่หยางเทียนหมิงเป็นคนกำชับเขาอย่างชัดเจนเองว่า หลังจากที่เปิดโอกาสให้เย่เชียนหลบหนีไปได้แล้ว พ่อของเขาจะจัดการกดดันสำนักงานตำรวจให้ฆ่าเย่เชียนได้ในทันทีที่เจอตัว
“หัวหน้า… หัวหน้ากรมหูวเยว่… หัวหน้าสั่งให้เราแค่ไปจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยคนนี้แค่นั้นเองเหรอครับ ? เย่เชียนเป็นนักโทษหลบหนี ดังนั้นเราควร…” หยางเหว่ยพูดอย่างกระวนกระวาย
“อะไร ? ฉันสั่งอะไรผิดไปงั้นเหรอ ? ฉันสั่งอะไรคุณก็ต้องทำตามคำสั่งสิ ! คำสั่งพวกนี้มาจากเบื้องบน… พวกคุณไปกันได้แล้ว” หูวเยว่ขัดขึ้น
หวังยู่เองก็รู้สึกประหลาดใจไปไม่น้อยกว่าหยางเหว่ยเลย เห็นได้ชัดว่าเมื่อคืนนี้อีกฝ่ายต้องการให้เย่เชียนตาย แต่พอมาตอนนี้กลับเปลี่ยนใจกะทันหัน มันต้องมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นแน่ ๆ แต่ไม่ว่าเพราะเหตุใดก็ตาม นี่ถือเป็นเรื่องดีสำหรับเย่เชียน
ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเตรียมตัวระดมพล ทันใดนั้นอธิการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะหลี่ฮ่าวก็เดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเครียดคล้ำ หูวเยว่รีบทักทายเขาอย่างลนลาน ถึงแม้ว่าตำแหน่งเลขานุการคณะกรรมการเทศบาลเซี่ยงไฮ้จะสูงมากก็ตาม แต่อู่หยางเฉิงก็ไม่ได้เป็นหัวหน้าโดยตรงของพวกเขา
หลี่ฮ่าวผู้นี้นี่เองที่เป็นหัวหน้าที่แท้จริง
“หัวหน้าหลี่…! เหตุใดท่านถึงได้มาถึงที่นี่ครับ ?” หูวเยว่ถามอย่างระมัดระวังเมื่อเขาเห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดของหลี่ฮ่าว
“ผมได้ยินมาว่าคุณจับกุมผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเมื่อคืนนี้…” หลี่ฮ่าวพูดขณะที่เขาเดินเข้ามา
หูวเยว่ด่าตัวเองในใจว่าเขาทำตัวโง่ ๆ เช่นนี้ไปได้อย่างไร เย่เชียนเป็นพี่ชายของหัวหน้าหลี่ และแน่นอนเมื่อเขาถูกจับตัวมา มีหรือที่หลี่ฮ่าวจะเพิกเฉยอยู่ได้ ?
“ใช่ครับ… ถูกต้องแล้ว แต่ผมแค่ทำตามคำสั่งจากหน่วยงานเบื้องบนที่สูงกว่าก็เท่านั้น” หูวเยว่ตอบพร้อมกับผลักความผิดทั้งหมดออกไปจากตัวเอง
“เบื้องบนงั้นเหรอ !? ดูเหมือนว่าพวกคุณจะให้ความสำคัญกับเบื้องบนมากเลยสินะ เบื้องบนของผมก็มีคำสั่งมาเช่นกัน ท่านเลขาหวังได้ออกคำสั่งมาให้ผมพาผู้ต้องสงสัยไปที่สำนักงานใหญ่และกักตัวเขาไว้ที่นั่น!” หลี่ฮ่าวตะคอก
หูวเยว่รู้สึกตกใจมากที่ได้ยินว่าแม้แต่หวังปิงที่เป็นผู้สุขุมสงบเสงี่ยมมาโดยตลอด ยังเอาตัวเองมาแทรกแซงและเกี่ยวพันกับเรื่องนี้ด้วยอีกคนหนึ่ง ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อีกต่อไปแล้ว
หูวเยว่นั้นอยู่กับระบบข้าราชการรัฐบาลมานาน เขาเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างหวังปิงกับอู่หยางเฉิงดี ตอนนี้เขาเป็นกังวลว่ากำลังจะมีสงครามระหว่างทั้งสองฝ่ายเกิดขึ้น ซึ่งตัวเขาก็กำลังถูกลากเข้าสู่ห้วงแห่งความยุ่งเหยิงนี้ด้วยอีกคน
“ตะ… แต่… แต่…” หูวเยว่พูดตะกุกตะกัก
“แต่อะไร ? คุณคิดจะฝ่าฝืนคำสั่งของท่านเลขาหวังงั้นเหรอ ?” สีหน้าของหลี่ฮ่าวหม่นลง เขาพูดต่ออย่างเย็นชา “หูวเยว่! ดูเหมือนว่าคุณอยากจะเกษียณอายุก่อนกำหนดอย่างงั้นสิ ?”