ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 64 เจอผี
หูวเยว่รู้สึกหวาดกลัวอย่างมากราวกับว่าหลี่ฮ่าวนั้นได้ใช้มีดอันแหลมคมแทงเข้ากลางใจของเขาแล้ว ถึงแม้ว่าหวังปิงจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสืบสวนคดีอาญาก็ตาม แต่เขาก็เป็นถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูง เขาไม่จำเป็นที่จะต้องเคลื่อนไหวด้วยตัวเองเลยแม้แต่น้อย แค่เขาใช้เครือข่ายของตนก็เพียงพอที่จะทำลายหูวเยว่และสถานีตำรวจแห่งนี้ได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น หูวเยว่ยังต้องกังวลเกี่ยวกับหลี่ฮ่าว หัวหน้าโดยตรงของเขาเองอีกด้วย
“ไม่ครับ… ไม่ใช่อย่างนั้นครับหัวหน้าหลี่ คุณเข้าใจผิดไปแล้ว สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือเมื่อคืนที่ผ่านมา เย่เชียนหลบหนีออกจากคุกไปแล้วครับ” หูวเยว่ตอบอย่างกระวนกระวาย
“อะไรนะ ?!” หลี่ฮ่าวตกตะลึงอย่างมาก สถานการณ์ของเย่เชียนนั้นเกี่ยวข้องกับผู้คนจำนวนมากและเป็นเรื่องยากมากที่จะจัดการ แล้วยิ่งตอนนี้เขาหนีออกจากคุกไปแล้ว มันก็จะยิ่งทำให้สถานการณ์ต่าง ๆ เลวร้ายขึ้นไปอีก ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องตามหาเย่เชียนให้ได้ก่อนที่คนของอู่หยางเฉิงจะกระทำการอุกอาจ
“นี่พวกคุณทำงานกันอย่างนี้เหรอ ? พวกคุณปล่อยให้เขาหนีไปได้ยังไง ? รีบพาผมไปที่ห้องขังเดี๋ยวนี้!” หลี่ฮ่าวพูดอย่างเดือดดาล
หูวเยว่ไม่กล้าแม้จะตอบกลับ เขาทำได้เพียงนำหลี่ฮ่าวไปที่ห้องคุมขังโดยมีหวังยู่ หยางเหว่ย และซุนจีเซียงตามหลังมา
“ใครอยู่เวรเมื่อคืน ?” หลี่ฮ่าวถามอย่างโกรธเคือง
หูวเยว่รีบขยิบตาให้ซุนจีเซียงอย่างรวดเร็ว ซุนจีเซียงจึงก้าวไปข้างหน้าทั้งที่ตัวยังสั่นเทาพร้อมพูดว่า “ผะ… ผมเองครับ”
หลี่ฮ่าวมองหน้าเขาและถามว่า “มันเกิดอะไรขึ้น ? รายงานมาอย่างละเอียดซิ”
ซุนจีเซียงรายงานเช่นเดียวกับที่เขาอธิบายให้หวังยู่ฟัง จากนั้นหลี่ฮ่าวก็ตะคอกเสียงเย็นหลังจากได้ฟังคำรายงานของซุนจีเซียง
“นักโทษคนนั้นไม่ได้หลบหนีเพราะเขาถูกกลั่นแกล้ง ถูกทรมาน หรือถูกต้อนให้จนมุมใช่มั้ย ?”
ซุนจีเซียงรู้สึกหมดหนทางอย่างเห็นได้ชัด ด้วยทักษะการต่อสู้ที่น่ากลัวของเย่เชียน เขาจะกล้าทำเช่นนั้นได้อย่างไร เขาจึงตอบว่า “มะ… ไม่แน่นอนครับ… ผมไม่ได้ทำอย่างนั้น” ซุนจีเซียงตอบตะกุกตะกัก
“หึ่ม…!” หลี่ฮ่าวทำเสียงแสดงความไม่สบอารมณ์อย่างรุนแรงและไม่พูดอะไรอีก
หลี่ฮ่าวชะลอฝีเท้าของเขาลงเพื่อรอให้หวังยู่เดินตามทันเขา เมื่อหวังยู่เดินมาอยู่ข้าง ๆ เขาก็กระซิบกับเธอว่า “เสี่ยวยู่… ฉันคุยเรื่องนี้กับพ่อของเธอแล้วนะเมื่อเช้านี้ ปัญหาของเย่เชียนมันน่าจะใหญ่กว่าที่พวกเราคิดเอาไว้ เพราะงั้นในระหว่างการจับกุมเขา เธอต้องไปอยู่ที่นั่นด้วยเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครทำอะไรบุ่มบ่ามเกินไป เธอเข้าใจใช่มั้ย ?”
หลี่ฮ่าวเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรงของหวังปิงพ่อของเธอ ดังนั้นเขามักจะแวะเวียนไปที่บ้านเธออยู่บ่อย ๆ และค่อนข้างที่จะสนิทสนมกับคนตระกูลหวังมาก และหวังยู่เองก็คุ้นเคยกับเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน
“พี่หลี่! พี่กลัวว่าคนพวกนั้นจะสั่งฆ่าเขาเพื่อปิดปากงั้นเหรอ ?” หวังยู่ถามอย่างกังวล
“ใช่… มันอาจเป็นไปได้และเราก็ต้องพิจารณากันเผื่อเอาไว้ด้วย จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ เธอเองก็ควรหาทางปกป้องเย่เชียนด้วยล่ะ อย่าให้ศัตรูเข้ามาหาเขาได้ ท่านเลขาหวังได้เริ่มดำเนินการบางส่วนไปแล้ว ในช่วงเวลาวิกฤตนี้ เราไม่สามารถปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับเย่เชียนได้ ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็เป็นถึงพี่ชายของฉัน ฉันไม่อยากเห็นอะไรที่เลวร้ายเกิดขึ้นกับเขา…” หลี่ฮ่าวตอบ
“ถึงพี่ไม่บอกฉัน… ฉันก็ตั้งใจจะทำอยู่แล้วหน่า ฉันรู้ว่าฉันต้องทำยังไง พี่หลี่ไม่ต้องกังวลไป… ฉันจะไม่ปล่อยให้เกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับเย่เชียนอย่างแน่นอน!” หวังยู่ยืนกรานอย่างหนักแน่น
เมื่อหลี่ฮ่าวเห็นการแสดงออกที่ดูกระตือรือร้นและแน่วแน่อย่างมากของหวังยู่ เขาก็รู้สึกประหลาดใจมาก เขาสงสัยว่าระหว่างหวังยู่กับเย่เชียนมีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้นหรือเปล่า แต่เขาก็ไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดได้
เมื่อพวกเขาเดินมาใกล้ห้องขังแล้ว หลี่ฮ่าวและหวังยู่ก็ยุติการสนทนากัน ทันทีที่ทั้งสองมาก็จ้องมองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึงเพราะตรงหน้าพวกเขานั้นคือเย่เชียนที่กำลังนอนสบาย ๆ อยู่บนเตียงและมองมาทางพวกเขาอยู่ หลังของเขาพิงกำแพงและเหล่านักโทษก็นวดให้เขาอย่างสุภาพนอบน้อม
เย่เชียนคงไม่โง่ถึงขนาดหนีออกจากคุกไปจริง ๆ เพื่อให้โอกาสฝ่ายตรงข้ามในการกำจัดเขา และนอกจากนี้ จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาตราบเท่าที่เขายังอยู่ในสถานีตำรวจ การกระทำทั้งหมดของเขาเมื่อคืนนี้ มันก็เพื่อที่เขาจะได้ออกไปสืบได้ว่าใครกันแน่ที่เป็นคนที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งในตอนนี้เขาก็ได้รู้แล้วและมีหลักฐานยืนยันถึงการกระทำผิดของอู่หยางเฉิงทั้งหมดในมืออีก ดังนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องหนีไปไหนเลย
หลังจากออกจากที่พักของอู่หยางเฉิงเมื่อคืนที่ผ่านมา เย่เชียนได้สั่งให้หลี่เหว่ยยี่ส่งเอกสารทั้งหมดไปให้หวังปิง หลังจากนั้นเขาก็แอบกลับเข้าไปในห้องขังอย่างง่ายดาย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเย่เชียนไม่รู้จริง ๆ ว่าหวังปิงและอู่หยางเฉิงมีความสัมพันธ์กันแบบไหน แต่เขาคิดว่าเนื่องจากพวกเขาเป็นเลขานุการคณะกรรมการเทศบาลเซี่ยงไฮ้เหมือนกันทั้งคู่ และการเลือกตั้งก็ใกล้จะมาถึงแล้ว พวกเขาอาจจะเป็นคู่แข่งกันก็ได้ และหวังปิงก็เป็นคนที่สมบูรณ์แบบสำหรับเขาในการที่จะช่วยเขาในเรื่องนี้
สำหรับเย่เชียนแล้ว สถานีตำรวจแห่งนี้ไม่สามารถหยุดเขาเอาไว้ได้ หากเขาอยากจะเข้าหรืออยากจะออกไปเมื่อไหร่ตอนไหน เขาก็สามารถทำได้ง่าย ๆ แม้แต่สำนักงานข่าวกรอง CIA เขายังสามารถเข้าและออกไปมาได้อย่างอิสระ นับประสาอะไรกับที่นี่ ?!
ไม่มีใครแปลกใจมากไปกว่าหยางเหว่ยและซุนจีเซียงอีกแล้ว เพราะพวกเขาเป็นคนเตรียมช่องทางให้เย่เชียนหลบหนีไปเอง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เห็นเย่เชียนหนีออกไปด้วยตาของพวกเขาเอง แต่พวกเขาก็เห็นว่าเย่เชียนนั้นไม่ได้อยู่ในห้องขังตอนที่พวกเขาตื่นขึ้นมา เมื่อมองดูเย่เชียนที่กำลังผ่อนคลายอยู่บนเตียงและได้รับการนวดจากผู้ต้องขังคนอื่น ๆ หยางเหว่ยและซุนจีเซียงก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
เมื่อหวังยู่และหลี่ฮ่าวเห็นว่าเย่เชียนไม่ได้หลบหนีออกจากคุก พวกเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกโล่งใจ หลี่ฮ่าวค่อย ๆ หันหน้ามองไปที่หูวเยว่และพูดอย่างเย็นชา
“หัวหน้ากรมหูว คุณบอกว่าผู้ต้องสงสัยทำการหลบหนีออกจากคุกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ?”
หูวเยว่ทำได้เพียงแค่กลืนคำพูดของเขาลงคอไปและนิ่งเงียบท่าเดียว เขาเพิ่งจะมาถึงสถานีตำรวจเมื่อไม่นานมานี้และซุนจีเซียงก็มารายงานให้เขาทราบ เพราะงั้นเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าซุนจีเซียงจะพูดเฉไฉกับเขา ทันใดนั้นหูวเยว่ก็หันไปหาซุนจีเซียงด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ซุนจีเซียง! นี่มันหมายความว่ายังไงกัน ? นายรายงานฉันว่าเมื่อคืนนี้ผู้ต้องสงสัยทำการหลบหนีไปแล้วไม่ใช่เหรอ ? นายจะอธิบายเรื่องนี้ว่ายังไง ?”
“คะ… คือผม… คือว่าเมื่อคืนนี้หัวหน้าทีมหยางและผมถูกผู้ต้องสงสัยทำร้ายจนสลบไป จากนั้นเขาก็หลบหนีไป ตอนนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถ้าคุณไม่เชื่อผมคุณก็ลองถามหัวหน้าทีมหยางได้” ซุนจีเซียงตอบอย่างประหม่าระคนกระวนกระวาย เขาไม่รู้ว่าเขากำลังเจอผีหลอกหรืออะไรทำไมเย่เชียนถึงได้มาปรากฏตัวอยู่ในห้องขังอีก
เขามาได้อย่างไร ?
“สิ่งที่ซุนจีเซียงพูดเป็นความจริงครับ เมื่อคืนนี้ผู้ต้องสงสัยทำร้ายพวกเราจนสลบไปและเขาก็ใช้โอกาสนั้นหนีไปจริง ๆ ครับ” หยางเหว่ยตอบอย่างประหม่า
“แล้วพวกคุณจะอธิบายเรื่องนี้ยังไง ? ถ้ามันเป็นอย่างที่พวกคุณพูด ผู้ต้องสงสัยจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงล่ะ ? พวกคุณจะบอกว่าเขาน่ะโง่จนน้ำท่วมหัวเลยกลับมาที่นี่น่ะเหรอ… ห๊ะ ?!” หูวเยว่ตะโกนอย่างเดือดดาล
เมื่อได้ยินคำพูดของหูวเยว่ เย่เชียนที่กำลังเพลิดเพลินไปกับการวางมาดดั่งจักรพรรดิก็ขมวดคิ้วมุ่น เขารู้สึกว่าเขากำลังถูกด่าทางอ้อม
“คือ… ผมไม่รู้จริง ๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…” ซุนจีเซียงหมดหนทางที่จะพูดอะไรอีก เขาพึมพำกับตัวเองอย่างสิ้นหวัง “ผะ… ผี… เขาเป็นผีงั้นเหรอ ?”
หลี่ฮ่าวไม่เต็มใจที่จะปล่อยวางประเด็นนี้ออกไป แต่ตราบใดที่เย่เชียนปลอดภัยทุกอย่างก็เรียบร้อย เขาเปิดประตูห้องขังแล้วเดินเข้าไปข้างในและอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางของเย่เชียน จากนั้นก็พูดว่า “พี่สอง…! พี่นี่ช่างหล่อเหลาและสง่าผ่าเผยมากจริง ๆ ดูสิ แม้แต่ตอนนี้พี่ก็ยังดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับเรื่องพวกนี้เลย”
เย่เชียนชูมือส่งสัญญาณให้ผู้ต้องขังหยุดนวดเขา จากนั้นเขาก็ตอบหลี่ฮ่าวพร้อมกับหัวเราะไปด้วยว่า “พูดอย่างงี้มันหมายความว่ายังไงกันหา จิตใจของฉันมันแข็งแกร่งเกินไปหรือฉันเป็นเด็กน้อยเกินไปจนไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยกันแน่ล่ะ ?”