ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 717 ถล่มร้านอาหาร
ตอนที่ 717 ถล่มร้านอาหาร
หากมีคนหนึ่งเป็นผู้นำในการกระทำต่างๆล่ะก็แน่นอนว่าคนอื่นๆก็จะกล้าหาญโดยธรรมชาติ ดังนั้นชายหนุ่มเหล่านั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปหาเย่เชียนทีละคน อย่างไรก็ตามคนจำนวนมากก็ไม่ใช่สิ่งที่ได้เปรียบเสมอไปและยิ่งไปกว่านั้นพื้นที่ของร้านอาหารร้านนี้ก็ไม่ได้เปิดกว้าง ส่วนแขกคนอื่นๆก็แค่ยั่วยุเท่านั้นแต่ไม่ได้เข้าร่วมในการต่อสู้ใดๆ
มีคนอย่างน้อยๆสามสิบคนที่มารวมตัวกันและซ่งหลันเองก็ช่วยเย่เชียนในการรับมือกับคนเหล่านี้เช่นกันแต่ซ่งหลันนั้นไม่ได้มีความกดดันเลยแม้แต่น้อย
ในเวลานี้ก็ได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องและผู้คนมากมายก็นอนกองอยู่ข้างหน้าเย่เชียนอย่างรวดเร็ว ซึ่งการโจมตีของเย่เชียนนั้นรุนแรงไม่เหมือนเมื่อก่อนเพราะครั้งนี้มันไม่มีความเมตตาใดๆและใครก็ตามที่ถูกเย่เชียนโจมตีคนๆไม่กระดูกหักก็บาดเจ็บสาหัสอย่างมาก
ไม่นานนักคนจำนวนกว่า 30 คน ก็นอนกองอยู่กับพื้นและคร่ำครวญกรีดร้อง เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์แล้วพูดว่า “นี่น่ะเหรอคนญี่ปุ่น?..กระจอกสิ้นดี” เมื่อเห็นใครบางคนที่พยายามจะลุกขึ้นเพื่อวิ่งหนีเย่เชียนก็ตะโกนว่า “อย่าขยับไม่งั้นฉันจะตัดขาแกทิ้งซะ!”
คำพูดของเย่เชียนมีแรงกดดันอย่างไม่ต้องสงสัยจนคนเหล่านั้นที่พยายามจะวิ่งหนีถึงกับหยุดนิ่งอยู่กับที่อย่างสั่นเทาและไม่กล้าขยับเลยแม้แต่น้อย “ปิดประตูซะ!” เย่เชียนพูด
คนเหล่านั้นก็ไม่กล้าลังเลเลยสักนิดเพราะพวกเขากลัวจริงๆว่าเย่เชียนจะทำอะไรกับพวกเขาและเมื่อเห็นว่าประตูปิดได้ถูกปิดแล้วเย่เชียนก็แสยะยิ้มด้วยความพึงพอใจและแอบคิดว่า ‘พวกชาวญี่ปุ่นเหล่านี้ช่างขี้ขลาดจริงๆ..ยิ่งกลัวมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำตัวโง่มากเท่านั้น’
เย่เชียนก็เดินไปอย่างช้าๆและหยุดต่อหน้าชายหนุ่มจากนั้นเย่เชียนก็ค่อยๆย่อตัวลงตบหน้าเขาอย่างช้าๆแล้วพูดว่า “เป็นไง?
“แล้วไง!..ถึงยังไงร้านของฉันก็จะไม่ต้อนรับคนจีน!” ชายหนุ่มพูดอย่างภาคภูมิใจ
“จริงเหรอ?” เย่เชียนหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “กล้าหาญใช้ได้เลย..ผมมีวิธีจัดการคนอย่างคุณและผมก็จะบอกคุณอย่างชัดเจนตรงนี้เลยนะว่าอย่ายิ่งผยองให้มากนัก”
ชายหนุ่มก็พูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ไม่!..ฉันบอกแกไปแล้วว่าร้านของฉันไม่ต้อนรับคนจีน!..ฝันไปเถอะ!”
มุมปากของเย่เชียนก็ฉีกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายแล้วเขาก็พูดว่า “ดี..ผมชอบฝันอยู่แล้วและความฝันของผมมันก็มักจะเป็นจริง” ทันทีที่เสียงพูดจบลงเจตนาฆ่าที่รุนแรงก็ระเบิดออกมาในทันที จากนั้นเย่เชียนก็ดึงแขนชายหนุ่มและบิดอย่างแรงจนกระดูกแขนของชายหนุ่มก็หักในทันทีและเขาก็กรีดร้องออกมาราวกับหมูที่โดนต้มทั้งเป็น
“แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มที่เย้ยหยันและดูไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์ใดๆทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ใครที่รู้จักเย่เชียนจะรู้ดีว่าถ้าเขายิ้มแบบนี้นั่นก็หมายความว่าเย่เชียนนั้นกำลังคิดสิ่งที่ชั่วร้ายอยู่นั่นเอง
“ไม่!..ฉันจะไม่มีวันต้อนรับคนจีนเด็ดขาด” ชายหนุ่มพูดอย่างแน่วแน่
“จริงเหรอ..ผมเชื่อว่าอีกไม่นานคุณก็ต้องยอมอยู่ดี” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “ไม่ต้องห่วง..สิ่งที่คุณเพิ่งได้ลิ้มรสมันเป็นเพียงอาหารเรียกน้ำย่อยเพราะสิ่งที่ผมเก่งที่สุดไม่ใช่การหักกระดูกแต่เป็นการถอนกระดูก..ผมคิดว่าคุณคงจะไม่รู้ว่าผมได้ศึกษากายวิภาคของมนุษย์โดยเฉพาะและผมก็สามารถเอากระดูกมนุษย์ออกทีละชิ้นแล้วเชื่อมต่อทีละชิ้นได้..แต่มันไม่ถึงตายเพียงแค่คุณจะทรมานเจียนตายก็เท่านั้นเอง..ผมสัญญาเลยว่าคุณจะต้องสนุกไปกับมัน”
รอยยิ้มของเย่เชียนนั้นดูเป็นมิตรแต่ในสายตาของชายหนุ่มแล้วมันก็เป็นเพียงการทรมานจนรู้สึกหนาวสั่นอย่างอธิบายไม่ถูก และร่างกายของพวกเขาก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว “แก..แกทำแบบนี้ไม่ได้..แกเป็นลูกผู้ชายจริงหรือเปล่า..แกจะฆ่าคนไม่มีทางสู้แบบนี้น่ะเหรอ?” ชายหนุ่มพูด
“คุณอยากตายมั้ยล่ะ?” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อคุณอยากตายมากขนาดนั้นผมก็จะสนองให้คุณเอง” ทันทีที่เสียงจบลงทันใดนั้นเย่เชียนก็คว้ามีดออกมาแล้วแทงเข้าไปที่หน้าอกของชายหนุ่ม
“อย่า…” ชายหนุ่มหลับตาลงแล้วตะโกนอย่างหวาดผวา
เย่เชียนก็รีบหยุดแล้วใช้มีดจ่อไปที่หน้าอกของชายหนุ่ม จากนั้นชายหนุ่มก็ค่อยๆลืมตาขึ้นและเห็นว่ามีดของเย่เชียนอยู่ห่างจากหน้าอกเพียง 1 นิ้ว ซึ่งเขามองดูแสงสีแดงที่ส่องประกายในมีดคลื่นโลหิตหมาป่าที่มันไหลเวียนอยู่จนทำให้ชายหนุ่มหวาดผวาอย่างมาก ซึ่งโชคดีที่เย่เชียนหยุดทันและเมื่อเห็นเช่นนั้นชายหนุ่มก็ค่อยๆถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เกิดอะไรขึ้น?..คุณไม่อยากตายแล้วเหรอ..ผมจะช่วยให้คุณสมปรารถนาเอง..ทำไมล่ะ?” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม
“แก..แกจะฆ่าฉันไม่ได้” ชายหนุ่มพูด
“ทำไม..ทำไมผมถึงฆ่าคุณไม่ได้” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม
“เพราะ..เพราะฉันเป็นผู้สืบทอดของแก๊งอินาดะ..มารุยามะ.ทาโร่..ลูกชายคนเดียวของมารุยามะ.ไทจิ..หัวหน้าแก๊งอินาดะ..เพราะงั้นถ้าแกฆ่าฉันแกคิดว่าพวกเราจะปล่อยแกไปงั้นเหรอ” ชายหนุ่มคนนั้นพูดต่ออย่างมั่นใจ “แกน่าจะรู้จักแก๊งอินาดะใช่มั้ย?..ถ้าฆ่าฉันแกก็จะถูกล่าอย่างไม่จบไม่สิ้นและหลังจากนี้ไปมันจะไม่มีที่ไหนให้แกซ่อนได้อีกในโลกใบนี้”
“คุณกำลังข่มขู่ผมงั้นเหรอ” เย่เชียนพูด “คนที่ผมเกลียดที่สุดก็คือคนที่ชอบพูดข่มขู่วางท่า..ซึ่งแก๊งอินาดะจะไล่ล่าผมหรือไม่นั้นมันก็เป็นเรื่องในอนาคตเพราะงั้นผมจะฆ่าคุณก่อนมันจะได้ไม่เสียเวลาเปล่า..เพราะคุณไม่ยอมบริการผมแถมยังดูถูกผมอีกเพราะงั้นคุณทำให้ผมเสียหน้าไปแล้วผมก็ต้องแก้แค้น..ไม่งั้นในอนาคตผมจะมีหน้ามีตาในสังคมได้ยังไง”
“ได้สิๆ..ผมจะบริการคุณเอง” มารุยามะทาโร่พูด
“ไหนคุณบอกว่าที่นี่ไม่ต้อนรับคนจีนไง?..คุณจะละเมิดกฏของคุณได้ยังไง..ผมคิดว่าคุณทำเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของคุณเอาไว้จะดีกว่า..เดี๋ยวผมจะทำให้คุณตายไปอย่างสมเกียรติเอง” เย่เชียนพูดจบแล้วควงมีดในมืออีกครั้ง
“ไม่..ไม่..ไม่ได้ละเมิดกฎอะไรเลย” มารุยามะทาโร่รีบพูดอย่างกระวนกระวาย “เป็นเกียรติของผมที่ได้บริการคุณ..มันเป็นเกียรติสำหรับร้านของเราอย่างมาก” จากนั้นเขาก็มองไปที่พนักงานเสิร์ฟในร้านอย่างเคร่งเคียดแล้วพูดว่า “ไอ้พวกบ้า..ทำไมพวกแกไม่รีบไปเตรียมอาหารสำหรับท่านสุภาพบุรุษล่ะ?..เตรียมอาหารที่ดีที่สุดในร้านของเรามาให้หมดเลย!”
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วพูดว่า “ในเมื่อคุณมารุยามะทาโร่พูดแบบนั้นผมก็น้อบรับครับ” จากนั้นเขาก็มองไปที่โต๊ะบนพื้นที่กระจัดกระจายกันอยู่และขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเห็นเช่นนั้นมารุยามะทาโร่ก็พูดอย่างร้อนรนว่า “ไอ้พวกโง่..รีบเก็บกวาดซะสิ..พวกแกจะปล่อยให้ร้านดูวุ่นวายแบบนี้น่ะเหรอ”
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มอย่างลับๆแต่เขานั้นรู้ดีว่ามารุยามะทาโร่จะไม่ทำตัวโง่เขลาแบบนี้ไปตลอด ซึ่งเย่เชียนก็ชัดเจนมากว่าสิ่งนี้ถูกบังคับโดยสถานการณ์เพราะเมื่อใดที่มารุยามะทาโร่ออกไปจากที่นี่แล้วสถานการณ์ทั้งหมดมันจะต้องเป็นอีกฉากหนึ่งอย่างแน่นอน
หลังจากที่มารุยามะทาโร่ออกคำสั่งแล้วทุกคนต่างก็วุ่นวายในการจัดเตรียมสถานที่ในทันทีและแม้แต่ลูกค้าในร้านต่างก็ช่วยด้วยและพวกเขาทั้งหมดก็ช่วยกันทำความสะอาดร้านด้วยกันและจัดโต๊ะและเก้าอี้ใหม่ทั้งหมด
“ทุกท่าน..กรุณานั่งลง!” มารุยามะทาโร่พูด
เย่เชียนมองดูแล้วพูดว่า “ผมจะต้องนั่งตรงไหนดี?..เนื่องจากผมเป็นคนจีนผมก็ต้องปฏิบัติตามวิธีของคนจีน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นมารุยามะทาโร่ก็ไม่กล้าลังเลใดๆแล้วรีบสั่งให้คนลูกน้องยกเก้าอี้มาวางทันที เย่เชียนก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ และตบไหล่มารุยามะทาโร่แล้วพูดว่า “คุณไม่ควรทำให้ผมขุ่นเคืองเลยจริงๆ..คุณควรจะเชื่อฟังผมไม่เช่นนั้นก็อย่ามาโทษที่ผมทำตัวไม่สุภาพก็แล้วกัน” ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
“ครับ..ผมไม่กล้าหรอกครับ” มารุยามะทาโร่พูด
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มแล้วเดินไปหาหน้าซ่งหลันแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เชิญครับพี่หลัน!” ด้วยท่าทางของสุภาพบุรุษ เขาทำท่าทางเชิญ เมื่อเห็นเช่นนั้นซ่งหลันก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและนั่งลงบนเก้าอี้
มารุยามะทาโร่ก็ยืนรอเขาอย่างระมัดระวังและไม่กล้าที่จะละเลยแม้แต่น้อยเพราะกลัวว่าหากเขาทำให้เย่เชียนคนนี้ขุ่นเคืองเขาอาจจะนำภัยพิบัติมาสู่ตัวเขาเองก็เป็นได้ เมื่อเห็นเย่เชียนและซ่งหลันพูดคุยและหัวเราะขณะรับประทานอาหารแล้วมารุยามะทาโร่ก็มีรอยยิ้มที่ประจบประแจงแต่เขาก็แอบคิดอย่างโกรธเกรี้ยวในใจว่า ‘หืม..เมื่อไหร่ที่ฉันออกไปจากที่นี่ได้ฉันจะฆ่าแกเอง!’
“นี่คุณมัวทำอะไรอยู่เนี่ย?..คุณไม่เห็นหรือไงว่าแก้วของผมมันไม่มีไวน์?..รีบเทไวน์มาเร็วๆ” เย่เชียนพูด “อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่..คุณกำลังรอเพื่อที่จะออกไปจากที่นี่และเรียกคนมากำจัดผม..เอาเถอะถ้าคุณต้องการแบบนั้นก็เรียกมาเลยและผมจะไม่หนีไปจากที่นี่”
“ไม่ครับ..ผมไม่ได้มีความคิดนั้นเลย” มารุยามะทาโร่ก็รีบพูดอย่างขมขื่น เพราะไม่ได้โง่ขนาดนั้นซึ่งถ้าหากเขาเรียกคนมาตอนนี้ล่ะก็ก่อนที่คนเหล่านั้นจะมาถึงเขาเกรงว่าตัวเองคงจะต้องตายไปเสียแล้ว ดังนั้นในตอนนี้เขาเพียงแค่ต้องทำหน้าที่อย่างระมัดระวังและพยายามไม่ไปกระตุ้นความโกรธของเย่เชียนอีก เพราะตราบใดที่เขาออกไปจากที่นี่ได้เขาก็จะเรียกพี่น้องของแก๊งอินาดะมาได้และในเวลานั้นถึงแม้ว่าทักษะการต่อสู้ของเย่เชียนจะยอดเยี่ยมแค่ไหนก็ตามแต่มันก็ไม่สามารถรับมือกับแก๊งยากูซ่าทั้งแก๊งได้หรอกใช่หรือไม่?
เย่เชียนก็ถอนหายใจเบาๆแล้วพูดว่า “คุณก็ไม่ควรคิดแบบนั้นหรอก..เพราะคุณคงจะได้ไปยมโลกก่อนที่คนของคุณจะมาถึงซะอีก!”
.
.
.
.
.
.
.