ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 753 งานฉลองครบรอบวันเกิด
ตอนที่ 753 งานฉลองครบรอบวันเกิด
ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งของถังซูหยานล่ะก็แน่นอนว่าเสี่ยวฉุยนั้นก็ไม่คิดที่จะมาช่วยอย่างแน่นอน ซึ่งถึงแม้ว่าเธอจะรู้นิสัยของถังซูหยานเป็นอย่างดีก็ตามแต่ในฐานะสาวใช้ที่อยู่กับถังซูหยานมาหลายทศวรรษแล้วเธอก็ไม่ต้องการให้การปรากฏตัวของอันซือมารบกวนและทำลายชีวิตที่สงบสุขของถังซูหยานไป
อันซือนั้นไม่รู้สึกขอบคุณเสี่ยวฉุยหรือถังซูหยานเลยแม้แต่น้อยเพราะเธอรู้ว่าคุณหญิงรองในปากของเสี่ยวฉุยหมายถึงใคร ดังนั้นเธอจึงไม่สนใจสิ่งที่เสี่ยวฉุยทำหรือถังซูหยานทำ ยิ่งไปกว่านั้นในความเห็นของเธอถึงแม้ว่าเสี่ยวฉุยจะไม่มาช่วยแต่ถึงยังไงลูกศิษย์ของตระกูลทั้งเย่สองคนก็ไม่สามารถหยุดเธอได้อยู่ดี
เมื่อครู่นี้เสี่ยวฉุยนั้นจ้องตาเย่เชียนและอันซือก็สังเกตมันได้อย่างชัดเจน ซึ่งเมื่ออันซือเดินออกมาเธอก็หันไปมองเย่เชียนแล้วพูดว่า “แกจำเอาไว้นะว่าผู้หญิงคนนั้นคือศัตรูตัวฉกาจของเรา..ถ้ามีโอกาสแกต้องฆ่าเธอเพื่อแม่!” หลังจากพูดจบเธอก็เดินตรงไปที่ห้องโถงด้านหน้า
ลูกศิษย์ทั้งสองคนของตระกูลเย่ที่คอยคุมพวกเขาอยู่ก็ไม่กล้าประมาทแต่อย่างใดพวกเขาจึงรีบแจ้งเย่เจิ้งหยางและปฏิบัติตามหน้าที่อย่างเคร่งครัดเพราะนี่คือกฎที่พวกเขาต้องปฏิบัติตาม ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะเป็นคำสั่งของคุณหญิงรองที่ให้ปล่อยตัวเย่เชียนและคนอื่นๆเข้าไปร่วมงานก็ตาม ดังนั้นพวกเขาจึงต้องทำตามกฎระเบียบเพราะถ้าหากเป็นคำสั่งของคุณหญิงรองจริงๆนั้นการปล่อยเย่เชียนไปก็อาจจะไม่เป็นปัญหาใดๆแต่ถ้าหากเขาไม่แจ้งสิ่งต่างๆให้เย่เจิ้งหยางรับรู้ล่ะก็มันอาจจะเป็นปัญหาอย่างยิ่งก็เป็นได้
หลังจากที่พวกเขาโทรไปหาเย่เจิ้งหยางแล้วหนึ่งในลูกศิษย์ของตระกูลเย่ก็พูดว่า “พ่อบ้านครับ..คือ..พวกเขากำลังไปที่ห้องโถงใหญ่”
“อะไรนะ?..ฉันไม่ได้สั่งให้พวกเอ็งคอยเฝ้าพวกเขาเอาไว้งั้นเหรอ?..ทำไมถึงปล่อยให้พวกเขาเข้ามา?” เย่เจิ้งหยางพูดด้วยความโกรธเล็กน้อย
“พ่อบ้านครับ..คือนี่เป็นคำสั่งของคุณหญิงรองพวกเราไม่กล้าโต้แย้งเธอ” ลูกศิษย์ตระกูลเย่พูด
หลังจากงุนงงอยู่ครู่หนึ่งเย่เจิ้งหยางก็พูดว่า “ช่างมันเถอะ!..ถึงยังไงพวกเขาก็เข้ามาแล้วมันคงไม่มีประโยชน์อะไรที่พวกเอ็งต้องอยู่ที่นั่นแล้ว..เนื่องจากพวกเอ็งคอยเฝ้าพวกเขาเอาไว้ทั้งคืนถ้างั้นพวกเอ็งก็ควรจะไปพักผ่อนกันได้แล้ว..ช่วงบ่ายวันนี้จะมีการแข่งขันศิลปะการต่อสู้เพราะงั้นพวกเอ็งไปพักผ่อนกันเถอะมันจะเป็นประโยชน์ต่อการฝึกฝนของพวกเอ็ง”
หลังจากวางสายโทรศัพท์ไปเย่เจิ้งหยางก็รีบเดินไปที่ด้านข้างของเย่เจิ้งเซียงและกระซิบข้างๆหูของเขาและอธิบายสั้นๆเกี่ยวกับสถานการณ์ของเย่เชียนและคนอื่นๆที่มาที่นี่ ซึ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้นซงเจิ้ยเซียงก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วมันก็สายเกินไปที่จะหยุดพวกนั้นเอาไว้..ตอนนี้งานเลี้ยงวันเกิดกำลังจะเริ่มขึ้นและผู้คนจากหลายๆสำนักและตระกูลใหญ่ๆต่างก็มาเข้าร่วมงาน..เพราะงั้นสิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือป้องกันไม่ให้มันเกิดปัญหาอะไรและเตือนพวกนั้นว่าถ้าพวกเขากล้ามาสร้างปัญหาล่ะก็ตระกูลเย่จะไม่ปล่อยให้พวกเขารอดชีวิตกลับไปได้”
เย่เจิ้งหยางก็พยักหน้าและก้าวออกไปซึ่งอันซือที่มาในเวลานี้แน่นอนว่าเธอต้องมีจุดประสงค์บางอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์ก็ดำเนินมาจนถึงจุดนี้ดังนั้นสิ่งเดียวที่ทำได้คือเตือนอันซือและป้องกันไม่ให้เธอสร้างปัญหาใดๆ อย่างไรก็ตามเย่เจิ้งหยางก็ไม่ได้คาดหวังว่าคุณหญิงรองจะออกมาช่วยเหลือพวกเขาแต่มันก็สมเหตุสมผลที่จะนึกถึงบุคลิกและนิสัยของคุณหญิงรอง เมื่อคิดเช่นนั้นเย่เจิ้งหยางก็ถอนหายใจเบาๆแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
งานฉลองวันเกิดจัดอยู่ที่ห้องโถงด้านหน้าและหลังจากลูกหลานของตระกูลเย่และตัวแทนของสำนักและตระกูลต่างๆทั่วทุกสารทิศจะเข้าไปร่วมงานเพื่อเฉลิมฉลอง ซึ่งสถานะของตระกูลเย่ในวงการนี้นั้นสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเย่เจิ้งหรานเอาชนะปรมาจารย์ของหลายๆสำนักและหลายๆตระกูลแล้วซึ่งทำให้สถานะของตระกูลเย่ยิ่งสูงขึ้นจนถึงทุกวันนี้ โดยเฉพาะการต่อสู้เมื่อสองทศวรรษที่แล้วได้กลายเป็นตำนานและถึงแม้ว่าเย่เจิ้งหรานจะไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วก็ตามแต่ความยิ่งใหญ่ของเขาก็ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของเหล่าตระกูลศิลปะการต่อสู้ทั่วทุกสารทิศ
มีแม่น้ำและทะเลสาบอันกว้างใหญ่แต่แม่น้ำและทะเลสาบของนักสู้แห่งศิลปะการต่อสู้โบราณนั้นแตกต่างไปจากที่อื่นโดยสิ้นเชิง อย่างไรก็ตามสิ่งเดียวที่เหมือนกันก็คือผู้ที่อ่อนแอกว่ามักจะถูกผู้ที่แข็งแกร่งกว่ากลืนกินเสมอ นี่คือกฎแห่งโลกความเป็นจริงที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ซึ่งผู้อ่อนแอควรถูกกำจัดและใครที่ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมได้ก็จะถูกกำจัดและบางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่ากฎของธรรมชาติ
การจัดเตรียมห้องโถงใหญ่นั้นเสร็จเรียบร้อยแล้วซึ่งภายในมีท่อนไม้ท่อนใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางและมีอักขระอวยพรวันเกิดตัวใหญ่แขวนอยู่ด้านหลัง ซึ่งอักขระไม้ที่มีอายุยืนยาวถูกทาด้วยทองคำซึ่งเป็นสีทองพิเศษและด้านล่างก็มีโต๊ะกาแฟและเก้าอี้สำหรับตัวแทนสำนักต่างๆและตระกูลใหญ่ๆที่มาร่วมอวยพรวันเกิด
อย่าประมาทเรื่องลำดับชั้นโดยเด็ดขาดและถึงแม้ว่ามันจะค่อนข้างยากลำบากแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับตระกูลแห่งศิลปะการต่อสู้โบราณเหล่านี้คือเกียรติยศและศักดิ์ศรี ดังนั้นลำดับของที่นั่งคือการกำหนดลำดับชั้นของพวกเขาตามสถานะของสำนักและตระกูลต่างๆ ซึ่งเพียงแค่การจัดที่นั่งดังกล่าวก็สามารถทำให้เย่เจิ้งเซียงกังวลตลอดทั้งคืนแล้ว ซึ่งสิ่งที่ดูเหมือนจะจัดการได้ง่ายๆเช่นนี้แต่มันกลับไม่สามารถประมาทได้เลยแม้แต่น้อย เพราะเมื่อไหร่ที่บรรดาแขกรู้สึกไม่พอใจหรือแม้กระทั่งรู้สึกว่าตระกูลเย่กำลังดูถูกพวกเขาล่ะก็มันเป็นไปได้อย่างมากที่ความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างตระกูลที่สร้างมานับพันปีก็อาจจะพังทลายได้ทุกเมื่อ
เย่เจียอู๋นั้นมีความสุขมากในวันนี้เพราะมันเป็นวันเกิดครบรอบ 80 ปีของเขาและสามารถอยู่มาได้จนถึงวัยนี้เขาจึงพอใจอย่างมาก เดิมทีเย่เจียอู๋ไม่ได้ต้องการจัดงานวันเกิดที่ใหญ่โตขนาดนี้และเขาแค่อยากจะรวมตัวกับครอบครัวของเขาเองเพราะท้ายที่สุดลูกหลานของตระกูลเย่ก็ไปทำธุระของตัวเองและกระจัดกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่งเติบโตและต่อสู้กับความรุ่งโรจน์ ซึ่งมันเป็นโอกาสที่หายากที่จะได้พบและโอกาสนี้ก็สามารถสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวให้ดีกว่าเดิม แน่นอนว่ามันย่อมไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว อย่างไรก็ตามเย่เจิ้งเซียงก็ยืนกรานว่าเขาต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อแก้ไขและสานสัมพันธ์กับตระกูลต่างๆให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งมันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาในอนาคตของตระกูลเย่เพราะท้ายที่สุดแล้วการมีพรรคพวกก็ย่อมดีกว่าตัวคนเดียว ซึ่งไม่ว่าครอบครัวหรือตระกูลของเราจะแข็งแกร่งเพียงใดแต่ถ้าหากไม่มีพันธมิตรเลยล่ะก็มันก็ไม่มีทางที่จะยืนหยัดได้
แน่นอนว่าเย่เจียอู๋นั้นรู้ดีกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และการยืนหยัดอย่างรุ่งโรจน์ตลอดไปนั้นก็เป็นเรื่องที่ยากมาก
เมื่อยี่สิบปีที่แล้วเย่เจียอู๋ก็ถอนตัวออกจากตำแหน่งหัวหน้าตระกูลเย่และส่งต่อไปยังลูกชายคนโตเย่เจิ้งเซียงและใช้ชีวิตแบบสันโดษ ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาเขามักจะเพิกเฉยต่อโลกภายนอกและเขาก็แทบจะไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งต่างๆของตระกูลเย่เลยด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามการไม่ได้ทำอะไรเลยมันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้เพราะเมื่อเห็นการพัฒนาของตระกูลเย่ภายใต้การดูแลของเย่เจิ้งเซียงอย่างมั่นคงแล้วเย่เจียอู๋จึงโล่งใจ อาจเป็นเพราะเขาแก่แล้วความทะเยอทะยานของเขาจึงหมดไปและเขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าตระกูลเย่จะอยู่อย่างยิ่งใหญ่ได้อีกต่อไปแต่หวังเพียงว่าลูกหลานจะมีชีวิตที่มั่นคงและมีความสุขในครอบครัว อย่างไรก็ตามเหล่าสมาชิกตระกูลเย่ก็กำลังต่อสู้อยู่ในโลกภายนอกด้วยความกระตือรือร้นและความกระตือรือร้นที่ไม่อาจระงับได้ ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่เขาหวังว่าจะได้เห็นและเขาก็ไม่สามารถทนดูลูกหลานอยู่อย่างยากลำบากได้ใช่ไหม?
ถึงแม้ว่าเขาจะอายุแปดสิบปีแล้วแต่เย่เจียอู๋ก็ยังแข็งแกร่งและสุขภาพดีและแววตาที่สดใสของเขาแสดงให้เห็นถึงชีวิตที่ไม่ธรรมดาของเขา ซึ่งบรรดาแขกจากตระกูลศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดที่มาอวยพรวันเกิดก็เข้ามาร่วมงานทีละคนและเย่เจิ้งเซียงก็ต้อนรับพวกเขาเป็นการส่วนตัวและจัดที่นั่งของพวกเขาให้ ซึ่งพวกเขาทั้งหมดก็ดูยินดีและไม่มีความไม่พอใจใดๆ จากนั้นบรรดาแขกจากหลายๆตระกูลใหญ่และสำนักใหญ่ๆต่างก็ทักทายกันทีละคนอย่างครึกครื้นและการแสดงออกของพวกเขาก็ดูมีความสุขมาก อันที่จริงมันก็เหมือนกับการรวมตัวขนาดใหญ่ของสังคมชนชั้นสูงเพราะคนส่วนใหญ่มักจะสวมหน้ากากเข้าหากัน ซึ่งถ้าหากใครยิ้มให้เรานั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขายินดีและมีทัศนคติที่ดีต่อเราจริงๆ นี่คือจิตใจของมนุษย์และเป็นสิ่งที่เข้าใจยากที่สุดเช่นกัน
คราวนี้การที่เหล่าตระกูลแห่งศิลปะการต่อสู้มาเข้าร่วมงานมันก็มีอยู่เพียงจุดประสงค์เดียวและนั่นคือการชมทักษะการต่อสู้ของลูกหลานตระกูลเย่และดูว่าพวกเขามีความสามารถที่โดดเด่นหรือไม่ เพื่อจะได้รู้ว่าตระกูลเย่ในอนาคตจะมีแนวทางและทัศนคติอย่างไร นี่ก็เหมือนราชวงศ์ในอดีตเพราะถ้าหากตระกูลจะดำเนินต่อไปและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องได้นั้นผู้สืบทอดจะต้องมีเสถียรภาพและการสืบทอดที่ดีจากรุ่นสู่รุ่น
แน่นอนว่าเย่เจิ้งเซียงนั้นก็คิดเช่นเดียวกันเพราะเขาต้องการให้คนเหล่านี้เห็นถึงความสามารถของรุ่นลูกรุ่นหลานของตระกูลเย่เพื่อที่พวกเขาจะได้อิจฉาและหวั่นเกรงตระกูลเย่จนไม่มีใครกล้ามารุกรานตระกูลเย่และยังคงรักษาความเคารพต่อตระกูลเย่ตลอดไป ซึ่งเย่เจิ้งเซียงก็รู้ว่าบรรดาแขกทั้งหมดนั้นล้วนสวมหน้ากากรอยยิ้มกันทั้งนั้น
เมื่อเย่เจียอู๋เดินเข้ามาจากประตูแล้วเหล่าแขกที่มาเข้าร่วมอวยพรวันเกิดจากตระกูลศิลปะการต่อสู้ต่างๆก็ยืนขึ้นทีละคนและกล่าวแสดงความยินดีและอวยพรด้วยความเสแสร้ง เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เจียอู๋ก็จับมือเพื่อทักทายกับตัวแทนของตระกูลใหญ่ๆที่ละคนและยิ้มอย่างมีความสุขด้วยรอยยิ้มที่ดูมีความสุขบนใบหน้าของเขา เมื่อเขาเดินไปที่เก้าอี้ตรงกลางแล้วนั่งลงเย่เจียอู๋ก็โบกมือแล้วพูดว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งและต้องขอบคุณพวกคุณทุกคนจากตระกูลและสำนักศิลปะการต่อสู้ต่างๆที่ให้เกียรติมาอวยพรวันเกิดของผมในวันนี้..ที่นี่เรามีไวน์และอาหารมากมายอยู่ที่ห้องโถงด้านหลัง..เชิญทุกท่านเพลิดเพลินกับบรรยากาศของงานและดื่มกินกันอย่างมีความสุข”
จู่ๆก็มีเสียงดังมาจากด้านล่างและทุกคนต่างก็พึมพำกันอย่างวุ่นวาย
“พวกเขาคือลูกชายของผมเย่เจิ้งเซียงกับเย่เจิ้งเฟิง..ผมขออวยพรให้พวกเขาในวันเกิดของผมเพื่อขอให้เขาทั้งสองมีความสุขและมีชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุดในประเทศจีน” ชายวัยกลางคนสองคนก็คุกเข่าลงตรงข้ามเย่เจียอู๋และอวยพร ซึ่งพวกเขาทั้งสองเป็นลูกของเย่เจียอู๋ซึ่งพวกเขาคือเย่เจิ้งเซียงกับเย่เจิ้งเฟิง ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
“เอาล่ะๆ” เย่เจียอู๋ก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ลุกขึ้นเถอะ..ฉันขอให้ทั้งสองมีแต่ความสุข” ถึงแม้ว่าเย่เจียอู๋จะยิ้มอย่างมีความสุขแต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีความโศกเศร้าอยู่ระหว่างคิ้วเพราะถ้าหากเย่เจิ้งหรานยังอยู่มันก็คงจะดี
เย่เจิ้งเซียงนั้นรู้ถึงความคิดของเย่เจียอู๋ดังนั้นเขาจึงพูดเบาๆว่า “ท่านพ่อ..วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบแปดสิบปีของพ่อเพราะงั้นพ่อควรคิดอะไรที่มีความสุขสิ”
“ใช่ๆ” ชายชราพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ระงับความปรารถนาในใจ
“พวกเราลูกสะใภ้ขออวยพรวันเกิดให้ท่านพ่อ..ขอให้ท่านพ่อมีอายุยืนนานและสุขภาพที่แข็งแรงตลอดไป” หญิงวัยกลางคนสามคนคุกเข่าต่อหน้าเย่เจียอู๋แล้วอวยพร
เย่เจียอู๋ก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เอาล่ะๆ..ขอบใจๆ” จากนั้นหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งก็ยื่นซองอังเป่าสีแดงจากนั้นก็เหลือบไปมองถังซูหยานแล้วพยักหน้าจากนั้นก็พูดว่า “ฉันคิดว่าวันนี้คุณคงจะไม่มาแล้ว..การที่คุณมาท่านพ่อคงจะมีความสุขมาก”
“ทำไมฉันจะไม่มาล่ะก็วันนี้มันเป็นวันเกิดครบรอบแปดสิบปีของพ่อเพราะงั้นลูกสะใภ้อย่างเราๆจะไม่มาอวยพรและเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ได้ยังไง..ฉันหวังว่าท่านพ่อจะชอบมัน” ถังซูหยานพูดขณะที่เธอหันไปหยิบของขวัญวันเกิดจากมือของเสี่ยวฉุยแล้วส่งมอบให้เย่เจียอู๋
“ขอบใจๆ” เย่เจียอู๋พูดด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นเหล่าลูกหลานของตระกูลเย่ก็มาร่วมอวยพรวันเกิดให้เย่เจียอู๋ทีละคน ซึ่งเพราะพวกเขาก็รู้ดีว่าหลังงานเลี้ยงวันเกิดก็จะมีการแข่งขันการประลองศิลปะการต่อสู้และในเวลานี้มันก็เป็นเวลาของพวกเขาที่จะทำให้เย่เจียอู๋ประทับใจ ซึ่งถึงแม้ว่าเย่เจียอู๋จะไม่สนใจเรื่องของตระกูลเย่อีกต่อไปแต่อำนาจของเขาในตระกูลเย่นั้นก็เป็นที่แน่ชัดของทุกคน ดังนั้นใครที่สามารถเป็นคนที่โปรดปรานของเย่เจียอู๋ได้ล่ะก็อนาคตของคนๆนั้นจะต้องไร้ขีดจำกัดอย่างแน่นอน
.
.