ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 796 การลาจาก
ตอนที่ 796 การลาจาก
ถึงแม้ว่าเย่เชียนกับหวงฟู่เส้าเจี๋ยจะมีความสัมพันธ์แบบอาจารย์กับลูกศิษย์ก็ตามแต่พวกเขาก็รู้ดีถึงความแตกต่างระหว่างสถานะของพวกเขา แต่แน่นอนว่าหวงฟู่เส้าเจี๋ยนั้นรู้ว่าเย่เชียนไม่เคยมองตนว่าเป็นลูกศิษย์แต่เป็นน้องชายของเขาเสมอและมีมิตรภาพที่จริงใจเพราะตราบใดที่เขาเต็มใจที่จะเรียนรู้เย่เชียนก็ไม่เคยปิดกั้นเลย
ทุกวันนี้หวงฟู่เส้าเจี๋ยก็คิดอย่างรอบคอบเช่นกันว่าสาเหตุที่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเย่เชียนกลายเป็นแบบนี้ทั้งหมดก็เป็นเพราะเขาเองและเย่เชียนก็ไม่ได้เปลี่ยนไปและยังเป็นคนเดิมแต่เป็นตัวเขาเองที่พูดในสิ่งที่ไม่ดี ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ร้ายแรงแต่เขาก็ผิดจริงๆ ในประเทศจีนนั้นมีข้าราชการและทหารผู้รับใช้ชาติอยู่มากมายดังนั้นหากเขาไม่สามารถจัดการกับความสัมพันธ์ที่ขัดแย้งกับเย่เชียนได้มันจะเป็นอย่างไร?
หลังจากที่รู้ว่าเย่เชียนกำลังออกจากเขตทหารหนานจิงไปหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็รู้สึกอึดอัดอย่างมาก ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าการจากไปของเย่เชียนจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาแต่เขาก็ค่อนข้างอึดอัดใจเพราะท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่ได้เจอกันนานเพราะงั้นเขาควรจะดีใจที่ได้พบเย่เชียนแต่เขากลับพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดซึ่งทำร้ายจิตใจของเย่เชียนอย่างมาก
เย่เชียนนั้นไม่ได้ปฏิเสธความกระตือรือร้นของหวงฟู่เส้าเจี๋ยเพราะหลังจากเห็นหวงฟู่เส้าเจี๋ยคว้ากระเป๋าเดินทางของเขาและใส่ไว้ในรถเขาก็ไม่ได้พูดอะไรแล้วขึ้นรถไป หลังจากหวงฟู่เส้าเจี๋ยสตาร์ทรถเขาก็ขับไปทางด้านนอกของเขตทหารหนานจิง ซึ่งหลังจากเงียบไปครู่หนึ่งหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็พูดว่า “อาจารย์กำลังโกรธผมอยู่งั้นหรอ?”
เย่เชียนก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่หรอก..ฉันดีใจจริงๆที่ได้เห็นนายในวันนี้..นอกจากนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่นายจะคิดแบบนั้นและเมื่อวันนั้นมาถึงฉันจะไม่โทษนายจำเอาไว้”
“ยิ่งอาจารย์พูดแบบนี้ผมก็ยิ่งรู้สึกผิด..ผมอยากให้อาจารย์ดุด่าและตำหนิผม” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูด
“ฉันจะพูดตามตรงเลยก็แล้วกันว่าฉันไม่เคยมองนายเป็นลูกศิษย์เลยเพราะฉันมองนายในฐานะน้องชายของฉันมาเสมอ..สำหรับนายแล้วฉันไม่จำเป็นต้องแสร้งแกล้งทำเลย” เย่เชียนพูด “ก่อนหน้านี้ฉันก็ทิ้งนายไปเพราะเรื่องส่วนตัวเพราะฉะนั้นอย่าคิดมาก..ทำหน้าที่ของนายให้ดีและถ้าวันนั้นมาถึงฉันหวังว่านายจะมีคุณสมบัติมากพอที่จะต่อสู้กับฉัน”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อไปว่า “นายเองก็น่าจะรู้ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับหมาป่าผีไป๋ฮวยสินะ..เขากับฉันน่ะเคยเป็นพี่น้องกันที่ผ่านความตายมาด้วยกันนับไม่ถ้วนแต่แล้วเราก็กลายเป็นศัตรูกัน..แต่ลึกๆแล้วพวกเราก็รู้อยู่แก่ใจว่าเราคือพี่น้องกัน..ซึ่งมันจะไม่เปลี่ยนแปลงเพราะเป็นศัตรูกัน..ฉันหวังว่าพวกเราเองก็จะเป็นแบบนั้นในอนาคต..ถึงแม้ว่าเราจะต้องสู้กันถึงตายก็หวังว่าความสัมพันธ์ของเราจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม”
หลังจากเงียบไปนานหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็พยักหน้าอย่างหนักหน่วงและพูดว่า “อาจารย์ในที่สุดผมก็รู้แล้วว่าทำไมลุงเขาถึงยกย่องอาจารย์ขนาดนี้นั่นเป็นเพราะอาจารย์มีทัศนคติเฉพาะตัวที่น่าทึ่งมาก..ใครก็ตามที่ติดตามอาจารย์จะต้องพักดีอย่างแน่นอน”
เย่เชียนยิ้มจางๆแล้วพูดว่า “บางทีฉันก็ไม่รู้เลยว่าฉันมีทัศนคติแบบไหน..ฉันแค่ทำในสิ่งที่ควรทำและความคิดเห็นของคนอื่นก็ไม่สำคัญสำหรับฉัน..การเป็นมนุษย์น่ะตราบใดที่เราเห็นคุณค่าในตัวเองมันก็จะเป็นสิ่งที่ดีแต่ถ้าไม่เราจะไปทำอะไรได้อีก”
“ลุงของผมรู้ว่าอาจารย์กำลังจะไปที่เมืองปักกิ่ง..เขาฝากมาบอกว่าให้อาจารย์โทรหาเขาเมื่อไปถึงที่นั่น” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูดไอรีนโนเวล
“อืม..ฉันไม่ได้เจอเขามานานแล้ว..ฉันมีเรื่องที่อยากจะคุยกับเขาจริงๆ” เมื่อนึกถึงเรื่องของหยานซื่อฉุยเย่เชียนก็พูดเช่นนี้ออกมา ซึ่งหยานซื่อฉุยเป็นผู้นำสาวกฝ่ายอธรรมของสำนักม่อจื๊อและหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็เป็นสาวกฝ่ายธรรมะของสำนักม่อจื๊อดังนั้นเขาก็ควรจะรู้จักเธอใช่ไหม? ตอนนี้ความขัดแย้งภายในของสำนักม่อจื๊อก็ดูเหมือนจะค่อยๆปรากฏขึ้นและเย่เชียนก็รู้สึกว่าจำเป็นต้องสอบถามสิ่งต่างๆที่เกี่ยวกับสำนักม่อจื๊อกับหวงฟู่ชิงเตี๋ยน เพราะท้ายที่สุดการรู้จักตัวเองและรู้จักศัตรูเป็นวิธีเดียวที่จะอยู่รอดและมันก็เป็นเรื่องจริงไม่เช่นนั้นมันจะสายเกินไปที่จะเข้าใจเมื่อถึงเวลา
“อาจารย์..เมื่อไหร่พวกเราจะได้พบกันอีก” หวงฟู่เส้าเจี๋ยถาม
“ฟังนะ..เราจะได้พบกันอีกถ้าชะตาลิขิตเอาไว้” เย่เชียนพูด “อันที่จริงแล้วตอนนี้ฉันกำลังสูญเสียอนาคตของตัวเองไปและบางครั้งฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรอยู่ที่ไหน..ฉันควรทำอะไร..เพราะงั้นครั้งนี้ฉันก็ไม่รู้จริงๆว่าเราจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่..อย่างไรก็ตามฉันหวังว่าเมื่อเราได้พบกันอีกครั้งเราจะยังคงเหมือนเดิมในฐานะพี่น้องและไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นฉันหวังว่ามิตรภาพของเราจะคงอยู่ตลอดไป”
“อาจารย์จะเป็นอาจารย์ของผมเสมอและไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพยักหน้าอย่างหนักหน่วงและพูดว่า “อาจารย์สอนให้ผมรู้จักวิธีดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง..สำหรับผมแล้วไม่ว่าอนาคตจะเป็นยังไงก็ตามแต่อาจารย์ก็คือคนที่ผมเคารพมากที่สุด”
เย่เชียนก็ยิ้มจางๆและไม่พูดอะไรใดๆ
หลังจากออกจากเขตทหารหนานจิงหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็ขับรถเป็นระยะทางไกลก่อนจะหยุดที่ประตูโรงแรมที่จองเอาไว้ หลังจากที่เย่เชียนลงจากรถเขาก็เหลือบมองหวงฟู่เส้าเจี๋ยแล้วพูดว่า “ขอบใจมาก..นายกลับไปเถอะ!”
“อาจารย์ผมจะอยู่รอส่งอาจารย์เอง” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูด
“ทำไมนายถึงได้กลายเป็นคนหัวรั้นไปแล้วล่ะ?..ฉันบอกให้นายกลับไปนายก็ต้องกลับ..นายคิดว่าฉันอยู่คนเดียวไม่ได้หรือไง?” เย่เชียนพูด
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็ตอบว่า “ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะอาจารย์..ไว้พบกันใหม่”
เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ
หลังจากที่เห็นหวงฟู่เส้าเจี๋ยออกไปแล้วเย่เชียนก็โทรออกไปยังเบอร์ที่เย่เจียอู๋ทิ้งเอาไว้ให้เขาและเสียงที่ไม่คุ้นเคยก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่ง หลังจากได้ยินการแนะนำของเย่เชียนแล้วเขาก็บอกให้เย่เชียนรอจากนั้นครู่หนึ่งไม่นานนักเย่เชียนก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมาจากโรงแรม
เมื่อเย่เชียนเห็นชายหนุ่มคนนั้นเย่เชียนก็ถึงกับตกตะลึงเล็กน้อยและถามด้วยความประหลาดใจว่า “ทำไมถึงได้เป็นนาย?”
“ผู้อาวุโสส่งฉันมาที่นี่เป็นกรณีพิเศษโดยบอกว่าฉันจะต้องไปที่สำนักหยุนหยานเหมินกับบอสเพื่อแนะนำสิ่งต่างๆน่ะ” ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนอื่นแต่เป็นเย่หานหลิ ดูเหมือนว่าเย่เจียอู๋จะรู้เกี่ยวกับความสนิทสนมของเย่เชียนกับเย่หานหลินดังนั้นเขาจึงส่งเย่หานหลินมาที่นี่เป็นกรณีพิเศษเพื่อที่เย่เชียนจะได้ไม่ต้องกดดัน “ผู้อาวุโสบอกให้ฉันตามบอสออกไปสู่โลกกว้างเพราะมันจะดีสำหรับฉันน่ะ” เย่หานหลินพูด
เย่เชียนก็ถึงผงะไปครู่หนึ่งแล้วยิ้มเล็กน้อยดูเหมือนว่าความคิดและทัศนคติของเย่เจียอู๋จะเปลี่ยนไปอย่างมาก ตราบใดที่เวลาผ่านไปเย่เชียนก็เชื่อว่าวิสัยทัศน์ของเย่เจียอู๋จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีและสถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลเย่ก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างสมบูรณ์แบบจนทำให้ลูกหลานตระกูลสาขาได้รับการปฏิบัติและได้รับผลประโยชน์เช่นเดียวกับลูกหลานของตระกูลหลัก ด้วยวิธีนี้ตระกูลเย่จะสามารถพัฒนาไปอย่างรุ่งโรจน์ได้
“เอาล่ะถ้างั้นก็ตามฉันมา..ดีเหมือนกันเพราะการที่นายอยู่ที่บ้านของตระกูลเย่ต่อไปแบบนั้นมันทำให้ฉันกังวลจริงๆเพราะเย่เจิ้งเซียงอาจจะโกรธแค้นนายมากเพราะนายสนิทกับฉัน” เย่เชียนพูด “ว่าแต่ป้าอันซือกับเย่เหวินเป็นยังไงบ้าง?”
“หลังจากที่ป้าอันซือหายดีแล้วผู้อาวุโสก็ต้องการให้เธออยู่ที่บ้านต่อแต่เธอกลับจากไปโดยไม่บอกใครหรือทิ้งคำพูดใดๆเอาไว้เลย” เย่หานลินพูด “ตอนแรกฉันอยากจะโทรไปบอกบอสแต่เกรงว่าบอสจะกำลังยุ่งอยู่กับเรื่องต่างๆดังนั้นฉันจึงไม่ได้…” การแสดงออกของเย่หานหลินดูมีความผิดและรู้สึกผิดเล็กน้อย
เย่เชียนยิ้มเบาๆและตบที่ไหล่ของเย่หานหลินเบาๆแล้วพูดว่า “ไม่สำคัญว่าอะไรจะเกิดขึ้น..นายไม่จำเป็นต้องลำบากใจ” อันที่จริงเย่เชียนรู้อยู่แก่ใจว่านิสัยและทัศนคติของอันซือนั้นเธออยู่ในบ้านของตระกูลเย่ไม่ได้และความเกลียดชังของเธอต่อตระกูลเย่ก็จะไม่จางหายไปง่ายๆ นี่เป็นเรื่องยากมากสำหรับเธอที่จะเข้ากับคนที่เกลียดเธอได้และยิ่งไปกว่านั้นเธอกับเย่เจิ้งเซียงก็มีความขัดแย้งกันและโกรธแค้นกันอย่างมาก ดังนั้นมันคงไม่ใช่สิ่งที่ดีถ้าหากอันซือจะอยู่ต่อ
“แล้วเรื่องนั้นเป็นไงบ้าง?” เย่เชียนถาม
“นี่” เย่หานหลินหยิบจดหมายออกมาจากเสื้อของแล้วยื่นให้ “ฉันจองตั๋วเอาไว้เรียบร้อยแล้ว..เครื่องบินไฟต์ไปเกียวโตพรุ่งนี้เช้า ชั้นเฟิร์สคลาส..ไม่รู้ว่าบอสจะชอบมันหรือเปล่า”
เย่เชียนก็ยิ้มจางๆเพราะดูเหมือนว่าช่วงเวลาความสนิทสนมของเย่หานหลินกับเขายังคงสั้นมันจึงมีความตึงเครียดอยู่ในใจของเขาและเขาไม่สามารถปล่อยออกมาได้อย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามเรื่องแบบนี้ไม่สามารถแก้ไขได้ในชั่วข้ามคืนเพราะบางคนถึงแม้จะเพิ่งเคยเจอกันก็ตามแต่ก็อาจจะสนิทกันเหมือนเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานานหลายปีก็เป็นได้ แต่บางคนต้องใช้เวลาในการปรับตัวนาน เห็นได้ชัดว่าเย่หานหลินเป็นแบบหลังและถ้าเย่เชียนต้องการให้เขาผ่อนคลายมันจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการปรับตัว
“ไม่เป็นไร..ฉันไม่ได้เจาะจงเรื่องพวกนี้..มีคนเคยบอกว่าฉันไม่รู้จะสนุกกับชีวิตยังไงเพราะบางทีฉันก็เป็นคนประเภทที่คนอื่นเรียกกันว่าต้นไม้ตายซาก..ฉันมักจะโดนนินทาโดยไม่รู้ตัว” เย่เชียนพูดต่อ “ยังไงก็เถอะมันยังมีเวลาอีกเหลือเฟือ..เราไปหาคนสองสามคนแล้วค่อยไปกินข้าวกันต่อก่อนก็ได้”
เย่หานหลินก็พยักหน้าโดยไม่ได้พูดอะไรเพราะเขายอมรับเย่เชียนในฐานะผู้นำแล้วและแน่นอนว่าเย่หานหลินจะติดตามเย่เชียนไปทุกที่อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
เย่เชียนก็ไม่ได้พูดอะไรต่อและหลังจากเอื้อมมือไปโบกแท็กซี่พวกเขาก็นั่งรถไปที่สโมสรของเขาเพราะหลังจากที่มาเมืองหนานจิงทั้งทีเย่เชียนก็ต้องการไปพบผู้รับผิดชอบธุรกิจเหล่านี้ ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่ได้สงสัยในความภักดีของพวกเขาแต่เย่เชียนก็มักจะกล่าวเอาไว้เสมอว่ามันไม่มีความจงรักภักดีหรือความซื่อสัตย์อย่างสมบูรณ์แบบในโลกใบนี้ เหตุผลของความภักดีเป็นเพียงเพราะความได้เปรียบในการต่อรองสำหรับการทรยศยังไม่เพียงพอ ดังนั้นในฐานะผู้นำแล้วหากความสัมพันธ์กับลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชาไม่มั่นคงแล้ววันหนึ่งเขาก็จะถูกคนเหล่านั้นทอดทิ้ง ซึ่งเย่เชียนนั้นไม่ต้องการละทิ้งสิ่งต่างๆในเมืองหนานจิงไป นอกจากนี้ยังมีคำขอและเจตนารมณ์ของเฉินฟู่เซิงอยู่ด้วยเพราะฉะนั้นเขาจึงต้องได้รับความไว้วางใจและความภักดีของคนเหล่านั้น