ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 799 ละทิ้งเจตนารมณ์ (2)
ตอนที่ 799 ละทิ้งเจตนารมณ์ (2)
ถึงแม้ว่าไป๋ฮวยจะบอกว่าเย่เชียนนั้นใจดีเกินไปแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเย่เชียนจะไม่สามารถจัดการและรับมือกับสิ่งต่างๆได้ บางสิ่งเย่เชียนก็จะไม่ยอมให้ความเมตตาใดๆเพราะทุกอย่างล้วนมีขีดจำกัดดังนั้นหากละเมิดกฎดังกล่าวเย่เชียนก็จะไม่เมตตาแม้แต่น้อย
ถึงแม้ว่าความจริงหยูซิงและคนอื่นๆจะเป็นลูกน้องของเย่เชียนโดยตรงก็ตามแต่เย่เชียนนั้นไม่เคยมองพวกเขาเป็นลูกน้องของตนเลยแต่มองว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกัน ตามที่เย่เชียนพูดว่าถ้าหากหยูซิงและคนอื่นๆมีความไม่พอใจกับเขาเมื่อไหร่พวกเขาก็สามารถพูดได้เสมอ ต่อให้พวกเขาต้องการที่จะถอนตัวเย่เชียนก็จะไม่ปฏิเสธหรือขัดขวางอย่างแน่นอนกลับกันเย่เชียนจะให้ผลตอบแทนที่ดีแก่พวกเขาเลยด้วยซ้ำ ความชอบธรรมนั้นไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและไม่ต้องการทำอะไรมากเกินไปสำหรับหลายๆอย่าง เย่เชียนนั้นยืนอยู่ข้างสนามเพื่อรอดูสิ่งต่างๆในอนาคตมาโดยตลอดอย่างไรก็ตามเย่เชียนจะไม่ยอมให้หยูซิงทำสิ่งเหล่านี้ลับหลังอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นหยูซิงไม่ได้พูดอะไรใดๆเย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ว่าไงคุณไม่มีอะไรจะพูดกับผมหรอกเหรอ?..อย่าคิดว่าผมไม่รู้เกี่ยวกับสิ่งที่คุณทำ..ผมแค่ไม่อยากที่จะบีบคั้นคุณ..ผมต้องการให้โอกาสคุณอีกครั้ง..แต่การที่คุณเรียกคนมามากมายขนาดนี้คุณคิดว่าผมจะกลัวอย่างงั้นเหรอ?..คุณต้องการจัดงานเลี้ยงส่งผมอย่างงั้นเหรอ?..ขนาดสำนักงานใหญ่ซีไอเอที่สหรัฐอเมริกาผมยังเข้าออกได้อย่างอิสระนับประสาอะไรกับที่นี่?..คุณคิดว่าคุณจะทำอะไรผมได้อย่างงั้นเหรอ?”
ทันทีที่เสียงของเย่เชียนจบลงสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปและลุกขึ้นยืนทันที จากนั้นเย่เชียนก็กระชากหัวของหยูซิงมาด้วยมือข้างหนึ่งและกระแทกอย่างแรงบนโต๊ะประชุม ในเวลานี้ทุกคนต่างตกตะลึงและไม่มีใครคาดคิดว่าเย่เชียนจะลงมือโดยไม่พูดอะไรใดๆและพวกเขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าเย่เชียนจะกล้าถึงขนาดนี้เพราะถึงแม้เย่เชียนจะรู้อยู่แก่ใจว่าแถวๆนี้มีลูกน้องของหยูซิงที่อาวุธครบมืออยู่แต่เย่เชียนกลับกล้าที่จะลงมือ
หยูซิงก็รู้สึกวิงเวียนที่หัวของเขาและดาวสีทองก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาและเลือดก็ออกมาจากหน้าผากของเขาไหลอาบไปทั่วหน้าของเขา ซึ่งมีความทุกข์และความโกรธแค้นมากมายในดวงตาของเขาแต่เขาไม่กล้าพูดอะไรสักคำ เมื่อปล่อยมือเย่เชียนก็หยิบกระดาษทิชชู่จากกล่องทิชชู่บนโต๊ะแล้วเช็ดมือของเขาจากนั้นก็โยนมันทิ้งแล้วนั่งลง
จากนั้นเย่เชียนก็ชำเลืองมองทุกคนที่อยู่ที่นี่แล้วพูดว่า “ผมคิดมาเสมอว่าพวกเราเป็นพี่น้องกันและครอบครัวดังนั้นผมจึงให้อิสระแก่พวกคุณมากมายแต่ผมก็มีกฎและขีดจำกัดของมัน..ถ้าคุณไม่พอใจอะไรคุณก็แค่พูดออกมาแต่ถ้าพวกคุณทำแบบนี้ผมบอกได้เลยว่าผมสามารถฆ่าพวกคุณทั้งหมดได้ในชั่วข้ามคืน!”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เย่เฉียนก็กล่าวว่า “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะสืบเสาะว่าเป็นความคิดของใคร ฉันรู้ว่าคุณเป็นใครและใครไม่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ฉันยินดีที่จะให้โอกาสคุณ ส่วนการทะนุถนอมในครั้งนี้ ถ้ามีโอกาสก็ต้องตัดสินใจเอง แต่ก็ต้องกล้าตัดสินใจ”
เย่เชียนก็หันไปเหลือบมองหยูซิงและหยิบกระดาษทิชชู่ออกมาแล้วยื่นให้จากนั้นก็พูดว่า “ผมคิดว่าผมปฏิบัติต่อคุณเป็นอย่างดีมาเสมอ..คุณเคยเป็นแค่รองผู้จัดการที่นี่และชีวิตก็ไม่ค่อยจะดี..มันไม่มีใครปฏิบัติต่อคุณเหมือนมนุษย์แต่ผมคิดว่าคุณน่ะมีศักยภาพมากพอผมจึงยินดีที่จะให้โอกาสคุณและมอบสโมสรนี้ให้คุณดูแลและยังให้สิทธิ์ในการจัดการธุรกิจการบันเทิงแก่คุณมากมาย..แต่คุณตอบแทนผมแบบนี้น่ะเหรอ?..แค่นั้นยังไม่พอคุณยังคิดที่จะกำจัดผมอีกด้วย?..มันสมควรเหรอ?..ถ้าคุณคิดว่าทำได้ก็ไปเรียกพวกของคุณออกมาให้หมด!” ประโยคสุดท้ายเย่เชียนเปล่งเสียงตะโกนอย่างดังและคนที่อยู่ที่นั่นก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน
ผู้คนรู้ดีในเวลานี้ความคิดทั้งหมดของหยูซิงแทบจะถูกลบออกไปโดยสิ้นเชิงและไม่มีทางที่จะต้านทานได้ เขาจึงพยักหน้าเล็กน้อยให้กับชายหนุ่มคนหนึ่งและยืนขึ้นแล้วหันหลังเดินออกไป ไม่นานนักก่อนที่เขาจะกลับมาพร้อมชายชกรรจ์ประมาณ 20 คนเดินเข้ามาพร้อมกับอาวุธต่างๆนาๆ พวกเขานั้นยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและเมื่อพวกเขาหน้าของเห็นหยูซิงเต็มไปด้วยเลือด พวกเขาก็ตกตะลึง
“พวกคุณคงไม่รู้จักผมถ้างั้นผมขอแนะนำตัวเองเลยก็แล้วกัน..ผมเย่เชียนเป็นประธานของบริษัทนี้..พูดให้เข้าใจก็คือพวกคุณทุกคนทำงานให้ผมแต่ผมก็ไม่ได้คาดหวังอะไรจากพวกคุณเพราะผมต้องการแค่ความซื่อสัตย์และความจริงใจอย่างยิ่ง..ผมไม่ได้ต้องการให้ใครมาเคารพผม..ผมแค่ต้องการให้พวกคุณเคารพในหน้าที่การงานของตัวเอง” เย่เชียนพูด “เรื่องวันนี้ถ้าพวกคุณฟังผมล่ะก็ผมจะปล่อยผ่าน..ทุกอย่างสามารถแก้ไขได้เสมอ..ผมปฏิบัติต่อพวกคุณทุกคนเหมือนพี่น้องกันและผมก็มีหน้าที่รับผิดชอบในเหตุผลที่พวกคุณทำเช่นนี้..ทุกคนคือพี่น้องผมหวังว่าพวกคุณจะมีชีวิตที่ดีและเดินนำหน้าคนอื่นได้อย่างสบายใจ..ทุกคนเกิดมาเพื่อมีชีวิตที่ดีผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากเป็นทาสรับใช้ของคนอื่นไปตลอดหรอกใช่มั้ย..แต่ในกรณีของผู้จัดการหยูซิงที่ผมเป็นคนมอบสิ่งต่างๆให้แก่เขาแต่เขาต้องการจะฆ่าผมแบบนี้มันไม่สมเหตุสมผลเลยจริงมั้ย..พวกคุณคิดว่าผมจะลงโทษเขายังไงดี?”
คนเหล่านั้นทั้งหมดเงียบไปและสูญเสียอาการอย่างมากเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบเย่เชียน แต่เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้เย่เชียนกลับยังคงสามารถรักษาสติและอารมณ์ของเขาเอาไว้ได้จนพลิกสถานการณ์ไปเป็นฝ่ายได้เปรียบ ซึ่งนี่ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าเย่เชียนนั้นมีความสามารถมากกว่าหยูซิงและเหมาะที่จะเป็นผู้นำมากกว่า มันคือทั้งหมดที่เกี่ยวกับการทำมาหากินและการใช้ชีวิตแล้วใครที่ไม่อยากก้าวหน้าบ้าง? ดังนั้นการเลือกผู้นำที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
“ในเมื่อคุณไม่พูดโอกาสของคุณก็หมดแล้ว” เย่เชียนพูดและหันไปมองหยูซิงแล้วพูดต่อ “ผมควรจะลงโทษคุณยังไงดี..คุณอยู่กับผมมาสักพักแล้วคุณก็ควรรู้กฎดี..เพราะงั้นในสถานการณ์แบบนี้คุณควรรับโทษแบบไหนดี?”
“คนทรยศจะต้องถูกตัดขาด” หยูซิงพูด
“คุณยังเข้าใจอยู่นี่..ผมคิดว่าคุณลืมไปแล้ว” เย่เชียนพูด “แต่ผมอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงทรยศผม..จุดประสงค์ของคุณในการทำแบบนี้คืออะไร”
หยูซิงก็ยิ้มอย่างเศร้าโศกแล้วพูดว่า “คุณจำได้ไหมว่าคุณบอกผมว่าไม่มีความภักดีในโลกนี้อย่างแท้จริงและความภักดีนั้นมันขึ้นอยู่ที่ว่าข้อต่อรองและผลประโยชน์คืออะไร..คุณรู้ว่าผมมีความทะเยอทะยานแต่ก็ยังอยากให้ผมทำงานด้วยเพราะงั้นคุณก็ควรจะรู้ว่าผลจะออกมาอย่างวันนี้..คุณเป็นมนุษย์และผมก็เป็นมนุษย์เช่นกัน..ผมมีพรสวรรค์ด้านทฤษฎีกลยุทธ์ผมจึงไม่คิดว่าผมคงไม่ได้ด้อยไปกว่าคุณทำไมผมต้องทำตามคำสั่งคุณด้วย..ใช่!..คุณดีกับผมมากแต่นี่เป็นเพียงกลยุทธ์ของคุณเท่านั้นเพราะคุณเลือกผมในตอนแรกเพราะผมมีประโยชน์..แต่ดูสิคุณทำอะไรบ้างในปีนี้ผมดูแลทุกอย่างที่นี่และดูแลทุกเรื่องที่สำคัญและไม่สำคัญแล้วผมได้อะไรบ้าง?..ผลลัพธ์ของการทำงานหนักของผมได้เป็นแค่หมาตัวหนึ่งที่อยู่ในมือของคุณ..ในเมื่อเรื่องต่างๆมันถูกเปิดเผยแล้วผมก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก.. ถ้าจะฆ่าผมก็ฆ่าซะถึงยังไงผมก็ยังคิดเสมอว่าผมคิดถูกแล้ว”
เย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วยิ้มและพูดว่า “ผมเป็นคนแบบนั้นในสายตาคุณงั้นเหรอ..ทำไมผมถึงไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของคุณน่ะเหรอนั่นเป็นเพราะผมต้องการให้คุณมีอิสระและเป็นการดีที่คุณจะใช้ความสามารถของคุณอย่างเต็มที่แต่คุณกลับคิดแบบนี้ผมคิดเสมอว่าคุณเป็นพี่น้องของผม..ครั้งล่าสุดในภารกิจที่เกาะในชนบทแจ็คให้คุณส่งคนไปแล้วคุณกลับพูดว่าคุณไม่สามารถหาบุคลากรได้…คุณคิดว่าผมไม่รู้ว่าคุณทำอะไรในช่วงหลายปีที่ผ่านมางั้นเหรอ..คุณยักยอกเงินและงบประมาณของบริษัทไปเท่าไหร่แล้ว..มีกี่คนที่เกลี้ยกล่อมให้ผมฆ่าคุณทิ้งนับครั้งไม่ถ้วนแต่ผมก็ไม่ได้ทำ..ถามว่าทำไมน่ะเหรอเพราะตอนแรกผมคิดว่ามันคงไม่ง่ายสำหรับคุณที่จะทำให้สถานการณ์ในเมืองหนานจิงมั่นคงและคุณอาจจะจำเป็นต้องใช้เงินและคุณก็สามารถทำเงินได้มากขึ้น..ผมคิดว่าความเป็นพี่น้องของเราไม่สามารถถูกทำลายได้เพราะเงินมาโดยตลอดเพราะงั้นผมถึงอยากให้โอกาสคุณและหวังว่าคุณจะหยุด..แต่คุณไม่ใช่แค่ไม่หยุดแต่ยังคิดที่จะฆ่าผมด้วย!..นี่คือสิ่งที่ควรทำหรือเปล่า?”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “จริงๆแล้วผมไม่ได้คิดที่จะลงโทษคุณเลย..เพราะที่ผมมาที่เมืองหนานจิงในครั้งนี้เดิมทีผมตั้งใจจะมาเตือนคุณแต่คุณกลับต้อนรับผมด้วยมีดและดาบ..ของพวกนี้มันไร้ประโยชน์ในสายตาของผม..คุณคิดว่าคนเหล่านี้จะจัดการกับผมได้งั้นเหรอ?”
คำพูดของเย่เชียนทำให้หยูซิงรู้สึกผิดแต่เขาเป็นคนประเภทที่ไม่อยากยอมแพ้เพราะตอนนี้เขามาถึงจุดนี้แล้วและหยูซิงก็รู้ดีว่าเขาไม่มีทางหนีจึงเขาทำได้เพียงเดินหน้าต่อถึงแม้ว่าเขาจะต้องพ่ายแพ่ก็ตาม
“ถ้างั้นผมจะไม่พูดว่าใครผิดใครหรือใครถูกเพราะมันไม่สำคัญอีกต่อไป..คุณทำผิดกฎและต้องรับผลที่ตามมา..เห็นแก่ความเป็นพี่น้องและทุกอย่างที่ผ่านมาเพราะงั้นผมจะให้โอกาสสุดท้ายกับคุณ..ตั้งแต่วันนี้คุณต้องออกไปจากประเทศจีนและอย่ากลับมาอีก..ถ้าผมพบคุณที่ประเทศจีนอีกก็อย่าหาว่าผมไม่เตือนก็แล้วกัน” เย่เชียนพูดและสีหน้าก็ดูไม่เต็มใจเล็กน้อยเพราะคนเหล่านี้เปรียบเสมือนพี่น้องของเขาดังนั้นเขาจึงไม่เต็มใจที่จะฆ่าคนเหล่านี้เป็นการส่วนตัว อย่างไรก็ตามในสถานการณ์นี้ไม่ว่าเย่เชียนจะไม่เต็มใจแค่ไหนเขาก็จะไม่ปล่อยให้ความรู้สึกมาควบคุมเขาและต้องยุติธรรมเสมอ
หยูซิงก็เหลือบมองเย่เชียนและท่าทางของเขาก็ตกตะลึงอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากจะเชื่อว่าเย่เชียนจะปล่อยตัวเองไปจริงๆเพราะการลงโทษของเขานั้นเบามากซึ่งทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน