ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 801 คนฉลาดแต่ตัดสินใจผิดพลาด
ตอนที่ 801 คนฉลาดแต่ตัดสินใจผิดพลาด
หม่าซานเหอเชื่อในประโยคที่โจโฉวเคยพูดเอาไว้ว่าความปรารถนามักจะทำให้ผู้คนละโมบโลภมาก ซึ่งหม่าซานเหอนั้นติดตามเฉินฟู่เฉิงมานานและเรียกได้ว่าเขาคือผู้บุกเบิกตัวจริง อาจกล่าวได้ว่าครึ่งหนึ่งความสำเร็จของเฉินฟู่เฉิงนั้นเป็นเพราะเขาเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าในตอนแรกเขานั้นไม่ได้คิดที่จะทรยศหรือหักหลังแต่เนื่องจากเย่เชียนเข้ายึดครองสิ่งที่ควรจะเป็นของเขาและถึงแม้ว่าอุตสาหกรรมนี้จะเติบโตและพัฒนาไปมากเพียงใดแต่เขากลับรู้สึกว่าพลังของเขานั้นค่อยๆลดลงไปทีละน้อย
หม่าซานเหอนั้นไม่อาจเพิกเฉยต่อความจริงข้อนี้ไปได้เพราะเขารู้ดีว่าถ้าหากเขาทำเช่นนี้ต่อไปเขาอาจจะสูญเสียทุกอย่างในสักวันหนึ่ง แทนที่จะรอวันนั้นสู้ทวงคืนทุกสิ่งทุกอย่างเสียยังดีกว่า ซึ่งในความเป็นจริงเขาก็ชื่นชมความกล้าหาญและทัศนคติขแงเย่เชียนแต่เขาก็ต้องคิดถึงอนาคตของตัวเองดังนั้นเขาจึงใช้โอกาสนี้ในการยักยอกทรัพย์สินของบริษัทเพื่อสร้างรากฐานและพลังของตัวเองขึ้นมา
อย่างไรก็ตามหม่าซานเหอนั้นเป็นนักธุรกิจรุ่นบุกเบิกและแน่นอนว่าในสายตาของเขาแล้วหยูซิงเป็นเพียงแค่เบี้ยหมากรุกของเขาและเขาก็กีดกันหยูซิงจากการสมรู้ร่วมคิดเพราะเขารู้ดีว่าการกำจัดหยูซิงนั้นง่ายกว่าการกำจัดเย่เชียน ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหยูซิงจะไม่สามารถกำจัดเย่เชียนได้ก็ตามแต่หม่าซานเหอก็สามารถหลีกเลี่ยงการมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ไปได้อย่างสมบูรณ์และมองหาโอกาสในอนาคต อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าเย่เชียนจะส่งคนมาตรวจสอบเขาจนร็ว่าเขานั้นทำอะไรลงไปบ้าง ดังนั้นหม่าซานเหอจึงไม่มีทางเลือกและยิ่งไปกว่านั้นนี่ก็เป็นโอกาสที่ดีเพราะเย่เชียนนั้นมีพรรคพวกเพียงคนเดียวที่นี่ ด้วยเหตุนี้ตราบใดที่เขากำจัดเย่เชียนได้สำเร็จมันก็จะมีการต่อรองกันและเขาก็จะได้เปรียบกว่าใครๆ
ก่อนหน้านี้หยูซิงยืนกรานอย่างหนักแน่นว่าจะกำจัดเย่เชียนแต่เขากลับกลัวคำพูดของเย่เชียนจนไม่กล้าแม้แต่จะทำอะไรใดๆมันทำให้หม่าซานเหอหดหู่มากและอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งเขา
เมื่อมองไปที่เหล่าชายหนุ่มที่ถือปืนพกแล้วสีหน้าของเย่เชียนก็ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อยและมุมปากของเขาก็ยังคงมีรอยยิ้มจางๆโดยไม่มีความตึงเครียดใดๆ เย่เชียนนั้นเป็นคนที่บุกน้ำลุยไฟผ่านความตายมาหลายครั้งเพราะฉะนั้นถ้าหากสถานการณ์เล็กน้อยเช่นนี้ทำให้เขาตกใจกลัวล่ะก็มันจะไม่ตลกไปหน่อยเหรอ? ย้อนกลับไปที่สำนักงานใหญ่ของ CIA ในประเทศสหรัฐอเมริกาเย่เชียนยังสามารถสบายใจเฉิบได้ราวกับว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ดังนั้นสถานการณ์เหล่านี้ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาเลยและยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนในวันนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปและไม่ว่าจะเป็นในแง่ของความคิดหรือความสามารถนั้นเย่เชียนก็พัฒนาไปกว่าเดิมมาก นอกจากนี้ศิลปะการต่อสู้ของเขาก็ก้าวหน้าไปมากเช่นกัน ซึ่งพื้นที่เล็กๆเช่นนี้อีกฝ่ายแทบจะไม่มีโอกาสได้ใช้ปืนเลยเพราะสภาพแวดล้อมแบบนี้การต่อสู้ระยะประชิดได้เปรียบกว่ามาก
หม่าซานเหอมองเฉิงเหวินราวกับว่าเขากำลังรอคำตอบแต่เขาก็ไม่สนใจเกี่ยวกับความเป็นพี่น้องและไม่ลังเลที่จะฆ่าเฉิงเหวินเลย เขาเพียงต้องการหาแพะรับบาปเพราะหลังจากที่เย่เชียยตายไปเขาก็จะไม่ได้อยู่ในฐานะผู้กระทำและสามารถรักษาภาพลักษณ์ที่ดีของเขาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ถ้าก่อนหน้านี้เขาจะไม่หวังผลลัพธ์เช่นนี้เลยแต่เฉิงเหวินในวันนี้ไม่ใช่เฉิงเหวินคนเดิมอีกต่อไปแล้วเพราะเฉิงเหวินนั้นปราศจากความกล้าหาญและความทะเยอทะยานในการทำสิ่งต่างๆ ทั้งความคิดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆนั้นก็ไม่ครอบคลุมเหมือนเมื่อก่อน ด้วยเหตุนี้ตราบใดที่เย่เชียนตายมันก็จะเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะจัดการกับเฉิงเหวินในอนาคต
ถึงแม้ว่าเฉิงเหวินจะยังไม่มั่นใจแต่เขาก็ยังคงยืนกรานครั้งสุดท้ายว่า “ไม่!..ผมจะไม่มีวันฆ่าประธานเย่!” เฉิงเหวินพูด “ผมรู้ดีว่าใครดีหรือใครร้ายกับผม..ตลอดหลายปีที่ผ่านมาประธานเย่ปฏิบัติต่อผมเหมือนเป็นพี่ชาย..เขาทั้งสุภาพและใจดีแต่แล้วคุณล่ะ?..คุณหลอกใช้ผมเหมือนสุนัขเพราะงั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะฆ่าประธานเย่..หม่าซานเหอถ้าคุณจะฆ่าประธานเย่ก็ข้ามศพผมไปก่อน!..ถ้าผมยังอยู่ที่นี่คุณจะไม่สามารถแตะต้องประธานเย่ได้แม้แต่เส้นผม!”
เย่เชียนก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชัดเจนว่าทำไมเฉิงเหวินถึงได้เปลี่ยนใจไปเช่นนี้และยังยืนกรานเป็นครั้งสุดท้ายอีกด้วย ซึ่งนั่นเป็นเพราะคำพูดของเย่เชียนที่ทำให้เฉิงเหวินรู้ตัวในตอนที่เขากำลังหลงทางและทำผิดพลาดไป ซึ่งการกลับตัวกลับใจครั้งนี้ทำให้เย่เชียนพึงพอใจอย่างมาก
“หืม..แกแสร้งทำเป็นจริงใจอย่างงั้นเหรอ?..แต่แกต้องรู้เอาไว้ด้วยว่าวงการธุรกิจน่ะมันไม่มีความจริงใจที่แท้จริงหรอก..ดูหยูซิงเป็นตัวอย่างสิเขายักยอกเงินบริษัทไปตั้งเท่าไหร่แล้ว..แต่สุดท้ายจุดจบของเขาก็ไม่สวยนัก” หม่าซานเหอพูด
เฉิงเหวินยิ้มอย่างเศร้าสร้อยและพูดว่า “ผมรู้ว่าผมทำผิดร้ายแรงมากและความผิดพลาดที่ผมทำชีวิตนี้ผมก็ไม่สามารถชดใช้ได้..ถ้าไม่ใช่เพราะผมมันก็คงจะไม่มีสถานการณ์ในวันนี้อย่างแน่นอน..ท้ายที่สุดแล้วผมก็ปล่อยให้ความผิดพลาดนี้พัฒนาต่อไปไม่ได้..ผมเคยทำผิดพลาดไปแล้วครั้งหนึ่งและไม่สามารถทำผิดได้อีกต่อไป..ไม่ว่าประธานจะลงโทษผมยังไงในอนาคตผมก็เต็มใจยอมรับผิดเพราะนั่นคือสิ่งที่ผมสมควรได้รับและจะไม่มีใครสามารถทำลายกฎนี้ไปได้”
“เอาล่ะ..ในเมื่อแกต้องการเป็นสุนัขรับใช้ที่ซื่อสัตย์มากขนาดนั้นฉันจะสนองให้แกเอง!” เมื่อเห็นเฉิงเหวินเช่นนี้หม่าซานเหอก็รู้ว่าเฉิงเหวินจะไม่ทำอะไรเลยและไม่ว่าสิ่งที่เฉิงเหวินพูดมันคือความเสียใจจากใจจริงหรือความกลัวต่อเย่เชียนก็ตามแต่สถานการณ์ดังกล่าวได้พัฒนามาถึงจุดนี้แล้วดังนั้นหม่าซานเหอจึงไม่มีทางเลือกอื่น
หม่าซานเหอก็โบกมือและชายหนุ่มสองคนก็ถือปืนเดินไปทางเฉิงเหวินทันที เฉิงเหวินก็ยิ้มอย่างเศร้าโศกและดูเหมือนเขากำลังจะตาย แต่การแสดงออกของเขานั้นเต็มไปด้วยความเสียใจและขอโทษจากนั้นเขาก็หันไปมองเย่เชียนแล้วพูดว่า “ประธานเย่..ผมขอโทษจริงๆ..ถ้าไม่ใช่เพราะผมล่ะก็ทุกอย่างมันคงจะไม่เป็นแบบนี้..มันเป็นเพราะผมไร้ความสามารถ..ผมขอโทษที่ไม่สามารถอยู่ช่วยคุณได้ในอนาคต..ผมไม่สามารถทำอะไรให้คุณได้อีกต่อไปแล้ว..ประธานผมมีอะไรอยากจะขอร้องคุณเป็นครั้งสุดท้าย..คุณสามารถยกโทษให้ผมได้มั้ย?”
เย่เชียนก็แสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ท้องฟ้ายังไม่ถล่มผืนดินยังไม่พังทลายก็อย่าเพิ่งท้อแท้ไป..ไม่ว่ายังไงคุณก็ต้องอยู่สนับสนุนผมเพราะคุณเป็นลูกผู้ชายใช่มั้ย?..ไม่ต้องกังวลไปเพราะไม่มีใครทำอะไรทั้งคุณและผมได้หรอก” เย่เฉียนกล่าวว่าเฉิงเหวินทั้งรู้สึกผิดและมีความสุข และชายผู้มีศักดิ์ศรีหลั่งน้ำตาโดยไม่รู้ตัว
เย่เชียนหันไปมองมาที่หม่าซานเหอแล้วพูดว่า “คุณซานผมเคยคิดว่าคุณเป็นคนฉลาดและคนฉลาดก็ควรรู้วิธีเลือกแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าผมจะมองคุณผิดไป..คุณเองก็ควรจะรู้นะว่าผมทำอะไรได้บ้าง..คุณควรจะรู้นะว่าตราบใดที่ผมสั่งคุณจะไม่สามารถอยู่ในประเทศจีนได้อีกต่อไปหรือแม้แต่ที่ใดในโลกก็ตาม..คุณมั่นใจเหรอว่าจะหนีรอดจากการไล่ล่าขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าไปได้?..จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครสามารถเอาชีวิตรอดจากการไล่ล่าขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าไปได้เลยสักคน..คุณคิดว่าคุณสามารถเอาชีวิตรอดหรือเปล่า?..คุณเองก็น่าจะรู้ว่าหวังหูเป็นน้องชายของผมด้วย..ด้วยอิทธิพลในปัจจุบันของคุณแล้วคุณคิดว่าคุณจะรอดไปได้อย่างงั้นเหรอ?..คุณยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขาแล้วคุณคิดที่จะกำจัดผมเนี่ยนะ?”
หม่าซานเหอก็อดไม่ได้ที่จะหยุดเพราะเย่เชียนนั้นมีอำนาจและอิทธิพลที่แน่วแน่ชัดเจนสำหรับเขาและพลังของเขาเองก็ไม่สามารถต่อสู้กับเย่เชียนได้เลย อย่างไรก็ตามสิ่งต่างๆได้พัฒนามาถึงจุดนี้แล้วเขาจะทำอะไรได้อีก? เขาไม่เคยคิดที่จะฆ่าเย่เชียนแต่เขาแค่อยากเอาชนะเย่เชียนเขาก็เลยหาข้อต่อรองเพื่อเจรจากับเย่เชียนและบีบคั้นให้เย่เชียนไล่เขาออก ซึ่งหลังจากออกจากบริษัทไปเขาก็จะใช้เงินที่ยักยอกไปสร้างสิ่งที่เป็นของเขา นั่นเป็นเพราะเขารู้ดีว่าเขาจะไม่มีทางออกจากบริษัทโดยที่เย่เชียนไม่อนุมัติหรือเห็นด้วย
“เย่เชียน..แกไม่ต้องมาขู่ฉันหรอกฉันเดินบนท้องถนนเส้นทางนี้มานานหลายปีแล้วมันจะมีพายุลูกไหนที่ฉันยังไม่เคยเห็นอีก?..ตอนนี้แกเป็นเนื้อบนเขียงแล้วรอให้ฉันเชือด..ตราบใดที่ฉันออกคำสั่งแกก็จะตายทันที..แกคิดว่าฉันจะโง่ปล่อยแกไปอย่างงั้นเหรอ?” หม่าซานเหอพูด
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มจางๆว่า “ใช่!..ถึงแม้ว่าคุณจะปล่อยผมไปคุณก็ไม่มีโอกาสรอดไปได้อยู่ดี..เพราะความผิดพลาดของคุณไม่สามารถให้อภัยได้..ยังไงก็เถอะการตายน่ะมันมีอยู่หลายวิธี..ผมรับปากว่าถ้าคุณยอมจำนนตอนนี้ผมจะให้โอกาสคุณได้เลือกวิธีการตายของคุณเองได้”
เย่หานหลินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะในตอนนี้เย่เชียนกลับพูดเช่นนี้เพื่อกระตุ้นหม่าซานเหอ ซึ่งเย่เชียนนั้นควรจะทำตามคำพูดของหม่าซานเหอแต่ตอนนี้เย่เชียนกลับพูดเช่นนั้นเพื่อยั่วโมโหหม่าซานเหอ ในความคิดของเย่หานหลินนั้นตราบใดที่เย่เชียนทำตามคำพูดของหม่าซานเหอล่ะก็หม่าซานเหอก็จะปล่อยเย่เชียนไป อย่างไรก็ตามไม่เพียงแต่เย่เชียนล้มเหลวในการทำเช่นนั้นแต่ในทางกลับกันเย่เชียนยังคงกระตุ้นความโกรธของหม่าซานเหอเพิ่มอีก สิ่งนี้ทำให้เย่หานหลินประหลาดใจอย่างมาก
เย่เชียนมีหลักการของเขาเองและนั่นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อย่างแน่นอนเพราะถ้าเขาปล่อยหม่าซานเหอในวันนี้แล้วเขาจะสามารถใช้จิตวิทยานี้เพื่อกดดันคนอื่นในอนาคตได้อย่างไร? อย่างนี้ความสง่าผ่าเผยของเขาจะอยู่ที่ไหน? เขาจะโน้มน้าวใจฝูงชนได้อย่างไรในอนาคต?
หม่าซานเหอก็ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “เย่เชียน..แกมันไร้เดียงสาเกินไป..แกคิดว่าวันนี้แกจะรอดไปได้อย่างงั้นเหรอ?..หืม..ถึงฉันจะฆ่าแกในวันนี้มันก็ไม่มีเบาะแสใดๆอยู่ดี..ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีใครรู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น..เพราะเมื่อฉันฆ่าแกตราบใดที่ฉันทำลายหลักฐานและเผาที่นี่ทิ้งคนของแกก็จะคิดว่าแกถูกเผาตาย..จากนั้นฉันก็แค่หาที่ซ่อนและไปใช้ชีวิตที่แสนสุขของฉันต่อ”
“ปรึบปรึบ!” เย่เชียนปรบมือแล้วพูดว่า “ยอดเยี่ยมจริงๆ..ช่างเป็นแผนการที่ชาญฉลาด..แต่ผมไม่รู้ว่ายกย่องตัวเองหรือดูถูกผมกันแน่..ยิ่งไปกว่านั้นคุณคิดว่าผมจะกล้าเข้ามาที่นี่เพียงคนเดียวโดยไม่มีการเตรียมตัวรับมืออย่างงั้นเหรอ?..ผมจะให้โอกาสครั้งสุดท้ายถ้าพวกคุณยังไม่วางอาวุธลงทั้งคุณและคนของคุณจะไม่สามารถออกไปจากที่นี่แบบมีชีวิตได้!”