ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 803 ผู้บุกเบิก
ตอนที่ 803 ผู้บุกเบิก
หม่าซานเหอมีความกลัวต่อหลัวจ้านและการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของหลัวจ้านนั้นก็ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของหม่าซานเหอเลยแม้แต่น้อยจนเขาค่อนข้างที่จะสูบเสียอาการและความมั่นใจอย่างมาก ถ้าเป็นไปได้หม่าซานเหอคงไม่ต้องการมีความขัดแย้งใดๆกับหลัวจ้านเลย แต่เมื่อเห็นการแสดงออกของเฉิงเหวินแล้วหม่าซานเหอก็รู้ได้ทันทีว่าเหตุผลที่หลัวจ้านรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่นั้นต้องเป็นเพราะเฉิงเหวินเป็นคนแจ้งข่าวอย่างแน่นอน
หลัวจ้านก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ผมไม่สนใจว่าเหตุผลมันคืออะไรแต่การที่คุณทำแบบนี้มันผิด..อย่าคิดว่าผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองหนานจิง..การพัฒนาของเมืองหนานจิงที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้น่ะคุณกล้าพูดได้ไหมว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะความสามารถของคุณคนเดียว?..คุณแน่ใจหรือว่าคุณจะทำได้ดีกว่านี้ถ้าหากอุตสาหกรรมนี้อยู่ในมือของคุณ?”
“นั่นก็เป็นความคิดของแกแต่ฉันไม่คิดอย่างนั้น..ถ้าไม่มีพวกเราช่วยแล้วเย่เชียนจะทำสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียวมั้ยล่ะ?” หม่าซานเหอพูด “หลัวจ้าน..เราต่อสู้ในวงการธุรกิจด้วยกันมานานหวังว่าแกจะไม่เป็นศัตรูของฉันหรืออย่ามาโทษที่ฉันทำแบบนี้เลย”
“หืม..ในเมื่อหลัวจ้านคนนี้มาแล้วคุณจะทำอะไรอีก?” หลัวจ้านพูด “ถ้าคุณหยุดตอนนี้ผมจะขอให้ประธานเย่ปล่อยคุณไป..ไม่งั้นคุณก็จะเป็นศัตรูของผมด้วย..คุณก็น่าจะรู้ดีนะว่าการเป็นศัตรูของหลัวจ้านนั้นมันจะมีจุดจบยังไง”
“หลัวจ้านแกไม่ต้องมาขู่ฉันเพราะตั้งแต่ที่ฉันคิดที่จะทำแบบนี้ฉันก็เตรียมใจตายเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว” หม่าซานเหอพูด “หลัวจ้านงั้นเหรอ?..ต่อให้เป็นประธานาธิบดีฉันก็ไม่กลัว..ยังไงผลลัพธ์มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อยู่ดี..หลัวจ้านอาจจะเป็นสุดยอดมือขวาในสมัยที่ประธานเฉินยังมีชีวิตอยู่แต่ตอนนี้ประธานเฉินตายไปแล้วและฉันก็ไม่กลัวแก..แกไม่ดูสถานการณ์ในตอนนี้เลยเหรอ?..คนของฉันที่นี่มีอาวุธครบมือแล้วแกมั่นใจได้ยังไงว่าแกจะสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ปัจจุบันได้?”
“ถึงผมจะต้องตายแต่ผมก็ต้องลากคุณลงหลุมไปด้วย” เมื่อคำพูดของหลัวจ้านจบลงเขาก็ถอดเสื้อคลุมของเขาออกและปรากฏว่าที่เอวของเขานั้นเต็มไปด้วยระเบิดจากนั้นเขาก็หยิบรีโมทควบคุมออกมาแล้วพูดว่า “ระเบิดชุดนี้เพียงพอที่จะระเบิดห้องนี้ให้กลายเป็นซาก..เนื่องจากผมมาที่นี่แล้วเพราะงั้นปัญหามันก็ต้องจบ..คุณกล้าเสี่ยงมั้ยล่ะ?..ถ้าผมกดปุ่มนี้พวกเราทุกคนในห้องก็จะตายไปพร้อมๆกัน”
หลังจากพูดจบหลัวจ้านก็มองไปที่เย่เชียน ส่วนเย่เชียนก็ยิ้มกลับด้วยท่าทางที่สงบจากนั้นเย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ ซึ่งเย่เชียนนั้นชื่นชมหลัวจ้านมากแต่หลัวจ้านนั้นยืนยันที่จะออกเดินทางและเย่เชียนก็เคารพให้การตัดสินใจของหลัวจ้าน ไม่เช่นนั้นเมื่อเย่เชียนยึดเมืองหนานจิงได้แล้วเขาก็จะมอบอุตสาหกรรมทั้งหมดที่นี่ให้หลัวจ้านดูแลแทนอย่างแน่นอน
เหล่าบอดี้การ์ดทั้งหมดที่นี่ก็ตกตะลึงอย่างมากเพราะแค่หม่าซานเหอบ้าคลั่งคนเดียวก็แย่แล้วแต่ยังมีคนบ้าอีกคนหนึ่งปรากฏตัวออกมาอีก ถ้าหลัวจ้านกดปุ่มนั้นจริงๆผลจะเป็นอย่างไร? มันคงจะถูกระเบิดเป็นชิ้นๆจนชิ้นส่วนทั้งเลือดและเนื้อกระจัดกระจายไปทั่วทั้งห้องเลยใช่ไหม?
“หลัวจ้านแกอย่ามาเสแสร้งนักเลย..อย่าลืมสิว่าฉันเดินบนเส้นทางนี้มาก่อนแกหลายปีแต่แกต้องการทำให้ฉันกลัวเพียงเพราะกลอุบายหลอกเด็กของแกงั้นเหรอ?” หมาชานเหอพูด “นอกจากนี้ถ้าแกมากับฉันล่ะก็แกจะมีชีวิตที่ดีไปตลอดชาติ”
“คุณซาน!” เหล่าบอดี้การ์ดที่มากับหม่าซานเหอนั้นไม่สบอารมณ์อย่างมากเพราะพวกเขาไม่เต็มใจที่จะยอมสละชีวิตที่นี่โดยไม่มีเหตุผลและมันก็ไม่มีอะไรคุ้มกับสิ่งที่ต้องเสียเลย
“ฉันไม่กลัวหรอก..พวกแกจะกลัวไปทำไมเพราะระเบิดบนตัวเขาน่ะมันเป็นของปลอม!..เขาแค่อยากทำให้ฉันกลัวและยอมแพ้เท่านั้น” หม่าซานเหอพูด อย่างไรก็ตามเขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าคนอย่างหลัวจ้านจะไม่ใช้กลอุบายดังกล่างมาหลอกตัวเองเป็นอันขาดและวัตถุระเบิดเหล่านั้นก็เป็นของจริง แต่เหตุผลที่เขาพูดอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการทำให้บอดี้การ์ดเหล่านั้นสงบลงและไม่กดดันไปมากกว่านี้ ยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนเองก็อยู่ที่นี่ด้วยดังนั้นหลัวจ้านคงจะไม่กล้ากดปุ่มอย่างแน่นอน
“หืม..คุณซานเราก็ทำงานร่วมกันมานานมากแล้วคุณก็ควรจะชัดเจนมากเกี่ยวกับนิสัยของผม..หลัวจ้านคนนี้จะเสแสร้งทำเรื่องแบบนี้อย่างงั้นเหรอ?..ถ้าคุณพูดแบบนั้นเราก็มาดูกันว่าจริงหรือไม่จริง!” หลัวจ้านพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกจากนั้นเขาก็หันไปมองเย่เชียนแล้วพูดว่า “ประธานเย่..ฉันต้องขอโทษจริงๆที่ฉันไม่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์นี้ไปได้..สิ่งเดียวที่ฉันสามารถทำได้คือกำจัดขยะเหล่านี้..ฉันหวังว่าประธานเย่จะไม่ตำหนิฉันนะ”
เมื่อเห็นดวงตาของหลัวจ้านแล้วเย่เชียนก็เข้าใจจากนั้นเย่เชียนก็พยักหน้าแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ยินดีอย่างยิ่งที่ครั้งหนึ่งในชีวิตของผมมีพี่น้องที่ร่วมเป็นร่วมตายกัน!”
พวกบ้า! เหล่าบอดี้การ์ดทั้งหมดที่นี่คิดแบบนี้ซึ่งคนเหล่านี้ไม่มีจิตสำนึกเรื่องความตายกันเลยหรือ? นี่คือสิ่งที่บ่งบอกว่าคนเหล่านี้ไม่สามารถก้าวผ่านไปถึงจุดที่เย่เชียนยืนอยู่ได้เพราะถ้ามนุษย์ไม่มีจิตสำนึกนี้เขาจะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไร? บางครั้งคุณต้องคิดให้มากขึ้นเกี่ยวกับการเป็นมนุษย์หากคุณกำลังคิดถึงชีวิตของตัวเองอยู่ตลอดเวลาคุณจะเดินหน้าไปตลอดกาลได้อย่างไร คุณจะก้าวข้ามผ่านขวากหนามและอุปสรรคได้อย่างไร?
หม่าซานเหอก็รู้สึกประหม่าอย่างมากเพราะแท้ที่จริงแล้วยิ่งเขาอายุมากขึ้นเท่าไหร่เขาก็ยิ่งกลัวตายมากเท่านั้น สมัยตอนที่เขาหนุ่มๆอาจจะพูดได้เต็มปากว่าเขานั้นไม่กลัวความตายแต่เมื่อถึงวัยนี้จริงๆเขาก็คิดถึงชีวิตที่แสนสุขและไม่อยากตายไปอย่างไร้ประโยชน์เลย นี่เป็นเรื่องปกติเพราะเหตุผลที่หม่าซานเหอก่อกบฏเช่นนี้เพราะเขานั้นกลัวความตายจึงอยากครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อที่บั้นปลายชีวิตของเขาจะได้อยู่อย่างมีความสุขหมดความหวาดระแวงอีกต่อไป นั่นเป็นเพราะเขาไม่รู้ว่าในอนาคตเย่เชียนจะตัดเขาออกหรือไม่ดังนั้นเขาจึงต้องเสี่ยง ซึ่งนี่อาจเป็นสิ่งที่เย่เชียนยังทำไม่ดีพอที่เขาไม่ได้ให้ความมั่นใจแก่หม่าซานเหอมากพอแต่เย่เชียนก็ไม่เคยมีความคิดนั้นเพราะถ้าเขาจะทำเขาคงจะทำไปนานแล้ว นี่เป็นเพียงความกังวลของหม่าซานเหอเท่านั้น ส่วนหยูซิงนั้นตั้งใจที่จะทรยศจนถึงนาทีสุดท้ายดังนั้นเย่เชียนจึงตัดเขาออก ซึ่งเย่เชียนก็ยังให้โอกาสหม่าซานเหออยู่แต่เขาไม่ต้องการมันเองเพราะฉะนั้นเย่เชียนจะไม่ไว้ชีวิตหม่าซานเหออีกไม่เช่นนั้นเขาจะควบคุมผู้คนในอนาคตได้อย่างไร
“พี่น้องทั้งหลาย..อย่าถือโทษโกรธกันเลยเพราะถ้าพวกนายต้องการที่จะโทษใครสักคนก็ไปโทษหม่าซานเหอที่สร้างปัญหาขึ้นมาแล้วทำให้พวกนายซวยไปด้วย” หลัวจ้านพูดขณะมองไปทางเหล่าลูกน้องของหม่าซานเหอ
บอดี้การ์ดเหล่านั้นก็ตื่นตระหนกและมองไปที่หม่าซานเหอด้วยความโกรธและหวังว่าเขาจะสามารถหยุดหลัวจ้านและไม่พูดอะไรให้หลัวจ้านบ้าคลั่งไปมากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ณ จุดนี้หม่าซานเหอก็ไม่มีทางหนีและไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากการเสี่ยงเดิมพัน “เฉิงเหวินเลขาผู้ชาญฉลาด..หลัวจ้านมือขวาผู้ภักดีอดีตผู้บุกเบิกของประธานเฉิน..กล้าหาญไม่เบาเลยนี่” หม่าซานเหอพูด “เอาสิเอาเลย..จะทำอะไรก็ทำ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหม่าซานเหอแล้วเฉิงเหวินก็ก้มหน้าสำนึกผิดเพราะหลายปีที่ผ่านมาเป็นเพราะตัวเขาเองที่ปล่อยปละละเลยจนทำให้หยูซิงกับหม่าซานเหอคิดที่จะทรยศและทำให้เจตจำนงของพวกเขาเสื่อมลง ซึ่งทำให้พวกเขามีโอกาสใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ดังกล่าว แต่ถ้าเขายังเด็ดขาดเหมือนเดิมเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นและเขาก็จะสามารถหยุดมันได้ในทันที
เฉิงเหวินนั้นเดินบนเส้นทางวงการธุรกิจมานานแล้วและเขาเปิดกว้างมากสำหรับหลายสิ่งหลายอย่าง อย่างไรก็ตามในช่วงสองปีที่ผ่านมาเขาสูญเสียภรรยาและลูกชายไปโดยกะทันหันซึ่งทำให้ความทะเยอทะยานของเขาพังทลายลงและเขาก็รู้สึกสับสนอย่างมากและสงสัยว่าเขาเลือกเส้นทางนี้ถูกหรือผิดกันแน่ ถึงแม้ว่าเขาจะไปถึงจุดสูงสุดแล้วชีวิตนี้เขาจะทำอะไรได้อีก? เนื่องด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เขาซึมเศร้าและหมดไฟจนไม่ค่อยได้ดูแลความเรียบร้อยของการบริหารจัดการโดยรวม ซึ่งเกือบทั้งหมดถูกผลักไสไปให้หม่าซานเหอและหยูซิง
อย่างไรก็ตามเย่เชียนนั้นก็เป็นผู้มีพระคุณของหยูซิงเพราะเย่เชียนนั้นแต่งตั้งให้เขาเลื่อนข้ามขั้นไปเป็นผู้จัดการเพราะเขารู้ดีว่าตราบใดที่เขาติดตามเย่เชียนเขาสามารถสำเร็จอย่างรุ่งโรจน์ได้ ซึ่งความจริงก็เป็นเช่นนั้นและทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจจนลืมตัว ด้วยเหตุนี้เขาจึงอดไม่ได้ที่จะคิดว่าแม้แต่เย่เชียนเองก็ยังสามารถอยู่ใต้ฝ่ามือเขาได้ สิ่งนี้ทำให้ความทะเยอทะยานของเขาระเบิดออกมาและถึงกับคิดว่าเขานั้นฉลาดที่สุดในโลกและทุกคนจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าเขานั้นคิดผิดว่าเขาฉลาดและเขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะถูกหลอกโดยหม่าซานเหอ ทั้งหมดทั้งมวลถ้าไม่ใช่เพราะแรงจูงใจของหม่าซานเหอแล้วเขาก็จะไม่เป็นแบบนี้เหมือนในตอนนี้ ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะรู้ว่าหยูซิงมีความทะเยอทะยานสูงก็ตามแต่ผู้ที่มีความทะเยอทะยานมักจะมีแรงจูงใจที่จะก้าวไปข้างหน้า ตราบใดที่ความทะเยอทะยานนี้ถูกใช้อย่างสมเหตุสมผลมันก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาองค์กรโดยรวม ดังนั้นตราบใดที่หยูซิงยังคงเหมือนเดิมเย่เชียนก็ไม่คิดที่จะทำอะไรเขาเลย
แต่ทว่าทั้งหมดมันจะไม่เกิดขึ้นถ้าหากเฉิงเหวินยังเด็ดขาดเหมือนเดิม ซึ่งเรื่องในวันนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้นเพราะถ้าทั้งสามฝ่ายมีการตรวจสอบและสมดุลที่ดีคงไม่มีใครกล้าทรยศและไม่คิดที่จะหักหลังอย่างแน่นอน แต่ในที่สุดเฉิงเหวินก็พบกับความสิ้นแต่เขาก็รับรู้ได้ว่าหยูซิงกับหม่าซานเหอจะใช้โอกาสนี้เพื่อจัดการกับเย่เชียนดังนั้นเขาจึงรีบแจ้งหลัวจ้านเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดเพราะถ้าหากไม่ใช่ในตอนนี้เขาจะเรียกหลัวจ้านมาเมื่อไหร่กัน?
เป็นความจริงที่เฉิงเหวินไม่กลัวความตายเพราะหัวใจของเขาได้ตายไปพร้อมกับภรรยาและลูกชายแล้วและเพราะตัวเขาเอง ที่เป็นต้นเหตุทำให้สถานการณ์วันนี้เกิดขึ้น ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าเขาไม่สามารถมองหน้าเย่เชียนได้เลย ด้วยเหตุนี้ถ้าหากหลัวจ้านกดปุ่มระเบิดฆ่าตัวตายไปพร้อมๆกันทั้งหมดมันก็อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายสำหรับเขาเลย
เฉิงเหวินก็ยืนขึ้นและมองไปที่หม่าซานเหอแล้วพูดว่า “คุณกลัวตายหรือเปล่า?..ผมน่ะไม่กลัวหรอก..หลัวจ้าน!..กดปุ่มซะ!”
“ใช่!..ฉันมีความทะเยอทะยานและฉันก็ไม่อยากตาย..แต่ก็น่าเสียดายนะที่มันไม่สามารถหวนกลับไปอดีตได้อีก..ฉันจะบอกแกให้ก่อนตายก็แล้วกันว่าฉันเองที่ส่งคนไปฆ่าภรรยาและลูกชายของแก..อุบัติเหตุทางรถยนต์น่ะก็เกิดขึ้นโดยฉันเอง!” หม่าซานเหอพูด “เป็นไงแผนการของฉันบูรณ์แบบมั้ยล่ะ?..สุดท้ายแกก็เป็นอย่างที่ฉันคาดเอาไว้..แกกำลังวิ่งเล่นอยู่ในกำมือของฉัน..เฉิงเหวินเอ๋ยฉันเคยบอกแกไปแล้วไงว่าในโลกใบนี้ถ้าแกต้องการจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จแกก็เลิกก้มหัวให้คนอื่นซะ..แกมันอ่อนแอเกินไปนี่คือจุดอ่อนของแก”
เฉิงเหวินก็ถึงกับตกตะลึงเพราะเขาคิดมาเสมอว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์สองครั้งที่เกิดขึ้นกับภรรยาและลูกของเขานั้นเป็นเพียงอุบัติเหตุจริงๆ เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่ามันจะเกิดจากคนที่ทำงานกับเขามานานหลายปีขนาดนี้และเกิดจากคนที่เขาเรียกว่าครอบครัวมาโดยตลอด เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาของเฉิงเหวินก็เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและคลื่นแห่งเจตนาฆ่าก็พุ่งขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจราวกับว่าเขากำลังจะกลืนกินหม่าซานเหอ