ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 805 รักษาการณ์
ตอนที่ 805 รักษาการณ์
เย่เชียนกวาดสายตามองคนเหล่านั้นทีละคนและพวกเขาก็รู้สึกเย็นยะเยือกจากก้นบึ้งของหัวใจราวกับว่าพวกเขาอยู่ในห้องใต้ดินน้ำแข็งและรู้สึกละอายใจอย่างมาก พวกเขาทั้งหมดเข้าร่วมบริษัทในภายหลังและหลายคนก็ไม่เคยพบเย่เชียนและไม่เข้าใจเกี่ยวกับประธานนี้เลยด้วยซ้ำ ในความเห็นของพวกเขาเย่เชียนเปรียบเสมือนจักรพรรดิหุ่นเชิดที่ไม่มีอำนาจใดๆเลย ดังนั้นการโค่นล้มเย่เชียนจึงเป็นเรื่องง่ายเพราะท้ายที่สุดพวกเขายังคิดถึงอนาคตของตัวเองหากพวกเขาสามารถช่วยเหลือหยูซิงในการยึดอำนาจได้สำเร็จพวกเขาทั้งหมดจะได้รับแต่งตั้งและสถานะที่ดีในบริษัทและการถูกปฏับัติก็จะแตกต่างกันออกไปโดยสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตามเนื่องจากเย่เชียนเข้ามาในห้องประชุมนี้และการกระทำทั้งหมดของเย่เชียนทำให้พวกเขาประหลาดใจจนอดไม่ดี่จะหวาดกลัว เพราะการที่มนุษย์สามารถใช้ปากกาลูกลื่นเป็นมีดขว้างแล้วทำให้มันทะลุเข้าไปในร่างกายของมนุษย์ได้นั้นมันเป็นความสามารถอันทรงพลังทำให้พวกเขาตกใจ เมื่อเผชิญหน้ากับคนเช่นนี้พวกเขาจะสามารถต้านทานได้งั้นหรือ? พวกเขายังถามตัวเองในใจนับครั้งไม่ถ้วนและคำตอบก็คือ ‘ไม่’ พวกเขาไม่มีคุณสมบัติและความกล้าและความสามารถมากพอที่จะต่อสู้กับเย่เชียนได้เลย
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกนายจะคิดแบบนั้น..ฉันไม่เชื่อหรอกว่าพวกนายไม่รู้ว่าฉันเป็นใครต่อให้จะไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของฉันแต่พวกนายก็น่าจะรู้ว่าคนที่เป็นถึงประธานได้น่ะมันต้องไม่ใช่คนธรรมดาอยู่แล้ว..พวกนายเอาแต่คิดเสมอว่าฉันคือที่หนึ่งในโลก..จะบอกให้ว่าในสายตาของฉันน่ะพวกนายไม่ได้มีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็นศัตรูของฉันเลย..เอาเถอะพวกนายไม่ต้องรับผิดชอบเรื่องในวันนี้แต่ฉันหวังว่านายจะจำเอาไว้..แต่ถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกก็อย่ามาโทษฉันและอย่าคิดที่จะทรยศหรือหักหลังฉันอีกล่ะ..ฉันรู้อะไรหลายๆอย่างแต่ไม่อยากพูด..ฉันเชื่อว่าพวกนายทุกคนคงเข้าใจใช่มั้ย?”
ดวงตาของเย่เชียนกวาดมองพวกเขาทีละคนและใบหน้าของเย่เชียนก็เคร่งเครียด จากนั้นเขาก็สูดลมหายใจแล้วพูดว่า “หากพวกนายทำผิดอีกมันจะไม่มีโอกาสครั้งที่สองอีกแล้ว” ทันทีที่เสียงจบลงเย่เชียนก็ใช้หมัดต่อยลงไปที่โต๊ะ “ปัง” โต๊ะทั้งหมดก็พังทลาย ซึ่งนี่เป็นโต๊ะไม้จริงจริงๆและเป็นไม้อย่างดีแต่มันกลับสามารถถูกทำลายเป็นเสี่ยงๆได้ด้วยหมัดเดียว ซึ่งไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าคนที่ทำแบบนี้ได้ต้องมีความสามารถมากแค่ไหน
คนเหล่านั้นจะกล้าพูดที่ไหนเพราะทุกคนต่างก็เงียบในทันที เมื่อได้ยินเช่นนั้นพวกเขาทั้งหมดก็คุกเข่าลงแล้วพูดพร้อมกันว่า “พวกเราขอสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อท่านประธาน!”
เย่เชียนนั้นรู้ดีว่าไม่ใช่ทุกคนที่จริงใจแต่เย่เชียนก็ไม่สามารถควบคุมคนเหล่านี้ได้ทั้งหมด บางครั้งความเมตตากรุณาและความชอบธรรมก็ไม่ได้ผลเสมอไปและมันจำเป็นต้องใช้กำลังเพราะอาจเป็นวิธีที่ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด การทำให้อีกฝ่ายกลัวเพื่อที่จะควบคุมอีกฝ่ายได้นั้นก็ไม่ใข่สิ่งที่เลวร้ายนัก
เย่เชียนไม่ได้สนใจพวกเขาเพราะเขาเดินไปหาหลัวจ้านแล้วจับมือพร้อมกับพูดอย่างจริงใจว่า “หลัวจ้าน!..ขอบคุณมาก”
“นี่คือสิ่งที่ฉันควรทำ” หลัวจ้านพูด “ฉันติดตามประธานเฉินมาตั้งแต่เกิดและมันก็ยากแค่ไหนกว่าจะสร้างอุตสาหกรรมนี้ขึ้นมาได้จนถึงทุกวันนี้..ฉันรู้ดีว่าถ้าใครต้องการที่จะทรยศเพราะงั้นฉันปล่อยเขาไปไม่ได้หรอก”
เย่เชียนก็ตบไหล่หลัวจ้านแล้วพูดว่า “หลัวจ้านถ้าอุตสาหกรรมนี้ไม่มีคุณมันก็คงพังทลายไปนานแล้ว..ยิ่งไปกว่านั้นถ้าวันนี้ไม่ใช่เพราคุณล่ะก็ผมเองก็ไม่รู้จริงๆว่าจะรับมือยังไง..มันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมทำด้วยตัวเองทำไม่ได้เพราะงั้นคุณควรจะกลับมาช่วยผม”
แน่นอนว่านี่คือการแสดงความรู้สึกส่วนตัวของเย่เชียนและเป็นเกมทางจิตวิทยาที่เย่เชียนถนัด หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วหลัวจ้านก็พูดว่า “ประธานก็พูดเกินไป..ถึงแม้ว่าจะไม่มีฉันก็ตามฉันเชื่อว่าประธานเย่จะสามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้อยู่แล้ว..วิสัยทัศน์ของประธานไม่เคยผิดพลาด..ประธานชื่นชมผมเกินไป”
ทุกๆคำพูดของหลัวจ้านนั้นจะมีชื่อของเฉินฟู่เฉิงแขวนเอาไว้เสมอและเย่เชียนก็รู้ดีว่าเหตุผลที่หลัวจ้านทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะตัวเขาเองแต่เพื่อเฉินฟู่เฉิง..ทุกๆสิ่งที่หลัวจ้านทำคือการเติมเต็มความปรารถนาของเฉินฟู่เฉิงเสมอ สำหรับเย่เชียนแล้วเขาไม่มีความรู้สึกที่จริงใจต่อเฉินฟู่เฉิงเลย อย่างไรก็ตามสำหรับเย่เชียนสิ่งนี้ไม่สำคัญเพราะสิ่งสำคัญคือหลัวจ้านนั้นมีความสามารถและความกล้าหาญ ดังนั้นตราบใดที่เขาภักดีต่อให้จะเป็นความภักดีต่อเฉินฟู่เฉิงก็ตามถึงยังไงสถานการณ์ในเมืองหนานจิงก็จะไม่มีเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
“ย้อนกลับไปเมื่อคุณยืนยันที่จะออกไปใช้ชีวิตสันโดษของตัวเองผมก็ไม่ได้หยุดคุณเพราะผมรู้ดีว่าในใจของคุณผมเป็นเพียงแค่ผู้สืบทอดที่ประธานแต่งตั้งขึ้นมาแต่ยังไม่ได้รับการยืนยันจากคุณเพราะฉะนั้นคุณถึงเลือกที่จะจากไป..แต่ก็นะมันเป็นธรรมชาติของคนเราที่จะคิดแบบนั้น..แต่ตอนนี้คุณก็น่าจะเห็นได้แล้วว่าถ้าหากที่นี่ไม่มีคุณล่ะก็ผมไม่สามารถทำได้จริงๆ..คุณสามารถกลับมาช่วยผมสานต่อเจตนารมณ์ที่ประธานเฉินทำเอาไว้ด้วยกันจะได้มั้ย?” เย่เชียนพูดอย่างสุภาพ
“ประธานอย่าเข้าใจฉันผิดสิ..ฉันเลือกที่จะเกษียณเองจริงๆเพราะฉันเกลียดความขัดแย้งในวงการนี้..มันไม่เกี่ยวอะไรกับประธานเย่เลย..จริงๆแล้วช่วงไม่กี่ปีมานี้ผมเอาแต่สนใจข่าวการเมือง..บริษัทนี้อยู่ในมือประธานแล้วเพราะงั้นก็ไม่ควรที่จะดูถูกตัวเอง” หลัวจ้านพูด
“คุณก็น่าจะเห็นได้จากสถานการณ์ปัจจุบันตอนนี้หยูซิงก็ออกไปแล้วและหม่าซานเหอก็ทรยศและเฉิงเหวินก็ไม่สามารถทำงานต่อได้เพราะเรื่องครอบครัว..ผมไม่เหลือใครแล้วเพราะงั้นตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว..บางทีมันอาจจะเกิดขึ้นอีกและผมก็ไม่สามารถดูแลมันตลอดเวลาได้..ผมต้องการให้คุณมาช่วยจริงๆ..ถ้าคุณอยู่ที่นี่ผมก็จะสบายใจได้” เย่เชียนพูด “หลัวจ้านผมเชื่อว่าคุณคงไม่อยากเห็นอุตสาหกรรมและบริษัทังทลายและล้มละลายใช่มั้ย?..กลับมาช่วยผมเถอะ”
หลัวจ้านก็เงียบไปครู่หนึ่งและขมวดคิ้วแน่น เห็นได้ชัดว่าเขาครุ่นคิดอย่างจริงจัง “ผมยอมคุกเข่าขอร้องล่ะ..คุณไม่จำเป็นต้องทำเพื่อผมแต่อย่างน้อยๆก็ทำเพื่อประธานเฉินเถอะ..ทำตามเจตนารมณ์และความคาดหวังของประธานเฉิน..คุณจะบริหารจัดการยังไงก็ได้แล้วแต่คุณ” เย่เชียนพูดและเมื่อเขาพูดจบเย่เชียนก็ย่อตัวและคุกเข่าลง
อาจกล่าวได้ว่าเย่เชียนนั้นเสแสร้งและโจมตีจิตใจของหลัวจ้านได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าหลัวจ้านนั้นเป็นคนที่ละเอียดอ่อนกับเรื่องแบบนี้มากดังนั้นเคล็ดลับนี้จะรั้งเขาเอาไว้ได้อย่างแน่นอน เมื่อเห็นเย่เชียนกำลังจะคุกเข่าลงต่อหน้าตัวเองหลัวจ้านก็รีบห้ามเย่เชียนเอาไว้แล้วพูดว่า “ประธานเย่อย่าทำแบบนี้..ประธานกำลังทำให้ฉันดูแย่” หลัวจ้านพูดขณะที่พยุงเย่เชียนขึ้นแล้วพูดต่อ “ตกลง..ฉันจะทำตามคำขอของประธานเย่แต่เป็นแต่ฐานะรักษาการณ์นะ..เพราะเมื่อไหร่ที่สถานการณ์โดยรวมเสถียรภาพและเฉิงเหวินฟื้นและหายดีแล้วฉันก็จะกลับและถือว่าหมดหน้าที่ของฉันแล้ว”
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “ได้..ผมรับปากและจะยอมรับในทุกสิ่งที่คุณขอ” สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการทำให้หลัวจ้านกลับมาและรอให้เขาฝึกอบรมคนเหล่านี้ใหม่อีกครั้ง หลัวจ้านนั้นยืนอยู่ในฐานะบุคคลจะไม่มีวันทิ้งพวกพ้องเอาไว้ข้างหลังอย่างเด็ดขาด
เย่เชียนหันไปเหลือบมองการ์ดเหล่านั้นที่ยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นแล้วพูดว่า “พวกนายจำเอาไว้นะว่านับจากนี้ไปหลัวจ้านจะเป็นคนจัดการระบบบริหารทั้งหมดของบริษัท..คำพูดของเขาก็เหมือนคำพูดของฉัน..ใครฝ่าฝืนกฎก็อย่ามาโทษฉันที่ไม่สุภาพก็แล้วกัน”
การ์ดเหล่านั้นจะกล้าพูดที่ไหน? พวกเขาได้เห็นความกล้าหาญของหลัวจ้านแล้วและนอกจากนี้พวกเขาก็เดินเส้นทางนักเลงมาก่อนดังนั้นพวกเขาจึงรู้ดีเกี่ยวกับประวัติของความเป็นมาและศักดิ์ศรีของหลัวจ้านและพวกเขาก็รู้สึกเกรงกลัวหลัวจ้านมาก “ทุกคนล้วนเป็นพี่น้องและยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับเส้นทางนี้..ในอนาคตฉันจะดูแลพวกนายเอง..ฉันหวังว่าทุกคนจะร่วมงานกับฉันได้เพื่อพัฒนาบริษัทไปด้วยกัน” หลัวจ้านพูด
คนเหล่านั้นก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ซึ่งเย่เชียนก็ชื่นชมหลัวจ้านมากยิ่งขึ้นเพราะเขาเป็นดั่งผู้บัญชาการทหารที่มีทักษะในการควบคุมผู้คน เย่เชียนนั้นรู้สึกว่าหลัวจ้านเป็นคนละเอียดอ่อนและเขาก็คู่ควรกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ จากนั้นเย่เชียนก็เหลือบมองไปที่หม่าซานเหอแล้วพูดกับหลัวจ้านว่า “ผมจะปล่อยเขาให้เป็นหน้าที่ของคุณ..คุณสามารถตัดสินใจได้เลยว่าคุณจะทำยังไงกับเขา”
“ประธานเย่..เขาน่ะเป็นผู้บุกเบิกรุ่นก่อตั้งที่ติดตามประธานเฉินมาโดยตลอด..เขาทำงานหนักมานานหลายปีแต่เขาก็สร้างปัญหาที่ไม่สามารถให้อภัยได้ในวันนี้..ฉันไม่ได้คาดหวังว่าประธานเย่จะปล่อยเขาไปเพราะงั้นฉันจะทำให้เขาตายได้อย่างมีความสุขเอง” หลัวจ้านพูด
“ผมจะปล่อยให้คุณตัดสินใจเองว่าจะทำยังไงกับเขา..คุณตัดสินใจเองได้เลยไม่ต้องถามผม” เย่เชียนพูด
“ขอบคุณ!” หลัวจ้านพยักหน้าแล้วพูด
เมื่อมองไปที่เหล่าบอดี้การ์ดของบริษัทแล้วเย่เชียนก็พูดว่า “เอาล่ะคิดซะว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นทุกคนกลับไปทำงานของตัวเองกันเถอะ..ผมหวังว่าทุกคนจะทำงานอย่างหนักและตั้งใจเพื่อพัฒนาบริษัทไปด้วยกัน..ทั้งสวัสดิการค่าตอบแทนของพวกคุณทุกคนจะเพิ่มขึ้น..ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากใช้ชีวิตแบบเสี่ยงๆตลอดไปหรอกใช่มั้ย?..ตอนนี้ไปเรียกรถพยาบาลมาและพาผู้จัดการเฉิงเหวินไปโรงพยาบาลด้วย”
หลัวจ้านก็เหลือบมองหม่าซานเหอที่อยู่ข้างหลังเขาแล้วพูดว่า “พาเขาออกไปและควบคุมตัวเขาเอาไว้..เดี๋ยวฉันค่อยตัดสินใจทีหลังว่าจะทำยังไงกับเขาดี” หลังจากหยุดไปชั่วขณะเขาก็พูดต่อ “ระวังด้วยล่ะถึงยังไงเขาก็เปรียบเสมือนพี่ชายของฉัน..ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะทำผิดแต่ทุกคนห้ามไปทรมานเขาลับหลังฉันเข้าใจมั้ย?”
บอดี้การ์ดเหล่านั้นก็คิดเช่นนั้นจริงๆเพราะพวกเขาต้องเสี่ยงชีวิตเพราะหม่าซานเหอ ดังนั้นเมื่อหม่าซานเหออยู่ในสภาพที่ไม่สามารถตอบโต้ใครได้พวกเขาจึงต้องการแก้แค้นโดยธรรมชาติ อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้ยินคำพูดของหลัวจ้านแล้วพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะละทิ้งความคิดนี้ไปเพราะพวกเขาจะกล้าได้อย่างไร? เว้นแต่ว่าพวกเขาจะเบื่อการมีชีวิตแล้ว
ไม่นานนักเสียงรถพยาบาลก็ดังขึ้นและหลังจากพาเฉิงเหวินขึ้นรถพยาบาลแล้วเย่เชียนกับหลัวจ้านก็ขับรถตามไปที่โรงพยาบาลส่วนเย่หานหลินก็ตามไปอย่างใกล้ชิด