ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 807 มาถึงเมืองปักกิ่งครั้งแรก
ตอนที่ 807 มาถึงเมืองปักกิ่งครั้งแรก
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นเย่เชียนและเย่หานหลินรีบไปที่สนามบินหนานจิงแล้วบินไปเมืองปักกิ่งโดยเครื่องบิน
ประมาณเที่ยงวันเครื่องบินก็ลงจอดที่สนามบินนานาชาติปักกิ่งและทันทีที่เย่เชียนเดินออกจากเทอร์มินอลเขาก็เห็นรถที่มีป้ายทะเบียนเขตทหารรออยู่ตรงนั้นพร้อมกับชายชราคนหนึ่งที่มองมาทางเย่เชียนด้วยรอยยิ้ม
ระหว่างรอไฟท์บินที่สนามบินหนานจิงเย่เชียนได้โทรหาหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก่อนแล้ว ดังนั้นเมื่อเขามาถึงสถานที่ต่างถิ่นล่ะก็ถ้าไม่ทักทายเจ้าภาพก่อนมันก็คงจะดูเสียมารยาทเล็กน้อย นอกจากนี้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ติดต่อกับเย่เชียนมานานหลายปีแล้วและถึงแม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้อยู่ในฐานะมิตรสหายกันก็ตามแต่ก็สนิทกันมาก เพียงเพราะตำแหน่งและสถานะที่แตกต่างกันเท่านั้นที่ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาละเอียดอ่อน แต่ทว่าพวกเขาก็ไม่ใช่ทั้งมิตรและศัตรู
ถึงแม้ว่าสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของจีนจะไม่ใช่หน่วยงานของเขตทหารแต่สัญลักษณ์บนรถนั้นเป็นป้ายทะเบียนของเขตทหาร ซึ่งการทำแบบนี้ก็เพื่อความสะดวกในการทำสิ่งต่างๆและปกปิดตัวตนของทางการ
“ไม่ได้เจอกันนานแล้วนะทำไมเอ็งถึงได้อยากมาหาคนเฒ่าคนแก่อย่างฉันกันล่ะ?” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดด้วยรอยยิ้ม
เย่เชียนยิ้มอย่างแผ่วเบาแล้วพูดว่า “ผมคิดถึงปู่ก็เลยมาที่นี่เพื่อมาหาปู่น่ะ”
“มาเถอะอย่ามัวแต่ล้อเล่น” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด “ยินดีด้วยในที่สุดเอ็งก็ตามหาครอบครัวเจอ..ฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยจริงๆว่าเอ็งจะเป็นหลานชายของตาแก่เย่..มันทำให้ฉันประหลาดใจจริงๆและเอ็งยังเป็นลูกชายของเย่เจิ้งหรานสุดยอดปรมาจารย์อันดับหนึ่งของตระกูลเย่อีก..ฉันว่าแล้วลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ..ฉันล่ะยินดีกับเอ็งจริงๆ”
“ปู่หมายความว่าไง?..ถ้าผมไม่ใช่ลูกชายของเย่เจิ้งหรานปู่ก็จะไม่ชื่นชมผมใช่มั้ย?..โถ่มันน่าเศร้าจริงๆหลังจากผ่านอะไรมาหลายๆอย่างสุดท้ายก็เป็นบารมีและอิทธิพลของตระกูลซะงั้น”
“ฮ่าๆ..เอ็งนี่ก็ช่างสรรหาพูดไม่เปลี่ยนเลยนะ” “ไปกันเถอะรีบๆขึ้นรถมาสิ..เราไม่ได้เจอกันมาตั้งนานไปหาที่ดื่มดีๆกันเถอะ..เพื่อนเก่าของเอ็งกำลังรออยา..ฉันว่าเอ็งต้องอยากเจอเขาจริงๆ”
“เพื่อนเก่า?..ใคร?” เย่เชียนผงะไปครู่หนึ่งและพูดว่า “ม่อหลง?”
“ไม่ใช่..เดี๋ยวเอ็งก็รู้เองถ้าไปถึง” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนตอบผ่านๆ
“พูดให้อยากแล้วก็ตัดบท” เย่เชียนกลอกตาไปมาแล้วพูด อย่างไรก็ตามโดยไม่ถามอะไรเพิ่มเติมเขาก็เปิดประตูรถและเข้าไป
จากนั้นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็พูดชื่อโรงแรมแล้วคนขับก็ขับรถไป
“ทำไมเอ็งไม่แนะนำฉันเลยว่าพ่อหนุ่มคนนี้เป็นใคร” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนถามเกี่ยวกับเย่หานหลิน
“พี่น้องของผมเอง..เขาก็เป็นสมาชิกของตระกูลเย่เหมือนกัน..คราวนี้ปู่ส่งเขามาให้ผมดูแลน่ะ” เย่เชียนพูดแล้วหันไปมองเย่หานหลินแล้วพูดว่า “หานหลินอย่ามองว่าปู่คนนี้เป็นคนแก่เงอะๆงะๆล่ะเพราะเขาเป็นถึงผู้อำนวยการของสำนักความมั่นคงแห่งชาติจีนของเรา..เขาชื่อหวงฟู่ชิงเตี๋ยน..มาทำความรู้จักกับเขาให้ดีเพราะถ้ามีอะไรในอนาคตปู่คนนี้จะสามารถช่วยพวกเราได้”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็มองเย่เชียนด้วยหางตาและยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นเย่หานหลินก็รีบคำนับและพูดว่า “ผมเย่หานหลินครับ..ผมเคยได้ยินเรื่องของผู้อำนวยการหวงฟู่มานานแล้วครับ” เขาเคยได้ยินมาอย่างชัดเจนแล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างหวงฟู่ชิงเตี๋ยนกับเยเจียอู๋นั้นไม่ธรรมดา ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วเขาก็ต้องการรู้จักและเคารพคนเช่นนี้
“เอาหน่าๆเอ็งไม่จำเป็นต้องวางตัวเหมือนคนนอกหรอก..พวกเราก็เหมือนครอบครัวกัน” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดด้วยรอยยิ้ม หลังจากที่มองไปที่เย่เชียนเขาก็พูดต่อ “เอ่อฉันลืมไปอย่างหนึ่ง..ฉันจะขอบคุณเอ็งเรื่องครั้งก่อนที่ประเทศญี่ปุ่นน่ะ..ต้องขอบคุณการช่วยเหลือของเอ็ง..ไม่งั้นคนของฉันคงรอดกลับมาไม่ได้อย่างแน่นอน”ไอรีนโนเวล
“หยานฮั่นไม่ได้บอกปู่เหรอว่าผมใช้เขาเป็นเหยื่อล่อน่ะ..ปู่ไม่จำเป็นต้องขอบคุณผมหรอก..แค่ทำในสิ่งที่ผมต้องทำก็เท่านั้น” เย่เชียนพูด
“ฉันรู้ว่าเอ็งไม่ชอบมารยาทและการเป็นหนี้แบบนี้..แต่บางครั้งบุญคุณบางอย่างมันก็สำคัญนะ” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด “รัฐบาลกลางรู้เรื่องที่เกาะไต้หวันแล้วพวกเขาชื่นชมในสิ่งที่เอ็งทำมาก..เอ็งเป็นเหมือนพระเอกในหมู่คนเฒ่าคนแก่อย่างพวกฉัน..พวกฉันมันตามไม่ทันยุคสมัยจริงๆ”
“การฝ่าฝืนกฎที่พวกปู่ทำไม่ได้อย่างงั้นหรอ..ปู่ไม่ได้หมายความอย่างนั้นใช่มั้ย?” เย่เชียนพูด “ผมไม่สนหรอกว่าทัศนคติของรัฐบาลกลางที่มีต่อผมจะเป็นยังไงเพราะผมก็แค่ทำตามสิ่งที่ผมคิดว่าถูกต้องและสมควรเท่านั้น..ผมไม่ต้องการคำขอบคุณแต่ถ้าหากพวกเขาสนใจจริงๆก็ลงมือปฏิบัติเองซะสิอย่าให้ประเทศจีนไม่มีสถานะและจุดยืนในโลกใบนี้”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ถอนหายใจเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เย่เชียนพวกเราก็รู้จักกันมานานแล้วควบคู่ไปกับความสัมพันธ์ระหว่างม่อหลงอีกเพราะงั้นเราน่ะถือได้ว่าเป็นครอบครัวกันจริงๆ..ฉันไม่ต้องการซ่อนสิ่งต่างๆจากเอ็งอีกต่อไปแล้ว..เอ็งไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงมันในอนาคตหรอกเพราะในฐานะผู้นำของประเทศมันต้องพิจารณาหลายๆอย่าง..ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำสิ่งที่เอ็งต้องการและเอ็งต้องพิจารณาทุกๆด้านด้วย..ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาถึงแม้ว่าจีนจะมีความก้าวหน้าอย่างมากทั้งในด้านการทหารและเศรษฐกิจแต่ก็ยังห่างไกลเมื่อเทียบกับประเทศมหาอำนาจที่พัฒนาแล้วเหล่านั้น..ยกตัวอย่างรถยนต์ส่งออกของพวกเรามันยังไม่มีทางไปเปรียบเทียบกับรถของต่างประเทศได้เลย..ส่วนเทคโนโลยีขั้นสูงจำนวนมากก็ยังคงต้องการการสนับสนุนจากต่างประเทศอยู่..ดังนั้นปัจจุบันเราจึงมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเศรษฐกิจส่วนที่เหลือก็เป็นเรื่องรอง”
“ถูกต้องแต่ปู่ก็น่าจะรู้ดีกว่าผมว่าจีนมองข้ามปัญหาไปมากเพราะเน้นแค่การพัฒนาเศรษฐกิจในช่วงหลายปีที่ผ่านมาใช่ไหม?.. คนจีนน่ะไม่ได้โง่ไปกว่าคนชาติอื่นเลยแต่ทำไมผู้เชี่ยวชาญหลายคนถึงไม่เต็มใจเปิดรับความรู้จากต่างประเทศล่ะ?..ถึงแม้แต่นักศึกษาต่างชาติของจีนหลายคนยังไม่เต็มใจที่จะกลับมาทำงานที่จีนก็เถอะแต่ผมคิดว่าปู่ควรจะรู้เหตุผลดีกว่าผมใช่มั้ยล่ะ” เย่เชียนพูด “หากประเทศไหนเสียสมดุลพื้นทางเทคโนโลยีล่ะก็ชื่อเสียงของประเทศก็จะเสีย..เพราะงั้นไม่ว่าการพัฒนาเศรษฐกิจจะดีแค่ไหนแต่ถ้าหากคนเฒ่าคนแก่พวกนั้นยังขาดความคิดที่จะเปิดรับสิ่งใหม่ๆของคนหนุ่มสาวยุคสมัยใหม่ล่ะก็มันจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพัฒนาประเทศโดยรวม..มันจะยิ่งทำให้ทัศนวิสัยของประเทศสั้นลง..ผมอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกามาสองสามปีผมจึงรู้เรื่องเหล่านี้มาบ้าง..ปู่เคยบอกว่าถ้าจีนท้าทายประเทศสหรัฐจริงๆพวกคุณคงไม่กล้าไปเผชิญหน้ากับเขาถึงถิ่นหรอกใช่มั้ย?..เราอาจจะสามารถสู้สงครามท้องถิ่นเล็กๆน้อยๆได้แต่ถ้าสู้กับทั้งประเทศ..อย่างไรก็ตามหากอยู่ภายใต้การยั่วยุซ้ำๆไม่เราก็เขาที่จะเป็นฝ่ายเปิดฉากสงครามก่อน.. มันยิ่งทำให้ความหยิ่งผยองของมนุษย์มีมากขึ้นเรื่อยๆและมันจะบั่นทอนกำลังใจของเราด้วยและสุดท้ายเราก็จะสูญเสียมากขึ้นไปอีก”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า “เอาละ..วันนี้เรามาพูดถึงเรื่องของเย่เจียอู๋กันดีกว่าไม่ใช่เรื่องของชาติ..อันที่จริงแล้วประเทศชาติจะพัฒนาไปยังไงทั้งเอ็งและฉันก็ไม่มีส่วนร่วมในส่วนนั้นอยู่ดีเพราะงั้นเรากลับมาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า..เอ็งว่าฉันพูดถูกมั้ย?”
เย่เชียนก็ยักไหล่เล็กน้อยและไม่พูดต่อ เนื่องจากหวงฟู่ชิงเตี๋ยนไม่ต้องการพูดต่อเย่เชียนจึงไม่ต้องการถกเถียงอีกต่อไป
“ยังไงก็เถอะก่อนหน้านี้ไม่กี่วันที่ผ่านมาม่อหลงบอกฉันว่าเอ็งได้รับบาดเจ็บอย่างงั้นเหรอ?..เอ็งเป็นอะไรมากมั้ย?” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนเปลี่ยนเรื่องถาม
“ไม่เป็นไรก็แค่บาดเจ็บเล็กน้อย..ผมโดนลุงแท้ๆทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บภายใน” เย่เชียนพูดเบาๆ
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งและมองเย่เชียนด้วยความประหลาดใจ ซึ่งหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นไม่ค่อยมีความชัดเจนเกี่ยวกับทักษะการต่อสู้และความแข็งแกร่งของเย่เจิ้งเซียงมากนักแต่ในฐานะผู้นำตระกูลเย่แล้วเรื่องทักษะการต่อสู้เย่เจิ้งเซียงก็คงจะไม่ธรรมดาเพราะเขาฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ตำรับโบราณตั้งแต่เขายังเป็นเด็กและขอบเขตของการฝึกฝนของเขาก็ไม่ใช่น้อยๆ แต่เย่เชียนกลับยังสามารถรอดและปลอดภัยหายดีได้เช่นนี้ทำให้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนประหลาดใจอย่างมาก ซึ่งเขาประหลาดใจกับความสามารถในการฝืนตัวของเย่เชียน เพราะเมื่อเขาเห็นเย่เชียนครั้งก่อนทักษะและระดับการฝึกตนของเย่เชียนนั้นไม่เพียงพอที่จะต้านทานคนระดับนั้นและแม้แต่ตัวเองได้เลย แต่จากสถานการณ์ปัจจุบันหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจึงคิดว่าหลังจากผ่านไปไม่กี่ปีตัวเขาเองอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เชียนเลยด้วยซ้ำ
“ฉันขอถามเพื่อยืนยันอะไรบางอย่างหน่อยว่างานวันครบรอบวันเกิดของเย่เจียอู๋ครั้งล่าสุดสมาชิกของสำนักม่อจื๊อได้ไปเข้าร่วมหรือเปล่า?” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนถาม
“ใช่!..พวกเขามาเข้าร่วม” เย่เชียนพูด “ผมไม่เข้าใจปู่จริงๆ..ปู่ทำงานในหน่วยงานราชการลับที่สุดของประเทศแต่ผมไม่คิดเลยว่าปู่จะพลาดการเคลื่อนไหวสำนักม่อจื๊อแบบนี้..ว่าแต่ทำไมหรอ?”
“ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ในสำนักม่อจื๊อครั้งที่แล้วสาวกฝ่ายธรรมะของเราได้ถอนตัวจากสำนักไปแต่ไม่ได้หมายความว่าสาวกของเราจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิงและไม่มีความสามารถในการต่อต้าน..หากตู่ฟู่เหว่ยต้องการจัดการกับฉันเขาก็ต้องพิจารณาก่อนว่าเขาจะต้านทานการยั่วยุของสาวกฝ่ายธรรมะทั้งหมดได้หรือเปล่า..นอกจากนี้ฉันยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลจีนและเขาก็ต้องพิจารณาสิ่งเหล่านี้ด้วย..จริงๆแล้วเมื่อสาวกฝ่ายธรรมะของเราถอนตัวออกไปนั่นไม่ใช่เพราะพวกเราพ่ายแพ้หรือหวาดกลัวแต่อย่างใดและฉันก็คิดว่าตู่ฟู่เหว่ยก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน…เพราะงั้นเขาจะไม่กระตุ้นการต่อสู้ระหว่างสาวกฝ่ายธรรมะกับสาวกฝ่ายอธรรมให้มาเปิดฉากสงครามไล่ฆ่ากันกลางเมืองในยุคสมัยนี้หรอก” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดแล้วถามต่อ “ว่าแต่ใครที่ไปเข้าร่วมงานวันเกิด?”
“พวกผิดเพศที่ชื่อหยานซื่อฉุย..ผมได้ยินปู่พูดว่าเธอเป็นลูกศิษย์ของตู่ฟู่เหว่ย” เย่เชียนพูด “ตอนที่ผมอยู่ในบ้านของตระกูลเย่เธอเองก็มายั่วยุและท้าทายผมเหมือนกัน”
หวงฤชิงเตี๋ยนก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ผู้หญิงคนนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ..เอ็งห้ามประมาทเธอเป็นอันขาด..ในสำนักม่อจื๊อทักษะของเธอโดดเด่นที่สุดและอาจพูดได้ว่าเธอนั้นสืบทอดมาจากตู่ฟู่เหว่ยอย่างสมบูรณ์แบบ..ยิ่งไปกว่านั้นที่เธอเป็นแบบนั้นเพราะเธอเจอเรื่องที่โหดร้ายมาตั้งแต่เด็กทำให้เธอเกลียดผู้ชายมาก..ฟังฉันดีๆฉันจะเตือนเอ็งนะว่าเธอเป็นภัยคุกคามใหญ่สำหรับเอ็งในตอนนี้..เธอตกหลุมรักเอ็งแล้วและเธอก็เป็นคนประเภทที่จะไม่ยอมแพ้เว้นแต่เธอจะบรรลุเป้าหมายเท่านั้น..ฉันเองก็จะไม่มีวันปล่อยให้เอ็งตกหลุมพรางเธออย่างแน่นอนเอ็งต้องระวังให้มาก!”
เย่เชียนก็ยิ้มแหยงๆแล้วพูดว่า “ใช่มันไม่ง่ายเลยที่จะรับมือเธอได้..แต่ผมไม่ใช่ตะเกียงที่โดนหยอดน้ำมัน..ว่าแต่ปู่คิดว่าเธอตกหลุมรักผมงั้นเหรอ?..เธอตัดสินใจที่จะเลิกรักร่วมเพศแล้วอย่างงั้นเหรอ?..แต่ก็นะผมเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาเอามากๆเพราะงั้นก็ไม่แปลกหรอกที่เธอจะยอมเปลี่ยน..น้อยคนนักที่จะต้านทานความหล่อของผมได้”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ถึงกับผงะแล้วเขาก็หัวเราะ “มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกฮ่าๆ..เอาเถอะถ้าเป็นแบบนั้นมันก็ดีเพราะถ้าเอ็งทำให้เธอยอมรับเอ็งได้เธอจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อเอ็งในอนาคต”