ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 868 เสียงลมและนก
ตอนที่ 868 เสียงลมและนก
สำหรับประเทศแล้วทุกองค์กรทุกกลุ่มย่อมมีความเสี่ยงเช่นเดียวกับองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า ซึ่งเย่เชียนยังคงต้องพัฒนาพลังของเขาในประเทศจีนและเหตุผลที่ทำไมเขาถึงยังไม่ออกไปจากประเทศจีนนั่นก็เพราะว่าพลังขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่านั้นไม่แข็งแกร่งพอที่จะเผชิญหน้ากับรัฐบาลนานาประเทศ
เย่เชียนเชื่อว่าลัทธิมารก็เช่นเดียวกันถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีรากฐานที่หยั่งรากลึกในประเทศจีนแต่ถึงยังไงพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะเผชิญหน้ากับประเทศทั้งประเทศได้อยู่ดี
“มันยังมีบางอย่างที่เอ็งยังไม่รู้” หม่าเต๋อหงพูด “ในช่วงสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นนั้นลัทธิมารมีส่วนสนับสนุนอย่างมากต่อจีนและตั้งแต่นั้นมาลัทธิมารก็คอยดูแลเขตทหารซินเจียงและเขตทหารทิเบตมาโดยตลอดและถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงเขตทหารรองของกองทัพก็ตามเป็นมันก็เป็นเขตทหารระดับชายแดนเราไม่สามารถเพิกเฉยได้เลย..เอาเขตทหารซินเจียงเป็นตัวอย่างที่มีทั้งเขตทหารภาคใต้และภาคเหนือและมีกองกำลังภาคสนามและชายแดนจำนวนมากที่สุดในบรรดาเขตทหารชายแดงทั้งหมด..กำลังรบประกอบไปด้วยทหารราบสี่กองพลและกองทหารราดตระเวนสามกองพล..กองพลปืนใหญ่และกรมทหารช่างและมีสิบสองค่ายป้องกันชายแดน..นอกจากนี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาลัทธิมารได้มีส่วนสนับสนุนอย่างมากในการจัดการกับผู้ก่อการร้ายนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามต่อต้านญี่ปุ่นและสงครามกลางเมืองในสมัยโบราณและโลกของศิลปะการป้องกันตัวก็ได้จางหายไปจากวิสัยทัศน์ของผู้คน..ในช่วงต้นของสงครามศิลปะการต่อสู้โบราณที่มีทั้งสีเสาหลักและแปดตระกูลนั้นก็ได้จัดประชุมร่วมกันและวาระในการประชุมก็คือการต่อสู้ของโลกศิลปะการต่อสู้โบราณนั้นจะต้องไม่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศและสังคมไม่เช่นนั้นทางรัฐบาลจะกวาดล้างพวกเราและต้องพูดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากเราใช้พลังของเขตทหารปักกิ่งโจมตีลัทธิมารล่ะก็เราจะไม่สามารถประเมินความเสียหายได้เลยและถึงแม้ว่าเราจะมีเหตุผลแต่สิ่งต่างๆมันก็จะเปลี่ยนไป..เพราะเหตุนี้เองที่รัฐบาลจีนจึงได้จัดตั้งหน่วยมังกรซ่อนเล็บของสำนักความมั่นคงแห่งชาติและหน่วยพิทักษ์มังกรแห่งเขตทหารของเราขึ้นเป็นกรณีพิเศษ..นอกจากจะทำหน้าที่พิเศษบางอย่างแล้วพวกเขายังมีอยู่เพื่อคอยจัดการกับผู้ทรยศจากโลกศิลปะการต่อสู้โบราณอีกด้วย”
เย่เชียนขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะเขาไม่รู้ความลับเหล่านี้จริงๆ
“ลัทธิมารแข็งแกร่งที่สุดในโลกศิลปะการต่อสู้โบราณและในสมัยนั้นลัทธิมารได้บุกยึดที่ราบภาคกลางและถ้าหากไม่ได้เสาหลักและตระกูลจากศิลปะการต่อสู้โบราณเข้าร่วมกองกำลังล่ะก็มันไม่เพียงพอที่จะเผชิญหน้าได้เลย..ซึ่งตอนนี้ลัทธิมารยังได้ร่วมมือกับสำนักม่อจื๊ออีกและตระกูลศิลปะการต่อสู้โบราณของเราก็เต็มไปด้วยความขัดแย้งและไม่มีทางที่จะรวมกันเพื่อต่อต้านเลย..ดังนั้นภัยคุกคามนี้จึงค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่และร้ายแรงอย่างมาก” หม่าเต๋อหงพูดต่อ “ยี่สิบปีที่แล้วฟู่จื้อซานกับพ่อของเอ็งซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะสุดยอดนักสู้..ซึ่งลัทธิมารนั้นหลอกใช้ฟู่จื้อซานเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของเราแต่เมื่อพ่อของเอ็งเอาชนะฟู่จื้อซานได้สำเร็จนั่นก็ทำให้ลัทธิมารหยุดและไม่กล้าเคลื่อนไวใดๆจนเวลาผ่านไปยี่สิบปีหลังจากที่พ่อของเอ็งเสียไปโลกศิลปะการต่อสู้โบราณก็แตกแยกอีกครั้ง..ดังนั้นการกลับมาของลัทธิมารในครั้งนี้จะต้องร้ายแรงมากอย่างแน่นอน”
“ชื่อเสียงของผู้อาวุโสในโลกศิลปะการต่อสู้โบราณนั้นสูงมากและตระกูลหม่าก็เป็นผู้นำของโลกศิลปะการต่อสู้โบราณของเรา0มาโดยตลอด..ดังนั้นผู้อาวุโสก็ควรแจ้งตระกูลใหญ่เพื่อให้พวกเขาเตรียมตัวใช่มั้ยคะ? “หูวเค่อพูด
“ฉันจะทำแบบนั้นอย่างแน่นอนแต่ไม่รู้ว่ามันจะได้ผลหรือเปล่าน่ะสิ” หม่าเต๋อหงถอนหายใจเล็กน้อยและพูดว่า “ตระกูลเย่กับสำนักถังนั้นฉันไม่ห่วงหรอกเพราะถึงยังไงเราก็ยังคงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน..แต่ตระกูลชางกวนนั้นอยู่ในแวดวงธุรกิจมาโดยตลอดและตระกูลชางกวนกับตระกูลหม่าของฉันก็ขัดแย้งกันมานานหลายปีแล้วฉันเกรงว่ามันคงจะยากที่จะตกลงกันได้..ส่วนสำนักม่อจื๊อก็ได้ไปรวมกับลัทธิมารแล้วส่วนสมาชิกฝ่ายธรรมะก็แยกย้ายกันไปหมดแล้ว..ส่วนตระกูลจินก็เคียดแค้นรัฐบาลอย่างมากเพราะงั้นเราไม่ควรเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับพวกเขา..ทางตระกูลอู๋หยางก็อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือและมีโอกาสที่จะร่วมมือกับลัทธิมารแล้ว..ซึ่งสองตระกูสุดท้ายอย่างตระกูลหลี่และตระกูลหยุนนั้นพวกเขาไม่ได้ติดต่อกับพวกเรามานานแล้วเพราะงั้นมันคงยากที่จะตกลงกัน”
หูวเค่อก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เราแค่อยู่เฉยๆเพื่อรอความตายงั้นหรอคะ..เราไม่มีทางที่จะต่อต้านลัทธิมารได้เพียงแค่อาศัยความแข็งแกร่งของเราเลย..ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังมีสำนักม่อจื๊อสนับสนุนอีก”
“เดี๋ยวก่อน!” เย่เชียนโบกมือแล้วพูดว่า “ผมไม่สนว่าพวกคุณจะทำอะไรตอนนี้แต่ตระกูลชางกวนนั้นเป็นของผม..ผมหวังว่าคุณจะหยุดให้ความสนใจเขาเพราะผมจะจัดการกับเขาเอง”
หูวเค่อก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งและพูดด้วยความประหลาดใจว่า “คุณมีความขัดแย้งอะไรกับตระกูลชางกวน?”
“อันที่จริงก็ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรที่สำคัญหรอกแต่ตระกูลชางกวนกำลังโจมตีบริษัทเครือน่านฟ้ากรุ๊ปของผมและผมก็ต้องสู้แบบตาต่อตาฟันต่อฟันไม่งั้นมันจะเป็นการเสียหน้าทั้งหมด” เย่เชียนพูด “เพราะฉะนั้นเลิกคิดเรื่องตระกูลชางกวนได้เลยเพราะถ้าหากผมทำลายตระกูลชางกวนแล้วคุณอาจจะคิดว่าผมกำลังท้าทายพวกคุณไปด้วย”
หม่าเต๋อหงก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า “เสี่ยวเชียนเอ็งต้องชัดเจนว่าถึงแม้ตระกูลชางกวนจะมุ่งมั่นพัฒนาเชิงพาณิชย์มาโดยตลอดแต่พลังและอำนาจของพวกเขาก็ไม่สามารถประเมินได้อยู่ดี..เอ็งจะจัดการพวกเขาได้งั้นเหรอ..นอกจากนี้ ตอนนี้เราต้องเผชิญกับการรุกรานระดับชาติเพราะเราควรจะกำจัดคนนอกด้วยกัน”
“ระดับชาติ?..คนนอก?” เย่เชียนก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “พวกลัทธิมารก็เป็นคนจีนไม่ใช่เหรอแล้วจะนับว่าเป็นปัญหาระดับชาติได้ยังไง..นอกจากนี้ผมก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับลัทธิมารเพราะงั้นผมจึงไม่คิดว่ามันจะส่งผลเสียต่อผม..ซึ่งเมื่อธนูออกจากคันสรไปแล้วมันจะไม่มีวันกลับมาเพราะงั้นถึงแม้ว่าคุณจะต้องการหยุดแต่มันก็สายเกินไปแล้ว”
“คุณ..” หูวเค่อตัวสั่นด้วยความโกรธและพูดว่า “คุณไม่ได้กำลังช่วยลัทธิมารทางอ้อมเหรอ?”
เย่เชียนยักไหล่เล็กน้อยและพูดว่า “ผมไม่คิดว่ามีอะไรผิดปกติกับลัทธิมารสักหน่อยเพราะท้ายที่สุดมันก็เป็นแค่การต่อสู้ของลัทธิมารที่จะทำลายตระกูลอื่นๆหรือคุณที่จะไปทำลายลัทธิมารเพราะงั้นมันไม่มีใครถูกหรือผิดหรอก..คุณคิดว่าตระกูลชางกวนจะช่วยพวกคุณงั้นเหรอผมไม่คิดอย่างนั้นหรอกและบางทีมันอาจจะดีสำหรับทุกคนถ้าผมทำลายตระกูลชางกวนให้น่ะ”
ความจริงแล้วเย่เชียนยังคงมีความเห็นใจต่อลัทธิมารอยู่บ้างเพราะท้ายที่สุดพลังอันทรงพลังดังกล่าวผูกติดอยู่กับหุบเขาที่ห่างไกลในภูมิภาคตะวันตกและพวกเขาก็ต้องรับมือกับโลกภายนอกทั้งหมด ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่จะต้องการเหยียบย่ำและทำลายศัตรูเช่นเดียวกับเย่เชียนไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหนแต่รัฐบาลจีนก็ดูเหมือนจะเป็นศัตรูกับเขาและในกรณีของลัทธิมารนั่นก็เช่นกัน
“ใช่..มันไม่ชัดเจนจริงๆว่าใครถูกและใครผิดในการต่อสู้ครั้งนี้แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากสิ่งต่างๆได้พัฒนาไปในทิศทางนี้แล้วและลัทธิมารก็จุดชนวนสงครามก่อนด้วยเพราะงั้นเราควรจะตอบโต้ไม่ใช่เหรอ?” หูวเค่อพูดต่อ “เย่เชียนหากวันหนึ่งลัทธิมารเล็งเป้ามาที่ฉันคุณจะทำยังไง?”
เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มที่ไร้หนทางตอบโต้ว่า “เค่อเออร์คุณไม่รู้จักผมแล้วงั้นเหรอ..ถ้าคนรักของผมลำบากผมจะเมินเฉยได้ยังไง..คุณเป็นคนรักของผมเพราะงั้นแน่นอนผมจะไม่ปล่อยให้คุณเจอเรื่องร้ายๆ..แต่หลายปีที่ผ่านมานี้คุณกล้าพูดไหมว่าไม่เคยมีใครทำชั่วในสำนักของคุณเลย?”
หูวเค่อก็ถึงกับพูดไม่ออกเพราะถึงแม้ว่าลัทธิมารจะถูกเรียกว่ากลุ่มที่ชั่วร้ายมาโดยตลอดแต่ก็ไม่ใช่คนเลวทั้งหมดและก็ไม่ใช่คนดีทุกคนเพียงแต่พวกเขามีตำแหน่งและจุดยืนที่แตกต่างกันจนทำให้พวกเขาดูกลายเป็นศัตรู
“อีกอย่างหนึ่งพวกคุณไม่สามารถแตะต้องสำนักม่อจื๊อได้เพราะนั่นเป็นเป้าหมายสูงสุดของผม!” เย่เชียนพูดต่อ
หูวเค่อและหม่าเต๋อหงก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพวกเขาก็สับสนเล็กน้อยกับคำพูดของเย่เชียนและพวกเขาก็ไม่รู้ว่าเย่เชียนกำลังช่วยใครกันแน่ เมื่อมองดูพวกเขาที่ตกตะลึงแล้วเย่เชียนก็พูดว่า “ตามจริงแล้วในความคิดของผมความขัดแย้งระหว่างโลกศิลปะการต่อสู้โบราณของคุณนั้นก็ง่ายมากถ้าจะแก้ไขมันเพราะท้ายที่สุดพวกคุณกับลัทธิมารต่างก็มีพลังมหาศาลเพราะงั้นหากสงครามเกิดขึ้นมันก็ไม่มีอะไรดีกันทั้งนั้น..หรือพูดง่ายๆถ้าหากลัทธิมารเริ่มสงครามขึ้นมาจริงๆทั้งสองฝ่ายก็ต้องสู้กันจนตายและไม่ว่าใครจะแพ้หรือใครจะชนะแต่ทั้งสองฝ่ายก็ต้องสูญเสียและมีแต่ความแค้นอยู่ในใจเพราะงั้นถ้าสงครามเริ่มต้นขึ้นมันอาจย้อนกลับไม่ได้จริงๆและในตอนนั้นประเทศจีนจะวุ่นวาย..ซึ่งนี่ไม่ใช่สิ่งที่คุณอยากเห็นใช่มั้ย”
หูวเค่อและหม่าเต๋อหงก็อดไม่ได้ที่จะตกใจเพราะแท้ที่จริงแล้วสิ่งที่เย่เชียนพูดนั้นมันก็คือความจริงและแน่นอนว่าถ้าถึงเวลานั้นจริงๆมันอาจจะควบคุมไม่ได้และจากนั้นพวกเขาก็จะกลายเป็นคนที่ทำให้ประเทศชาติต้องนองเลือดและเป็นคนบาปในที่สุด “แล้วจะทำอะไรได้” หูวเค่อถาม
“ในเมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นในโลกศิลปะการต่อสู้โบราณเพราะงั้นก็แก้ปัญหาด้วยศิลปะการต่อสู้กันสิ..แต่ละฝ่ายจะต้องมีคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่จะยอมสละชีพเพื่อพวกพ้องอยู่แล้ว” เย่เชียนพูดต่อ “ง่ายมาก!..ฝ่ายไหนที่แพ้ก็ควรเชื่อฟังผู้ชนะ!”
“ไม่!..พลังของลัทธิมารนั้นทรงพลังมากและยังมียอดฝีมืออยู่ในนั้นตั้งหลายคน..ย้อนกลับไปในอดีตฝ่ายเรายังมีพ่อของเอ็งที่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้แต่ตอนนี้ฝ่ายเราไม่มีใครที่จะสามารถแบกรับสิ่งที่ยิ่งใหญ่แบบนั้นได้เลย” หม่าเต๋อหง “นอกจากนี้ลัทธิมารก็คงจะไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอแบบนี้หรอก”
เย่เชียนก็ยักไหล่เล็กน้อยและพูดว่า “มันขึ้นอยู่กับจุดประสงค์และการตัดสินใจของบุคคลด้วย..ตอนนี้เรายังไม่แน่ใจว่าพวกลัทธิมารต้องการทำอะไรและเราก็ไม่สามารถคิดแทนใครได้..ดังนั้นการที่พวกลัทธิมารมาเยือนที่นี่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกนั้นต้องการเริ่มสงครามสักหน่อย..บางทีมันอาจเป็นแค่การท่องเที่ยวทั่วไปเพราะงั้นตอนนี้คุณไม่จำเป็นต้องกังวลไปหรอก”
“นี่คือการวางแผนรับมือล่วงหน้า” หูวเค่อจ้องไปที่เย่เชียนและพูด
“เอาเถอะจะคิดอย่างงั้นก็คิดไป” เย่เชียนพูด “ถ้าอย่างนั้นผมขอถามคุณหน่อยว่าทำไมลัทธิมารถึงได้ทำเช่นนี้?..เพียงเพื่อรวมโลกศิลปะการต่อสู้โบราณเข้าด้วยกันในสังคมสมัยใหม่และนอกจากนี้ตอนนี้กองกำลังของสำนักที่เป็นเสาหลักและตระกูลใหญ่ๆก็ไม่ได้อ่อนแอ..ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรวมกองกำลังเท่าที่จะสามารถรวมได้เข้าด้วยกันเพื่อที่จะรับมือกับพวกคุณก็เท่านั้นเอง..หากทั้งสองฝ่ายคิดแบบนี้ล่ะก็สงครามที่แท้จริงก็จะเริ่มขึ้นและผมคิดว่าลัทธิมารคงไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอกใช่มั้ย?..ในความคิดของผมสิ่งต่างๆไม่ได้ซับซ้อนถึงขนาดนั้น”
.
.
.
.
.