ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 873 ข่าวร้าย (1)
ตอนที่ 873 ข่าวร้าย (1)
บริษัททะเลสี่ทิศนั้นมีธุรกิจหลากหลายประเภท ได้แก่ การสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์,อสังหาริมทรัพย์,อาหารเพื่อสุขภาพ,การซ่อมบำรุงรถยนต์และอุตสาหกรรมอื่นๆ ซึ่งถึงแม้ว่าอุตสาหกรรมโฆษณาจะมีส่วนเกี่ยวข้องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเท่านั้นแต่บริษัทก็มีเครือข่ายที่กว้างขวางและผู้ติดต่อกับลูกค้ามากมายจนมีเงินทุนที่แข็งแกร่ง ดังนั้นการพัฒนาอุตสาหกรรมโฆษณาจึงเป็นไปอย่างรวดเร็วเช่นกันและถึงแม้ว่าเงิน 20 ล้านหยวนจะไม่มากสำหรับบริษัททะเลสี่ทิศก็ตามแต่ทว่าบริษัทก็มีทรัพย์สินหมุนเวียนเพียง 100 ล้านหยวนเท่านั้นซึ่งถือว่าขาดทุนเป็นจำนวนมาก
นี่คือการต่อสู้ครั้งสำคัญสำหรับชางกวนเจ้อและเขาจะต้องไม่แพ้เพราะสถานะของชางกวนเจ้อในตระกูลชางกวนนั้นต่ำมาก เมื่อตอนที่เขายังเด็กแม่ของชางกวนเจ้อเสียชีวิตไปและพ่อของเขาก็ได้แต่งงานใหม่กับผู้หญิงคนหนึ่งและให้กำเนิดชางกวน หยานยู่ขึ้นมา ดังนั้นสถานะของชางกวนเจ้อจึงตกต่ำลงมากกว่าเดิมและไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหนก็ตามดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถดึงดูดความสนใจของคนในครอบครัวได้เลย ซึ่งผู้อาวุโสในตระกูลปฏิบัติราวกับไม่สนใจเขา
ชางกวนเจ้อแตกต่างไปจากเด็กคนอื่นๆเพราะถึงแม้ว่าเขาจะเกิดในตระกูลใหญ่แต่เขาก็ไม่เคยได้รับความรักจากผู้อาวุโสเลย ดังนั้นเขาจึงถูกส่งไปศึกษาต่อต่างประเทศเมื่อตอนที่เขายังเด็กมากและหลังจากสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วเขาก็ได้เข้าทำงานที่ Wall Street และเขาถือได้ว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์ตั้งแต่เยาว์วัย อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสในตระกูลก็ยังคงไม่แยแสเขาอยู่ดีซึ่งทำให้เกิดบาดแผลในใจและทำให้เขาเจ็บปวดอย่างมาก
หลังจากกลับมาที่ประเทศจีนเขาก็ได้เข้าทำงานที่บริษัทเครือน่านฟ้ากรุ๊ปเพราะเขาได้คิดที่จะเพิ่มสถานะของเขาในตระกูลด้วยการกำจัดบริษัทเครือน่านฟ้ากรุ๊ปสาขาปักกิ่งเพราะถ้าหากประสบความสำเร็จก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสถานะของชางกวนเจ้อในตระกูลจะไม่เหมือนเดิมอีก ดังนั้นในการต่อสู้ครั้งนี้เขาทำได้แค่ชนะและจะไม่สามารถพ่ายแพ้ได้เลย
ถึงแม้ว่าเงิน 20 ล้านหยวนจะไม่ใช่จำนวนที่มากสำหรับบริษัททะเลสี่ทิศก็ตามแต่มันก็มีความสำคัญมากสำหรับชางกวนเจ้อเพราะถ้าหากมีอะไรผิดพลาดเขาจะไม่สามารถลุกขึ้นได้อีกตลอดชีวิตนี้ ยิ่งไปกว่านั้นคนจากตระกูลชางกวนก็อาจจะคิดว่าเขาเข้าร่วมบริษัทเครือน่านฟ้ากรุ๊ปเพื่อกำจัดบริษัททะเลสี่ทิศและแก้แค้นตระกูลนั่นเอง
เย่เชียนมีความชัดเจนมากเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้เพราะครั้งก่อนเย่หานหลินได้บอกข้อมูลเหล่านี้ทั้งหมดแก่เขา ดังนั้นเย่เชียนจึงให้ความสำคัญกับสัญญาณไฟขนาดเล็กที่ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่ตราบใดที่แผนสำเร็จนั่นก็หมายความว่าแผนของเขาที่จะทำลายตระกูลชางกวนก็ประสบความสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว
พูดตามตรง นอกจากความรู้สึกส่วนตัวแล้วเย่เชียนก็ยังคงชื่นชมช้างกวนเจ้อเป็นอย่างมากเพราะอย่างน้อยเขาก็เก่งกว่าชางกวนหยานยู่ที่เอาแต่กินและดื่มและเที่ยวเล่นเท่านั้น เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าผู้นำของตระกูลชางกวนนั้นเป็นคนงี่เง่าหรือเปล่า? แทนที่จะสนับสนุนลูกหลานที่มีพรสวรรค์ดีๆอย่างชางกวนเจ้อแต่กลับสนับสนุนคนที่ไม่ประสบความสำเร็จอย่างชางกวนหยานยู่แทน หากตระกูลชางกวนสนับสนุนชางกวนเจ้ออย่างดีเยี่ยมล่ะก็เย่เชียนเชื่อว่าอุตสาหกรรมของตระกูลชางกวนจะได้รับการพัฒนาไปสู่ระดับที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามบางครั้งอารมณ์และความคิดส่วนตัวของมนุษย์ก็มีส่วนสำคัญเพียงเพราะแม่ของชางกวนเจ้อเสียชีวิตไปตั้งแต่เขายังเด็กดังนั้นตระกูลชางกวนจึงคิดว่าเขาเป็นคนที่ไม่คู่ควรแก่การสนับสนุน ด้วยเหตุนี้ชางกวนเจ้อจึงต้องพบกับชะตากรรมอันน่าเศร้า
หลังจากที่เห็นชางกวนเจ้อจากไปปากของเย่เชียนก็ฉีกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มและเขาก็โทรศัพท์ไปหาฉีเยว่และบอกเขาว่าเขาจะได้ทุกอย่างตามที่ตกลงกันเอาไว้และที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเขา ซึ่งนี่เป็นโอกาสที่หายากสำหรับฉีเยว่ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการแก้แค้นและเขาจะปล่อยมันไปได้อย่างไร? ที่นี่เขาทนต่อความโกรธแค้นมานานหลายปีและตราบใดที่เขาจัดการกับบริษัททะเลสี่ทิศได้ล่ะก็เขาก็สามารถย้ายไปที่เครือน่านฟ้ากรุ๊ปได้ในตำแหน่งที่สูงและไม่เพียงแต่สามารถแก้แค้นได้เท่านั้นแต่คุณยังสามารถบรรลุผลประโยชน์ดังกล่าวได้ด้วยซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา
ขณะที่เย่เชียนวางสายไปจู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นและซือจื้อก็ผลักประตูเข้ามาแล้วเดินตรงไปหาเย่เชียน จากนั้นเธอก็ชำเลืองมองเขาและยิ้มอย่างมีเสน่ห์แล้วพูดว่า “ฉันเพิ่งเห็นรองผู้จัดการชางออกจากที่นี่ไป..คุณเย่ได้เซ็นสัญญาให้เขาหรือเปล่า?”
เย่เชียนก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่ผมเซ็นสัญญากับบริษัททะเลสี่ทิศไปแล้ว..เนื่องจากเราตัดสินใจที่จะร่วมมือกันเพราะงั้นผมจึงลงนามในสัญญาเพื่อเป็นการรับประกันสำหรับทั้งสองฝ่าย”
“ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมคุณเย่ถึงทำแบบนี้..แต่ฉันเชื่อว่าคุณเย่ต้องมีเหตุผลบางอย่างเพราะคนฉลาดอย่างคุณจะพ่ายแพ้ชางกวนเจ้อได้ยังไง” ซือจื้อพูด “ว่าแต่ถ้าเป็นแบบนี้ฉันต้องออกใบเบิกงบประมาณเลยหรือเปล่า”
“ไม่จำเป็นสำหรับตอนนี้” เย่เชียนพูด “ผมได้รับโทรศัพท์จากสำนักงานใหญ่เมื่อเช้านี้ว่าเราจะดำเนินการลงทุนขนาดใหญ่ในสาขาปักกิ่งของเราและขยายธุรกิจให้กว้างขวางกว่าเดิม..ดังนั้นมันจึงยังไม่ถึงเวลาเบิกงบเงินทุน”
ซือจื้อก็ตกตะลึงอยู่พักหนึ่งและพูดด้วยความประหลาดใจว่า “ถึงแม้เราจะขยายสาขาในปักกิ่งแต่เราก็ไม่ควรหยุดการดำเนินธุรกิจตามปกติของเราในตอนนี้ไม่ใช่เหรอ..ถ้าเราไม่ระดมเงินทุนล่ะก็ธุรกิจจำนวนมากของเราต้องหยุดชะงักลง”
“นี่เป็นคำสั่งของสำนักงานใหญ่และผมก็ไม่มีทางเลือกอื่น” เย่เชียนพูด “ผมได้เห็นธุรกรรมทางธุรกิจหลายรายการของบริษัทของเราเมื่อเร็วๆนี้แล้วและเงินทุนที่มีอยู่ก็ไม่จำเป็นต้องเบิกเพิ่มเลย..ยกเว้นสำหรับการลงทุนด้านโฆษณานี้และหลังจากสำนักงานใหญ่ได้พิจารณาแล้วเราก็สามารถดำเนินธุรกิจที่เหลือได้ตามปกติ..ส่วนความร่วมมือกับบริษัททะเลสี่ทิศนั้นผมได้หารือกับรองผู้จัดการชางแล้วและขอให้เขาไปเจรจากับบริษัททะเลสี่ทิศเพื่อให้พวกเขาสำรองจ่ายให้ก่อน..ผมก็กำลังจะไปหาคุณเพื่อบอกคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้และบอกให้คุณหยุดลงทุนในธุรกิจอื่นๆก่อน..ซึ่งในอนาคตค่าใช้จ่ายทางการเงินทั้งหมดของบริษัทจะต้องมีลายเซ็นของผมเท่านั้นถึงจะมีผลบังคับใช้ไม่งั้นจะถือว่าไม่มีผลและผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องรับผิดชอบ”
ซือจื้อก็ตกตะลึงอยู่พักหนึ่งและสีหน้าของเธอก็ดูแปลกใจอย่างมากเพราะตอนนี้ธุรกิจต่างๆของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปก็กำลังเติบโตในเมืองหลวงแห่งนี้และค่อนข้างเป็นไปได้อย่างดีเยี่ยม ดังนั้นคำสั่งจากสำนักงานใหญ่จึงดูไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด ‘นี่คุณต้องการทำลายบริษัททะเลสี่ทิศโดยการล้มเลิกเงินทุนโฆษณาของบริษัททะเลสี่ทิศงั้นเหรอ?’ ซือจื้อคิดในใจอย่างลับๆ อย่างไรก็ตามเมือเธอคิดเกี่ยวกับมันและคิดว่ามันก็ไม่น่าเป็นไปได้เพราะท้ายที่สุดสัญญาและเอกสารยืนยันก็ได้รับการลงนามแล้ว และเครือน่านฟ้ากรุ๊ปจะต้องจ่ายอย่างแน่นอน นอกจากนี้เงิน 20 ล้านหยวนก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับบริษัททะเลสี่ทิศเลย ซึ่งถึงแม้ว่าซือจื้อจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติแต่เธอก็ยังไม่เข้าใจว่าปัญหานั้นคืออะไรอยู่ดี
เมื่อเหลือบมองไปที่เย่เชียนแล้วซือจื้อก็เห็นว่าใบหน้าของเขาดูสงบและพิรุจเลย ซึ่งทำให้ซือจื้อสับสนมากยิ่งขึ้นและเธอก็พูดด้วยรอยยิ้มที่เสน่ห์ว่า “คุณเย่คืนนี้คุณว่างมั้ยคะ?..เราไปทานมื้อเย็นด้วยกันเถอะ”
เย่เชียนก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าและพูดว่า “ได้สิ..ผมจะไปรอคุณที่ชั้นล่างตอนเลิกงาน” สำหรับผู้หญิงที่ฉลาดอย่างซือจื้อแล้วเย่เชียนยังคงต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากเพราะตอนนี้เป็นช่วงเวลาวิกฤติดังนั้นเย่เชียนจึงไม่สามารถละเลยได้ ซึ่งเมื่อบริษัททะเลสี่ทิศลงทุนเงินทั้งหมดแล้วเย่เชียนก็จะสามารถเปิดการโจมตีโต้กลับอย่างครอบคลุมได้แต่ถ้าหากซือจื้อรู้บางสิ่งและบอกชางกวนเจ้อล่ะก็มันจะส่งผลต่อความสมบูรณ์แบบของแผนทั้งหมดอย่างแน่นอน
“ค่ะ..แล้วเจอกันหลังเลิกงาน” ซือจื้อยิ้มอย่างมีเสน่ห์และเอนไปข้างหน้าเล็กน้อยจนหน้าอกสีขาวราวกับหิมะของเธอส่วนใหญ่เผยออกมาต่อหน้าเย่เชียนจนกระตุ้นทุกเส้นประสาทของเย่เชียนในชั่วพริบตา จากนั้นซือจื้อก็ลุกขึ้นและฉีกยิ้มจากนั้นก็หันหลังและออกจากออฟฟิศของเย่เชียนไป ทุกการเคลื่อนไหวของเธอดูเป็นธรรมชาติมากและไร้ร่องรอยของการเสแสร้งแกล้งทำอย่างไรก็ตามเย่เชียนก็รู้ดีว่าซือจื้อตั้งใจทำแบบนี้โดยเจตนาและต้องบอกเลยว่าผู้หญิงคนนี้เก่งเกินไปในการหลอกล่อผู้ชาย
หลังจากเห็นซือจื้อเดินออกไปเย่เชียนก็โทรหาซ่งหลัน ซึ่งต้องบอกว่าความเร็วในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นนั้นรวดเร็วอย่างมากและระบบการบริหารของรัฐบาลประเทศญี่ปุ่นก็ควรค่าแก่การเลียนแบบในระดับหนึ่งโดยประเทศอื่นๆ ซึ่งความสูญเสียที่เกิดจากสึนามิจำลองและรังสีนิวเคลียร์ที่ส่งผลเสียในประเทศญี่ปุ่นอย่างร้ายแรงก็กำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆและแน่นอนว่าซ่งหลันก็ประสบความสำเร็จในการใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาเครือน่านฟ้ากรุ๊ปอย่างราบรื่นในประเทศญี่ปุ่น
หลังจากที่ซ่งหลัยรับสายแล้วเย่เชียนก็อธิบายแผนการของเขาสั้นๆและซ่งหลันก็เงียบไปครู่หนึ่งและพูดว่า “เงินแค่ยี่สิบล้านหยวนไม่ควรเป็นภัยคุกคามต่อบริษัททะเลสี่ทิศเลย..ดูเหมือนนายจะไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเลยนะ..ตอนนี้ฉันจัดการเรื่องในประเทศญี่ปุ่นเสร็จแล้วเพราะงั้นเดี๋ยวฉันจะไปสมทบด้วย..ส่วนนักโจมตีทางการเงินทั่วโลกก็ได้เริ่มดำเนินการโจมตีบริษัททะเลสี่ทิศแล้ว..ว่าแต่เรื่องชางกวนเจ้อล่ะนายจะทำยังไงกับเขา?”
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “เมืองหลวงอยู่ใต้เท้าของจักรพรรดิเพราะงั้นมันคงจะไม่ดีเท่าไหร่ถ้าจะฆ่าคนอย่างโจ่งแจ้ง..ชางกวนเจ้อน่ะเหรอเอาไว้เป็นหน้าที่ของคนจากตระกูลชางกวนก็แล้วกัน..ผมจะทำให้ตระกูลชางกวนต้องร้าวฉานจากภายใน”
“ระวังตัวด้วย” ซ่งหลันพูด “ฉันได้ยินข่าวลือบางอย่างที่นี่และไม่รู้ว่าพวกเขาได้ข่าวมาจากไหนกัน..เบื้องบนของญี่ปุ่นรู้แล้วว่าเหตุการณ์ทั้งหมดในประเทศเกี่ยวข้องกับนาย..ซึ่งพวกเขากำลังวางแผนจะกำจัดนาย”
เย่เชียนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่มีทาง?..หากเป็นแบบนั้นจริงๆรัฐบาลญี่ปุ่นก็ไม่ควรเพิกเฉยสิ..ถ้ารู้จริงๆผมคิดว่ารัฐบาลญี่ปุ่นคงจะกดดันรัฐบาลจีนให้ส่งตัวผมไปให้พวกเขาแล้ว”
“บางทีพวกเขาอาจจะยังไม่มีหลักฐานมากพอเขาถึงยังไม่ทำอะไร” ซ่งหลันพูด “แต่นายควรจะระวังตัวเอาไว้..แต่ครั้งนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียเพราะมันทำให้เครือน่านฟ้ากรุ๊ปของเราตั้งหลักในประเทศญี่ปุ่นได้สำเร็จแต่ทว่าในขณะเดียวกันมันยังทำให้กองกำลังต่างๆในประเทศญี่ปุ่นพุ่งเป้ามาที่เรา..แต่ที่แย่ที่สุดคือสมาคมมังกรดำและแก๊งยากูซ่าส่วนใหญ่ดูเหมือนจะเลิกขัดแย้งกันแล้วและยังมีพวกชาโด้ซากุระอีก”
นี่คือสิ่งที่เย่เชียนไม่คาดคิดและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่นเพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าการกระทำของเขาจะมีผลทำให้แก๊งยากูซ่าทั่วประเทศญี่ปุ่นต้องสั่นคลอนจนยุติความขัดแย้งกัน ซึ่งทำให้เย่เชียนตกตะลึงอย่างมากและนั่นเป็นเพราะการร่วมมือกับไป๋ฮวยที่เคลื่อนไหวเป็นเวลาหนึ่งเดือนเท่านั้นและสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้
“อ้อ..มีอีกอย่างหนึ่งที่ฉันเกือบลืมบอกนาย” ซ่งหลันพูดต่อ “แก๊งเจ้าพ่อฝูชิงถูกทำลายอย่างสมบูรณ์จากการปราบปรามอย่างบ้าคลั่งของรัฐบาลญี่ปุ่นและการโจมตีร่วมกันของแก๊งยามากุจิกับแก๊งอินาดะและแก๊งโยชิคาว่า..ตอนนี้เซี่ยตงไป่ตายไปแล้ว..ส่วนเซี่ยจือยี่นั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย”
.
.
.
.
.
.
.