ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 875 ข่าวร้าย (3)
ตอนที่ 875 ข่าวร้าย (3)
ตระกูลนินจาอิงะกับตระกูลนินจาฟูมะและองค์กรชาโด่ซากุระสามารถละทิ้งความขัดแย้งในอดีตและร่วมมือกันได้นั้นมันเป็นสิ่งที่เกินความคาดหมายอย่างมาก เมื่อพลังของทั้งสามกลุ่มรวมกันแล้วมันค่อนข้างที่จะทรงพลังซึ่งทำให้เย่เชียนรู้สึกกดดันอย่างมาก หากพวกเขารวมกันเพราะพวกเขาต้องกำจัดกับตัวเองล่ะก็มันคงเป็นเรื่องยากที่องค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าจะรับมืออยู่แค่ฝ่ายเดียว
ทั้งสามตระกูลนี้เป็นตระกูลนินจาและตระกูลนักฆ่าและมันเทียบเท่ากับตระกูลศิลปะการต่อสู้จีนโบราณของประเทศจีนและความแข็งแกร่งของพวกนั้นก็ค่อนข้างทรงพลัง ซึ่งความแข็งแกร่งของแก๊งยามากุจิ,แก๊งอินาดะ,แก๊งโยชิคาว่าภายใต้การควบคุมของสมาคมมังกรดำเพียงอย่างเดียวนั้นก็น่าสะพรึงกลัวพอแล้ว เดิมทีเย่เชียนคิดวที่จะใช้ความขัดแย้งระหว่างพวกเขาเพื่อแยกพวกเขาออกจากกันแต่ตอนนี้สิ่งต่างๆ กลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย
ความจริงที่ว่าแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงถูกกำจัดออกไปนั้นแสดงให้เห็นถึงปัญหามากมายเพราะความแข็งแกร่งของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงก็ค่อนข้างดีเยี่ยม ซึ่งครั้งสุดท้ายที่แก๊งยามากุจิ,แก๊งอินาดะ,แก๊งโยชิคาว่าร่วมกันโจมตีพวกเขาก็ยังไม่สามารถทำลายพวกเขาได้เลยแต่คราวนี้พวกเขากลับถูกถอนรากถอนโคนอย่างสมบูรณ์ ต้องบอกเลยว่าศึกครั้งนี้หนักหนาสาหัสอย่างแน่นอน
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเย่เชียนก็โทรไปหาม่อหลง “พี่ม่อหลงรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น? ..เซี่ยตงไป่ตายแล้วส่วนเซี่ยจือยี่ก็หายตัวไป” เย่เชียนเข้าเรื่องและถามตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม
“รู้อยู่แล้ว” ม่อหลงพูด “หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็รับรู้แล้วเหมือนกัน..เจ้าชิงเฟิงก็โทรหาฉันเมื่อสองวันก่อนและบอกว่าเขาจะช่วยหาเซี่ยจือยี่ให้”
“เมื่อกี้ผมก็โทรไปหาชิงเฟิงเหมือนกันแต่ชิงเฟิงไม่รับสายผมก็เลยคิดว่ามันต้องมีบางอย่างผิดปกติ” เย่เชียนพูด “ตอนนี้ผมเป็นห่วงความปลอดภัยของชิงเฟิงมากและพี่หลันก็เพิ่งจะโทรมาแล้วบอกว่าตอนนี้มีสองกองกำลังหลักๆ ในประเทศญี่ปุ่นที่ละทิ้งความแค้นต่อกันและร่วมมือกันเพราะงั้นผมจึงคิดว่ามันจะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น”
ม่อหลงขมวดคิ้วแน่นและหลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเขาก็พูดว่า “หากเป็นแบบนั้นจริงๆ ฉันเกรงว่าทันทีที่เราเข้าไปเหยียบประเทศญี่ปุ่นพวกนั้นคงจะรู้ตัวอย่างแน่นอน..ตอนนี้สิ่งต่างๆ ค่อนข้างยากลำบากจริงๆ”
“ผมได้คุยกับแจ็คแล้วและเขาจะส่งหน่วยข่าวกรองไปตรวจสอบข่าวและค้นหาที่อยู่และเบาะแสของชิงเฟิงกับเซี่ยจือยี่..เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของเขี้ยวหมาป่าถูกเก็บเป็นความลับจากภายนอกเพราะงั้นพวกรัฐบาลญี่ปุ่นก็ไม่ควรจะรู้ได้” เย่เชียนพูดต่อ “หวงฟู่ชิงเตี๋ยนเองก็น่าจะมีคนอยู่ที่นั่นด้วย..พี่ม่อหลงไปบอกให้เขาช่วยเราอีกแรงที”
“ฉันบอกเขาไปแล้ว” ม่อหลงพูด “บอสส่งฉันไปที่นั่นดีกว่า..บอสเพิ่งบอกว่าชิงเฟิงหายตัวไปเพราะงั้นฉันเองก็กังวลเหมือนกัน..ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับชิงเฟิงจริงๆ เขาคงจะต้องการความช่วยเหลือจากเราในตอนนี้”
“พี่จะไปงั้นเหรอ?” เย่เชียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “ไม่..ตัวตนของพี่เสี่ยงเกินไป..ผมคิดว่าพวกเขาทุกคนต้องรู้จักพี่อยู่แล้ว..หากพี่เข้าไปเหยียบประเทศญี่ปุ่นพวกนั้นก็จะรู้ตัวอย่างแน่นอน..ผมยอมรับความเสี่ยงนั้นไม่ได้เหมือนกัน”
ม่อหลงยิ้มเบาๆ และพูดว่า “ไม่ต้องกังวลไปบอสฉันมีวิธีการของตัวเอง..หวงฟู่ชิงเตี๋ยนเองก็ยังบอกฉันด้วยว่าการกวาดล้างแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงของรัฐบาลญี่ปุ่นนั้นเป็นความลับมาก..ซึ่งมันเกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืนแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงก็ถูกถอนรากถอนโคนและตำรวจท้องถิ่นส่วนใหญ่ก็ออกหน้ารับผิดชอบแทน..ซึ่งครอบครัวของสมาชิกแก๊งนั้นไม่ได้ออกมาเรียกร้องอะไรเลยฉันจึงคิดว่ามันเป็นการปิดข่าวของรัฐบาล..ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะไปหาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ เองไม่งั้นในอนาคตเราจะเสียเปรียบอย่างมากและการกระทำต่างๆ เราจะทำได้อย่างจำกัดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้..ฉันซื้อตั๋วเครื่องบินไปแล้วและฉันก็จะบินไปญี่ปุ่นในคืนนี้”
เย่เชียนก็ถึงกับผงะไปเพราะดูเหมือนว่าม่อหลงจะตั้งใจอย่างแน่วแน่แต่เมื่อลองคิดดูแล้วเซี่ยจือยี่ก็มีความสำคัญกับม่อหลงอย่างมากและไม่ว่าจะยังไงผู้หญิงคนนี้ก็เป็นผู้หญิงของม่อหลงเพราะงั้นถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเซี่ยจือยี่แล้วม่อหลงเพิกเฉยไปล่ะก็นั่นแสดงว่าเขาไม่ใช่ม่อหลงที่เย่เชียนรู้จักเลย
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเย่เชียนก็พูดต่อ “ก็ตามนั้น..แต่ผมเป็นห่วงความปลอดภัยของพี่หลันด้วยถึงแม้ว่าเครือน่านฟ้ากรุ๊ปจะมีอำนาจมากและรัฐบาลญี่ปุ่นคงจะไม่กล้าที่แตะต้องเธอก็ตามแต่กองกำลังอื่นๆ นั้นเป็นอะไรที่ไม่แน่นอนเลย..เดี๋ยวอีกสักพักผมจะติดต่อแจ็คให้เขาส่งหน่วยหมาป่าเพชฌฆาตไปช่วยด้วยเพราะท้ายที่สุดแล้วตัวตนของหน่วยหมาป่าเพชฌฆาตก็เป็นความลับและประเทศญี่ปุ่นก็ไม่รู้เรื่องนี้”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “เดี๋ยวผมจะติดต่อไปหาหลินเฟิงด้วยเพราะเขาคุ้นเคยกับประเทศญี่ปุ่นมากกว่าพวกเรา..มาดูกันว่าเขาจะสามารถช่วยอะไรได้บ้าง”
“ได้เลย” ม่อหลงพูดหลังจากหยุดไปชั่วขณะม่อหลงก็พูดว่า “บอสฉันรู้เรื่องที่บอสตกลงกับไป๋ฮวยแล้ว..ฉันไม่สนหรอกว่าบอสจะคิดยังไงแต่ตอนนี้ที่ญี่ปุ่นกำลังมีปัญหาร้ายแรงอยู่และพี่น้องเขี้ยวหมาป่าก็ต้องพึ่งพาบอส”
เย่เชียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าข่าวจะแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วจนทุกอย่างถึงหูของม่อหลง แต่เมื่อลองคิดๆ ดูแล้วหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็เป็นส่วนหนึ่งของโลกศิลปะการต่อสู้โบราณและความสัมพันธ์ของเขากับหม่าเต๋อหงก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ซึ่งคาดว่าหม่าเต๋อหงคงจะเป็นคนบอกหวงฟู่ชิงเตี๋ยน “อย่าบอกพี่น้องคนอื่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ล่ะผมเกรงว่าพวกเขาอาจจะคิดไปไกล” เย่เชียนพูด “ผมไม่มีทางหนีจากการต่อสู้กับไป๋ฮวยได้เลย..ผมไม่ต้องการให้อะไรมากระทบความตั้งใจของการประลองครั้งนี้”
ม่อหลงเองก็เข้าใจว่าถ้าหากหลี่เหว่ยและและคนอื่นๆ รู้เรื่องนี้พวกเขาทุกคนจะเริ่มปฏิบัติการลอบสังหารไป๋ฮวยอย่างแน่นอนเพราะพวกเขาจะไม่ยอมให้ไป๋ฮวยมาคุกคามเย่เชียนอย่างแน่นอน เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เชียนก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ฉันสัญญาแต่บอสต้องสัญญากับฉันด้วยว่าบอสต้องทำให้ดีที่สุด”
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “ไม่ต้องกังวลไป..ผมไม่ได้อยากตายเร็วถึงขนาดนั้น”
“ถ้างั้นก็แค่นี้แหละ..เดี๋ยวฉันติดต่อไปหาแจ็คแล้วจากนั้นก็จะไปที่สนามบิน..ฉันวางแผนจะขึ้นเครื่องบินไปลงที่เมืองอื่นก่อนแล้วค่อยหาทางเข้าไปในเมืองโตเกียวอย่างลับๆ” ม่อหลงพูด
เย่เชียนก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “จำเอาไว้ว่าพี่ต้องกลับมาอย่างมีชีวิตและพาชิงเฟิงกับเซี่ยจือยี่กลับมาด้วย..เมื่อเรื่องในปักกิ่งจบลงผมจะรีบไปที่ญี่ปุ่นและสมทบกับพี่”
หลังจากพูดจบเย่เชียนก็วางสายไป
เมื่อมองดูเวลาก็ถึงเวลาเลิกงานแล้วและเย่เชียนก็จัดโต๊ะให้เรียบร้อยแล้วเดินลงไปที่ชั้นล่าง หลังจากขับรถออกจากที่จอดรถแล้วเย่เชียนก็นั่งอยู่ในรถเพื่อรอซือจื้อ ผู้หญิงที่รู้เยอะคนนี้ทำให้เย่เชียนอยากรู้ความลับของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ และในช่วงเวลาวิกฤตินี้เย่เชียนต้องจัดการกับเธออย่างระมัดระวังไม่เช่นนั้นด้วยความเฉลียวฉลาดของผู้หญิงคนนี้และความสามารถในการดมกลิ่นที่เฉียบแหลมของเธอเมื่อถึงตอนนั้นแผนการทั้งหมดของเขาก็จะสูญเปล่า
จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นและเย่เชียนก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูแล้วส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้เพราะนั่นคือหูวเค่อที่โทรมา “ว่าไงที่รักคุณคิดถึงผมเหรอ?” เย่เชียนพยายามทำให้ตัวเองผ่อนคลายอย่างเต็มที่เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต ณ เวลานี้ เขาจะต้องสนุกกับช่วงเวลาอันแสนสั้นและสวยงามนี้อย่างเต็มที่เพราะเวลาหนึ่งเดือนที่เหลือนั้นมันสั้นมากจริงๆ ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นเย่เชียนกลัวว่าจะไม่ได้มีช่วงเวลาแบบนี้อีกต่อไป
“ใช่..ฉันคิดถึงคุณจริงๆ” หูวเค่อพูดตรงๆ โดยไม่ปิดบังและอ้อมค้อมแต่อย่างใด “เมื่อกี้ฉันโทรไปหาอาจารย์แล้วแต่ฟังจากน้ำเสียงของอาจารย์แล้วดูเหมือนท่านไม่ไว้ใจหยานตงเลย..ฉันเองก็รู้สึกได้ว่าระหว่างอาจารย์กับหยานตงคงจะมีบางอย่างเกิดขึ้น”
เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมก็คิดเหมือนกันเพราะตอนที่อยู่ที่บ้านของหม่าเต๋อหงนั้นหยานตงเรียกอาจารย์ว่าซินเอ๋อร์อย่างสนิทสนมใช่มั้ย? ..เห็นได้ชัดว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างระหว่างพวกเขา..บางทีหยานตงอาจเคยไล่ตามจับอาจารย์ของคุณก็ได้..ผเองก็เคยพูดไปแล้วว่ามันคงจะมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนเลิกรากับอาจารย์ของคุณ..ซึ่งมันคงจะไม่ใช่เหตุผลที่ไร้สาระเรื่องความเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้และผมก็คิดว่าระหว่างพวกเขาจะต้องมีหยานตงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน..แต่ก็นะมันไม่สำคัญหรอกเพราะมันเป็นเรื่องของคนรุ่นก่อน” หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “ผมคิดว่านิสัยของหยานตงนั้นไม่ได้แย่เลยและเขาดูเป็นคนที่จริงจังมาก..ผมคิดว่าสิ่งที่เขาพูดก็น่าจะเป็นความจริงนะ..คุณควรบอกให้อาจารย์ฮัวให้ระวังมากกว่านี้”
“อาจารย์ของฉันก็เป็นแบบนี้แหละถ้าเป็นคนที่เธอเกลียดแล้วไม่ว่าอีกฝ่ายพูดถูกแค่ไหนเธอก็ไม่ฟัง” หูวเค่อพูดด้วยความขมขื่น
“ถ้างั้นก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของปู่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนเพราะเขายังคงมีความรู้สึกต่ออาจารย์ของคุณเพราะงั้นคุณก็ลองไปบอกหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเกี่ยวกับเรื่องนี้และให้เขาดูแลอาจารย์ของคุณก็แล้วกัน..มียอดฝีมือมากมายอยู่ภายใต้ปู่เขาและเขาเองก็กำลังเฝ้าดูสำนักหยุนหยานเหมินอยู่ด้วยผมเชื่ออย่างงั้น” เย่เชียนพูด
“มันจะไม่แย่กว่าเดิมเหรอ? ..ความสัมพันธ์ของอาจารย์กับผู้อำนวยการหวงฟู่ยังคงแย่มากและฉันก็เกรงว่ามันคงจะไม่ดี” หูวเค่อพูดด้วยความกังวลใจ
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “สาวน้อยคุณไม่เห็นอะไรเลยเหรอ..ความจริงแล้วอาจารย์ของคุณยังคงรักหวงฟู่ชิงเตี๋ยนอยู่..ไม่อย่างนั้นครั้งก่อนที่ผมมอบผ้าเช็ดหน้าให้อาจารย์ของคุณเธอคงจะไม่แสดงออกอย่างงั้นหรอก..ซึ่งความขัดแย้งระหว่างพวกเขาก็ต้องได้รับการแก้ไขโดยทั้งสองคนเอง”
“ได้เดี๋ยวฉันจะลองพูดดู” หูวเค่อพูด “ว่าแต่นี่ก็เป็นเวลาเลิกงานแล้วทำไมคุณถึงยังไม่กลับอีก?”
“เอ่อ..ผมเลิกงานแล้วแต่ผมต้องพาใครบางคนไปกินมื้อเย็นก่อนเพราะงั้นผมคงกลับไปไม่ได้..เย็นนี้คุณสั่งอะไรกินไปก่อนนะ” เย่เชียนพูด
“คุณจะไปกินกับใคร? ..ผู้หญิงคนไหนอีก?” หูวเค่อพูด “ฉันไม่สน..ฉันต้องการให้คุณอยู่กับฉันตลอดเวลา..คุณต้องอยู่กับฉันเท่านั้น”
เย่เชียนถึงกับผงะและอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างช่วยไม่ได้เพราะเขาเข้าใจอารมณ์ในปัจจุบันของหูวเค่อดีและรู้ว่าเธอหมายถึงอะไร การต่อสู้ชี้ชะตาระหว่างเขากับไป๋ฮวยอยู่ห่างออกไปเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น ด้วยเหตุนี้หูวเค่อจึงต้องการใช้เวลากับเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้โดยหวังว่าจะระงับอารมณ์ชั่ววูบและเกลี้ยกล่อมเย่เชียนในสิ่งที่โง่เขลาที่ตัดสินใจลงไป เมื่อคิดเช่นนี้หัวใจของเย่เชียนก็มีความสุขมากจริงๆ
“ถ้างั้นคุณก็มาด้วยกันสิ” เย่เชียนพูด “ถ้างั้นไปรอผมที่ร้านอาหารยุโรปชื่อดังของปักกิ่งก็แล้วกัน”
“หืม..แน่ใจเหรอ” หูวเค่อพูด “ฉันล่ะอยากเจอผู้หญิงคนนั้นมาก..เธอมีดีอะไรถึงทำให้สามีของฉันต้องสับสนได้”
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “มันไม่ร้ายแรงอย่างที่คุณคิดหรอก..เอาล่ะผมขอวางสายก่อน”
.
.
.