ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 876 เสือสองตัว
ตอนที่ 876 เสือสองตัว
วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับผู้หญิงก็คือต้องใช้ผู้หญิงอีกคนเพราะนี่คือประสบการณ์ตรงของเย่เชียนที่ได้รับตลอดหลายปีที่ผ่านมา อย่างเช่นตอนที่เย่เชียนอยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้เขายังคงจำการต่อสู้ระหว่างฉินหยูกับหวังยู่ได้และเมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วการที่หวังยู่เปลี่ยนใจไปที่ไป๋ฮวยนั้นคือเรื่องที่ดี
ซือจื้อเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและผู้หญิงที่ทำให้เย่เชียนต้องรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย แน่นอนว่าถ้าหากเย่เชียนต้องการฆ่าซือจื้อจริงๆล่ะก็มันจะง่ายมากแต่ประเด็นสำคัญคือเย่เชียนไม่รู้ว่าซือจื้อกำลังคิดอะไรอยู่หรือมีจุดประสงค์อะไรและอะไรที่เธอปิดบังเอาไว้ นี่คือสิ่งที่เย่เชียนกังวลมากที่สุด
หูวเค่อนั้นเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถและไม่เพียงแต่เธอมีทักษะการต่อสู้ที่สูงเท่านั้นแต่เธอยังฉลาดอีกด้วย ดังนั้นเธอควรจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการรับมือกับผู้หญิงอย่างซือจื้อ
หลังจากวางสายแล้วซือจื้อก็เดินมาที่รถและเคาะกระจกรถเบาๆแล้วมองไปที่เย่เชียนที่นั่งอยู่ในรถด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ จากนั้นเย่เชียนก็เลื่อนกระจกรถลงแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ชั้นล่างนี่มันช่างน่าเบื่อจริงๆ”
“ผู้ชายควรจะรอผู้หญิงสิ..นั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้องนะ..คุณจะไม่แสดงความสุภาพบุรุษของคุณหน่อยเหรอ” ซือจื้อพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
เย่เชียนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นยิ้มอย่างช่วยไม่ได้แล้วเปิดประตูรถเดินออกไป จากนั้นเขาก็เปิดประตูรถให้ซือจื้อและพูดว่า “เชิญครับคุณซือ!” ด้วยการชำเลืองมองอย่างสบายๆเขาก็เห็นว่าชางกวนเจ้อกำลังมองมาที่เขา เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เพื่อนของคุณกำลังมองคุณอยู่น่ะ”
ซือจื้อก็หันไปมองแล้วยิ้มและพูดว่า “คุณหึงเหรอ?”
เย่เชียนก็ยักไหล่เล็กน้อยและพูดว่า “ไม่เลย” ขณะที่เขาพูดเย่เชียนก็ปิดประตูรถและเดินไปที่ฝั่งคนขับ ซึ่งหลังจากปิดประตูรถแล้วเย่เชียนก็สตาร์ทรถและขับออกไป
เมื่อเห็นฉากดังกล่าวดวงตาของชางกวนเจ้อก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความโกรธอย่างแรงกล้าแต่ตามที่ซือจื้อบอกเขาว่าเธอแค่พยายามหลอกล่อเย่เชียนเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมดังนั้นชางกวนเจ้อจึงต้องอดทนเอาไว้ชั่วคราวและคิดเกี่ยวกับมันว่าตราบใดที่เขาทำลายเย่เชียนได้ซือจื้อก็จะเป็นของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยยอมรับว่าซือจื้อเป็นแฟนสาวของเขาก็ตามแต่ผู้ชายก็มีความเป็นเจ้าของโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนอย่างชางกวนเจ้อ ซึ่งเป็นผู้ชายที่รู้วิธีเก็บอาการและการแสดงออกตั้งแต่ยังเป็นเด็กและเก็บกดความเกลียดชังเอาไว้มากมาย ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะรับไม่ได้สิ่งนั้นก็ตามแต่เขาก็จะทำให้คนอื่นไม่มีความสุขและไม่ได้สิ่งนั้นไปด้วย
“เดี๋ยวผมจะแนะนำให้คุณรู้จักคนๆนึง” ขณะขับรถเย่เชียนหันไปมองซือจื้อและพูด
“ใครกันหรอ..เธอคงไม่ใช่ภรรยาของคุณเย่ใช่มั้ย?” ซือจื้อยิ้มอย่างมีเสน่ห์และพูด
เย่เชียนก็ตกตะลึงเพราะเขาไม่คิดว่าซือจื้อจะฉลาดและรู้ทันถึงขนาดนี้ซึ่งเธอสามารถเดาได้ในทันทีจนดูเหมือนว่าซือจื้อคนนี้จะรู้เรื่องของเขาเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามเย่เชียนเพียงแค่ยิ้มอย่างเฉยเมยและไม่พูดอะไรใดๆต่อ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเย่เชียนก็เปลี่ยนเรื่องและพูดว่า “คุณคิดว่าถ้าหากชางกวนเจ้อเห็นพวกเราใกล้ชิดกันแล้วเขาจะหึงและทำตัวงี่เง่ามั้ย?”
ซือจื้อก็ยิ้มเบาๆและพูดว่า “คุณเย่กลัวงั้นเหรอ..ชางกวนเจ้อเป็นเพียงแค่ของเล่นในสายตาของคุณ..ฉันคิดว่าคุณเย่จะไม่เอาจริงเอาจังกับเขาหรอกใช่มั้ย?..นอกจากนี้ถ้าฉันเดาไม่ผิดคุณเย่จะต้องทำลายบริษัททะเลสี่ทิศในไม่ช้าก็เร็ว”
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วและอยากรู้อยากเห็นเบื้องหลังของซือจื้อมากขึ้นเรื่อยๆเพราะผู้หญิงคนนี้ฉลาดมากจนดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถซ่อนอะไรไปจากเธอได้เลย เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มที่มุมปากว่า “ถึงแม้ว่าผมจะชอบผู้หญิงฉลาดก็ตามแต่บางครั้งก็ไม่ควรที่จะรู้เยอะเกินไป”
“ฮ่าๆ..นี่ถือว่าเป็นการคุกคามและคำสบประมาทนะ” ซือจื้อพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ
“ถ้าคุณจะคิดอย่างนั้นมันก็ถูกแล้วผมไม่ชอบให้ใครมารู้ทันผม..ซึ่งถ้าคุณฉลาดและรู้เรื่องของผมมากขนาดนี้คุณก็คงจะรู้เรื่องนั้นด้วยใช่มั้ย?” เย่เชียนพูด
“แล้วถ้าฉันบอกว่าฉันสามารถช่วยคุณได้ล่ะ” ซือจื้อพูด
“ทำไมล่ะ?” เย่เชียนพูด “ผมนึกไม่ออกจริงๆว่าทำไมคุณถึงอยากช่วยผม”
“เพราะฉันชอบคุณยังไงล่ะเหตุผลนี้ยังไม่พออีกเหรอ?” ซือจื้อพูดด้วยรอยยิ้ม ซึ่งมันทำให้ยากที่จะบอกว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นความจริงหรือเท็จกันแน่ อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเธอจะไม่ทำอย่างนั้นเพราะเธอชอบเขาอย่างแน่นอนและเย่เชียนก็ไม่คิดว่าเสน่ห์ของเขาจะไปถึงระดับนั้นได้
เย่เชียนก็ยิ้มเบาๆๆแต่ไม่ได้พูดอะไรเพราะถ้าเขาเอาจริงเอาจังกับคำพูดของซือจื้อเขาคงจะเป็นคนโง่อย่างมาก ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะยอมรับว่าเสน่ห์ของเขานั้นไม่ธรรมดาก็ตามแต่เขาก็ยังไม่ถึงจุดที่ทำให้ผู้หญิงตกหลุมรักเขาเมื่อเห็นเขาแค่แวบแรกและยอมทำทุกอย่างเพื่อเขา เย่เชียนนั้นไม่ใช่ผู้ชายที่หุ่นดีและไม่มีสมองเหมือนในนวนิยายและเย่เชียนนั้นก็รู้จักตัวเองดี
ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่รถก็จขับมาถึงหน้าประตูร้านอาหารยุโรปแล้วและหลังจากจอดรถแล้วเย่เชียนกับซือจื้อก็เดินไปที่ร้านอาหาร จากระยะไกลเขาเห็นหูวเค่อกวักมือเรียกเขาและซือจื้อก็ดูเหมือนจะยั่วยุเธอเพราะเธอจงใจควงแขนของเย่เชียนและเย่เชียนก็พยายามดิ้นรนอยู่พักหนึ่งแต่ซือจื้อนั้นไม่คิดที่จะปล่อยแขนของเขาเลยจนเย่เชียนทำอะไรไม่ถูกและทำได้เพียงปล่อยให้เธอทำเช่นนั้นต่อไป
เมื่อพวกเขาไปถึงโต๊ะซือจื้อก็จับมือเย่เชียนจนเย่เชียนทำอะไรไม่ถูกและยิ้มอย่างขมขื่น “ให้ผมแนะนำนะนี่คือคุณซือจื้อ..ผู้จัดการแผนกการเงินเครือน่านฟ้ากรุ๊ปสาขาปักกิ่ง..ส่วนเธอคือแฟนของผมหูวเค่อ” เย่เชียนพูด
“คุณหูวสวัสดีค่ะ..เย่เชียนมักจะพูดถึงคุณตอนอยู่กับฉัน..ฉันคิดว่าพวกคุณแต่งงานกันแล้วแต่ปรากฏว่าพวกคุณยังไม่ได้แต่งงานกันเลย” ซือจื้อพูดและยื่นมือออกมาเห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้มาเพื่อท้าทายหูวเค่อและเย่เชียนก็ไม่เข้าใจความหมายและจุดประสงค์ของสุนัขตัวเมียตัวนี้เลย เย่เชียนนั้นไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้ชอบเขาจนเธอต้องการต่อสู้กับหูวเค่อเช่นนั้น
หูวเค่อก็ยิ้มเบาๆและเอื้อมมือออกไปจับมือกับซือจื้อแล้วพูดว่า “ที่จริงแล้วเย่เชียนเคยขอฉันแต่งงานอยู่สองสามครั้งแต่ฉันคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม..ฉันขี้เกียจเกินไปที่จะแต่งงานเพราะในยุคนี้มีสิ่งล่อใจมากมายเสมอและมีผู้หญิงมากมายที่อยากจะเข้าหาเขาเพราะงั้นฉันเลยอยากลองใจเขาเพราะฉันอยากจะดูว่าเขาจะทนกับสิ่งล่อใจได้หรือเปล่าเพราะถ้าเขาทนไม่ได้การแต่งงานก็ไร้ประโยชน์”
เย่เชียนแลบลิ้นออกมาเล็กน้อยและนั่งลงข้างๆหูวเค่อ ซึ่งเย่เชียนก็หันหน้าหนีไปและทำเป็นไม่เห็นอะไรเลยในเวลานี้เพราะเขาจะไม่เข้าไปแทรกแซงเรื่องนี้และปล่อยให้พวกเธอต่อสู้กันเอง ซึ่งบางทีหูวเค่ออาจช่วยเขาหาข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับซื้อจื้อได้
“ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จมักจะเอาใจผู้หญิงเสมอ..ผู้ชายที่มีเสน่ห์อย่างคุณเย่เป็นที่ชื่นชอบของผู้หญิงมากมายเพราะงั้นถ้าคุณหูวเป็นแบบนี้บางทีมันอาจจะผลักไสคุณเย่ให้ไกลออกไปเรื่อยๆนะ..แล้วคุณจะต้องเสียใจภายหลังและมันจะสายเกินไป” ซือจื้อพูดด้วยรอยยิ้ม
“อะไรที่เป็นของฉันมันก็เป็นของฉันวันยังค่ำ..ต่อให้ผลักไสออกไปแค่ไหนก็ผลักออกไปไม่ได้อยู่ดี..แต่สิ่งไหนที่ไม่ใช่ของคุณก็จะไม่มีวันเป็นของคุณและต่อให้ดิ้นรนมากแค่ไหนก็ตามแต่มันก็จะไม่มีวันเป็นของคุณเด็ดขาด” หูวเค่อพูด ขณะที่เธอพูดอย่างนั้น มือของหูวเค่อก็ออกแรงเล็กน้อยด้วยพลังปราณเบาๆที่บีบมือของซือจื้ออย่างลับๆ บางครั้งความอ่อนไหวของผู้หญิงก็แข็งแกร่งกว่าผู้ชายเพราะเมื่อเธอเห็นซือจื้อครั้งแรกหูวเค่อก็รู้สึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาดังนั้นเธอจึงตั้งใจจะทดสอบ
การแสดงออกของซือจื้อดูผ่อนคลายมากและดูเหมือนว่าเธอไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อการโจมตีของหูวเค่อเลย อย่างไรก็ตามหูวเค่อกลับรู้สึกได้ถึงพลังที่ระเบิดออกมาอย่างแรงในร่างกายของซือจื้อจนอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อพลังของทั้งสองกำลังจะปะทะกันทั้งสองก็ปล่อยมือออกจากกัน
เย่เชียนที่อยู่ข้างๆก็รู้สึกได้ถึงพลังที่พุ่งออกมาจากซือจื้อและอดไม่ได้ที่จะแปลกใจเพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าซือจื้อจะเป็นผู้ฝึกตนด้วย ส่วนหูวเค่อก็งุนงงเพราะถึงแม้ว่าพลังของซือจื้อจะแข็งแกร่งมากแต่มันก็ไม่เหมือนกับพลังปราณที่ได้รับการขัดเกลาโดยนักสู้โบราณและมันคืออะไรหูวเค่อก็บอกไม่ได้ ซึ่งเธอรู้สึกว่าพลังของซือจื้อนั้นแปลกประหลาดอย่างมาก
“หือ..คุณหูวแข็งแรงมากมือของฉันเจ็บมากตอนที่เราจับมือกัน” ซือจื้อขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูด ซึ่งดูเหมือนเป็นเช่นนั้นและแสร้งทำเป็นว่าหูวเค่อนั้นตั้งใจรังแกเธอจริงๆ
เย่เชียนก็เหลือบมองไปที่ซือจื้อและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณซือจื้อจะเป็นผู้ฝึกตนที่ซ่อนอยู่..ผมรู้สึกเป็นเกียรติจริงๆที่คนอย่างคุณมาอยู่ในเครือน่านฟ้ากรุ๊ปแห่งนี้”
ซือจื้อยิ้มอย่างมีเสน่ห์และพูดว่า “คุณเย่คุณกำลังพูดเรื่องอะไรกันฉันไม่ค่อยเข้าใจ..เอาเถอะดูเหมือนว่าฉันจะไม่สามารถทานอาหารเย็นกับคุณสองต่อสองได้แล้วไม่งั้นแฟนสาวของคุณจะหึงเอา..ฉันหวังว่าเธอจะไม่หึงจนมาฆ่าฉันหรอกนะ”
“ฉันเองก็กลัวว่าคุณจะอิจฉาจนมาลอบฆ่าฉันเหมือนกัน..ทุกวันนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจิตใจและไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีใครมาแย่งของรักของหวงของเราไป” หูวเค่อพูด
“คุณหูวรู้วิธีพูดติดตลกจริงๆนะฮ่าๆ” ซือจื้อพูดด้วยรอยยิ้ม
“สั่งอาหารกันเถอะเดี๋ยวพนักงานเสิร์ฟจะคิดว่าเราอยู่ในกรงหมาและเห่าใส่กันจนได้” เย่เชียนพูด
ถึงแม้ว่าคำพูดจะหยาบคายแต่หูวเค่อก็คุ้นเคยกับวิธีพูดของเย่เชียนมานานแล้วและเป็นธรรมชาติที่เธอไม่รังเกียจ ส่วนซือจื้อนั้นก็ไม่ได้แสดงปฏิริยิกาใดๆราวกับว่าเธอรู้จักเย่เชียนดี ซึ่งเย่เชียนก็สั่งอาหารยุโรปสองสามอย่างและไวน์แดงหนึ่งขวด ซึ่งใช้เวลาไม่นานก่อนที่ทุกอย่างจะถูกนำมาเสิร์ฟ
ระหว่างมื้ออาหารหูวเค่อกับซือจื้อไม่ได้มีความขัดแย้งใดๆแต่ไฟในความมืดกำลังคืบคลานมาอย่างช้าๆเพราะหูวเค่อตักอาหารให้เย่เชียนและซือจื้อก็หั่นสเต๊กแล้วป้อนเข้าปากของเย่เชียน ในทางกลับกันเย่เชียนรู้สึกว่าเขากำลังเจ็บปวดที่สุดและเสียใจกับการตัดสินใจของเขาในตอนนี้ว่าทำไมเขาถึงได้พาผู้หญิงสองคนนี้พบกัน
“บริษัททะเลสี่ทิศเป็นบริษัทจดทะเบียน..ถ้าฉันเดาไม่ผิดคุณเย่จะโจมตีบริษัททะเลสี่ทิศด้วยเงินทุนใช่มั้ย?..แบบนั้นฉันเกรงว่าผลกระทบจะไม่ได้ใหญ่โตมากนัก” ซือจื้อหยิบกระดาษทิชชู่ออกมาและเช็ดริมฝีปากของเธอเบาๆขณะพูด