ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 885 แผนการแรก
ตอนที่ 885 แผนการแรก
เฟิงหลานกับหลี่เหว่ยก็จ้องเขม็งไปที่ไป๋ฮวยเพราะพวกเขาไม่เข้าใจสิ่งที่ไป๋ฮวยกำลังพูดถึงแต่เย่เชียนนั้นชัดเจนมากว่าไป๋ฮวยนั้นกำลังบอกเป็นนัยๆว่าสิ่งที่เขาต้องการนั้นคือการต่อสู้ที่ยุติธรรมและไม่ต้องการให้เย่เชียนฟุ้งซ่านด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆ ดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะช่วยเย่เชียนแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ไป๋ฮวยก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆและพูดว่า “เอาล่ะฉันพูดในสิ่งที่ควรจะพูดไปแล้วเพราะงั้นนายก็ตัดสินใจเอาเองก็แล้วกัน..ถ้านายมีอะไรอยากจะทำก็รีบทำซะ..เห็นแก่ความเป็นพี่น้องเพราะงั้นคราวหน้าฉันจะไม่พูดอะไรอีก..ฉันไม่อยากเห็นนายต้องเสียใจในภายหลัง”
หลังจากพูดจบไป๋ฮวยก็เหลือบมองเย่เชียนและหันหลังกลับแล้วเดินออกไป
เฟิงหลานและหลี่เหว่ยก็งุนงงอย่างมากและเมื่อมองดูไป๋ฮวยที่เดินจากไปก็ยิ่งอธิบายอะไรไม่ถูก “บอส!..ทำไมสิ่งที่ไป๋ฮวยพูดเมื่อกี้เหมือนบอสกำลังจะไปตายเลยล่ะ..มันแปลกๆนะบอส!” หลี่เหว่ยส่ายหัวแล้วพูด
“จริงๆแล้วไป๋ฮวยนั้นน่าสงสารมากซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องพี่ชายของเขาล่ะก็เขาคงไม่เป็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้หรอก..ถ้าจะโทษก็โทษจู้จือเถอะ..ถ้าเขาไม่ทรยศเราล่ะก็เขี้ยวหมาป่าของเราคงยิ่งใหญ่กว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน” เฟิงหลานพูด
“ที่จริงแล้วมันก็ไม่ใช่ความผิดของจู้จือทั้งหมดหรอกเพราะทุกคนนั้นมีเส้นทางเดินของตัวเองและเขาเลือกที่จะทำด้วยตัวเองเพราะงั้นการที่ไป๋ฮวยเป็นแบบนี้เราก็ไม่สามารถตำหนิใครได้..นอกจากนี้ถึงแม้ว่าวิธีการของจู้จืออาจจะผิดแต่เขาก็ทำเพื่อผลประโยชน์ของเขี้ยวหมาป่าเหมือนกันและผมเองก็เชื่อเสมอว่าจู้จือไม่เคยเสียใจในสิ่งที่เขาทำลงไป” เย่เชียนพูด “นอกจากนี้จู้จือก็ตายไปแล้วเพราะงั้นหนี้ที่เขาก่อก็หายไปพร้อมกับความตายของเขาแล้ว”
“ว่าแต่คำพูดของไป๋ฮวยหมายความว่าไงเหรอบอส?” หลี่เหว่ยถามอย่างว่างเปล่า “ผมสับสนมากไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร”
“ก็นายเอาแต่คิดเรื่องผู้หญิงทั้งวันเพราะงั้นการที่นายไม่เข้าใจคำพูดของไป๋ฮวยนั่นก็เป็นปกติของนายอยู่แล้ว” เย่เชียนพูด อย่างไรก็ตามการปรากฏตัวของไป๋ฮวยก่อนหน้านี้เย่เชียนก็รู้สึกโล่งใจเพราะถ้าหากชิงเฟิงอยู่กับไป๋ฮวยล่ะก็ชิงเฟิงก็จะปลอดภัย หากเรื่องที่ปักกิ่งจบลงเย่เชียนก็จะรีบไปที่ญี่ปุ่นทันทีเพราะเขาเป็นหนี้ไป๋ฮวยมากเกินไปแล้วและเราไม่สามารถเป็นหนี้เขาได้อีก
เมื่อออกจากโรงแรมสุดหรูแล้วเย่เชียนก็ไปส่งหลี่เหว่ยกับเฟิงหลานที่โรงแรมแล้วขับรถไปที่บริษัท เมื่อเย่เชียนเข้าในตึกเขาก็สั่งให้พนักงานต้อนรับในล็อบบี้จองตั๋วเครื่องบินให้เขาสามใบ ซึ่งหนึ่งใบสำหรับเที่ยวบินเซี่ยงไฮ้ในคืนนี้และสองอีกใบสำหรับเที่ยวบินมาเก๊า
ระหว่างทางไปสำนักงานเย่เชียนก็ได้พบกับซือจื้อที่กำลังเดินเข้ามาและเย่เชียนก็ยิ้มให้เธอเล็กน้อยโดยจำได้ว่าเขาถามถึงวิธีเข้าหาซือจื้อในตอนแรกแต่ทว่าซือจื้อกลับกลายเป็นคนที่ไล่ตามหลี่เหว่ยแทนดังนั้นเย่เชียนจึงรู้สึกว่ามันน่าขันอย่างมาก เมื่อเดินผ่านเย่เชียนซือจื้อก็ทำหน้าบึ้งแล้วพูดว่า “จำสิ่งที่คุณพูดเอาไว้ให้ดีล่ะ..อย่าปล่อยให้หลี่เหว่ยหนีไปได้นะไม่อย่างนั้นฉันจะรบกวนคุณทั้งวันและไม่มีวันปล่อยให้คุณต้องอยู่อย่างสบายใจ”
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้จากนั้นก็พูดว่า “ไม่ต้องกังวลไปผมจะมอบเขาให้กับคุณเอง”
จากนั้นซือจื้อก็ยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วเธอก็เอนตัวเข้าไปที่ข้างๆหูของเย่เชียนและกระซิบว่า “ทิ้งส่วนแบ่งหุ้นของตระกูลชางกวนให้ฉัน20%สิแล้วฉันจะช่วยคุณบริหารจัดการเอง..นั่นคือการตอบแทนคุณ” ในสายตาของคนนอกทั้งสองคนดูสนิทสนมกันมาก ราวกับว่าพวกเขากำลังซุบซิบเรื่องฉาวอะไรบางอย่าง
หูวเค่อซึ่งอยู่ในห้องทำงานของเลขาก็สามารถเห็นฉากนี้ได้อย่างชัดเจนและเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาในใจและมองเย่เชียนด้วยสายตาที่ดุดัน แต่โชคดีที่ซือจื้อกับเย่เชียนคุยกันเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น ไม่เช่นนั้นหูวเค่อคงจะรีบออกจากออฟฟิศไปหาเขาอย่างแน่นอน หูวเค่อไม่รู้ว่าทำไมแต่เธอก็ไม่ได้หึงหวงเย่เชียนที่เขาดูสนิทสนมกับซือจื้อและมีบางอย่างในใจที่อธิบายไม่ถูก
เย่เชียนเคาะประตูห้องออฟฟิศของหูวเค่อและเดินเข้าไปจากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ที่รักเหนื่อยไหม?” เย่เชียนเป็นคนเช่นนี้เพราะต่อหน้าผู้หญิงเขาจำเป็นต้องแสดงความสงบเสมอ ซึ่งเขารู้ดีว่าทำไมหูวเค่อถึงอยู่ที่นี่และไม่ได้ไปไต้หวันเพื่อดำเนินการต่างๆและจุดประสงค์ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการนึกถึงหนึ่งเดือนที่เหลืออยู่โดยหวังที่จะเปลี่ยนทัศนคติของเย่เชียนและพยายามเพิ่มความมั่นใจให้กับเขาและเป็นกำลังใจให้เขา ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่เต็มใจที่จะเป็นกังวลต่อหน้าเธอซึ่งนั่นคงจะทำให้หูวเค่อกังวลและเสียใจมาก
หูวเค่อกลอกตาไปมาแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณทำอะไรน่ะ?”
เย่เชียนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็หัวเราะแล้วเดินไปหาหูวเค่อและพูดว่า “คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร..มาเดี๋ยวผมจะบอกความลับอะไรให้..อย่าบอกใครนะเรื่องนี้”
“ความลับ?..คุณมีความลับอะไรอีก..คุณปิดบังเรื่องที่คุณแอบคบหากับซือจื้องั้นเหรอ..จะให้ฉันแสดงความยินดีกับคุณหรือเปล่า?” หูวเค่อพูด
“คุณพูดอะไรของคุณกันเนี่ย” เย่เชียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า “วันนี้ผมไปสนามบินเพื่อไปรับเฟิงหลานกับหลี่เหว่ยมาแล้วคุณลองเดาดูสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น..ผมตกตะลึงจริงๆตอนนั้นผมไม่คิดว่าซือจื้อกับหลี่เหว่ยจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากๆต่อกัน”
“ซือจื้อกับหลี่เหว่ย?” หูวเค่อตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดด้วยความประหลาดใจว่า “แล้วมันเกิดอะไรขึ้น?”
“ผมก็ไม่ได้ถามถึงรายละเอียดแต่ดูเหมือนว่าซือจื้อจะไล่ตามหลี่เหว่ยมาโดยตลอดและเธอก็ไล่ตามหลี่เหว่ยทุกที่ที่เขาไป..เมื่อคืนผมก็สงสัยว่าทำไมเธอพูดถึงหลี่เหว่ยและปรากฏว่านั่นเป็นเพราะเธอรักเขานั่นเอง” เย่เชียนพูดต่อ “อ้อผมเกือบลืมบอกคุณไปอย่างหนึ่ง..ผมคิดว่าคุณน่าจะสนใจเหมือนกัน”
“อะไรอีกเหรอ?” หูวเค่ออารมณ์ดีและรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเธอ
“ที่สนามบินปู่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็มาด้วยและถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ลงจากรถก็เถอะแต่ผมเดาว่าเพราะเขาเห็นซือจื้ออย่างแน่นอน..แต่เขาไม่ได้ทำอะไรเลยเพราะคนอย่างหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะไม่รู้ได้ยังไงว่าซือจื้อมาที่นี่..เพราะงั้นผมก็เลยเดาว่ามันต้องมีความลับระหว่างหวงฟู่ชิงเตี๋ยนกับซือจื้ออย่างแน่นอน” เย่เชียนพูด
“ความลับเหรอ..คุณหมายถึง…” หูวเค่อตกใจและอดคิดไม่ได้
“ใช่!..เป็นไปได้สูงมากเพราะหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเป็นคนแบบนั้น..การที่จู่ๆซือจื้อก็ทรยศต่อสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติแบบนั้นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะปล่อยเธอไปง่ายๆอย่างนั้นเหรอมันต้องมีอะไรที่เราไม่รู้แน่ๆ” เย่เชียนพูด “ยังไงก็เถอะนี่มันไม่ใช่เรื่องของเราเพราะงั้นอย่าไปสนใจเลยพวกเราไม่เกี่ยว”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งหูวเค่อก็เปลี่ยนเรื่องและพูดว่า “ยังไงก็เถอะเมื่อกี้ชางกวนเจ้อเขามาถามหาคุณและดูเหมือนว่าเขาจะอารมณ์ไม่ดีซะด้วย” เย่เชียนพูดถูกมันเป็นเรื่องของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติเพราะงั้นไม่ว่าซือจื้อจะทรยศหรือเป็นแผนการลับก็ตามถึงยังไงมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา เพราะด้วยความสามารถของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนแล้วเขาจะไม่รับรู้ถึงสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่เขาไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามหูวเค่อก็มีความสุขมากที่ได้ยินว่าทุกสิ่งที่ซือจื้อทำนั้นเป็นการแสดงเพราะถึงแม้ว่าเธอกับซือจื้อจะไม่ได้อยู่ด้วยกันมานานแล้วแต่พวกเธอก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ดี
“ฮ่าๆผมรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องมาหาผมเพราะงั้นผมก็เลยมาสาย..ผมขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจเขา” เย่เชียนยิ้มและพูด เขารู้ดีว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นดังนั้นเขาจึงมาที่บริษัทช้ากว่าปกติโดยตั้งใจ “คุณทำงานไปเถอะผมจะไปที่ออฟฟิศ..เย็นนี้เราไปดินเนอร์กันนะ” เย่เชียนพูดต่อ “เอ่อใช่คืนนี้ผมจองเที่ยวบินเมืองเซี่ยงไฮ้เอาไว้จากนั้นก็จะไปมาเก๊าต่อ”
“เร็วจัง?” หูวเค่อพูด
“เวลากำลังจะหมดลงแล้วเพราะงั้นการต่อสู้กับตระกูลชางกวนจะต้องเสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด” เย่เชียนพูด “ผมต้องรบกวนคุณในการจัดการเรื่องนี้สักพักและผมก็ได้โทรไปแจ้งพี่หลันแล้ว..อีกไม่นานเธอจะลงมือทันทีและคุณก็ต้องระวังด้วย..ผมเกรงว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นตระกูลชางกวนจะเป็นอันตรายต่อคุณ”
หูวเค่อก็พยักหน้าและพูดว่า “ไม่ต้องกังวลไปฉันดูแลตัวเองได้..คุณตั้งใจในสิ่งที่คุณต้องทำเถอะ”
“ผมรักคุณที่สุดเลย” เย่เชียนยิ้มและเอนตัวเข้าไปจูบหูวเค่อแล้วหันหลังเดินจากไปและเข้าไปในออฟฟิศของเขา
ก่อนที่เขาจะได้นั่งจู่ๆชางกวนเจ้อก็เดินเข้ามาอย่างโกรธเกรี้ยวและขว้างกองเอกสารลงบนโต๊ะต่อหน้าเย่เชียน จากนั้นชางกวนเจ้อก็พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “นี่มันหมายความว่ายังไง?”
“รองผู้จัดการชางระมัดระวังการใช้น้ำเสียงของคุณหน่อย..คุณกำลังพูดกับใครอยู่?” เย่เชียนขมวดคิ้วและก้มหน้าลงแล้วพูดว่า “คุณไม่รู้จักเคาะประตูก่อนเข้ามาเลยเหรอ?..ทำไมคุณไม่มีมารยาทเอาซะเลย..ผมถามหน่อยคุณเป็นใครถึงทำตัวแบบนี้ในบริษัทของผม?”
ชางกวนเจ้อก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและกำลังจะอ้าปากเพื่อพูดแต่เย่เชียนขัดจังหวะอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ออกไปซะ!..ถ้าคุณต้องการคุยกับผมคุณก็ต้องใส่ใจกับมารยาททางสังคมด้วย..กรุณาเคาะประตูก่อนเข้ามาด้วยครับ”
ชางกวนเจ้อก็ตกตะลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่าและมุมปากของเขาก็กระตุกสองสามครั้งจากนั้นก็หยิบเอกสารบนโต๊ะและเดินออกไปด้วยความโกรธจากนั้นเขาก็เคาะประตู “เข้ามา!” เย่เชียนพูด ในเมื่อเย่เชียนพูดเช่นนั้นแล้วชางกวนเจ้อจึงต้องใจเย็นลงเพราะถ้าเรื่องนี้ไม่สามารถแก้ไขได้ตามสมควรสิ่งต่างๆก็จะเลวร้ายอย่างมาก เขาไม่รู้เลยว่าตระกูลของเขาจะจัดการกับเขาอย่างไรซึ่งเขาไม่คาดคิดเลยว่าสิ่งต่างๆจะดำเนินไปเช่นนี้
“เกิดบ้าอะไรขึ้น?..บริษัททะเลสี่ทิศทำงานร่วมกับเราได้ดีไม่ใช่เหรอ?..เราไม่มีเงินจ่ายล่วงหน้าแต่พวกเขาก็ยังคงสนับสนุนงานของเราอยู่..คุณช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยจะได้มั้ย?” ข้อมูลถูกโยนลงมาต่อหน้าของเย่เชียนและชางกวนเจ้อก็พูดด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง
เย่เชียนก็หยิบมันขึ้นมาและเปิดอ่านอย่างช้าๆแล้วพูดว่า “นี่มันยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ..ก็สัญญาที่บริษัททะเลสี่ทิศให้กับเรามานั้นได้ละเมิดหลักการของความเท่าเทียมกันระหว่างทั้งสองฝ่าย..กล่าวก็คือสัญญาฉบับนั้นถือเป็นโมฆะเพราะงั้นเราจึงฟ้องร้องบริษัททะเลสี่ทิศและขอให้เขารับผิดชอบค่าชดเชย..มันก็เป็นเรื่องปกติเพราะงั้นมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?”
.