ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 886 หลอกใช้ศัตรูของศัตรู
ตอนที่ 886 หลอกใช้ศัตรูของศัตรู
เมื่อวานนี้เย่เชียนได้แจ้งฝ่ายกฎหมายของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปสาขาปักกิ่งและบอกให้พวกเขาฟ้องร้องบริษัททะเลสี่ทิศกับศาล ดังนั้นในตอนเช้าเย่เชียนจึงรู้ว่าตราบใดที่เขามาที่บริษัทชางกวนเจ้อก็จะมาพบเขาอย่างแน่นอน
เป็นการดีที่จะให้ซ่างกวนเจ๋อลงจากหลังม้าในตอนนี้และเนื่องจากชางกวนเจ้อกำลังกังวลในสิ่งต่างๆเขาก็ไม่กล้ารุกรานเย่เชียนเพราะในเวลานี้เงิน 20 ล้านหบวนอาจจะไม่ใช่เงินจำนวนมากสำหรับบริษัททะเลสี่ทิศและค่าเสียหายที่ได้รับหลังจากการฟ้องร้องก็เพียงแค่ 30 ถึง 40 ล้านหยวนเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอที่จะทำให้บริษัททะเลสี่ทิศล้มละลาย อย่างไรก็ตามสำหรับชางกวนเจ้อแล้วนี่เป็นเรื่องที่สำคัญมากเพราะถ้าหากมีอะไรผิดพลาดล่ะก็ผู้อาวุโสของตระกูลชางกวนจะไม่ไว้วางใจเขามากกว่าเดิมและพวกเขาจะคิดว่านี่เป็นการแก้แค้นตระกูลโดยเข้าร่วมเครือน่านฟ้ากรุ๊ปเพื่อทำลายธุรกิจของตระกูลนั่นเอง
“เย่เชียนคุณวางแผนเรื่องนี้มานานแล้วเหรอ?” ชางกวนเจ้อถามอย่างโกรธเกรี้ยว
“รองผู้จัดการชางโปรดระวังคำพูดและการกระทำของคุณด้วย” เย่เชียนพูด “สัญญานี้จัดทำโดยบริษัททะเลสี่ทิศและหลังจากการตรวจสอบของคุณผมก็แค่ลงนาม..แต่ผมไม่ได้คาดหวังเลยว่าบริษัททะเลสี่ทิศจะเล่นกลอุบายกับผมแบบนี้..โชคดีที่มีคนตรวจสอบมันทันเวลาไม่งั้นเครือน่านฟ้ากรุ๊ปของเราจะประสบความสูญเสียอย่างร้ายแรง..ผมสงสัยจริงๆว่าคุณกับเครือน่านฟ้ากรุ๊ปมีข้อตกลงอะไรร่วมกันหรือเปล่า?..ไม่งั้นเรื่องแบบนี้คงจะไม่เกิดขึ้นหรอก”
ชางกวนเจ้อก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งและเขาก็พูดไม่ออกเพราะมันเป็นความจริงที่เหตุการณ์นี้เป็นความประมาทเลินเล่อของเขาเองแต่เขาจะคิดได้อย่างไรว่าช่องโหว่ดังกล่าวจะย้อนกลับมาทำร้ายเขาเอง หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “ใช่!..ผมเกือบลืมบอกคุณบางอย่างว่าเนื่องจากความผิดพลาดของคุณในครั้งนี้ทำให้บริษัทเกือบสูญเสียครั้งใหญ่เพราะงั้นฝ่ายผู้บริหารจึงทำรายงานส่งไปยังสำนักงานใหญ่เพื่อยื่นคำร้องให้ปลดคุณออกจากตำแหน่งรองผู้จัดการสาขาและย้ายไปยังแผนกโลจิสติกส์ในฐานะหัวหน้าแผนกขนส่งโลจิสติกส์แทน..รองผู้จัดการชาง..โอ้ไม่สิผมควรเรียกคุณว่าหัวหน้าแผนกชาง..แบบนี้คุณมีปัญหาอะไรมั้ย?”
“หืม..ผมทำประโยชน์ให้กับบริษัทมากมายและเพียงแค่ความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆและมันก็ยังไม่ได้ทำให้บริษัทเสียหายเลยเพราะงั้นทำไมถึงต้องลดตำแหน่งผมลงด้วย..คุณทำเกินไปหรือเปล่า..ถ้างั้นผมขอถามหน่อยใครจะมาเป็นรองผู้จัดการสาขาแทนผมใครมีคุณสมบัติและความสามารถมากเท่าผม..นี่มันคือการฉวยโอกาสกำจัดผมและแก้แค้นเรื่องส่วนตัวของคุณอย่างชัดเจน” ชางกวนเจ้อพูด
“การแก้แค้นเรื่องส่วนตัว?..คำพูดของหัวหน้าแผนกชางทำให้ผมสับสนจริงๆ..ผมไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร?” เย่เชียนพูดว่า “ยังไงก็เถอะผมต้องบอกผู้จัดการชางเอาไว้เลยนะว่าอย่าประเมินตัวเองสูงจนเกินไปเพราะถึงแม้ว่าคุณจะจบมาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดก็ตามแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะด้อยกว่าคุณ..ผมบอกได้ว่าทุกคนในเครือน่านฟ้ากรุ๊ปก็เป็นรองผู้จัดการสาขาได้ทุกคนยกเว้นคุณ!” จากนั้นเย่เชียนก็หยิบโทรศัพท์บนโต๊ะขึ้นมาแล้วโทรไปยังแผนกฝ่ายบุคคลและพูดว่า “เขามาหรือยัง?”
“เขามาแล้วค่ะคุณเย่” เสียงหนึ่งดังมาจากปลายสายของโทรศัพท์
“ครับ..ถ้างั้นคุณบอกให้เขามาที่ออฟฟิศของผมได้เลย” เย่เชียนวางสายแล้วเหลือบมองชางกวนเจ้อและพูดว่า “รอสักครู่เดี๋ยวผมจะแนะนำคุณให้รู้จักกับรองผู้จัดการสาขาคนใหม่ของบริษัท..ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่บัณฑิตที่จบมาจากมหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติแต่เขาก็มีพรสวรรค์ที่หายากเช่นกัน”
ชางกวนเจ้อก็ถอนหายใจด้วยความโกรธและพูดว่า “เย่เชียนคุณรู้หรือเปล่าว่าการทำแบบนี้มันจะส่งผลยังไง?”
เย่เชียนฉีกยิ้มเบาๆและยักไหล่เล็กน้อยแล้วพูดว่า “แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่าผมสามารถฟ้องร้องคุณที่ข่มขู่ผมได้ทุกเมื่อน่ะ?..โอ้ใช่ผมจำอะไรบางอย่างได้แล้ว..ก่อนหน้านี้ข่าวลือในบริษัทของเราพนักงานหลายคนพูดกันว่าเฉียนเย่ผู้จัดการสาขาคนก่อนถูกคุณฆ่าเพราะขัดแย้งกับคุณเรื่องผู้หญิงจริงมั้ย?”
“แล้วคุณคิดว่าไง?” ชางกวนเจ้อพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
“แน่นอน..ผมไม่คิดแบบนั้นหรอกเพราะผมเองก็กลัวจริงๆว่าหัวหน้าแผนกชางจะไม่พอใจผมที่ลดตำแหน่งคุณในวันนี้แล้วคุณจะมาฆ่าผมแบบนั้น” เย่เชียนยิ้มเจื่อนๆและพูดว่า “ผมล้อเล่นนะ..ผมเชื่อว่ารองผู้จัดการชางรู้ว่าอะไรควรและอะไรไม่ควรเพราะท้ายที่สุดคุณก็มีใบปริญญาด้านการเงินจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดอันทรงเกียรติและเชื่อว่าคุณมีความเข้าใจด้านกฎหมายเป็นอย่างดี..ด้วยเหตุนี้คุณจะทำแบบนั้นได้ยังไง”
ชางกวนเจ้อก็สูดลมหายใจเข้าอย่างเย็นชาและดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเพราะถึงแม้ว่าเขาจะจากตระกูลชางกวนไปตั้งแต่ยังเด็กแต่ทักษะการต่อสู้ของเขาก็ไม่ได้อ่อนแอเลย..เขาชัดเจนว่าถ้าหากต้องการอยู่รอดในสังคมนี้เขาต้องทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆดังนั้นเขาจึงไม่เคยละทิ้งการฝึกศิลปะการต่อสู้และเมื่อเขาเรียนอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาชางกวนเจ้อก็มักจะเข้าร่วมการแข่งขันชกมวยใต้ดิน ซึ่งประการแรกเพื่อฝึกความสามารถในการต่อสู้ของเขาและประการที่สองเพื่อหาค่าครองชีพและค่าเล่าเรียนนั่นเอง อาจกล่าวได้ว่าเขาอาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกามานานหลายปีโดยการพึ่งพาตนเองอย่างเต็มที่และไม่พึ่งพาตระกูลชางกวนเลย
ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูและฉีเยว่ก็เดินเข้ามาจากนั้นก็โค้งคำนับเย่เชียนด้วยความเคารพแล้วพูดว่า “สวัสดีครับคุณเย่!”
เย่เชียนก็พยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “หัวหน้าแผนกชางผมขอแนะนำนี่คือรองผู้จัดการสาขาคนใหม่ของบริษัทเรา..ฉีเยว่..เดิมทีเขาเป็นผู้จัดการแผนกโฆษณาของบริษัททะเลสี่ทิศและเขาก็เป็นคนที่ค้นพบช่องโหว่ในสัญญา..ผมคิดว่าเขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากเพราะงั้นผมเลยตั้งเงินเดือนเขาเอาไว้สูงและคุณกับเขาจะเป็นเพื่อนร่วมงานกันในอนาคต..ผมหวังว่าคุณจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี”
“ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ!” ฉีเยว่ยื่นมือออกมาอย่างสุภาพแล้วพูด แน่นอนว่าเขารู้จักชางกวนเจ้อเป็นอย่างดีเพราะแม้แต่พนักงานหลายคนของบริษัททะเลสี่ทิศยังไม่รู้จักชางกวนอู๋เต๋อและชางกวนเจ้อที่เป็นลูกชายอีกคนของประธานบริษัทเลยแต่ฉีเยว่กลับรู้เรื่องพวกนี้แล้วนับประสาอะไรกับชางกวนเจ้อ
เมื่อชางกวนเจ้อได้ยินคำพูดของเย่เชียนแล้วเขาก็เข้าใจเพราะมันต้องเป็นแผนการของฉีเยว่คนนี้ไม่อย่างนั้นบริษัททะเลสี่ทิศจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ได้ยังไง เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดนี้ถูกวางแผนเอาไว้โดยเย่เชียนกับฉีเยว่คนนี้มานานแล้วและเขาก็ตกหลุมพรางไปอย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อคิดเช่นนั้นชางกวนเจ้อก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจว่า “ขอแสดงความยินดีกับรองผู้จัดการฉีด้วย..ผมหวังว่าคุณจะสามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้นานๆได้นะครับ”
หลังจากพูดจบชางกวนเจ้อก็ไม่สนใจฉีเยว่อีกแล้วหันหลังกลับเดินออกไปจากออฟฟิศของเย่เชียน ซึ่งสิ่งที่เขาสนใจมากที่สุดในตอนนี้คือการอธิบายให้ผู้อาวุโสของตระกูลชางกวนทราบโดยเร็วที่สุดเพราะถ้าหากพวกเขาเข้าใจผิดจริงๆว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะเจตนาของเขาเองล่ะก็สิ่งต่างๆจะแย่ลงอย่างมาก แต่โชคดีที่ตอนนี้อย่างน้อยๆเขาก็รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฉีเยว่เพราะงั้นตราบใดที่เขาอธิบายให้ตระกูลฟังเขาก็เชื่อว่าสิ่งต่างๆก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
อย่างไรก็ตามชางกวนเจ้อก็ไม่ใช่คนโง่เพราะเนื่องจากเย่เชียนได้ทำสิ่งนี้เพราะงั้นเย่เชียนก็ต้องรู้ตัวตนของเขาอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เย่เชียนกลับกล้าที่จะแนะนำฉีเยว่ให้กับตัวเองอย่างชัดเจนและนั่นเป็นเพราะเย่เชียนต้องการใช้ดาบของคนอื่นในการฆ่านั่นเอง ดังนั้นต่อให้ชางกวนเจ้อจะรู้ว่าเย่เชียนคิดอะไรอยู่แต่เย่เชียนก็เต็มใจอยู่ดี
เย่เชียนจงใจทำให้ฉีเยว่พบกับชางกวนเจ๋อเพื่อใช้ชางกวนเจ้อกำจัดฉีเยว่ ไม่ใช่ว่าเย่เชียนจะปล่อยปละละเลยหรือใจดีกับคนเช่นนี้เพราะตั้งแต่ที่เขาพบฉีเยว่จนกระทั่งเขาค้นพบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของฉีเยว่กับนักร้องบาร์หญิงครั้งก่อนเย่เชียนก็ไม่ได้มีความประทับใจที่ดีต่อฉีเยว่เลยเลย ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่เย่เชียนเกลียดที่สุดก็คือคนที่ขายครอบครัวหรือคนรักเพื่อศักดิ์ศรีของตัวเองและไม่ต้องพูดถึงฉีเยว่ที่ทรยศต่อความรักของเขาเพื่อหน้าที่การงานของตนเองเลย คนประเภทนี้ที่เย่เชียนเกลียดที่สุด
นอกจากนี้บุคลากรของบริษัททะเลสี่ทิศก็ไม่ใช่คนโง่และถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พูดแต่พวกเขาก็เดาได้ว่ามันหมายความว่าอย่างไรเมื่อฉีเยว่ได้เข้าร่วมกับบริษัทเครือน่านฟ้ากรุ๊ปในฐานะรองผู้จัดการสาขา ดังนั้นแม้ว่าเย่เชียนจะไม่จัดการเองแต่บุคลากรจากบริษัททะเลสี่ทิศก็จะไม่ปล่อยฉีเยว่ไปอย่างแน่นอน
หลังจากที่เห็นชางกวนเจ้อเดินออกไปเย่เชียนก็ฉีกยิ้มและพูดกับฉีเยว่ว่า “รองผู้จัดการฉีเขาแค่อารมณ์ไม่ดีเพราะงั้นอย่าไปโกรธเคืองเขาเลย..ถ้าคุณมีอะไรไม่เข้าใจก็ถามคนในบริษัทได้..ทุกคนที่นี่ใจดีมากส่วนออฟฟิศข้างๆเธอคือเลขาของผมเพราะงั้นถ้าคุณไม่เข้าใจอะไรก็ลองถามเธอได้..เธอจะคอยดูแลบริษัทในเวลาที่ผมไม่อยู่”
“ขอบคุณครับผู้จัดการเย่” ฉีเยว่พูด ในตอนนี้เขาได้กลายเป็นรองผู้จัดการสาขาของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปแล้วและเขาก็ไม่อยากจะเชื่อเลยจนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
“จากนี้ไปคุณต้องปรับตัวให้เข้ากับที่นี่แต่ความต้องการของผมก็ไม่มีอะไรมากเพราะผมขอแค่ความจริงใจและซื่อสัตย์เท่านั้น” เย่เชียนพูด “แน่นอนผมก็จะให้รางวัลและค่าตอบแทนตามความสามารถของแต่บะคร..ขอให้การทำงานของพวกเรามีแต่สิ่งดีๆตลอดไป”
“แน่นอนครับคุณเย่..ตราบใดที่บริษัทและคุณเย่ต้องการผมก็จะบุกน้ำลุยไฟเพื่อบริษัทอย่างเต็มที่” ฉีเยว่พูดอย่างหนักแน่นและหลังจากหยุดไปชั่วขณะฉีเยว่ก็พูดต่อ “เอาล่ะคุณเย่ผมอยากถามคุณว่า…” ฉีเยว่ดูเหมือนมีอะไรจะพูดแต่เขาก็ไม่กล้าพูด
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เชียนก็ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “คุณจะถามเรื่องนักร้องหญิงที่บาร์นั้นหรือเปล่า..ใช่!..ฉันได้จัดให้เธอเข้าร่วมบริษัทการบันเทิงภายใต้เครือน่านฟ้ากรุ๊ปแล้ว..แต่ผมไม่รู้ว่าคุณจะชอบหรือเปล่าเพราะสิ่งที่สูญเสียไปแล้วมันก็ยากที่จะได้มันกลับคืนมา..ตอนนี้คุณมีตัวตนใหม่และการเริ่มต้นใหม่ๆแล้วเพราะงั้นผมก็หวังว่าคุณจะพบอนาคตของคุณอีกครั้งและหยุดคิดถึงอดีต..เรื่องเก่าๆคุณควรจะปล่อยให้มันเป็นอดีตไปได้แล้ว..คุณคิดว่าผมพูดถูกมั้ย?”
ฉีเยว่ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “ขอบคุณครับคุณเย่ที่เตือนสติผม..ผมเข้าใจในสิ่งที่คุณพูดแล้วครับ”
เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจ “เอาล่ะผมขอตัวไปทำงานก่อน..เดี๋ยวผมจะให้คนจากแผนกทรัพยากรบุคคลพาคุณไปรอบๆ พื่อทำความคุ้นเคยกับสถานการณ์และสถานที่”
“แล้วนายเย่ ลาก่อน!” หลังจากที่ซือหยูพูดจบ เขาก็หันหลังและเดินออกจากห้องทำงานของเย่เฉียน
เย่เชียนก็ยกข้อมือขึ้นเพื่อมองดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือซึ่งมันใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้วและหลังจากเก็บของบนโต๊ะแล้วเย่เชียนก็ไปที่ออฟฟิศของหูวเค่อเพื่อชวนเธอให้ออกไปกินข้าวด้วยกัน เนื่องจากเขาจะจากไปในคืนนี้เย่เชียนก็ต้องการใช้เวลากับหูวเค่อให้มากที่สุดและอธิบายทุกอย่างที่ต้องอธิบาย ตัวอย่างเช่นสิ่งที่เกี่ยวกับฉีเยว่ว่าฉีเยว่จะอยู่ที่เครือน่านฟ้ากรุ๊ปแค่ไม่นานและผู้คนจากบริษัททะเลสี่ทิศจะไม่ปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องบอกข้อมูลอะไรให้ฉีเยว่รู้มากเกินไป
.