ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 887 เด็กอัจฉริยะ
ตอนที่ 887 เด็กอัจฉริยะ
คืนนั้นเย่เชียนก็บินตรงไปยังเมืองเซี่ยงไฮ้ ส่วนเฟิงหลานกับหลี่เหว่ยก็บินไปยังมาเก๊าทันที ซึ่งในเช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อเย่เชียนมาถึงเมืองเซี่ยงไฮ้และหลังจากลงจากเครื่องบินเย่เชียนก็โทรไปหาหลินโรวโร่ว ซึ่งเธอเดินทางไปยังพื้นที่ภูเขาอันห่างไกลทางภาคตะวันตกเพื่อบริจาคเงินให้ในโครงการและมูลนิธิกองทุนเพื่ออนาคต
จากนั้นเย่เชียนก็โทรหาฉินหยูเพราะเขาคิดถึงลูกชายที่น่ารักของเขา ซึ่งตั้งแต่เย่ห่าวหรานเกิดมาเย่เชียนก็ไม่ได้อยู่กับลูกของเขาเลย จากสนามบินเย่เชียนก็นั่งแท็กซี่และตรงไปยังบ้านทันที เมื่อเย่เชียนมาถึงบ้านฉินหยูก็รออยู่ที่ประตูพร้อมกับจับมือเย่ห่าวหรานด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขบนใบหน้าของเธอ
ในเวลาที่เหลือน้อยกว่าหนึ่งเดือนก่อนที่จะถึงวันแห่งการต่อสู้ชี้ชะตาระหว่างเขากับไป๋ฮวยนั้นเย่เชียนก็ไม่เลยรู้ว่าเขาจะรอดจากการต่อสู้ครั้งนี้หรือไม่ ดังนั้นเย่เชียนจึงต้องการกลับมายังเมืองเซี่ยงไฮ้เพื่อพบหน้าครอบครัวคนที่เขารักและลูกๆของเขา ซึ่งมันเป็นความรู้ถึงที่อยู่ระหว่างความเป็นกับความตาย
เด็กน้อยยังคงหวาดกลัวเย่เชียนอยู่เพราะท้ายที่สุดเขาก็ใช้เวลาอยู่กับเย่เชียนน้อยเกินไปและเมื่อเห็นเย่เชียนเอื้อมมือไปกอดเขาก็กลัวและซ่อนตัวอยู่ในอ้อมแขนของฉินหยู เย่เชียนก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “เด็กน้อยเอ๋ย..ฉันเป็นพ่อของหนูนะ..ถ้าทำแบบนั้นระวังจะโดนตีก้นเอานะ”
ฉินหยูก็ฉีกยิ้มเหมือนภรรยาที่แสนดีแล้วพูดว่า “ห่าวหรานคงกลัวคุณน่ะเพราะเขายังไม่คุ้นเคยกับคุณ..อย่าแปลกใจเลย”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เด็กคนนี้ดูไม่เหมือนผมเลย..ดูสิเขากลัวแม้กระทั่งพ่อของเขา..ผมให้กำเนิดลูกชายที่ขี้ขลาดได้ยังไงกันเนี่ย”
“เขาเหมือนเธอนิดหน่อย..เขาอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา” ฉินหยูพูด
“จริงเหรอ..ฮ่าๆ” เย่เชียนหัวเราะและพูดต่อ “ไปกันเถอะเข้าไปข้างในกัน” ขณะที่เย่เชียนพูดเขาก็กอดฉินหยูและเดินเข้าไปในบ้าน “แล้วหลินหลินอยู่ที่ไหน?..เธอไปโรงเรียนหรือเปล่า” เย่เชียนถาม
“วันนี้มีกิจกรรมนอกหลักสูตรที่โรงเรียนของพวกเขาจัดขึ้นและรถโรงเรียนก็มารับเธอแต่เช้าแล้ว” ฉินหยูพูด “เดี๋ยวตอนเที่ยงกิจกรรมก็น่าจะเลิกแล้ว”
เย่เชียนก็พยักหน้าเล็กน้อยและเหลือบมองฉินหยูแล้วพูดว่า “ฉินหยู..ขอบคุณที่เหนื่อยมาโดยตลอดนะ..คุณไม่เพียงแค่ต้องดูแลห่าวหรานแต่ยังดูแลหลินหลินอีกด้วย”
“ไม่เป็นไรนั่นคือสิ่งที่ฉันควรทำ” ฉินหยูพูด “หลินหลินน่ะฉลาดมากเพราะงั้นเธอไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก..แต่เด็กคนนี้เอาแต่ร้องไห้ทั้งวันฉันเริ่มจะรำคาญนิดหน่อยแล้ว” หลังจากหยุดไปชั่วขณะฉินหยูก็พูดต่อ “ทำไมเธอถึงกลับมาตอนนี้ล่ะ?..เรื่องที่ปักกิ่งเรียบร้อยแล้วเหรอ?”
“ยังเลย..ผมจะไปมาเก๊าเพราะงั้นผมก็เลยแวะมาหาคุณก่อน..ผมคิดถึงคุณมาก” เย่เชียนพูดเบาๆ
“ฉันก็คิดถึงเธอเหมือนกัน” ฉินหยูพูดเบาๆ “โรวโร่วเพิ่งจะเดินทางไปหยุนนานเมื่อวานนี้เองเพื่อเตรียมวางศิลาฤกษ์ของมูลนิธิกองทุนเพื่ออนาคต..ถ้าคุณกลับมาเมื่อวันก่อนคุณก็ได้เจอเธอแล้ว”
“ผมโทรไปหาเธอแล้วตอนที่ผมลงจากเครื่องบิน” เย่เชียนพูด “หลายปีมานี้คุณเหนื่อยมาก..คุณให้ผมมามากมายและผมก็ไม่รู้จะตอบแทนคุณยังไง..หากเราพบกันชีวิตหน้าผมจะแต่งงานกับคุณอีกครั้ง”
“เธอเป็นคนโลภมาก..เธอยังต้องการมีภรรยาหลายคนในชีวิตหน้าอีกงั้นเหรอ” ฉินหยูพูดด้วยรอยยิ้ม
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ที่นี่น่าเบื่อจริงๆ..ผมไม่ได้อยู่กับลูกมานานแล้วเพราะงั้นเราออกไปเดินเล่นกันเถอะ”
ว่ากันว่าผู้หญิงจะเปลี่ยนไปมากหลังแต่งงานนั้นจริงหรือไม่ ในอดีตฉินหยูนั้นเต็มไปด้วยความเลือดร้อนอยู่ในกระดูกของเธอ แต่ตอนนี้เธอแสดงความอ่อนโยนของผู้หญิงออกมาตลอดเวลาจนเธอดูเหมือนภรรยาและแม่ที่ดี เธอแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงจากเมื่อก่อน เย่เชียนก็รู้สึกได้ถึงแม้ว่าฉินหยูจะไม่ได้พูดเย่เชียนก็รู้ว่ามันมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปและดูเหมือนว่าเธอจะมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ในหัวใจของเธอ อย่างไรก็ตามเนื่องจากไม่ต้องการพูดเย่เชียนจึงไม่อยากถามอะไรใดๆ เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเย่เชียนก็ยังคงเชื่อในตัวของฉินหยูและความรักที่เธอมีต่อตัวเอง ไม่งั้นเธอคงจะไม่มีวันมีลูกกับตัวเองอย่างแน่นอน
“ห่าวหรานหนูอยากไปเที่ยวเล่นที่ไหนพ่อจะพาหนูไปเอง” ฉินหยูก้มศีรษะลงและมองเด็กผู้ชายตัวน้อยๆในอ้อมแขนของเธอแล้วถาม
“แล้วแม่จะไปมั้ย?” เย่ห่าวหรานถาม
“แน่นอนแม่จะไปด้วย” ฉินหยูตอบด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าแม่ไปหนูก็ไป” เย่ห่าวหรานถามต่อ “แม่จ๋า..คนนี้เป็นพ่อของหนูหรอ?”
“ใช่..พ่อคือพ่อของลูก” เย่เชียนตอบอย่างรวดเร็วแต่ทันทีที่คำพูดออกมาเย่เชียนก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติและอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นแล้วรีบพูดอย่างเร่งรีบว่า “นี่พ่อเองเป็นสามีของแม่ของหนู..เป็นพ่อของหนู..เป็นคนให้หนูเกิดมา..โถ่เอ๊ยผมจะอธิบายเรื่องนี้ยังไงดี?..เป็นไปได้ไหมที่จะให้เขาเรียนเรื่องครอบครัว?”
หลังจากที่มองเย่เชียนด้วยความโกรธแล้วฉินหยูก็พูดว่า “เธอกำลังสบถต่อหน้าเด็กอยู่นะ!”
เย่เชียนก็แลบลิ้นออกมาเล็กน้อยและปิดปากของเขาอย่างเชื่อฟัง จากนั้นฉินหยูก็ก้มหน้าลงและพูดกับเด็กน้อยว่า “พ่อเป็นคนที่รักลูกมากพอๆกับแม่นั่นแหละ..แต่พ่อต้องไปทำงานทุกวันแล้วหาเงินเพื่อซื้อนมผงและขนมให้ลูกไง..พ่อเขาทำงานหนักมากเพราะงั้นในอนาคตลูกต้องรักพ่อให้มากๆนะรู้มั้ย?”
เด็กน้อยก็กะพริบตาใส่เย่เชียนแล้วพูดว่า “ไม่เอา..พ่อนิสัยไม่ดี..ตอนที่หนูดูทีวีครั้งก่อนหนูเห็นพ่อกดแม่เอาไว้ใต้ตัวของเขาและจากนั้นแม่ก็กรีดร้องอย่างเจ็บปวด..พ่อก็คงจะเป็นเหมือนผู้ชายคนนั้น..เขาทำร้ายแม่หนูไม่ต้องการพ่อ”
เย่เชียนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วเขาก็อดหัวเราะไม่ได้จากนั้นก็เขาหันไปมองฉินหยูและเกือบจะหัวเราะออกมา เมื่อเห็นเช่นนั้นฉินหยูก็จ้องไปที่เย่ห่าวหรานอย่างดุร้ายและพูดว่า “หนูดูอะไรของหนู..หนูพูดเรื่องอะไร..ห้ามดูมันอีกไม่งั้นแม่จะไม่รักหนู”
เย่ห่าวหรานก็ทำหน้าบึ้งและจ้องไปที่เย่เชียนราวกับว่าเย่เชียนเป็นหมาป่าตัวใหญ่ จากนั้นฉินหยูก็ยิ้มให้เย่เชียนอย่างเขินอายและพูดว่า “ละครและภาพยนตร์ในทีวีสมัยนี้แย่จริงๆ..ฉันไม่รู้เลยว่าเขาหัดเปิดทีวีดูเองตั้งแต่เมื่อไหร่..ไม่ว่าจะเป็นข่าวหรือฟุตบอลหรือรายการบันเทิงเขาก็สามารถหาดูได้หมด”
เย่เชียนก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าลูกชายของผมจะเป็นอัจฉริยะเหมือนกันนะ”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะฉินหยูก็พูดขึ้นมาว่า “นี่เย่เชียน..ตอนที่ห่าวหรานว่างๆเขาชอบทำอะไรไม่รู้และฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรเหมือนกัน..เธอกลับมาก็ดีแล้วลองดูให้ฉันหน่อยสิ..ฉันลองถามเขาแล้วแต่เขาไม่พูดอะไรเลยเพราะงั้นฉันเลยไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่”
หลังจากพูดจบฉินหยูก็วางเจ้าตัวเล็กลงจากแขนของเธอแล้วลุกขึ้นเดินไปที่ห้องนอน สักพักเธอก็มากับจานที่เต็มไปด้วยไม้จิ้มฟันและเห็นได้ชัดว่ามันเป็นลวดลายแต่มันไม่เหมือนกับรูปอะไรเลย “ดูสิ..เธอรู้หรือเปล่าว่านี่คืออะไร?” ฉินหยูถาม
เมื่อเด็กน้อยเห็นสิ่งนี้เขาก็ดูตื่นเต้นมากและกระโดดลงจากโซฟาอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งไปมองจาน เย่เชียนก็ถึงกับตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและขมวดคิ้วและครุ่นคิดอย่างรอบคอบ จากนั้นเขาก็มองดูห่าวหรานอีกครั้งและเอื้อมมือออกไปและสำรวจหัวของเขาราวกับว่าสงสัยว่ามีบางอย่างผิดปกติกับสมองของห่าวหรานคนนั้นหรือเปล่า
หลังจากครุ่นคิดอยู่นานเย่เชียนก็พูดขึ้นมาว่า “นี่ดูเหมือนจะเป็นทฤษฎีการคาดเดาของโกลด์บาค”
“อะไรนะ?” ฉินหยูพูด “ทฤษฎีโกลด์บาคเนี่ยนะ..คุณดูสิว่าเจ้าหนูนี่อายุเท่าไหร่เอง..เขาจะเข้าใจเรื่องนี้ได้ยังไง..ฉันเองก็ยังไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำ”
ห่าวหรานก็มองไปที่ฉินหยูด้วยหน้าที่บึ้งตึงและพูดว่า “ใครบอกว่าหนูไม่เข้าใจ..หนูสามารถนับหนึ่งถึงหมื่นได้และบวก,ลบ,คูณ,หารได้ด้วย”
ฉินหยูก็มองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจและแทบไม่เชื่อเลยว่าเธออยู่กับเด็กตัวเล็กๆทั้งวันทำไมเธอถึงไม่รู้เรื่องนี้? ฉินหยูก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “ลูกรัก..เด็กโกหกไม่ได้นะมันไม่ดี”
“หนูไม่ได้โกหก..หนูทำการบ้านของพี่หลินให้หมดแล้ว..ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปถามพี่หลินดูสิ” เด็กน้อยพูดอย่างมั่นใจ
เย่เชียนก็แทบจะไม่เชื่อเลยเพราะเด็กอายุ 2 ขวบที่เพิ่งหัดเดินจะรู้วิธีบวก,ลบ,คูณ,หารได้ แล้วทฤษฎีการคาดเดาของ Goldbach ล่ะ นี่ไม่ใช่จินตนาการอย่างแน่นอน ซึ่งดูรูปลักษณ์และการแสดงออกของเด็กน้อยคนนี้แล้วดูเหมือนว่าเขาไม่ได้กำลังโกหกเลยแม้แต่น้อย “ถ้างั้นพ่อขอถามหน่อยว่าสี่คูณห้าได้เท่าไหร่?” เย่เชียนถามอย่างไม่แน่ใจ
“โถ่พ่อถามคำถามง่ายเกินไปแล้ว..มันต้องยากกว่านี้สิ?” เย่ห่าวหรานพูดอย่างภาคภูมิใจ
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะผงะแล้วถามว่า “แล้วยี่สิบห้าคูณยี่สิบห้าได้เท่าไหร่?”
“นี่ยากแล้วหรอ..มันง่ายมากแค่เอายี่สิบห้าคูณยี่สิบห้าครั้งก็ต้องเป็นหกร้อยยี่สิบห้าสิ” เย่ห่าวหราวภูมิใจในตัวเองมาก
เย่เชียนตกใจมากและถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่ได้คิดว่าเขาโง่แต่เมื่อเทียบกับเด็กตัวเล็กๆแล้วเย่ห่าวหรานสามารถตอบคำถามของการคูณเลขสองหลักได้ในพริบตาเดียว ดูเหมือนว่าเย่ห่าวหรานคนนี้จะเป็นอัจฉริยะจริงๆ “ที่รักเขาคืออัจฉริยะตัวจริง..เขาเป็นอัจฉริยะทางคณิตศาสตร์” เย่เชียนพูดด้วยความประหลาดใจ
จนถึงตอนนี้ฉินหยูก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อและเธอก็เป็นแม่ที่ไร้ความสามารถจริงๆ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกชายของเธอมีพรสวรรค์มากขนาดนี้ “ไม่น่าแปลกใจเลยที่ครูจากโรงเรียนของหลินหลินไม่ได้โทรมาบ่นสักพักใหญ่ๆแล้ว..ก่อนหน้านี้ครูที่โรงเรียนมักจะโทรมาบอกฉันว่าหลินหลินไม่ยอมส่งการบ้านของเธอ..ปรากฏว่าห่าวหรานช่วยเธอทำการบ้านอย่างงั้นเหรอ?” ฉินหยูพูด
“โถ่ๆ..ผมพูดไปได้ยังไงว่าเขาไม่เหมือนลูกชายของผม..เขาเป็นลูกชายของเย่เชียนคนนี้อย่างแน่นอนเขาฉลาดมากฮ่าๆ” เย่เชียนพูดอย่างภาคภูมิใจ
ฉินหยูเหลือบมองเย่เชียนด้วยหางตาและพูดว่า “ดูสิว่าคุณภูมิใจมากแค่ไหน” อย่างไรก็ตามรอยยิ้มที่มีความสุขก็ไม่สามารถปกปิดใบหน้าของเธอได้เพราะในโลกนี้แม่ทุกคนก็ต้องการให้ลูกๆของเธอเป็นอัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่และฉินหยูเองก็ไม่มีข้อยกเว้น
“แม่..เราไปเที่ยวเรือโจรสลัดกันก่อนแล้วค่อยไปร้านหนังสือเพื่อซื้อหนังสือใหม่ๆได้มั้ย?” เด็กน้อยกะพริบตาแล้วถาม
“ได้เลย..พ่อจะซื้อหนังสือทั้งหมดจากร้านหนังสือในเมืองเซี่ยงไฮ้ให้ลูกเอง” เย่เชียนพูดอย่างภาคภูมิใจ