ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 889 คางคกอยากได้หงส์
ตอนที่ 889 คางคกอยากได้หงส์
เย่เชียนนั้นไม่สนใจว่าใครไล่ตามจีบจ้าวหลิงเพราะในโลกนี้มีหลายคนที่เป็นคางคกแล้วอยากได้หงส์มาครอบครอง แต่สำหรับชายชราคนนี้เย่เชียนนั้นไม่สบอารมณ์อย่างมากเพราะเขาขับรถปอร์เช่และยังกล้าดริฟต์แบบหวาดเสียวในวัยชราขนาดนี้ซึ่งไม่กลัวว่าจะหัวใจวายตายขณะขับรถเลยเหรอ?”
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่ว่าคางคกตัวนี้จะไล่ตามหงส์หรืออะไรเพราะสิ่งที่เย่เชียนจะไม่ปล่อยผ่านก็คือคางคกตัวนี้ทำตัวไร้สาระไม่มีเหตุผลจนเกือบจะชนเขากับเย่หลินแล้วดังนั้นเย่เชียนจึงอดทนไม่ได้จริงๆ
คนรวยมักชอบเล่นเกมของคนรวยโดยคิดเสมอว่าเงินของพวกเขาสามารถเล่นได้กับทุกสิ่งในโลกได้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าในโลกนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่คนจำนวนมากสามารถซื้อได้ด้วยเงินแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกสิ่งจะสามารถซื้อด้วยเงินได้เสมอไป ซึ่งชายชราคนนี้ค่อนข้างที่จะมีอิทธิพลในเซี่ยงไฮ้และตั้งแต่เขาเห็นจ้าวหลิงเขาก็หลงใหลเธอในทันทีและฉันก็พยายามเข้าใกล้เธอและวัตถุประสงค์ของเชาก็ชัดเจนอย่างมาก
เกิ่งหูวผู้ประกอบการเหมืองถ่านหินในมณฑลซานซีที่มีเหมืองถ่านหินหลายแห่งภายใต้การควบคุมของเขาและเขาทำเงินได้มากมาย เมื่อตอนที่เขายังเด็กเกิ่งหูวคนนี้ถือได้ว่ามีชีวิตที่สะดวกสบายแต่เขาก็เป็นเพียงแค่คนทำงานหารายได้ทั่วไปและได้ลำบาก อย่างไรก็ตามเขามีสายตาที่เฉียบคมและความคิดกลอุบายที่หลักแหลมและในท้ายที่สุดเขาก็เข้าหาลูกสาวของเจ้านายของเขาและไต่เต้าโบยบินขึ้นไปจนกลายเป็นนกฟีนิกซ์เหมือนในทุกวันนี้
คู่ครองที่สมบูรณ์แบบคืออะไร? อันที่จริงโลกนี้ไม่มีคู่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ชายที่หล่อเหลาและผู้หญิงสวยๆแต่มันมักจะเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาและผู้หญิงที่น่าเกลียดที่มีฐานะหรือไม่ก็เป็นผู้ชายที่น่าเกลียดแต่มีฐานะกับผู้หญิงที่สวยๆนั่นเอง ดูเหมือนว่ามีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่โลกจะมีความสมดุลมากขึ้น เกิ่งหูวนั้นเป็นคนที่หน้าตาดีแต่มีฐานะที่ดีซึ่งภรรยาของเขาก็เป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ ว่ากันว่าผู้หญิงที่ขี้เหร่มักจะสร้างปัญหาซึ่งไม่เป็นความจริงเลยเพราะที่บ้านเกิ่งหูไม่มีสถานะและอำนาจในการออกเสียงหรือตัดสินใจอะไรเลยและมักถูกเธอใช้ทำสิ่งต่างๆ เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตลงเกิ่งหูวก็ประสบความสำเร็จในการเข้ายึดธุรกิจของพ่อตาและเหมืองถ่านหินทั้งสองแห่งก็เป็นของเขา
เหมืองถ่านหินเป็นอุตสาหกรรมที่ทำกำไรได้มหาศาลและถึงแม้ว่าเหมืองถ่านหินขนาดเล็กทั้งสองแห่งจะไม่ใหญ่นักแต่เกิ่งหูวเป็นคนมีวิสัยทัศน์และมองการณ์ไกลดังนั้นภายใต้การควบคุมของเขาเหมืองถ่านหินขนาดเล็กทั้งสองแห่งนี้ก็กำลังเติบโตและขายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆในเวลาอันสั้นเพียงไม่กี่ปีจนเขาเป็นเจ้าของทรัพย์สินนับสิบล้านหยวน
อย่างไรก็ตามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาการกำกับดูแลเหมืองถ่านหินของรัฐก็เข้มงวดขึ้นและเหมืองถ่านหินขนาดเล็กจำนวนมากที่ไม่เป็นไปตามระเบียบก็ถูกสั่งให้ปิดกิจการทันที ดังนั้นเหมืองถ่านหินในมณฑลซานซีของเกิ่งหูวก็กำลังพัฒนาอย่างราบรื่นโดยธรรมชาติด้วยรากฐานและเครือข่ายกับรัฐบาลที่สร้างขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและเมื่อเร็วนี้เขาก็หันมาลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในเมืองเซี่ยงไฮ้และเขาถือได้ว่าเป็นคนมั่งคั่งและมีอิทธิพลไม่น้อย ดังนั้นเมื่อพูดถึงเกิ่งหูวคนนี้ในเซี่ยงไฮ้แล้วก็มีอยู่ไม่กี่คนที่ไม่รู้จักเขา
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เกิ่งหูวไม่มีความสุขนั่นก็คือภรรยาของเขาที่เอาแต่จู้จี้จุกจิกตลอดทั้งวันและไม่เคยได้อยู่อย่างสงบสุขเลย เดิมทีเขาแต่งงานกับเธอไม่ใช่เพราะว่าเขารักเธอแต่เพียงเพราะเขาต้องการเป็นนกฟีนิกซ์และธุรกิจของครอบครัวเธอเท่านั้นและเขาก็ไม่มีความรู้สึกดีๆกับเธอเลยแม้แต่น้อยแต่เขาไม่กล้าที่จะหย่าร้างเพราะว่าภรรยาของเขานั้นมีครอบครัวและญาติที่ทรงอิทธิพลและมีอำนาจมาก เธอบอกว่าถ้าหากเกิ่งหูวกล้าที่จะหย่ากับเธอล่ะก็เธอจะไล่เขาออกจากบ้านและฟ้องร้องเพื่อยึดทรัพย์สินคืน แน่นอนว่าเกิ่งหูวนั้นเชื่อในสิ่งที่ภรรยาพูดด้วยเหตุนี้ไม่ว่าเขาจะเกลียดเธอมากแค่ไหนแต่เขาก็ไม่มีความตั้งใจที่จะหย่าร้างกับเธอ หลังจากใช้ชีวิตเป็นเศรษฐีมาหลายปีเขาจะยอมรับได้อย่างไรเมื่อจู่ๆเขากลับกลายเป็นคนจนที่ไม่เหลืออะไร
อย่างไรก็ตามโชคดีที่พญาเสือตัวนี้อยู่ที่บ้านเกิดของเธอในมณฑลซานซีดังนั้นเกิ่งหูวจึงสามารถสิ่งต่างๆได้อย่างลับๆนอกสายตาของเธอ ซึ่งหลังจากที่เขาได้พบกับจ้าวหลิงโดยบังเอิญครั้งที่แล้วเขาก็สนใจเธอขึ้นมาทันทีและเกาะติดเธอเหมือนกับพลาสเตอร์ อันที่จริงเกิ่งหูวคนนี้ก็ไม่ใช่คนที่ปกตินักเพราะที่บ้านเมื่อเขาอยู่บนเตียงกับภรรยาเขาก็จะโดนดุเหมือนหมาและถูกสั่งให้ทำอะไรแปลกๆ เกิ่งหูวจำได้ชัดเจนว่าในคืนวันวิวาห์ภรรยาของเขาลากเขาไปที่เตียงและอ้าขาของเธอและตะโกนใส่เขาว่า “คลานมานี่เดี๋ยวนี้!” ในขณะนั้นเกิ่งหูวก็รู้สึกว่าเขาเป็นสุนัขและเมื่อเขาคลานเข้าไปเขาเพียงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของเขาในฐานะผู้ชายคนหนึ่งได้หายไปแล้วซึ่งเกือบจะทำให้เขาอยากตาย ถึงแม้จะผ่านไปหลายปีนิสัยของภรรยาก็ยังไม่เปลี่ยน อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่เคยสนใจเกิ่งหูวที่เขาไปเที่ยวเล่นกับผู้หญิงคนอื่นๆเพราะเธอเองก็ทำเหมือนเขาเช่นกัน
หลังจากแรงกดดันทางจิตใจมานานหลายปีนั้นจิตใจของเกิ่งหูวก็บิดเบือนเพราะเขาถูกกระตุ้นให้เป็นแบบนี้มานานจนเขาชอบผู้หญิงที่ดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่าเขาเสมอเพราะเขาชอบที่จะข่มเหงและขืนใจพวกเธอเหมือนที่เขาเคยโดน ราวกับว่าวิธีนี้เขาสามารถฟื้นความเป็นลูกผู้ชายของเขาได้และตอนนั้นเองที่เขารู้สึกว่าเขาเหมือนเป็นลูกผู้ชายจริงๆ ดังนั้นหลังจากที่ได้เห็นจ้าวหลิงแล้วเขาจะปล่อยเธอไปได้อย่างไร ซึ่งเขาก็พยายามทุกวิถีทางเพราะเขาต้องการให้จ้าวหลิงนั้นเป็นเหมือนกับทาสของเขา
จ้าวหลิงนั้นเรียนที่มหาวิทยาลัยในเมืองเซี่ยงไฮ้และหลังจากสำเร็จการศึกษาเธอก็อยู่ที่นี่และเป็นครูในโรงเรียนเด็กประถม พ่อแม่ของเธอมาจากชนบทและทำงานเป็นลูกจ้างในเมืองเซี่ยงไฮ้และเช่าบ้านอยู่ เธอเป็นเด็กจากชนบทและใจของหญิงสาวคนนี้ก็ค่อนข้างบริสุทธิ์และเธอก็ไม่ได้ขายตัวเพื่อเงินเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆที่บูชาเงินและสิ่งของนอกกายเพราะเธอมีหลักการว่าเงินและยศถาบรรดาศักดิ์ควรจะได้รับมาอย่างสมศักดิ์ศรี
ด้วยรูปลักษณ์หน้าตาและรูปร่างที่ดีของเธอนั้นเธอจึงมีลูกหลานผู้มีอิทธิพลและลูกหลานจากตระกูลที่ร่ำรวยที่ไล่ตามจีบเธอ แต่จ้าวหลิงรู้ดีว่าพวกเขาทั้งหมดอยากได้ร่างกายของเธอไม่ใช่หัวใจและพวกเขาก็ไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษใดๆกับเธอเลย เธอรู้สึกว่าตราบใดที่ยังมีความรักถึงแม้จะนั่งบนจักรยานก็ยังดีกว่านั่งในรถ BMW มาก
เกิ่งหูวคนนี้มาโรงเรียนหลายครั้งแล้วและมักจะโอ้อวดว่าเขาร่ำรวยมีความสามารถและอิทธิพลในเมืองเซี่ยงไฮ้มากแค่ไหน อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่จ้าวหลิงเห็นการแสดงออกที่โอ้อวดของเขาเธอก็รู้สึกขยะแขยงในใจและเมื่อมองไปที่เกิ่งหูที่ดูเหมือนสุภาพบุรุษต่อหน้าเธอแล้วจ้าวหลิงก็พูดอย่างเฉยเมยว่า “ฉันขอโทษ..ฉันรับปากกับพ่อแม่เอาไว้แล้วว่าจะกลับบ้านไปกินอาหารเย็นกับพวกเขา”
“ก็ให้คุณลุงกับคุณป้าไปด้วยกันสิ..ฉันจองโต๊ะในร้านอาหารเอาไว้แล้วเพราะงั้นจองเพิ่มอีกสองที่ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย..นอกจากนี้ฉันก็ยังอยากพบคุณลุงกับคุณป้าด้วยเหมือนกัน” เกิ่งหูวพูดอย่างโจ่งแจ้ง
“ลุงกับป้า?” จ้าวหลิงรู้สึกคลื่นไส้และคิดอย่างลับๆ ‘คุณแก่กว่าพ่อแม่ของฉันอีกและคุณยังจะกล้าเรียกคนอื่นว่าลุงกับป้าอีกเหรอ” จากนั้นจ้าวหลิงก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “พ่อแม่ของฉันเป็นชาวชนบทพวกเขาก็เลยเคยชินกับการกินบะหมี่และซาลาเปาที่แผงขายริมถนน..พวกเขาไม่ชอบไปโรงแรมฉันต้องขอโทษด้วย!”
เย่เชียนเห็นฉากนี้โดยธรรมชาติเพราะท้ายที่สุดแล้วผู้หญิงคนนี้ก็เป็นครูประจำชั้นของเย่หลินและเธอก็นิสัยดีเพราะอย่างน้อยๆในเมืองใหญ่ๆเช่นนี้เธอกลับสามารถรักษาความบริสุทธิ์ในใจของเธอเอาไว้ได้ ซึ่งควรค่าแก่การเคารพจากนั้นเย่เชียนก็หันไปมองเย่หลินแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “หลินหลินอยากช่วยอาจารย์ของหนูหรือเปล่า?”
“แน่นอนค่ะ..เพราะหนูเป็นฮีโร่ของทุกคน..บางทีคุณครูอาจจะต้องการความช่วยเหลือจากพวกเราก็ได้” เย่หลินพูดด้วยรอยยิ้ม
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และวางเย่หลินลง จากนั้นเย่เชียนก็จับมือเธอและเดินไปหาจ้าวหลิง “แม่คะ!” เย่หลินอ้าปากและตะโกนพร้อมกับวิ่งไปหาจ้าวหลิงแล้วจับมือของเธอซึ่งดูน่ารักอย่างมาก จ้าวหลิงก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปชั่วขณะและทันใดนั้นเธอก็ฉีกยิ้มและรู้สึกมีความสุขอย่างมาก “แม่คะคุณปู่คนนี้เป็นใครหรอ” เย่หลินกะพริบตาและจ้องมองเกิ่งหูวด้วยดวงตาโตๆแล้วพูด
เกิ่งหูวถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งและมองไปที่จ้าวหลิงอย่างว่างเปล่าแล้วพูดว่า “คุณจ้าวนี่คือลูกสาวของคุณงั้นเหรอ..ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินคุณพูดถึงเรื่องเธอเลย”
“ฉันจำเป็นต้องบอกคุณเรื่องนี้ด้วยเหรอคะ” จ้าวหลิงพูดอย่างเฉยเมย
เกิ่งหูวก็ถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งและมีร่องรอยของความเศร้าโศกในดวงตาของเขาจากนั้นเขาก็กลับมาเป็นปกติและยิ้มอย่างเขินอายแล้วพูดว่า “สาวน้อย..เดี๋ยวลุงพาหนูไปกินKFCหนูอยากกินมั้ย?” ถึงแม้ว่าเกิ่งหูวจะรู้ว่าจ้าวหลิงมีลูกแล้วแต่เขาก็ไม่ยอมถอยแต่กลับเริ่มสนใจมากขึ้นเพราะเขาเล่นกับผู้หญิงมามากแล้วและแม้แต่นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังก็ด้วย แต่หลังจากผ่านมาหลายครั้งเขาก็รู้สึกว่าสาวๆที่ไม่มีประสบการณ์นั้นไม่ค่อยสนุก
“KFC?..มันคืออะไรหรอใช่เพลงที่ร้องว่า..ไก่..ไก่..กินไก่ท้ายครัวชาวบ้านหรือเปล่า?’ เย่หลินพูดพร้อมกับกะพริบตาและรูปลักษณ์ที่ไร้เดียงสานั้นดูเหมือนจะไม่ได้คิดร้าย
“นี่ลูกพูดจาหยาบคายได้ยังไง..รีบขอโทษคุณลุงซะ” เย่เชียนพูดด้วยใบหน้าที่เฉยเมย อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีเจตนาที่จะตำหนิเย่หลินเลยแม้แต่น้อย
“พ่อคะหนูไม่ได้พูดถึงใครหนูแค่พูดเนื้อร้องของเพลงเอง” เย่หลินพูดต่อ “พ่อคะคุณปู่คนนี้ดูแปลกมาก..ตอนที่เขามองมาที่หนูเขาดูเหมือนสัตว์ที่น่ากลัวเลย”
“ลูกหมายความว่าไง” เย่เชียนมองดูเย่หลินและแสร้งพูดด้วยความโกรธ
“จริงเหรอแล้วฉันดูเหมือนสัตว์อะไร..หมาป่าหรือเสือกันล่ะ” เกิ่งหูวพยายามอย่างเต็มที่ที่จะผ่อนคลายและไม่อยากสูญเสียรูปลักษณ์สุภาพบุรุษไป เมื่อได้ยินเย่หลินเรียกเย่เชียนว่าพ่อแล้วเกิ่งหูวก็เข้าใจโดยธรรมชาติว่าเย่เชียนเป็นสามีของจ้าวหลิงแต่ในความเห็นของเขาเย่เชียนจะคู่ควรกับจ้าวหลิงได้อย่างไร
“ไม่ใช่..คุณดูเหมือนคางคก” เย่เชียนพูด
เกิ่งหูวก็ขมวดคิ้วและเปลวไฟแห่งความโกรธก็ลุกโชนขึ้นถ้าไม่ใช่เพราะว่าเด็กคนนี้เป็นลูกสาวของจ้าวหลิงล่ะก็เขาคงจะสั่งสอนไปแล้ว
“อย่าพูดเลย ฉันคิดว่ามันค่อนข้างคล้ายกันเมื่อคุณพูดแบบนั้น” เย่เฉียนพึมพำ “อ่า ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะดุคุณ”
เกิ่งหูวก็ถอนหายใจอย่างเย็นชาและพูดว่า “คุณรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร”
เย่เชียนก็ส่ายหัวเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ผมไม่รู้..แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมด้วย?.. ต้องขอโทษจริงๆเพราะผมไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร?..อย่าบอกนะว่าคุณกำลังไล่ตามจีบภรรยาของผม?” ขณะที่พูดเย่เชียนก็เดินไปที่ด้านข้างของจ้าวหลิงและกอดเอวของเธอเบาๆจนดูเหมือนคู่รักกันจริงๆ
.
.
.
.
.