ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 890 จับคู่
ตอนที่ 890 จับคู่
ร่างกายของจ้าวหลิงก็แข็งเป็นหินในทันทีจากนั้นเธอก็เหลือบมองเย่เชียนด้วยความประหลาดใจและหน้าเธอก็เริ่มแดงขึ้น เมื่อเห็นดวงตาของเย่เชียนที่ดูบริสุทธิ์อย่างไร้ที่ติและมันเหมือนท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวที่กว้างใหญ่ เธอรู้ว่าเย่เชียนไม่ได้พยายามหาประโยชน์จากตัวเองและฉวยโอกาสแต่กำลังช่วยเหลือเธออยู่ ซึ่งเธอก็รู้สึกขอบคุณอย่างมากและเธอก็ต้องการออกไปจากตรงนี้แต่ในใจของเธอมีบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ซึ่งกระตุ้นให้เธอไม่ทำ
เกิ่งหูวก็ยิ้มอย่างดูถูกและพูดว่า “เสือแห่งเซี่ยงไฮ้!..แกเคยได้ยินชื่อนี้ในเมืองเซี่ยงไฮ้บ้างหรือเปล่า..ไม่ว่าจะพวกใต้ดินหรือเจ้าหน้าที่ต่างๆ ที่เห็นเขาต่างก็เรียกเขาว่าพี่เสือกันทั้งนั้น..ตราบใดที่เขาขยับนิ้วสั่งเขาก็สามารถทำให้แกหายตัวไปจากโลกนี้ได้เลย”
“อย่ามาพูดข่มขู่ให้ผมกลัวเลย..ผมไม่กลัวหรอก” เย่เชียนพูด “ผมไม่เคยได้ยินชื่อเกิ่งหูวในเมืองเซี่ยงไฮ้เลย..แต่ก็นะมันคนในโลกนี้ตั้งเยอะตั้งแยะที่อยากให้ผมตายแต่ผมก็ยังยืนอยู่ที่นี่และฉันยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้..นอกจากนี้ชีวิตของคุณก็มีค่ามากกว่าชีวิตราคาถูกอย่างผมเพราะงั้นอย่าเสียเวลามายุ่งกับผมเลย”
“ฉันเคยเห็นคนจำนวนมากที่มักจะใช้คำพูดสวยหรูแบบนี้แต่สุดท้ายมันก็แค่ขยะหรือตายโดยไม่ได้ฝัง..คนหนุ่มสาวในสังคมนี้ไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่คิดหรอก..ฉันจะบอกความจริงนะว่าฉันอยากได้ภรรยาของแกและถ้าฉันอยากได้อะไรฉันก็ต้องได้!..ถ้าแกยอมยกภรรยาของแกให้ฉันล่ะก็ฉันจะให้ผลประโยชน์กับแกหรือแกอยากได้อะไรก็บอกฉันมาเดี๋ยวฉันจัดให้” เกิ่งหูวพูด
“คุณเกิ่งฉันขอบอกคุณให้ชัดเจนนะไม่ว่าฉันจะยากจนแค่ไหนและฉันจะได้กินแต่ผักดองหรือโจ๊กทุกวันฉันก็ไม่เคยเสียใจเลย..ฉันรู้สึกขยะแขยงเมื่อเห็นคุณและถ้าคุณมารบกวนฉันอีกในอนาคตฉันจะโทรแจ้งตำรวจ” จ้าวหลิงพูดอย่างโกรธเคือง เธออดไม่ได้ที่จะกังวลเกี่ยวกับเย่เชียนและเธอก็ไม่ต้องการให้เย่เชียนต้องลำบากเพราะเรื่องของเธอ หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเย่เชียนเธอคงจะรู้สึกผิดและเสียใจไปตลอด
“หืม..ฮ่าๆ!” เกิ่งหูวหัวเราะอย่างเหยียดหยามและพูดว่า “ฉันไม่เคยไม่ได้สิ่งที่ฉันต้องการเลย..ไม่ช้าก็เร็วฉันจะทำให้เธอคุกเข่าลงต่อหน้าฉันและอ้อนวอนฉัน” จากนั้นเขาก็จ้องไปที่เย่เชียนอย่างดุเดือดและพูดว่า “ไอ้หนุ่ม..ระวังตัวเอาไว้ฉันจะจับตาดูแก!”
หลังจากพูดจบเขาก็โยนดอกไม้ในมือทิ้งด้วยความโกรธและเดินไปที่รถของเขา เมื่อเข้าไปในรถเกิ่งหูวก็รีบโทรออกด้วยรอยยิ้มที่ประจบสอพลอและพูดว่า “พี่เสือครับนี่ผมเองเกิ่งหูว..ผมมีเรื่องที่อยากจะรบกวนคุณ..มันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ..มันเป็นแค่เค้กชิ้นหนึ่งสำหรับคุณ..ตอนนี้ผมอยู่ที่โรงเรียนประถมศึกษาเซิงลี่และชายหนุ่มคนหนึ่งก็มาเย้ยหยันผมและพอผมอ้างชื่อของคุณไปไอ้หมอนั่นมันก็ยิ่งทำตัวหยิ่งผยองกว่าเดิม..ผมต้องรบกวนพี่เสือช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ผมด้วยและวันหลังผมจะเชิญคุณไปกินมื้อเย็นสักมื้อ”
หลังจากทักทายกันเสร็จเกิ่งหูวก็วางสายไปด้วยใบหน้าที่พึงพอใจและเขาก็เดินลงจากรถและเหลือบมองเย่เชียนพร้อมกับพูดว่า “ไอ้หนุ่มถ้าเอ็งกล้าจริงก็อย่าหนีไปไหนก็แล้วกัน”
จ้าวหลิงมองไปที่เย่เชียนอย่างขอโทษและพูดว่า “ฉันขอโทษที่ทำให้คุณเย่ต้องลำบาก..คุณเย่กลับไปก่อนเถอะฉันไม่อยากสร้างปัญหาให้คุณเพราะเรื่องของฉัน”
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างเฉยเมยและพูดว่า “ไม่เป็นไรครับ..คุณเป็นครูของเย่หลินและดูแลเย่หลินมาเป็นอย่างดีเพราะงั้นถ้าผมปล่อยให้คุณเป็นอะไรไปล่ะก็เย่หลินคงจะโกรธผม..คุณไม่ต้องกังวลไปหรอกผมไม่เป็นไร” จากนั้นเขาก็หันไปมองเกิ่งหูวและพูดว่า “ผมจะพาภรรยากับลูกไปกินมื้อเย็น..ผมไม่อยากเสียเวลากับคุณที่นี่หรอก..เราจะไปกินมื้อเย็นที่ร้านอาหารมุมถนนข้างหน้าเพราะงั้นถ้าคุณอยากพบผมก็ไปหาผมที่นั่นก็แล้วกัน”
เกิ่งหูวก็เยาะเย้ยโดยคิดว่าเย่เชียนกำลังจะหนีไปและพูดอย่างดูถูกว่า “ฉันบอกแกแล้วว่าถ้าเก่งจริงก็อย่าหนีไปไหน..ไม่ว่าแกจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนฉันก็สามารถขุดแกออกมาได้อยู่ดี”
เย่เชียนก็ถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์และไม่สนใจเขา จากนั้นก็หันไปยิ้มให้จ้าวหลิงแล้วพูดว่า “คุณจ้าวเราไปกินข้าวด้วยกันเถอะ..ถึงแม้ว่าคุณจะไม่อยากก็เถอะแต่ถ้าเรื่องนี้ไม่ได้รับการแก้ไขคางคกตัวนี้ก็จะหลอกหลอนคุณไปตลอด”
“ฉันขอโทษจริงๆ คุณเย่ที่ดึงคุณเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องแย่ๆ” จ้าวหลิงพูดขอโทษ “ทำไมเราไม่โทรแจ้งตำรวจไปเลยล่ะ..ฉันไม่คิดว่าเกิ่งหูวคนนี้จะเป็นคนดีสักเท่าไหร่เพราะงั้น…”
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “ตำรวจไม่ได้มีอำนาจไปซะทุกอย่าง..นอกจากนี้พวกตำรวจก็ยุ่งมากอยู่แล้วเพราะงั้นต่อให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเราจริงๆ แล้วเราโทรไปแจ้งพวกเขาก็ไม่มาหรอก..ไม่ต้องห่วงคุณจ้าวผมไม่เป็นอะไรหรอก”
“ใช่ครูจ้าวไม่รู้หรอว่าพ่อของหนูเก่งเรื่องการต่อสู้มาก..เขาเรียนกังฟูที่วัดเส้าหลินตั้งแต่ยังเด็กและเป็นนักสู้แห่งวัดเส้าหลินเมื่อเขาโตขึ้น..แต่พอเขาเจอแม่ของหนูเขาก็หยุดฝึกฝนมานานแต่ความเก่งของเขาก็ยังไม่หายไปไหนอยู่ดี..พ่อของหนูเก่งเพราะงั้นครูจ้าววางใจได้เลย” ใบหน้าของเย่หลินไม่ได้ดูผิดปกติเลยแม้แต่น้อยตอนที่เธอโกหกและเธอก็โกหกได้แนบเนียนมาก
ถึงแม้ว่าคำพูดของเย่หลินจะดูเหมือนเป็นเรื่องจริงแต่จ้าวหลิงซึ่งเป็นครูมาหลายปีเธอก็เข้าใจเป็นอย่างดีว่าในหัวใจของเด็กๆ นั้นพ่อของพวกเขาก็มักจะอยู่ยงคงกระพันที่สุดในโลกราวกับว่าพวกเขามีอำนาจทุกอย่าง ซึ่งเธอก็ไม่ได้ถือคำพูดของเด็กหญิงตัวเล็กๆ อย่างจริงจังจนเกินไป อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นความจริงใจของเย่เชียนแล้วเธอก็ไม่สามารถปฏิเสธได้อีก อย่างไรก็ตามนี่เป็นความตั้งใจของเย่เชียนที่ต้องการช่วยเธออย่างจริงใจ หลังจากตระหนักถึงเรื่องนี้จ้าวหลิงก็พยักหน้าเห็นด้วยและถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นในภายหลังเธอก็สามารถโทรหาตำรวจได้ทุกเมื่อ
จากนั้นทั้งสามก็ขับรถไปที่ร้านอาหารในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งเย่หลินไม่ใช่คนจู้จี้จุกจิกเรื่องกินเพราะเธอคล้ายกับเย่เชียนมาก เธอไม่เรื่องมากเกี่ยวกับอาหารการกินเลยส่วนจ้าวหลิงก็เป็นเด็กจากชนบทและเธอก็ไม่ได้เสแสร้งดังนั้นเธอจึงชอบร้านอาหารริมทางแห่งนี้ สิ่งที่เธอกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับตอนนี้คือสิ่งที่เกิ่งหูวกำลังจะทำเร็วๆ นี้เพราะงั้นเวลากินอาหารเธอก็ดูกังวลมากเช่นกัน
เนื่องจากเขาเพิ่งกินอาหารกับฉินหยูและเย่ห่าวหรานมาจึงทำให้เขาไม่หิวดังนั้นเขาจึงกินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่เป็นกังวลของจ้าวหลิงเช่นนี้เย่เชียนก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ซึ่งเย่หลินก็พยายามปรับเปลี่ยนบรรยากาศได้ดีมากเพราะเธอชวนพูดคุยตลอดเวลาและเรื่องราวทั้งหมดก็เป็นเรื่องของเย่เชียน อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมดเพราะไม่มีสิ่งใดที่เป็นความจริงเลยและขณะพูดเธอก็ขยิบตาให้เย่เชียนและดูเหมือนว่าเธอต้องการให้เย่เชียนกับจ้าวหลิงได้รักกันจริงๆ
อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นและไม่มีจุดประสงค์นั้นเลย ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลยและหันศีรษะมองออกไปข้างนอก แต่การแสดงของจ้าวหลิงนั้นก็ดูแปลกมากเพราะภายใต้การเยินยอและสนับสนุนของเย่หลินแล้วเธอก็ไม่ประหม่าและเขินอายเหมือนก่อน ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังถามคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับเย่เชียนอีกด้วยจนเย่หลินรู้สึกตื่นเต้นอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนเธอกำลังจับคู่ให้ทั้งสองอยู่ เมื่อใดก็ตามที่เด็กหญิงตัวเล็กๆ พูดถึงการให้จ้าวหลิงเป็นแม่ของเธอแล้วจ้าวหลิงก็หันไปมองเย่เชียนโดยไม่ตั้งใจและหน้าเธอก็แดงขึ้นในทันทีและดวงตาของเธอก็เริ่มมีความคาดหวังบางอย่างปรากฏให้เห็น
สิ่งนี้ทำให้เย่เชียนหัวใจเต้นแรงโดยไม่ตั้งใจและเขาก็คิดกับตัวเองว่า “ผู้หญิงคนนี้สนใจตัวเขาจริงๆ งั้นเหรอ?” เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เย่เชียนก็จ้องไปที่เย่หลิน อย่างไรก็ตามเย่หลินก็ทำเป็นมองไม่เห็นดูเหมือนเธอมองไม่เห็นเลยและเธอยังคงบอกจ้าวหลิงเกี่ยวกับอดีตอันน่าเศร้าของเย่เชียนว่าเย่เชียนเป็นมาอย่างไร เย่เชียนนั้นไม่รู้ว่าเย่หลินคนนี้รู้ความเคลื่อนไหวและประวัติของเขามากถึงขนาดนี้ได้อย่างไรและเธอก็สามารถโอ้อวดเรื่องของเย่เชียนได้โดยไม่มีความประหม่าหรือเขินอายอะไรใดๆ ราวกับวาดภาพเย่เชียนว่าเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งความน่าหลงใหลจนความรู้สึกดีๆ ของจ้าวหลิงที่มีต่อเย่เชียนก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
อันที่จริงแล้วไม่ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงแบบไหนแต่ในใจของเธอนั้นเธอก็ยังคงซ่อนเร้นความเป็นแม่อยู่เมอเพราะพวกเธออดไม่ได้ที่จะเห็นใจคนที่อ่อนแอโดยเฉพาะผู้หญิงที่ยากจนอย่างจ้าวหลิงแล้ว ดังนั้นภายในเวลาไม่นานเธอก็ถูกดึงลงไปสู่กับดักโดยเย่หลินและหัวใจของเธอก็แสดงความเห็นอกเห็นใจต่อเย่เชียนอย่างไม่มีขอบเขต ซึ่งความเห็นอกเห็นใจนั้นเป็นจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผู้หญิงซึ่งทำให้ผู้หญิงตกหลุมรักผู้ชายคนนั้นได้อย่างง่ายดาย
ด้านนอกประตูเย่เชียนก็เห็นเกิ่งหูวและกลุ่มชายหนุ่มกำลังคุยกันอย่างเสียงดังและพวกเขายังคงชี้มาที่เย่เชียนขณะพูดคุย รูปลักษณ์และการแสดงออกนั้นราวกับว่าเขาต้องการลอกผิวหนังของเย่เชียนออก เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ฉีกยิ้มแต่ไม่ได้ใส่ใจอะไรเพราะเมืองเซี่ยงไฮ้แห่งนี้เป็นฐานทัพแห่งแรกขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าในประเทศจีน ดังนั้นในเมืองเซี่ยงไฮ้แห่งนี้คำสั่งของเย่เชียนเพียงคำเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนๆหนึ่งต้องสิ้นหวัง นอกจากนี้แก๊งมาเฟียที่ใหญ่ที่สุดในเซี่ยงไฮ้ตอนนี้อยู่ในการดูแลของหวังหูแล้ว ดังนั้นพวกอันธพาลเหล่านี้จะสามารถทำอะไรเขาได้?
หลังจากที่กลุ่มชายหนุ่มเหลือบมองมาที่เย่เชียนพวกเขาก็เดินเข้ามาจากข้างนอกและทุกคนก็ดูดุร้ายราวว่าแค้นเย่เชียนมาเป็นสิบปี ซึ่งทันทีที่พวกเขาเข้าไปในประตูร้านหัวหน้ากลุ่มคนหนึ่งก็ตะโกนเสียงดังว่า “ใครที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปให้หมด..พวกเราต้องทำธุระที่นี่สักพัก”
บรรดาแขกของร้านอาหารเมื่อเห็นสถานการณ์นี้พวกเขาจึงรีบวางเงินและวิ่งออกไป ซึ่งจ้าวหลิงที่เห็นเกิ่งหูวอยู่ด้านนอกประตูและรู้ทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เธอรู้สึกประหม่าและกังวลอย่างมากจึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าและกำลังจะกดเบอร์โทรศัพท์ของสถานีตำรวจ เย่เชียนก็ฉีกยิ้มและเอื้อมมือไปหยุดเธอแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวลไป..เชื่อผมสิว่าผมไม่เป็นอะไร”
จ้าวหลิงเหลือบมองเย่เชียนด้วยความประหลาดใจและค่อยๆ วางมือลง เธอไม่รู้ว่าทำไมแต่เมื่อเธอเห็นดวงตาที่มั่นใจของเย่เชียนแล้วเธอเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวของเย่เชียนและไม่ลังเลที่จะเชื่อว่าชายที่อยู่ข้างหน้าเธอคนนี้สามารถแก้ปัญหานี้ได้ ส่วนเย่หลินก็กะพริบตาและหันกลับมามองเย่เชียนและพูดว่า “พ่อคะระวังด้วย..อย่าทำให้ข้าวของเสียหายล่ะ”
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และมองไปที่เย่หลินอย่างดุเดือดและพูดว่า “ไม่เป็นไรพ่อไม่ได้เป็นคนจ่ายเพราะเกิ่งหูวค่อนข้างรวยเพราะงั้นไม่เป็นไรหรอก”
ในร้านอาหารแขกทุกคนก็รีบวิ่งหนีไปและเหลือเพียงโต๊ะของเย่เชียนและเจ้าของกับพนักงานเสิร์ฟเท่านั้นซึ่งพวกเขาซ่อนตัวอยู่หลังร้านและไม่กล้าพูดอะไรใดๆ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ของที่จะเข้าไปแทรกแซงได้และเมื่อใดที่เรื่องเหล่านี้คลี่คลายลงฝ่ายที่แพ้ก็จะเสียเงินค่าเสียหายและนี่ก็เป็นธรรมเนียมปกติของคนที่นี่เสมอ