ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 892 ความรักพี่เพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้จบ
ตอนที่ 892 ความรักพี่เพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้จบ
ถึงแม้ว่าจะมีลูกค้าถึงยี่สิบคนในร้านแต่อาหารทั้งหมดก็เหลืออีกแค่ไม่กี่อย่าง ในช่วงแรกเกิ่งหูวสามารถกินมันเข้าไปได้อย่างต่อเนื่องแต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็รู้สึกคลื่นไส้และแทบจะอาเจียนออกมาทั้งหมด อย่างไรก็ตามเขาก็พยายามกลั้นมันเอาไว้เพราะเขากลัวจริงๆว่าถ้าเขาอาเจียนออกมาเย่เชียนจะบังคับให้เขากินมันกลับเข้าไป
“เถ้าแก่คะ..เอาน้ำซุปกับเครื่องปรุงออกมาหน่อยดูเหมือนเขาจะกินยาก” เย่หลินเงยหน้าขึ้นและตะโกนใส่เถ้าแก่เจ้าของร้านอาหารที่ซ่อนตัวอยู่ในครัว
เถ้าแก่ก็ออกมาอย่างหวาดกลัวและพูดอย่างประหม่าว่า “เอาอะไรหรือคุณหนู?”
“ไปเอาน้ำซุปกับน้ำส้มสายชูและซีอิ๊วมาหน่อย” เย่หลินพูด
“ได้ครับคุณหนู!” เถ้าแก่รีบเดินเข้าไปในครัวและเมื่อผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ออกมาพร้อมกับของที่เย่หลินสั่งและเมื่อเห็นเช่นนั้นเย่หลินก็ยิ้มแล้วรับของจากเถ้าแก่ จากนั้นเย่หลินก็เดินไปหาเกิ่งหูวและตบไหล่เขาแล้วพูดว่า “ถ้ามันกินยากก็ต้องกินไปพร้อมๆกันจะได้ง่ายๆ” หลังจากพูดแล้วเธอก็หยิบอาหารบนโต๊ะเทลงในชามซุปจากนั้นก็ตามด้วยน้ำส้มสายชูพริกและซีอิ๊วทั้งหมดจนทำให้ทุกคนตกตะลึง
จากนั้นเย่หลินก็ปรบมือและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ลองดูสิถ้าใส่เครื่องปรุงแล้วรสชาติมันจะดีขึ้น”
เกิ่งหูวก็ทำหน้าบูดบึ้งและเงยหน้าขึ้นและมองเข้าไปในชามซุปและแทบจะอาเจียนออกมา ซึ่งในท้องของเขานั้นอึดอัดมาก จากนั้นเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆจากนั้นก็กลั้นหายใจและยัดมันเข้าไปในปากของเขาอย่างน่าอนาถ เขาอาจจะยังกินได้อีกแค่นิดเดียวแต่ถ้ามากกว่านี้เขาก็ไม่รู้จริงๆว่าเขาจะสามารถกินได้อีกหรือไม่
เมื่อคนของเทียนเจี๋ยเห็นการแกล้งของเย่หลินแล้วพวกเขาก็ถึงกับหนาวสั่นและคิดอย่างลับๆว่า ‘โชคดีที่ฉันไม่ได้ทำอะไรลงไปไม่งั้นฉันคงจะต้องโดนแบบนี้อย่างแน่นอน..นี่เหรอลูกของหมาป่า!’
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้แต่เขาก็ไม่ได้ห้ามเย่หลินเพราะเย่เชียนรู้ว่าเด็กคนนี้ในอนาคตจะเติบโตเป็นคนที่ยิ่งใหญ่และที่จะสามารถยืนหยัดอย่างสง่างามได้อย่างแน่นอน เย่เชียนก็อดคิดไม่ได้ว่ามันอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่จะมอบธุรกิจและทุกอย่างให้กับเย่หลินในอนาคตเพราะเมื่อมองการแสดงออกและนิสัยของเธอแล้วเธอดูสนใจในด้านนี้มาก
ในที่สุดเกิ่งหูวก็กินทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าเขาจนหมดและความเจ็บปวดในท้องของเขาก็เริ่มปั่นป่วนแต่เขาก็ฝืนกลั้นมันเอาไว้ นาทีสุดท้ายอย่างน่าอนาถ
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เอาล่ะแค่นี้ก็พอแล้วแต่วันนี้คุณต้องรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดในร้านรวมถึงค่าอาหารด้วย..จากนั้นผมจะให้เวลาคุณสามวันเพื่อออกไปจากเมืองเซี่ยงไฮ้และอย่าโผล่หน้ามาที่นี่อีก..ผมคิดว่าคุณน่าจะรู้นะว่าผมหมายถึงอะไร”
“แต่…แต่…” เกิ่งหูวพูดด้วยความประมาทเพราะเพิ่งจะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่เมืองเซี่ยงไฮ้และมันอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้างแล้ว ดังนั้นสิ่งต่างๆมันจะไร้ประโยชน์ถ้าหากเขาต้องออกจากเมืองนี้ไป
“อะไรนะคุณไม่เข้าใจที่ผมพูดงั้นเหรอ?” เย่เชียนพูด “ผมจะไม่พูดเป็นครั้งที่สองและถ้าคุณยังไม่เข้าใจผมก็จะทำให้คุณเข้าใจเอง”
“เข้าใจแล้วๆ” เกิ่งหูวพูดอย่างเร่งรีบ “ผมจะออกจากเมืองเซี่ยงไฮ้ในพรุ่งนี้เช้าและจะไม่มาปรากฏตัวที่เมืองนี้อีกเลย”
เย่เชียนก็พยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “ไปซะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเกิ่งหูวกล้าที่จะลังเลได้อย่างไร? เขารีบวิ่งหนีอย่างตะเกียกตะกายและลุ้มลุกคลุกคลานอย่างน่าสมเพช แน่นอนว่าเขาอาจจะสามารถหาวิธีจัดการกับอสังหาริมทรัพย์ที่เขาลงทุนไปได้ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะอยู่ในเมืองนี้อีกต่อไปเพราะมีคนแบบนี้มากมายในแวดวงนี้ ดังนั้นการที่เย่เชียนฆ่าเขาไปคงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยใช่มั้ย? นอกจากนี้เรื่องแบบนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดามากในสังคมโลกใต้ดิน
“คุณเย่ครับถ้างั้นพวกผมก็ขอตัวกลับก่อนนะครับ..ผมต้องขอโทษสำหรับเรื่องในวันนี้ด้วย..เอาไว้โอกาสหน้าผมขอเชิญคุณไปดื่มเพื่อเป็นการขอโทษนะครับ”
เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องสุภาพหรอก..พวกคุณทุกคนเป็นพี่น้องของผม..อีกอย่างคุณจ้าวเธอเป็นเพื่อนของผมเพราะงั้นผมสิที่ต้องรบกวนพวกคุณดูแลเธอในอนาคต..ยิ่งไปกว่านั้นเธอเป็นครูของลูกสาวของผมและผมก็ไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับโรงเรียน”
“เข้าใจแล้วครับคุณเย่ไม่ต้องเป็นห่วงเดี๋ยวผมเราช่วยเป็นหูเป็นตาให้เอง” เทียนเจี๋ยพูดอย่างเร่งรีบ “ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับคุณเย่..ขอบคุณครับ!”
“อืม” เย่เชียนพยักหน้าและไม่พูดอะไร ซึ่งหลังจากกลุ่มคนออกไปเย่เชียนก็หันไปมองจ้าวหลิงและพูดว่า “คุณจ้าวครับวันนี้ผมต้องขอโทษด้วย..ผมหวังว่าคุณจะไม่เข้าใจผิดว่าผมใช่โอกาสนี้เพื่อฉวยโอกาสจากคุณ..ผมจะไปส่งคุณที่บ้านเอง”
“ไม่ค่ะ..ฉันสิที่ต้องขอบคุณคุณเย่สำหรับเรื่องของวันนี้..ถ้าไม่ใช่เพราะคุณฉันเองก็ไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง” จ้าวหลิงพูด “บ้านของฉันอยู่ใกล้ที่นี่มากเพราะงั้นฉันกลับเองได้ค่ะ..ฉันไม่อยากรบกวนคุณเย่ไปมากกว่านี้” ไม่ว่าเธอจะโง่แค่ไหนแต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็เพียงพอที่จะอธิบายสิ่งต่างๆได้มากมายแล้วว่าเย่เชียนคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา เพราะคำพูดของเย่เชียนเพียงประโยคเดียวเกิ่งหูวก็สามารถกลัวจนคุกเข่าขอความเมตตาอย่างน่าสมเพชได้ซึ่งนี่ไม่ใช่สิ่งที่ใครๆก็ทำได้เลย
“ไม่เป็นไรผมเอารถมาและวันนี้ก็เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วยเพราะงั้นรถโดยสารประจำทางคนคงจะเยอะมากและมันก็ไม่ปลอดภัยเลย” เย่เชียน
“ครูจ้าวอย่าปฏิเสธเลย..ยังไงครูจ้าวก็พาพ่อของหนูไปเยี่ยมคุณลุงคุณป้าด้วยสิคะเพราะยังไงไม่ช้าก็เร็วก็ต้องได้เจออยู่ดี..เพราะงั้นก็พาลูกเขยไปแนะนำตัวกับพวกท่านเลยสิ” เย่หลินพูด
เย่เชียนก็จ้องไปที่เย่หลินอย่างดุร้ายแต่ไม่ได้พูดอะไรเพราะเขาจะพูดอะไรได้? ซึ่งถ้าพูดมากไปเกรงว่าจ้าวหลิงจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ดังนั้นดีกว่าถ้าไม่พูดอะไร ส่วนจ้าวหลิงก็หน้าแดงและพยักหน้าเล็กน้อย
หลังจากขึ้นรถแล้วเย่เชียนก็ถามทางไปบ้านของจ้าวหลิงและขับรถไป ระหว่างทางเย่เชียนไม่ได้พูดอะไรใดๆ ซึ่งเย่หลินกับจ้าวหลิงนั้นนั่งอยู่ที่เบาะหลังและพูดคุยกันเบาๆเป็นครั้งคราว โดยเย่เชียนไม่รู้เลยว่าพวกเธอคุยเรื่องอะไรกันอย่างไรก็ตามเย่เชียนก็รู้ดีว่าเย่หลินจะต้องไม่พูดอะไรดีๆอย่างแน่นอน เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้ไม่พูดอะไรดีๆ ซึ่งจ้าวหลิงก็แอบมองเย่เชียนผ่านกระจกมองหลังเป็นครั้งคราวและเมื่อเธอเห็นดวงตาของเย่เชียนที่มองมาที่เธอนั้นเธอก็รีบก้มหน้าทันที
เย่เชียนก็แอบตะโกนในใจว่า “ห๊ะ” ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะสนใจตัวเองอย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่อยากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะเย่เชียนกำลังจะออกจากเมืองเซี่ยงไฮ้ในวันพรุ่งนี้และอาจจะไม่ได้พบกับจ้าวหลิงอีก ดังนั้นหลังจากผ่านไปสักพักเธอก็อาจจะลืมเขาได้และในความเป็นจริงจ้าวหลิงเองก็เป็นผู้หญิงที่สวยและอย่างน้อยๆเธอก็สามารถทำคะแนนได้มากกว่า 70 จาก 100 ในด้านความสวยงามสำหรับเย่เชียน อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่มีความคิดที่จะรักใครในตอนนี้เพราะยังมีปัญหามากมายรอเขาอยู่จนไม่สามารถรักใครได้
เมื่อถึงบ้านของจ้าวหลิงเย่เชียนก็เปิดประตูรถให้เธอจากนั้นเธอก็เหลือบมองเย่เชียนและพูดอย่างประหม่าว่า “คุณเย่..คุณอยากเข้าไปข้างในก่อนมั้ย”
เย่เชียนก็ตกตะลึงเล็กน้อยและเมื่อจ้าวหลิงเห็นสีหน้าของเขาเธอก็รีบพูดอย่างเขินอายว่า “ไม่..ไม่..ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นคุณเย่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดสิ..พ่อแม่ของฉันไม่อยู่บ้านฉันแค่อยากถามว่าคุณจะเข้าไปข้างในและดื่มน้ำสักแก้วก่อนมั้ยเพราะคุณช่วยชีวิตของฉันเอาไว้วันนี้ฉันก็ต้องขอบคุณและตอบแทนคุณบ้าง”
เย่เชียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆและพูดว่า “คุณจ้าวผมหวังว่าคุณจะไม่เชื่อในสิ่งที่หลินหลินพูดหรอกนะครับเพราะสิ่งที่เธอพูดในวันนี้เป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด..ผมไม่ใช่พ่อแท้ๆผู้ให้กำเนิดเธอและแม่ของเธอก็เสียชีวิตไปอย่างกะทันหัน..ยิ่งไปกว่านั้นผมเองก็มีคนรักแล้วและมีมากกว่าหนึ่งคนด้วยเพราะงั้น…”
“ฉันเข้าใจค่ะ..ฉันเข้าใจแล้ว” จ้าวหลิงรีบขัดคำพูดของเย่เชียนและพูดว่า “ฉันจะไม่ไปส่งคุณนะ..ขับรถระวังๆด้วยค่ะ” หลังจากพูดจบจ้าวหลิงก็หันหลังกลับและวิ่งเข้าไปในข้างในบ้านและปิดประตูบ้านอย่างแรง จากนั้นก็มีเสียงของหญิงชราดังขึ้นข้างใน “หลิงเอ๋อร์เกิดอะไรขึ้น..จะรีบไปไหน!”
“ไม่มีอะไรค่ะ!”
เมื่อเย่เชียนได้ยินเสียงนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และหันหลังกลับเดินไปขึ้นรถ “พ่อคะทำไมพ่อไม่เข้าไปหาพ่อตากับแม่ยายในอนาคตล่ะ” เย่หลินพูด
เย่เชียนก็มองเย่หลินอย่างดุเดือดแล้วพูดว่า “ยัยเด็กแสบทั้งหมดเป็นความผิดของหนูเลย..คราวหน้าถ้าหนูไปหลอกใครอีกพ่อจะทำให้หนูเห็นว่าพ่อจะจัดการหนูยังไง..จำเอาไว้ว่าอย่าพูดเรื่องไร้สาระกับครูจ้าวอีก..ครูจ้าวเธอเป็นคนดี”
“หนูรู้ว่าครูจ้าวเป็นคนดีเพราะงั้นหนูจึงอยากแนะนำให้พ่อรู้จักครูจ้าว” เย่หลินพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า
“เด็กอย่างหนูจะไปรู้อะไร..นั่งลงดีๆและคาดเข็มขัดนิรภัยด้วย” เย่เชียนจ้องไปที่เย่หลินแล้วสตาร์ทรถเพื่อขับกลับบ้าน เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่หลินก็แลบลิ้นเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไร
เมื่อกลับถึงบ้านเมื่อเห็นเย่เชียนเดินเข้ามาฉินหยูก็รีบทักทายเขาและพูดว่า “เย่เชียน..ห่าวหรานขังตัวเองอยู่ในห้อง..ฉันไม่รู้จะทำยังไงดี”
เย่เชียนตกตะลึงครู่หนึ่งและถามด้วยความประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้น?”
“หลังจากกลับมาเมื่อเช้านี้ห่าวหรานก็ตัวเองอยู่ในห้องและไม่ว่าฉันจะเรียกเขาแค่ไหนเขาก็ไม่สนใจฉันเลย” น้ำตาแห่งความกังวลของฉินหยูก็เริ่มไหลออกมาและเธอก็พูดว่า “มันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับห่าวหรานใช่ไหม..คุณช่วยไปดูเขาหน่อยสิ”
เย่เชียนก็ไม่กล้าลังเลและรีบเดินไปที่ห้องของห่าวหรานทันที ส่วนเย่หลินก็ไม่ได้สนใจและพูดด้วยท่าทางสบายๆว่า “คุณป้าไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะห่าวหรานเขาก็เป็นแบบนี้ประจำ..หนูได้ยินจากพ่อแล้วว่าคุณซื้อหนังสือให้เขาเยอะมากใช่ไหม..ถ้างั้นหนูก็คิดว่าเขาต้องจดจ่ออยู่กับการอ่านหนังสืออย่างแน่นอนเขาไม่เป็นอะไรหรอก”
ถึงแม้ว่าเธอจะพูดอย่างนั้นแต่เย่เชียนก็รีบขึ้นไปชั้นบนอย่างเร่งรีบและเคาะประตูอย่างแรงและเรียกห่าวหรานสองสามครั้งแต่ก็ไม่มีการตอบสนองใดๆและขณะที่เย่เชียนกำลังจะแงะประตูจู่ๆเย่หลินก็เข้ามาดึงเย่เชียนออกไปและพูดว่า “เดี๋ยวหนูจัดการเอง” จากนั้นเธอก็พูดที่หน้าประตูว่า “ห่าวหรานอยู่ข้างในหรือเปล่า..คุณครูของฉันให้การบ้านฉันมาและมันยากมาก..ฉันคิดอะไรไม่ออกเลยเพราะงั้นออกมาช่วยฉันหน่อยสิ”
ทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้นประตูก็ถูกเปิดออกและห่าวหรานก็กะพริบตาแล้วพูดว่า “คุณครูให้อะไรมา..หวังว่ามันคงจะไม่ใช่การบ้านสำหรับเด็กหรอกนะ..ขอดูหน่อย”