ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 895 กังวลและประหม่า
ตอนที่ 895 กังวลและประหม่า
ในคาสิโนมักมีนักพนันบางคนที่ไม่เต็มใจที่จะสร้างปัญหาที่นี่เพราะเสียเงินในการพนันไปเพราะภายใต้การดูแลของคาสิโนแล้วก็มีการใช้มาตรการขับไล่โดยบอดี้การ์ดและในคาสิโนเองก็มีคนให้กู้ยืมเงินแบบมีดอกเบี้ย ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วคนที่เสียเงินในคาสิโนก็มักจะยืมเงินกับผู้ที่ปล่อยเงินกู้และถ้าหากคนเหล่านั้นหนีหรือไม่ทำการเงื่อนไขและกำหนดการใช้หนี้ล่ะก็จะถูกจัดการผู้ปล่อยเงินกู้และแน่นอนว่าในบางครั้งอาจมีการสร้างปัญหาและทะเลาะวิวาทกันจึงทำให้มีห้องใต้ดินสำหรับกักขังและปรับทัศนคติคนเหล่านี้
ชางกวนหยานยู่นั่นเดิมที่เป็นลูกหลานในตระกูลที่ร่ำรวยและไม่ยอมทำอะไรนอกจากกินและเที่ยวเท่านั้น ซึ่งในตระกูลชางกวนเขาเป็นคนที่จัดการง่ายที่สุด อย่างไรก็ตามตระกูลของเขาก็ยังมีชางกวนอู๋เต๋ออยู่ที่ทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยมดังนั้นถึงแม้ว่าชางกวนหยานยู่จะใช้เวลาไร้สาระไปทั้งชีวิตของเขามันก็ไม่มีผลกระทบอะไรต่อตระกูลอยู่ดี
อย่างไรก็ตามครั้งนี้มันเป็นความล้มเหลวโดยสิ้นเชิงเพราะเขาถูกเย่เชียนจับตัวไปและในเวลาไม่ถึงสองวันเขาก็สูญเสียมากกว่า 200 ล้านหยวนในคาสิโนแห่งนี้ อันที่จริงแล้วชางกวนหยานยู่ไม่ใช่คนที่ไม่มีฝีมือในการพนันแต่ครั้งนี้เขาถูกเย่เชียนและคนอื่นๆ วางแผนเอาไว้จนทำให้เขาสูญเสียเงินมากมายเพราะความโลภ ควบคู่กับฝีมือการพนันของหลี่เหว่ยแล้วมันก็ง่ายมากที่จะจัดการชางกวนหยานยู่คนนี้
200 ล้านหยวนนั้นถึงแม้ว่ามันจะมากแต่สำหรับตระกูลชางกวนแล้วมันก็ถือว่าน้อยอยู่ดี ดังนั้นถึงแม้ว่าชางกวนหยานยู่จะถูกขังอยู่ในห้องใต้ดินเขาก็ไม่กังวลเพราะตราบใดที่พ่อของเขานำเงินมาไถ่ตัวเขาล่ะก็เขาจะสามารถออกไปจากที่นี่และใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้
หลังจากรับประทานอาหารแบบง่ายๆ แล้วเย่เชียนก็ไปที่ห้องใต้ดินพร้อมกับหลี่เหว่ยและเฟิงหลาน อย่างไรก็ตามชางกวนหยานยู่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนักเพราะหลี่เหว่ยขังเขาเอาไว้ในห้องเล็กๆ และยังไม่ได้ทรมานเขา ซึ่งเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูชางกวนหยานยู่ก็เงยหน้าและพูดอย่างโกรธเคืองว่า “แกอยากได้เงินสองร้อยล้านงั้นเหรอ..แกก็โทรไปหาพ่อของฉันสิจะพาฉันมาขังที่นี่ทำไม”
“ถ้างั้นนายน้อยชางกวนต้องรอสักสองสามวันจนกว่าพ่อคุณจะมาแล้วเราค่อยมาตกลงกันอีกที” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม
ชางกวนหยานยู่เงยหน้าขึ้นและเมื่อเขาเห็นเย่เชียนเขาก็ต้องตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพูดด้วยความประหลาดใจว่า “นายเองเหรอ?” เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่ประตูบาร์ในคืนนั้นชางกวนหยานยู่ก็ดูเหมือนรู้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“นายน้อยความจำดีใช้ได้เลยนี่ที่จำผมได้” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมขอแนะนำตัวเองก่อน..ผมเย่เชียน..ผมหวังว่านายน้อยจะไม่ขุ่นเคืองกับเรื่องนี้เพราะคุณเป็นลูกค้ารายใหญ่ของเรา”
“หืม..ลูกค้ารายใหญ่..นี่พวกแกปฏิบัติต่อลูกค้ารายใหญ่แบบนี้เหรอ..ที่ฉันเสียไปสองร้อยล้านนี่ก็แผนของพวกแกงั้นสินะ” ชางกวนหยานยู่พูดอย่างดูถูก
“ใช่..นายน้อยชางกวนเป็นคนรวยเพราะงั้นสองร้อยล้านมันไม่ได้เยอะสำหรับคุณเลยแต่พวกเราน่ะยากจนและสองร้อยล้านก็เป็นเงินที่เยอะมากสำหรับพวกเรา” เย่เชียนพูด “หากมีสิ่งใดที่พวกผมทำให้นายน้องต้องขุ่นเคืองผมหวังว่านายน้อยชางกวนจะปล่อยผ่านสักครั้ง..ว่าแต่คุณเข้าใจดอกเบี้ยในการกู้ยืมหรือเปล่า?”
“รู้สิดอกเบี้ย30%ของที่ยืมและเงินต้น200ล้านก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยรวมเป็นเงินจำนวน260ล้าน” ชางกวนหยานยู่พูด
“เยี่ยม” เย่เชียนพูด “ตอนนี้เราจะอัดวิดีโอของนายน้อยชางกวนและส่งไปให้พ่อของคุณ..ผมเกรงว่าเขาจะคิดว่าเรากำลังหลอกเขาถ้าเราไม่ทำอย่างนั้น..คุณคิดว่าไง?”
“รีบๆ อัดซะสิ” ชางกวนหยานยู่พูด
เย่เชียนหันไปมองหลี่เหว่ยและพยักหน้าให้เขา จากนั้นหลี่เหว่ยก็หยิบเครื่องบันทึกวิดีโอออกมาและเริ่มบันทึกภาพ ส่วนเย่เชียนกับเฟิงหลานก็เดินออกจากห้องไปและหยิบบุหรี่ออกจากเสื้อของเขาแล้วส่งให้เฟิงหลานพร้อมกับพูดว่า “พี่เฟิงหลานคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“ไอ้หมอนี่ไม่มีอะไรดีเลยเพราะงั้นตราบใดที่เราทำให้เขากลัวหุ้นก็จะตกอยู่ในมือของเราอย่างง่ายดาย..แต่กุญแจสำคัญคือการรับมือกับชางกวนอู๋เต๋อเพราะฉันได้ยินมาว่าเขาไม่ใช่คนดีและทำสิ่งต่างๆ อย่างไร้ความปรานี..ซึ่งถ้าหากเขารู้ว่าเราต้องการหุ้นในมือของเขาล่ะก็ฉันเกรงว่ามันคงไม่ง่ายที่เขาจะยอม” เฟิงหลานพูด
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ชางกวนอู๋เต๋อนั้นเป็นปัญหาใหญ่จริงๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่พี่อาจจะไม่รู้..ว่ากันว่าผู้ชายมักจะแพ้ผู้หญิงเสมอ..ซึ่งคนที่น่ากลัวที่สุดคือแม่ของเขาเพราะพญาเสือตัวนี้ค่อนข้างร้ายไม่งั้นชางกวนเจ้อก็คงจะไม่ได้รับการปฏิบัติแบบนั้นในตระกูลชางกวนหรอก..ถ้าหากเธอรู้ว่าลูกชายของเธอถูกเรียกค่าไถ่ล่ะก็เธอจะต้องกดดันให้ชางกวนอู๋เต๋อทำทุกอย่างที่พวกเราขอและไม่ว่าเงื่อนไขจะเป็นอะไรเธอก็ยอมอยู่ดี”
“นั่นก็จริง” เฟิงหลานพูด “แต่ฉันกังวลเกี่ยวกับชางกวนซินหยางน่ะสิเพราะชายชราคนนี้เป็นผู้ถืออำนาจที่แท้จริงของตระกูลชางกวนเพราะงั้นถ้าหากเขารู้ว่าหุ้นของตระกูลถูกขายสู่ตลาดกลางฉันก็เชื่อว่าเขาต้องรู้ว่ากำลังมีคนคิดที่จะหุบบริษัทของเขาและตอนนี้ที่มีบางอย่างเกิดขึ้นกับชางกวนหยานยู่ฉันก็คิดว่าเขาสามารถเดาได้เช่นกัน”
เย่เชียนก็พูดว่า “ตระกูลชางกวนดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจมาหลายปีแล้วเพราะงั้นในปักกิ่งพวกเขาอาจจะมีเครือข่ายมากมายแต่ในมาเก๊าพวกเขาไม่มีปากไม่มีเสียงอย่างแน่นอน..ตราบใดที่ชางกวนอู๋เต๋อมาที่นี่ล่ะก็ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับเราที่จะตัดสินใจ..ไม่ว่าชางกวนซินหยางจะผยิ่งผยองแค่ไหนแต่ผมก็ไม่คิดว่าเขาจะปล่อยให้ลูกหลานของเขาลำบากได้หรอก”
“ตอนนี้สิ่งต่างๆ ได้พัฒนามาถึงขั้นนี้แล้วและเราก็สามารถดำเนินการต่อได้” เฟิงหลานพูด “ยังไงก็ตามฉันกังวลว่าตระกูลชางกวนที่เป็นตระกูลศิลปะการต่อสู้จีนโบราณเพราะงั้นพวกเขาจะต้องมียอดฝีมือมากมายภายใต้พวกเขา..บางทีพวกนั้นอาจจะเริ่มแผนปฏิบัติการลอบสังหารโดยไม่ลังเลเพราะงั้นบอสต้องระวังตัวเอาไว้ให้ดี..ฉันต้องอยู่ข้างๆ บอสจนกว่าเรื่องนี้จะจบ”
เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถึงพี่จะไม่พูดผมก็ไม่ประมาทหรอก..ตอนนี้พี่เทียนเฉินก็คอยดูแลสิ่งต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่เพราะงั้นเราไม่ต้องกังวลเรื่องของที่นั่นหรอก..ทีนี้เราจะได้ทำสิ่งต่างๆ อย่างเต็มที่..อย่าลืมหามือดีมาเฝ้าเขาเอาไว้ด้วยสักสองสามคนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด
เฟิงหลานก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชิงเฟิงเลย..ว่าแต่ม่อหลงพบเขาหรือยัง..ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับชิงเฟิงล่ะก็ฉันจะระดมพี่น้องของเราทุกคนไปถล่มเกาะญี่ปุ่นให้ราบเลยคอยดู” ดวงตาของเฟิงหลานก็ส่องประกายด้วยเจตนาฆ่า ในบรรดาสมาชิกเขี้ยวหมาป่านั้นเฟิงหลานเป็นคนที่อารมณ์ค่อนข้างมั่นคงที่สุดและไม่ค่อยแสดงความโกรธออกมา ในการรับโทษ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมีใจแน่วแน่ ซึ่งถ้าเฟิงหลานโกรธขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็เขาจะแยกแยะไม่ออกว่าอะไรควรไม่ควรซึ่งส่งผลไม่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย คราวนี้ที่เฟิงหลานโกรธนั่นเป็นเพราะเขากังวลเรื่องความปลอดภัยของชิงเฟิงจนอดไม่ได้ที่จะประหม่า
เย่เชียนก็ตบไหล่เฟิงหลานแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวลไปชิงเฟิงไม่ใช่คนอ่อนแอและผมก็เชื่อว่าเขาปลอดภัยดี..นอกจากนี้ม่อหลงกับไป๋ฮวยก็อยู่ที่ญี่ปุ่นแล้วเพราะงั้นผมก็โล่งใจ” อันที่จริงนี่คือสิ่งที่เย่เชียนกับเฟิงหลานต่างก็รู้ดี ไม่ว่าชิงเฟิงจะยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้วพวกเขาก็ไม่สามารถกังวลได้เพราะพวกเขายังมีสิ่งที่สำคัญที่จะต้องทำอยู่ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่มีสมาธิในสิ่งที่ทำ
เฟิงหลานพยักหน้าแล้วพูดต่อ “บอส..บอสคิดยังไงกับสิ่งที่ไป๋ฮวยทำ? ..เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาดูเหมือนว่าเขาจะต่อต้านเราทุกอย่างแต่เขาก็มักจะทำอะไรบางอย่างเพื่อช่วยพวกเราในทางอ้อม..ถึงแม้ว่าเขาจะพูดอย่างงั้นแต่ฉันก็รู้สึกได้ว่าไป๋ฮวยมีบางอย่างในใจ..ฉันก็เลยอยากถามบอสที่รู้จักเขาดีที่สุดว่าคิดยังไงกับเรื่องนี้?
เย่เชียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า “ไป๋ฮวยเป็นหมาป่าที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาฝูงหมาป่าของเราและจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครแซงหน้าเขาได้..อันที่จริงโศกนาฏกรรมของจู้จือนั้นเป็นฝีมือของเขาโดยสิ้นเชิงและถ้าไม่ใช่เพราะในตอนนั้นเขี้ยวหมาป่าของเราคงจะสั่นคลอนอย่างแน่นอน..ฉันไม่คิดว่าเขาจะมาถึงจุดนี้ได้และถึงแม้ว่าเขาจะพูดอยู่เสมอว่าเขาต้องการจะฆ่าผมก็ตามแต่ผมก็รู้ดีว่าเขาปฏิบัติต่อผมอย่างดีมาเสมอในฐานะพี่ชาย..ในใจของเขามีเงาของหมาป่าอยู่เสมอ..ผมคิดว่ามีเหตุผลเดียวเท่านั้นที่ไป๋ฮวยทำแบบนี้และนั่นคือเขาต้องการให้ผมเป็นคนปลิดชีพเขาด้วยตัวผมเอง”
เฟิงหลานก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและไม่อยากเชื่อจากนั้นก็มองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจแล้วเมื่อเขากำลังจะถามคำถามต่อไปจู่ๆ หลี่เหว่ยก็เดินออกจากห้องขังและเขย่าเครื่องบันทึกวิดีโอในมือแล้วพูดว่า “เอาล่ะทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว”
เย่เชียนก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ส่งวิดีโอนี้ไปให้แม่ของชางกวนหยานยู่ซ่ะและบอกพวกเขาว่าเราจะให้เวลาพวกเขาสองวันและถ้าหากพวกเขาไม่นำเงินมาไถ่ตัวเขาภายในสองวันล่ะก็อย่าเสียใจในภายหลังก็แล้วกัน”
หลี่เหว่ยก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่มีปัญหาเดี๋ยวผมจัดการให้”
เย่เชียนหันไปมองเฟิงหลานและพูดว่า “ไปกันเถอะเข้าไปคุยกับเขา” หลังจากพูดจบเย่เชียนก็หันหลังกลับและเดินเข้าไปในห้อง ซึ่งเย่เชียนก็ตกใจกับฉากตรงหน้าและเขาก็เห็นใบหน้าของชางกวนหยานยู่บวมและมีรอยเลือดอยู่ที่มุมปากของเขา เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็เหลือบมองเฟิงหลานแล้วส่ายหัวเพราะมันไม่จำเป็นต้องพูดอะไรใดๆ พวกเขาก็สามารถเข้าใจได้เป็นอย่างดี “นายน้อยชางกวนเกิดอะไรขึ้น? ..ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไง?” เย่เชียนพูดราวกับว่าเขาไม่รู้อะไรเลย
“อย่าแสร้งทำเป็นคนดีกับฉัน..แกไม่ใช่เหรอที่เป็นหัวหน้าเพราะงั้นแกนั่นแหละที่สั่งให้เขาทำ” ชางกวนหยานยู่พูด “วิดีโอมันก็แค่วิดีโอแล้วแกเชื่อเหรอว่าพ่อแม่ของฉันจะปล่อยพวกแกไป..พวกแกได้ซวยกันหมดแน่”
.