ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 899 หญิงสาวที่เกาะติดไม่ไปไหน
ตอนที่ 899 หญิงสาวที่เกาะติดไม่ไปไหน
หากต้องรับมือกับศัตรูเย่เชียนก็สามารถฆ่าพวกเขาได้โดยไม่มีความปรานีใดๆและไม่แสดงความเห็นอกเห็นใจเลยแม้แต่น้อย แต่ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับผู้หญิงแล้วเย่เชียนก็มักจะอ่อนโยนและแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
เมื่อซูเหว่ยบอกเย่เชียนว่าเธอใช้ชีวิตอย่างไรในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและเธอก็คิดถึงเขามากแค่ไหนนั้นเย่เชียนก็รู้สึกประทับใจมากเพราะถ้าหากมีผู้หญิงที่เต็มใจทำสิ่งนี้ให้กับผู้ชายผู้หญิงคนนั้นก็คู่ควรกับความรักของเขาอย่างมาก
อย่างไรก็ตามอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนนับตั้งแต่วันที่ตกลงกับไป๋ฮวยเอาไว้ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่สามารถรู้ได้เลยว่าสถานการณ์มันจะเป็นอย่างและผลลัพธ์จะออกมาแบบไหน ดังนั้นถ้าเขาเลือกที่จะยอมรับความรักของซูเหว่ยล่ะก็เขาจะเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า? อย่างไรก็ตามหากเขาไม่ยอมรับในตอนนี้เขาจะอธิบายให้ผู้หญิงคนนี้ฟังได้ยังไง?
อย่างที่ซ่งหลันพูดในตอนแรกว่าเย่เชียนนั้นไม่หนักแน่นพอเมื่อต้องเผชิญกับความรู้สึก ซึ่งถ้าหากเย่เชียนไม่มีความกังวลใดๆในชีวิตเขาและเธอก็น่าจะอยู่ด้วยกันตั้งแต่แรกแล้ว
เย่เชียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆและมองดูซูเหว่ยและถามว่า “ถ้าพรุ่งนี้ฉันต้องตายเธอยังเลือกที่จะรักฉันอยู่มั้ย?”
“เลือกสิ..ตราบใดที่ฉันสามารถอยู่กับนายได้ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงเสี้ยววินาทีฉันก็คิดว่านี่เป็นสิ่งที่น่าจดจำที่สุดในชีวิตของฉันแล้ว” ซูเหว่ยพูด “ฉันไม่ได้คาดหวังอะไรมากเกินไปและฉันก็ไม่กล้าขออะไรจากนายฉันขอแค่ได้อยู่เคียงข้างๆนายแค่วันเดียวก็พอแล้ว”
“แล้วทำไมเธอถึงทำแบบนี้?” เย่เชียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า “บอกตามตรงฉันไม่ได้สมบูรณ์แบบอย่างที่เธอคิดหรอก..ฉันมีแฟนแล้วเธอก็รู้และมีมากกว่าหนึ่งคนด้วย..ยิ่งไปกว่านั้นฉันก็มีลูกแล้วด้วย..อีกทั้งยังมีพี่น้องอีกตั้งหลายคนและสักวันหนึ่งฉันจะต้องสละชีวิตเพื่อพวกเขาและมันไม่คุ้มเลยที่เธอจะรักฉัน”
“มันก็ขึ้นอยู่กับฉันที่จะตัดสินใจว่ามันคุ้มค่าหรือเปล่า” ซูเหว่ยพูด “ทุกคนมีสถานะในใจที่แตกต่างกันสำหรับความรู้สึกและในความคิดของฉันความรักคือทุกสิ่งเพราะถ้าไม่มีความรักอะไรจะคือความแตกต่างระหว่างฉันกับคนตาย?” หลังจากนั้นไม่นาน ซู่เหว่ยก็พูดต่อ “จริงๆแล้วฉันก็เดาได้เหมือนกันว่านายต้องมีคนรักอยู่แล้วเพราะผู้ชายอย่างนายจะไม่มีแฟนได้ยังไง..แต่ไม่ต้องห่วงฉันไม่เคยคิดที่จะครอบครองนายเลยเพราะฉันต้องการอยู่กับเธอแม้ช่วงเวลาสั้นๆ..ฉันแค่อยากจะมีความทรงจำที่สวยงามและถึงแม้ว่าความทรงจำนั้นจะเต็มไปด้วยความขมขื่นฉันก็เต็มใจ”
เมื่อต้องเผชิญกับคำสารภาพของซูเหว่ยแล้วมันคงจะเป็นเรื่องโกหกที่จะบอกว่าเย่เชียนไม่หวั่นไหว ผู้หญิงที่สวยและยอดเยี่ยมเช่นนี้ที่มาสารภาพต่อหน้าจะมีผู้ชายคนไหนต้านทานได้ ซึ่งเย่เชียนเองก็เป็นมนุษย์และเขาก็มีอารมณ์กับความรู้สึกเหมือนคนทั่วๆไปเช่นกัน
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องเสียใจสิ” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มและพยายามปรับบรรยากาศของทั้งสองไม่ให้ดูกดดันและเศร้าหมอง
“ฉันจะไม่เสียใจเพราะตราบใดที่ฉันได้อยู่กับนายฉันจะไม่เสียใจเลย” ซูเหว่ยพูดด้วยหลากหลายอารมณ์
เย่เชียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆและกอดซูเหว่ยเอาไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า “ยัยโง่ฉันไม่รู้จะพูดอะไรเกี่ยวกับเธอจริงๆ”
จากนั้นพวกเขาก็อยู่ด้วยกันทั้งคืน!
เย่เชียนนั้นไม่ได้นอนกับซูเหว่ยอย่างไม่มีเหตุผลและถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ยอมรับกันและกันแล้วก็ตามแต่เย่เชียนก็ไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่คิดและหวังแต่ร่างกายส่วนล่างของเธอเท่านั้น อย่างไรก็ตามซูเหว่ยก็พลอดรักกับเย่เชียนจนถึงเช้าและเย่เชียนก็ไม่จากไปจนกว่าเธอจะผล็อยหลับไป
เมื่อเห็นลักษณะการหลับนอนของซูเหว่ยแล้วเย่เชียนก็โล่งใจมากเพราะผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้หลับสนิทแบบนี้มานานแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้นเย่เชียนก็ตื่นแต่เช้าและหลังจากรับประทานอาหารเช้าง่ายๆแล้วเขาก็ซื้อในส่วนของซูเหว่ยและไปวางเอาไว้ให้เธอที่ห้อง
“บอส!..ชางกวนอู๋เต๋อมาถึงแล้วและซงหยานเจิ้งก็อยู่กับเขาด้วย” เสียงเคาะของเฟิงหลานด้านนอกประตูดังขึ้นและพูด
“ซงหยานเจิ้งคือใคร?” เย่เชียนถามด้วยความประหลาดใจหลังจากออกมาจากห้องของซูเหว่ย
“เขาคือลูกชายของราชาการพนันแห่งมาเก๊า” เฟิงหลานพูด “อุตสาหกรรมการพนันส่วนใหญ่ของมาเก๊าอยู่ในมือของตระกูลซงและนับตั้งแต่การตายของราชาพนันคนก่อนซ่งรุ่ยนั้นธุรกิจของครอบครัวโดยพื้นฐานแล้วจะตกเป็นของลูกชายของเขาซงหยานเจิ้ง..ฉันคิดว่าชางกวนอู๋เต๋อต้องให้เขามาช่วยจัดการสิ่งต่างๆอย่างแน่นอน”
ปากของเย่เชียนก็ฉีกโค้งเป็นรอยยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ลูกชายของราชาการพนันแห่งมาเก๊างั้นเหรอค่อนข้างน่าสนใจเลยนี่..พวกเขาอยู่ที่ไหน?”
“ตู้ซุนให้พวกเขารออยู่ที่สำนักงานและรอให้บอสไปพบ” เฟิงหลานพูด
เย่เชียนก็พยักหน้าเล็กน้อยและพูด “ไปบอกหลี่เหว่ยให้พูดกับชางหยานยู่ดีๆแล้วบอกกับเขาว่าพ่อของเขาอยู่ที่นีแล้ว..เพราะงั้นก็เตรียมตัวเอาไว้และอย่าหนีเด็ดขาด..ตอนนี้ผมยังไม่ว่างแต่คงอีกไม่นานก็น่าจะเสร็จ”
เฟิงหลานก็เข้าใจในสิ่งที่เย่เชียนพูดโดยธรรมชาติและพยักหน้าเดินจากไป จากนั้นเย่เชียนก็หันกลับมาที่ห้องและเห็นซูเหว่ยที่ยังหลับอยู่และไม่ได้อยากที่จะรบกวนเธอ แน่นอนว่าเย่เชียนนั้นไม่ได้มีธุระใดๆแต่เหตุผลที่เขาบอกกับเฟิงหลายเช่นนั้นมันเป็นเพียงการทำให้ชางกวนอู๋เต๋อและซงหยานเจิ้งต้องรอเขาเป็นเวลานานและนี่เป็นกลยุทธ์ในการทำสงคราม ซึ่งเย่เชียนนั้นคิดว่าซงหยานเจิ้งคนนี้จะต้องเป็นคนที่หยิ่งผยองอย่างมากและคิดว่าตัวเองเป็นสุดยอดนักพนันที่เกิดมาเพื่อเมืองมาเก๊าแห่งนี้เพราะดูจากการที่ชางกวนอู๋เต๋อไปขอความช่วยเหลือจากเขาแล้วเย่เชียนก็พอจะคาดเดาได้
ซูเหว่ยพลิกตัวและตื่นขึ้นมาลืมตาจากนั้นก็คว้าเย่เชียนและพูดอย่างเศร้าโศกว่า “ฮือ..ฉันฝันว่านายหนีฉันไปอีกแล้ว..นายจะทิ้งฉันไปอีกมั้ย?”
เย่เชียนก็ตกใจและพูดว่า “สาวน้อยฉันไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกเหรอฉันจะไม่ไปไหนหรอก..เธอหิวหรือเปล่าฉันซื้ออาหารเช้ามาให้”
“นายช่วยป้อนฉันหน่อยสิ” ซูเหว่ยพูดอย่างร่าเริง
“ห๊ะ?” เย่เชียนตกตะลึงครู่หนึ่งแล้วยิ้มอย่างช่วยไม่ได้จากนั้นก็พูดว่า “ได้สิฉันจะป้อนเธอเอง..เอาล่ะลุกขึ้นก่อนแล้วไปล้างหน้าแปรงฟันซะ..เธอคงไม่อยากกินข้าวโดยไม่ได้แปรงฟันใช่มั้ย?”
ซูเหว่ยยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “แต่ฉันเหนื่อยฉันไม่มีแรงเลย..นายพาฉันไปห้องน้ำหน่อยสิ”
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “นี่ยัยบ้า..เธอเป็นถึงประธานบริษัทใหญ่เลยนะเพราะงั้นเธอไม่กลัวพนักงานเขาซุบซิบเรื่องของเธอเหรอ?”
“แต่ฉันก็เป็นผู้หญิงนะ..มีปัญหาอะไรงั้นเหรอที่ฉันจะทำตัวเหมือนเด็กน่ะ” ซูเหว่ยพูดอย่างเป็นธรรมชาติ
“แล้วเธอไม่กลัวว่าฉันจะฉวยโอกาสจากเธอเหรอ?..พูดจริงๆนะว่าฉันก็อดทนมาสักพักแล้วฉันรับรองไม่ได้หรอกว่าจะควบคุมตัวเองได้อีกนานแค่ไหน” เย่เชียนพูด
“จริงเหรอ..นั่นมันก็แล้วแต่นายเพราะฉันเป็นของนายแล้ว..นายจะทำอะไรก็ได้ที่นายต้องการ” ซูเหว่ยพูด
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และไม่อยากที่จะหยอกล้อกับเธอเพราะเขาทำอะไรเธอไมได้เลย ดังนั้นเขาจึงอุ้มเธอไปที่ห้องน้ำและหุ่นของผู้หญิงคนนี้ก็เพียงพอที่จะกระตุ้นความสนใจของผู้ชายคนไหนก็ได้ประกอบกับใบหน้าที่ดูเหมือนเด็กสาวที่น่ารักแล้วเธอมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของผู้ชายอย่างมากและสามารถกระตุ้นความกระหายของผู้ชายได้อย่างเต็มที่ เมื่อมองไปที่ซูเหว่ยที่สวมเพียงเสื้อในบางๆแล้วเย่เชียนก็รู้สึกเพียงว่าบางอย่างในร่างกายของเขาได้ตื่นขึ้นและความเร็วของการไหลเวียนของเลือดดูเหมือนจะเร็วขึ้น เย่เชียนไม่รู้ว่าทำไมแต่ดูเหมือนว่าความปรารถนาของเย่เชียนจะแข็งแกร่งขึ้นตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เขาประสบความสำเร็จในการรวมพลังปราณของเขาเข้ากับผนึก ซึ่งเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะคิดอย่างลับๆว่าเขาบ้าไปแล้วหรือเปล่าไม่อย่างนั้นจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงถ้าหากเขาไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องบนเตียง? แต่ดูเหมือนมันจะไม่ใช่เลยเพราะถ้ามันปัญหาจริงๆเขาจะปลอดภัยใช่ไหม?
หลังจากป้อนอาหารเช้าซูเหว่ยเสร็จแล้วเย่เชียนก็ดูเวลาบนนาฬิกาของเขาโดยคิดว่าน่าจะถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วดังนั้นเย่เชียนจึงพูดว่า “ฉันต้องไปทำธุระก่อนเพราะงั้นเธอก็ไปพักผ่อนต่อเถอะ..ถ้าเธอไม่อยากนอนก็ไปดูทีวีซะ..อย่าไปเที่ยวเล่นที่ชั้นล่างอีกฉันไม่ชอบสาวๆที่เสพติดการพนันน่ะ”
“นายจะไปไหน?..นายพยายามจะหนีอีกแล้วเหรอ?” ซูเหว่ยพูดอย่างประหม่า
เย่เชียนก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “ฉันจะหนีไปไหนได้..นี่เธอคิดว่าฉันมาเที่ยวเล่นที่มาเก๊าหรือเปล่า?..ฉันจะไปที่สำนักงานเพราะฉันจะต้องไปเจรจากับใครบางคน..ถ้าเสร็จธุระแล้วฉันจะมารับเธอไปเดินช้อปปิ้งกันตกลงมั้ย?”
“จริงเหรอ?..อย่ามาโกหกฉันนะ!” ซูเหว่ยพูด
“เห็นฉันเป็นคนแบบนั้นงั้นเหรอ?” เย่เชียนพูด
“ถ้างั้นนายก็รีบไปทำธุระสิแล้วฉันจะรอ” ซูเหว่ยพูด “ฉันยังไม่รู้เลยว่านายทำอะไรอยู่..นายทำธุรกิจอะไรและมีงานแบบไหน?”
“นี่คุณผู้หญิง..เธอตกหลุมรักฉันโดยไม่รู้ว่าฉันทำอะไรเนี่ยนะ?..นี่เธอไม่กลัวว่าฉันจะเป็นพวกสิบแปดมงกุฎเลยงั้นเหรอ?” เย่เชียนพูด
“ฉันรักนายเพราะงั้นถึงแม้ว่านายจะหลอกฉันก็เถอะแต่ฉันก็เต็มใจที่จะรักนาย” ซูเหว่ยพูด
เย่เชียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “ฉันอยู่วงการใต้ดินและไล่ฆ่าคนเธอกลัวมั้ย?..เอาเถอะฉันจะบอกเธอทีหลัง..อยู่ในห้องอย่างเชื่อฟังล่ะและอย่าเที่ยวเล่นไปรอบๆ”
หลังจากพูดจบเย่เชียนก็ลุกขึ้นและเดินออกไปส่วนซูเหว่ยก็รีบลุกขึ้นยืนและกอดเย่เชียนจากด้านหลังอย่างไม่เต็มใจ ราวกับว่าเย่เชียนจะบินหนีไปทันทีที่เธอปล่อยเขา เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และหันไปจูบหน้าผากของซูเหว่ยแล้วพูดว่า “ฉันไม่ไปไหนหรอกไม่ต้องกลัว”
หลังจากออกจากห้องเย่เชียนก็ตรงไปที่สำนักงานของตู้ซันและทัศนคติของเขาสงบและดูเหมือนไม่รีบร้อนใดๆพร้อมกับถือบุหรี่อย่างสบายๆ ซึ่งจากระยะไกลเย่เชียนก็ได้ยินเสียงที่ดูไม่พอใจดังมาจากสำนักงาน “ผู้จัดการตู้!..หัวหน้าของคุณยิ่งใหญ่มาจากไหนกัน..เขาให้เรานั่งรอที่นี่มาตั้งนานแต่เขายังไม่โผล่หัวออกมาเลย..นี่คุณกำลังดูถูกผมอยู่งั้นเหรอ?..คุณคิดว่าซงหยานเจิ้งคนนี้เป็นใคร..หืม!”
“ก็ว่าอยู่ทำไมผมถึงจามไม่หยุด..ที่แท้ก็มีคนกำลังพูดถึงผมอยู่นี่เอง..ผมไม่รู้ว่าผมไปทำอะไรให้คุณขุ่นเคือง?” ขณะที่เย่เชียนพูดเขาก็ผลักประตูแล้วเดินเข้าไปจากนั้นก็มองดูคนสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟา ซึ่งเขาก็แยกแยะได้ทันทีว่าใครคือชางกวนอู๋เต๋อและใครคือซงหยานเจิ้ง
.