ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 904 เฝ้าสังเกตการณ์
ตอนที่ 904 เฝ้าสังเกตการณ์
เมื่อได้ยินคำพูดของชางกวนอู๋เต๋อแล้วเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะผงะและเขาสมควรถูกฟันด้วยดาบนับพันเล่มจริงๆเพราะตัวเองมาได้ยินใครบางคนพูดจาไม่ดีเกี่ยวกับตัวเองลับหลังเช่นนี้มันค่อนข้างที่จะน่าสมเพชจริงๆ เมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของเย่เชียนแล้วหลี่เหว่ยกับเฟิงหลานก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
หลี่เหว่ยเอนตัวเข้าไปข้างๆหูของเย่เชียนแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พูดตามตรงเลยนะบอสสิ่งที่ตาแก่นั่นพูดเป็นความจริง..บอสเป็นคนที่อวดดีจริงๆนั่นแหละ”
เย่เชียนกลอกตาและจ้องไปที่ชิงเฟิงอย่างดุเดือด ซึ่งการกระทำของเขาในตอนกลางวันนั้นทำให้ชางกวนอู๋เต๋อและซงหยานเจิ้งโกรธเกรี้ยวอย่างมากและนอกจากนี้ด้วยอิทธิพลและสถานะของซงหยานเจิ้งที่เป็นถึงลูกชายของราชาพนันแห่งมาเก๊านั้นกลับโดนเย่เชียนข่มขู่ ซึ่งความเป็นจริงประเทศจีนทั้งประเทศก็ไม่ใช่โลกของตระกูลซงใช่ไหม? เขาเกิดและโตที่มาเก๊าดังนั้นมันจึงดูหยิ่งผยองไปหน่อยที่จะบอกว่าทุกคนต้องก้มหัวให้กับเขา
“หยานยู่แกเป็นอะไรหรือเปล่า?” ชางกวนอู๋เต็อถามด้วยความเป็นห่วงเพราะท้ายที่สุดนี่ก็คือลูกชายสุดที่รักของเขาและเขาก็เป็นทายาทของตระกูลชางกวนในอนาคตอีกด้วย ชางกวนอู๋เต๋อนั้นรักและเอ็นดูชางกวนหยานยู่อย่างมาก
“พ่อครับ..พ่อต้องแก้แค้นให้ผมนะ..พวกมันเลวมาก..ผมแค่กู้ยืมเงินของพวกมันมาแต่มันกับทรมานผมแบบนี้” ชางกวนหยานยู่แสร้งพูดด้วยความโกรธ
“แกยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อยู่อีก..หืม..แกรู้หรือเปล่าว่าตระกูลชางกวนจะถูกส่งต่อให้แกในอนาคต..แต่แกเอาแต่ดื่มและเที่ยวสนุกไปวันๆ..แกรู้มั้ยว่าพวกมันน่ากลัวแค่ไหนถ้าฉันมาช้าอีกหน่อยแกคงจะตายไปแล้ว” ชางกวนอู๋เต๋อพูดด้วยน้ำเสียงที่เกลียดชัง “เอาล่ะอย่าเพิ่งพูดอะไรในตอนนี้..เราค่อยกลับไปคุยกันเพราะที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่จะอยู่นานๆได้”
ชางกวนหยานยู่ก็ดูเศร้าโศกมากและสายตาของเขาก็ดูถูกเหยียดหยามก็ปรากฏอยู่ภายในดวงตาของเขา ซึ่งในความเห็นของเขาต่อให้เขาจะเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลชางกวนก็ตามแต่ถ้าเขาไม่มีเงินและชีวิตที่เป็นส่วนตัวแล้วมันจะไปมีอะไรดี? อย่างไรก็ตามเพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดชางกวนหยานยู่ก็ต้องอดทนและปล่อยให้ชางกวนอู๋เต๋อตำหนิติเตียนอยู่ตลอดทั้งวัน
หลังจากที่ชางกวนอู๋เต๋อแก้มัดชางกวนหยานยู่เสร็จพวกเขาก็กำลังจะออกไปและเย่เชียนก็อดยิ้มไม่ได้เพราะสายตาของชางกวนหยานยู่ในตอนนี้นั้นไม่หลบตายตาของเย่เชียนแต่อย่างมาก ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะตั้งใจทำตามแผนจริงๆจนทำให้เย่เชียนเชื่อว่าเขาไมได้ต้องการที่จะหลอกตัวเองและต้องการที่จะร่วมมือด้วยกันจริงๆเพื่อหลอกลวงชางกวนอู๋เต๋อ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารชางกวนอู๋เต๋อเพราะมันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและเสียใจมากที่มีลูกชายแบบนี้ อย่างไรก็ตามชางกวนอู๋เต๋อก็ไม่สามารถไปตำหนิคนอื่นได้เพราะถ้าเขาไม่รักลูกอย่างลำเอียงและมอบทุกอย่างให้กับชางกวนหยานยู่แทนที่จะเป็นชางกวนเจ้อล่ะก็สิ่งต่างๆคงไม่เป็นเช่นนี้อย่างแน่นอน
“บอสคิดว่าไอ้หมอนั่นกำลังหลอกเราอยู่หรือเปล่า” หลี่เหว่ยขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูด
“ฉันไม่คิดอย่างนั้นเพราะในตอนนี้ดวงตาของเขาแสดงความไม่พอใจอย่างมากต่อพ่อของเขา..ถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาดล่ะก็เราจะได้หุ้น10%ของชางกวนอู๋เต๋อ..แต่ว่าหลี่เหว่ยนายคอยสะกดรอยตามพวกนั้นไป..อย่าปล่อยให้พวกมันคลาดสายตาไปจากเราได้เพราะเราไม่สามารถจัดการกับพวกมันในปักกิ่งแต่ที่นี่คือมาเก๊าและสิ่งต่างๆจะง่ายกว่ามาก”
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเองไม่มีปัญหา..พวกนั้นไม่มีทางหนีรอดไปจากสายตาของผมหรอก” หลี่เหว่ยพูดอย่างมั่นใจ “บอสจะอนุมัติให้ผมตัดสินใจในสถานการณ์พิเศษหรือเปล่า?”
เย่เชียนก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งโดยรู้ว่าหลี่เหว่ยกำลังคิดอะไรอยู่จากนั้นเย่เชียนก็ดุว่า “อย่านอกเรื่องเพราะภารกิจของนายคือจับตาดูพวกมันและอย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่านายคิดอะไรอยู่..เรากำลังจะได้หุ้น10%ของพวกมันมาแล้วเพราะงั้นอย่าทำเรื่องไร้สาระเด็ดขาด..ถ้านายกล้าทำเรื่องไร้สาระก็อย่ามาโทษฉันที่หยาบคายกับนายก็แล้วกัน..นายก็รู้ว่าบทลงโทษของเขี้ยวหมาป่าข้อหาทำภารกิจผิดพลาดร้ายแรงจากความประมาทนั้นโหดร้ายแค่ไหน”
“หลี่เหว่ยจำเอาไว้..ถ้านายทำอะไรโง่ๆลงไปล่ะก็อย่ามาเรียกฉันว่าพี่อีก” เฟิงหลานพูด
“โถ่บอสกับพี่เฟิงหลานก็พูดเกินไป” หลี่เหว่ยพูด “เดี๋ยวผมจะไปฟ้องพี่เทียนเฉินและบอกให้เขาทรมานทั้งคู่!” ในเขี้ยวหมาป่ามีน้อยคนนักที่ไม่กลัวหลิวเทียนเฉิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพราะเขาค่อนข้างน่ารังเกียจมากเพราะเอาแต่เล่นกับพิษเหล่านั้นอยู่ตลอดทั้งวันจนทำให้ผู้คนหวาดกลัว ถึงแม้ว่าจะเป็นเย่เชียนก็ตามแต่เขาก็กลัวยาพิษและสารเคมีเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนเฟิงหลานก็ค่อนข้างสนิทกับหลิวเทียนเฉินมาก ดังนั้นดังนั้นหลี่เหว่ยจึงคิดว่าจะใช้หลิวเทียนเฉินเพื่อเอาคืนทั้งสอง
“เอาล่ะอย่ารอช้ารีบตามไปซะ..จำเอาไว้ว่าอย่าให้พวกมันรู้ตัว” เย่เชียนพูด “ชางกวนอู๋เต๋อไม่ใช่คนที่จะรับมือด้วยตัวคนเดียวได้..ส่วนพวกที่มากับเขาก็ดูเหมือนจะเก่งไม่ใช่เล่นเลยเพราะงั้นก็ระวังด้วย..ถ้านายพลาดมันจะไม่มีใครสามารถช่วยนายได้”
หลี่เหว่ยทำหน้ามุ่ยแล้วพูดว่า “บอสดูไม่มั่นใจในตัวผมเลย..ผมเป็นจ้าวแห่งการสะกดรอยตามและการแทรกซึมนะ..ท่ามกลางเขี้ยวหมาป่าของเราใครจะเก่งไปกว่าผมล่ะ?” หลังจากพูดจบหลี่เหว่ยก็รีบตามไป
คำพูดของหลี่เหว่ยนั้นไม่ได้พูดเกินจริงแต่อย่างใดเพราะในเขี้ยวหมาป่าทักษะในการติดตามและสะกดรอยตามของเขาไม่เป็นสองรองใครและไม่มีใครเทียบกับเขาได้เลย ดังนั้นอย่าดูถูกหลี่เหว่ยที่เอาแต่ไร้สาระไปวันๆเพราะแท้ที่จริงแล้วเขาไม่ได้เลวร้ายและเมื่อทำภารกิจเขาก็จะจริงจังอย่างมาก
“บอสแล้วพวกเราจะทำยังไงกันต่อ?” เฟิงหลานถามอย่างรวดเร็ว
“ยังก่อน!” เย่เชียนพูด “ชางกวนหยานยู่น่าจะจัดการเรื่องนี้ได้เพราะงั้นเราไปนั่งรอข่าวดีกันดีกว่า..พรุ่งนี้พวกไอร่อนบลัดจะมาถึงที่นี่และพี่ก็มีหน้าที่ต้องจัดการความเรียบร้อยของที่นี่..พรุ่งนี้ผมจะไปส่งซูเหว่ยขึ้นเครื่อง”
“อะไรกันบอสจะไล่เธอกลับเลยอย่างงั้นเหรอ?” เฟิงหลานพูด “ฉันเห็นว่าเธอมีความรักต่อบอสอย่างสุดซึ้งเพราะงั้นบอสไม่อยากให้เธออยู่ต่อเหรอ?..นี่บอสจะตีก้นเธอแล้วไล่เธอไปง่ายๆแบบนี้เนี่ยนะ?”
เย่เชียนกลอกตาไปมาอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “ไร้สาร..เห็นผมเป็นคนแบบนั้นเหรอ..มันแค่มีหลายอย่างที่ต้องทำมากเกินไปเพราะงั้นผมจะไปมีอารมณ์กับความรักได้ยังไง..นอกจากนี้ถ้าเธออยู่ที่นี่ก็คงจะไม่ปลอดภัยเพราะผมไม่สามารถอยู่ข้างๆคอยปกป้องเธอได้ทุกวัน”
เฟิงหลานก็ฉีกยิ้มเล็กน้อยเพราะเขารู้ดีว่าเย่เชียนไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นและแค่ล้อเล่นเพราะหลังจากที่ติดตามเย่เชียนมานานเฟิงหลานก็รู้ดีเย่เชียนเป็นคนแบบไหน อย่างไรก็ตามเขายังรู้สึกได้ว่าเย่เชียนดูเหมือนจะมีบางอย่างในใจที่ซ่อนจากตัวเขาเองแต่น่าเสียดายเพราะถ้าเย่เชียนไม่พูดเขาก็คงไม่สามารถถามอะไรได้
การที่เย่เชียนใช้วิธีนี้นั้นทำให้ชางกวนเจ้อหดหู่อย่างมากและถึงแม้ว่าบริษัททะเลสี่ทิศจะเสียค่าชดเชยเพียง20ล้านหยวนก็ตาม แต่จะมีการฟ้องร้องซึ่งจะส่งผลกระทบภาพลักษณ์บริษัทอย่างแน่นอน ที่สำคัญกว่านั้นสมาชิกในตระกูลชางกวนจะต้องคิดว่าชางกวนเจ้อได้สมรู้ร่วมคิดกับเย่เชียนเพื่อแก้แค้นตระกูลอย่างแน่นอน
เป็นเวลานานแล้วที่สถานะของชางกวนเจ้อในตระกูลชางกวนนั้นต่ำต้อยและเขาถูกเพิกเฉยอยู่ตลอดเวลาและนั่นทำให้ตระกูลชางกวนเจ้อต้องการทำลายเครือน่านฟ้ากรุ๊ปเพื่อแลกกับสถานะของเขาในตระกูลชางกวนและประกาศจุดยืนของตัวเอง อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็สร้างความวุ่นวายให้กับเขาและแผนการทั้งหมดของเขาต้องพังทลายลงไป
ในตอนบ่ายชางกวนเจ้อได้รับโทรศัพท์จากชางกวนซินหยางและบอกให้เขาไปที่บ้านของตระกูลชางกวนในตอนเย็น เมื่อเขาได้รับสายนี้ชางกวนเจ้อก็รู้ดีว่าชางกวนซินหยางนั้นจะต้องตำหนิเขาในเรื่องนี้และเป็นไปได้ที่เขาจะโชคร้ายอย่างมาก ตราบใดที่เขาไม่ระวังเขาก็เชื่อว่าชางกวนซินหยางจะต้องลงโทษเขาอย่างแน่นอน ท้ายที่สุดสำหรับตระกูลชางกวนนั้นเขาไม่มีสถานะอะไรเลยและเป็นตัวตนที่ไม่จำเป็นต่อตระกูลชางเลย หากตระกูลชางกวนต้องการที่จะขับไล่เขาล่ะก็พวกเขาจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆทั้งสิ้น
ถึงแม้ว่ามันจะอันตรายและคาดเดาไม่ได้แต่ชางกวนเจ้อก็ชัดเจนมากว่าเขาต้องไปเพราะถ้าเขาไม่ไปล่ะก็เขาจะมีความผิดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่อยู่ในเมืองหลวงและถึงแม้ว่าเขาจะไม่ไปก็ไม่มีทางเลี่ยงการไล่ล่าของตระกูลชางกวนได้และไม่มีทางอื่นนอกเสียจากลองเสี่ยง
หลังจากเลิกงานชางกวนเจ้อก็ทานอาหารเย็นและไปซื้อของขวัญและในร้านขายของสะสมของเก่าชางกวนเจ้อก็เลือกมีดโบราณมาโดยไม่รู้ตัว ชางกวนเจ้อนั้นก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงซื้อมีดโบราณเล่มนั่นมาและบางทีอาจเป็นเพราะความรู้สึกไม่สบายใจจนทำให้เขาปกป้องตัวเองก็เป็นได้
ในเวลานี้ท้องฟ้าก็มืดแล้วและไฟนีออนในเมืองก็กะพริบด้วยแสงไฟหลากสี ชางกวนเจ้อที่ขับรถไปที่บ้านตระกูลชางกวนด้วยความไม่สบายใจระหว่างทางและอารมณ์ของชางกวนเจ้อก็เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาและยากที่จะสงบลง สำหรับเขาแล้วทิวทัศน์ริมถนนเป็นเพียงการตกแต่งเพราะเขาไม่มีเวลาชื่นชมมันเลย
เมื่อมาถึงด้านนอกบ้านพักของตระกูลชางกวนแล้วชางกวนเจอก็ลงจากรถและเหลือบมองเข้าไปข้างใน จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆและทำให้อารมณ์มั่นคง จากนั้นก็หยิบมีดโบราณแล้วเดินเข้าไป ไม่ว่าในกรณีใดเขาก็เป็นลูกหลานของตระกูลชางกวนเพราะงั้นถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลก็ตามแต่เขาก็เป็นสายเลือดของตระกูลชางกวนดังนั้นยามที่ประตูจึงไม่ได้ตรวจค้นตัวเขา
.