ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 922 รับช่วงต่อ
ตอนที่ 922 รับช่วงต่อ
หลังจากที่ชางกวนเจ้อรู้แล้วว่าข้อมูลที่เขาได้รวบรวมมานั้นถูกใช้โดยผู้อื่นและหุ้นของบริษัทในสาขาอื่นๆก็ถูกซื้อไปเขาจึงตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติควบคู่ไปกับความวุ่นวายในตลาดหุ้นนั้นทำให้เขายิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าในขณะที่เขาจัดการกับตระกูลชางกวนอยู่นั้นมีใครบางคนกำลังโจมตีเขาอยู่ในเวลาเดียวกัน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังแต่เหตุการณ์ต่อเนื่องนี้ทำให้เขาตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติไป
เมื่อตอนที่เขาอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาเขาก็เป็นที่ปรึกษาทางการเงินที่อายุน้อยที่สุดในวอลสตรีทและเขาก็วิเคราะห์ธุรกิจอย่างถี่ถ้วน การที่หุ้นทั้งหมดอีก 40% ที่อยู่ในมือคนนอกนั้นหมายความว่าอีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่พอๆกับเขาและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือชางกวนหยานยู่และชางกวนอู๋เต๋อเริ่มทำการโอนย้ายหุ้นกันตั้งแต่อยู่ที่มาเก๊าดังนั้นเขาจึงรู้ตัวว่ามันมีใครบางคนที่เคลื่อนไหวพร้อมๆกับเขาอยู่
ในเวลานี้เขาก็รู้ได้ว่าหุ้นในมือของเขาแทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยดังนั้นเขาจึงต้องใช้เวลาที่มีเพื่อโอนเงินทั้งหมดของบริษัททะเลสี่ทิศและในกรณีนี้ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเจ้าของหุ้น 60% แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ได้แค่บริษัทเปล่าๆ
อย่างไรก็ตามบริษัททะเลสี่ทิศมีเงินทุนจำนวนมากและเกี่ยวข้องกับธุรกิจต่างๆมากมาย ดังนั้นการโอนเงินทั้งหมดในคราวเดียวจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยเหตุนี้ชางกวนเจ้อจึงต้องรีบจัดการเงินทุนบริษัทให้หมดก่อนที่ผู้ที่ฝ่ายบริหารของบริษัทจะจัดการประชุมคณะกรรมการและปรับโครงสร้างบริษัทอย่างเป็นทางการ เพียงแต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าทั้งหมดนี้จะถูกควบคุมโดยเย่เชียนและแน่นอนว่ามันค่อนข้างจะคาดไม่ถึงเพราะถ้าหากชางกวนหยานยู่ไม่ได้บอกเขาล่ะก็เขาจะไม่เชื่อเลยจริงๆ
หลังจากเข้ามาในบริษัทแล้วชางกวนเจ้อก็เหลือบมองพนักงานที่แผนกต้อนรับและพูดว่า “เรียกผู้จัดการฝ่ายทุกแผนกมาประชุมทันที” จากนั้นเขาก็หันไปมองชายสองคนที่ตามมาข้างหลังเขาและพูดว่า “เฝ้าทางเข้าเอาไว้และห้ามให้คนนอกเข้ามา!”
ความหมายก็ชัดเจนว่าถ้าหากเย่เชียนปรากฏตัวที่นี่พวกเขาต้องขัดขวางเย่เชียนเอาไว้ ชางกวนเจ้อรู้ดีว่าเวลาในการทำสิ่งต่างๆกำลังจะหมดลงดังนั้นเขาจึงต้องรีบและโอนเงินทั้งหมดของบริษัททะเลสี่ทิศโดยเร็วที่สุด สองคนนี้ไม่ใช่นินจาจากประเทศญี่ปุ่นแต่เป็นลูกนเองคนสนิทของชางกวนเจ้อเพราะหลังจากหลายปีผ่านไปเขาจะทำอะไรโดยไม่มีลูกน้องคนสนิทสองคนได้อย่างไร เหตุผลที่ชางกวนเจ้อเลือกที่จะร่วมมือกับนินจาญี่ปุ่นนั่นก็เพราะว่าเขาแค่ต้องการยืมพลังและเขาก็ไม่โง่พอที่จะมอบบริษัททะเลสี่ทิศให้กับชาวญี่ปุ่นเหล่านั้น เว้นแต่จะเป็นหัวหน้าของเขาเอง
แต่ตอนนี้การกระทำของเย่เชียนทำให้ชางกวนเจ้อตื่นเต้นและตราบใดที่เขาประสบความสำเร็จในการโอนเงินของบริษัททะเลสี่ทิศเสร็จแล้วมันก็จะเป็นบริษัทเปล่าๆที่ถูกส่งมอบให้กับเย่เชียนและยิ่งไปกว่านั้นเขาสามารถบอกชาวญี่ปุ่นเหล่านั้นว่าเขาล้มเหลวและบริษัทก็ถูกเย่เชียนยึดไป จากนั้นความโกรธเกรี้ยวและความแค้นเหล่านั้นจะถูกโอนไปยังเย่เชียนอย่างสมบูรณ์แบบ
ภายในรถเย่เชียนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ได้อย่างชัดเจนและเขาก็อดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าชางกวนเจ้อคงจะประหม่าอย่างมากและสองคนนั้นที่หน้าประตูคงจะถูกส่งมาขัดขวางพวกเรา
หลี่เหว่ยก็มุ่ยปากและพูดว่า “ดูจากท่าทางแล้วทักษะของพวกเขาน่าจะไม่ธรรมดาแต่ชางกวนเจ้อนั้นประเมินเราต่ำเกินไปหน่อยนะ..เขาส่งคนแค่สองคนมาหยุดพวกเราเนี่ยนะ!..แล้วพวกนินจาญี่ปุ่นล่ะ?”
“ท้ายที่สุดแล้วที่นี่ก็เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าออกและฉันเดาว่าพวกนั้นคงไม่กล้าใช้นินจาเหล่านั้นอย่างเปิดเผยใช่มั้ย?..ไม่อย่างนั้นมันจะมีปัญหาอย่างแน่นอน” เฟิงหลานพูด
“ผมคิดว่าเขามีเหตุผลอื่นและผมก็เดาว่าชางกวนเจ้อคนนี้ไม่ต้องการให้พวกญี่ปุ่นเหล่านั้นรู้ว่าเขากำลังโอนเงินจากบริษัททะเลสี่ทิศไป..ถ้าผมเดาไม่ผิดเขาต้องการหันเหความสนใจของพวกญี่ปุ่นมาทางพวกเราและใช้พวกเราเพื่อยั่วยุพวกญี่ปุ่นเพื่อที่เขาจะได้นำเงินทุนทั้งหมดของบริษัททะเลสี่ทิศไปให้ตัวเองอย่างสมบูรณ์แบบ” เย่เชียนพูด
“ไอ้หมอนี่เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว..บอส!..เราควรทำยังไงดี?” หลี่เหว่ยพูด
“เร็วเข้า!..ยังอยากนั่งดูละครกันอยู่อีกเหรอ?” เย่เชียนกลอกตาไปมาแล้วเปิดประตูรถและเดินลงไป จากนั้นก็เดินตรงไปยังอาคารบริษัททะเลสี่ทิศ จากนั้นหลี่เหว่ยและเฟิงหลานก็ติดตามไปอย่างใกล้ชิด
เมื่อพวกเขาไปถึงประตูทางเข้าชายหนุ่มทั้งสองก็เหยียดมือออกเพื่อหยุดเย่เชียนเอาไว้และพูดว่า “ต้องขอโทษด้วยคุณไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาที่นี่”
“หลีกไปซะ!..สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติกำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการและเราสงสัยว่ามีสายลับจากประเทศญี่ปุ่นยู่ที่นี่..หากไม่ให้ความร่วมมือพวกคุณทุกคนจะถูกลงโทษในข้อหาทรยศประเทศชาติ!” หลี่เหว่ยหยิบเอกสารในเสื้อของเขาออกมาแล้วอ้างสิทธิ์ของเจ้าหน้าที่อย่างลวกๆ
อีกฝ่ายอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ผมต้องขอโทษจริงๆเพราะที่นี่คือพื้นที่ส่วนตัวและไม่ว่าคุณจะเป็นใครและต่อให้พวกคุณจะมาจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติก็ตามได้โปรดแสดงหมายค้นด้วย”
“คุณยังต้องการหมายค้นจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติอีกงั้นเหรอ!..จับพวกนี้ให้หมดและถ้าหากใครขัดขืนก็วิสามัญซะ!” เย่เชียนตะโกนและเดินเข้าไปข้างในและขณะที่ทั้งสองกำลังจะหยุดมันหลี่เหว่ยและเฟิงหลานก็เดินตามเย่เชียนเข้าไปแล้ว ซึ่งทั้งสองก็ยังรู้สึกสับสนอยู่ในใจและไม่กล้าที่จะแข็งข้อจนเกินไปเพราะกลัวว่าคนเหล่านี้จะเป็นคนของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติจริงๆ อย่างไรก็ตามหลี่เหว่ยกับเฟิงหลานก็ไม่ได้อะไรมากดังนั้นพวกเขาจึงไม่ฆ่าสองคนนี้ทิ้ง
“ชางกวนเจ้ออยู่ที่ไหน!” หลังจากเข้าไปในล็อบบี้ของบริษัทเย่เชียนก็เหลือบมองไปที่แผนกต้อนรับและถาม เห็นได้ชัดว่าพนักงานต้อนรับมึนงงอยู่ครู่หนึ่งและค่อนข้างหวาดกลัวและตกตะลึงจนพูดไม่ออก เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ แล้วพูดว่า “ผมน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ..ผมไม่ได้จะมาฆ่าใครคุณกลัวอะไรผมเป็นผู้ถือหุ้นคนใหม่ของบริษัททะเลสี่ทิศและผมก็มาเพื่อพบชางกวนเจ้อแค่นั้นเอง”
พนักงานแผนกต้อนรับก็ถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งและพูดอย่างเร่งรีบว่า “เขาอยู่ในห้องประชุมใหญ่ค่ะ..ตอนนี้ทางฝ่ายผู้บริหารกำลังจัดการประชุมกันอยู่”
เย่เชียนก็ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ขอบคุณ” จากนั้นเขาก็หันไปมองเฟิงหลานกับหลี่เหว่ยและพวกเขาก็จัดการลูกน้องของชางกวนเจ้อทั้งสองและมัดเขาเอาไว้ จากนั้นเย่เชียนก็ส่งยิ้มให้พนักงานที่แผนกต้อนรับและพูดว่า “สองคนนี้เป็นอาชญากรที่รัฐบาลต้องการตัวเพราะงั้นเราจึงมาจับกุมเขา..หลังจากเรื่องนี้จบลงก็ส่งตัวพวกเขาไปที่สถานีตำรวจทันที” จากนั้นเขาก็พูดกับหลี่เหว่ยว่า “นายอยู่ต้อนรับทนายความและทีมกฎหมายของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปจากนั้นก็บอกให้พวกเขาไปที่ห้องประชุมใหญ่ทันที”
หลังจากส่งสัญญาณให้เฟิงหลานแล้วเย่เชียนกับเขาก็ขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นบน ส่วนหลี่เหว่ยก็โยนคนสองคนเข้าไปในห้องเล็กๆ ด้านข้างแล้วเดินไปหาพนักงานต้อนรับแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คนสวยคืนนี้คุณว่างหรือเปล่า..ผมอยากจะเลี้ยงมื้อค่ำคุณสักมื้อ..คุณชอบกินอะไรหรอ”
พนักงานที่แผนกต้อนรับถึงกับตกตะลึงกับการแสดงออกที่แตกต่างของหลี่เหว่ยทั้งก่อนหน้านี้และตอนนี้
เมื่อมาถึงที่หน้าประตูห้องประชุมเย่เชียนก็ผลักประตูห้องประชุมให้เปิดด้วยการถีบประตูและทันทีที่ประตูเปิดทุกสายตาก็จับจ้องกันมาทันทีและคิ้วของชางกวนเจ้อก็ขมวดขึ้นทันทีและเขาก็เหลือบมองไปข้างหลังของเย่เชียนและเมื่อเขาไม่พบลูกน้องของเขาแล้วเขาจึงเดาคร่าวๆได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องประหม่าไปทุกคน..วันนี้ผมมาที่นี่เพื่อบอกคุณว่าคุณชางกวนมาที่นี่เพื่ออะไรและมาทำไม”
ชางกวนเจ้อก็ถอนหายใจอย่างเย็นชาและพูดว่า “ฉันไม่ใช่พนักงานของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปอีกต่อไปแล้วและตอนนี้ฉันก็เป็นประธานรักษาการของบริษัททะเลสี่ทิศ..คุณมาทำอะไรอยู่ในห้องประชุมของเราออกไปซะ..ไม่งั้นก็อย่ามาโทษผมไม่สุภาพก็แล้วกัน”
“หืม..ทำไมคุณถึงได้โมโหมากขนาดนี้ล่ะ..ตอนที่เราอยู่ในเครือน่านฟ้ากรุ๊ปเราก็สามารถทำงานร่วมกันได้ดีไม่ใช่เหรอเพราะงั้นเราก็น่าจะทำงานร่วมกันที่บริษัททะเลสี่ทิศได้สิ” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายว่า “มันไม่มีประโยชน์หรอกที่จะขับไล่ผมออกไปและตอนนี้ผมก็บอกให้ทนายความและทีมกฎหมายของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปยื่นฟ้องร้องต่อศาลเพื่อระงับบัญชีทางการเงินทั้งหมดของเครือน่านฟ้ากรุ๊ป..ผมคิดว่ามันคงยากนะที่จะโอนเงินออกไปในตอนนี้”
ชางกวนเจ้อถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์เพราะเขารู้เรื่องนี้อยู่แล้วว่าตอนนี้บัญชีของบริษัททะเลสี่ทิศถูกระงับและโดยที่เขาไม่ต้องเดาก็รู้ได้ว่ามันเป็นกลอุบายและแผนของเย่เชียน
“คุณเย่ครับผมต้องขอโทษด้วยเพราะถนนสายหลักรถค่อนข้างติดผมเลยมาสายไปหน่อย” ชายวัยกลางคนวิ่งเข้ามาและพูดอย่างหอบเฮือก
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไรหรอกครับ..เชิญแจ้งทุกคนเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ได้เลย”
ทนายวัยกลางคนเดินตามเย่เชียนเข้ามาจากนั้นก็หยิบเอกสารกองหนึ่งออกจากกระเป๋าของเขาแล้วพูดว่า “ผมเชื่อว่าทุกคนรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับบริษัททะเลสี่ทิศเมื่อเร็วๆนี้จนทำให้ตลาดหุ้นปั่นป่วนอย่างมากและเป็นเหตุให้หุ้นของบริษัทเกิดความผันผวน..ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลที่มีเจตนาแอบแฝงทำการยักยอกเงินของบริษัทไปผมจึงยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อระงับบัญชีทางการเงินของบริษัททะเลสี่ทิศ..ผมขอแนะนำให้พวกคุณทราบว่าคุณเย่คนนี้เป็นเจ้าของหุ้น 450 หุ้นของบริษัททะเลสี่ทิศหรือคิดเป็น 60% ของส่วนผู้ถือหุ้นทั้งหมด..กล่าวก็คือต่อจากนี้ไปคุณเย่จะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัททะเลสี่ทิศนั่นเอง”
เมื่อเสียงของทนายจบลงแล้วเหล่าผู้บริหารก็แปลกใจกันอย่างมากและมองไปยังเย่เชียนด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปบริษัททะเลสี่ทิศจะถูกผมบริหารจัดการโดยสมบูรณ์..ผมไม่มีแผนจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตเพราะงั้นคำขอของผมมีเพียงข้อเดียวและนั่นคืออย่าทรยศบริษัทไม่อย่างนั้นผมจะไม่สุภาพกับพวกคุณ..ส่วนคุณชางกวนตอนนี้คุณก็เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทด้วยและทุกคนก็รู้ว่าคุณมีหุ้นทั้งหมด 40% ส่วนการได้มันมานั้นผมเชื่อว่าหลายๆคนคงรู้แล้วแต่นี่มันไม่ใช่เรื่องของผมเพราะงั้นผมไม่สนเรื่องที่เกิดขึ้นแต่อย่ามาทรยศและลับหลังผมแค่นั้นก็พอ”