ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 930 บุกแหล่งกบดาน
ตอนที่ 930 บุกแหล่งกบดาน
ที่นี่คือประเทศจีนและนินจาญี่ปุ่นเหล่านั้นก็ไม่เคยคิดที่จะยึดครององค์กรใดๆของจีนแต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ความคิดที่โง่เขลาเท่านั้นเพราะเมื่อไหร่ที่สำนักและตระกูลใหญ่ๆของจีนถูกทำลายไปก็จะไม่มีกองกำลังใดๆในประเทศจีนที่สามารถต่อสู้กับพวกมันได้และไม่มีใครสามารถต้านทานพวกมันได้อีกต่อไป ดังนั้นจุดประสงค์หลักของพวกนั้นคือการกำจัดสำนักใหญ่ๆและตระกูลใหญ่ๆของประเทศจีนให้หมดนั่นเอง
แต่สำหรับซงเจิ้งหยวนแล้วเขาโง่เขลาและถูกหลอกใช้อย่างสมบูรณ์แบบเพราะจุดประสงค์ของเขาคือการใช้พลังของนินจาญี่ปุ่นเหล่านี้เพื่อช่วยให้เขาก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำสำนักหยุนหยานเหมิน อย่างไรก็ตามในตอนนี้นอกจากเขาแล้วมีเพียงฮัวหยาซินและหูวเค่อเท่านั้นที่รอดจากการโจมตีครั้งนี้ ดังนั้นแผนการทั้งหมดของเขาก็สูญเปล่าไปโดยไร้ประโยชน์ไม่ใช่หรือ? ถ้าเขาไม่สามารถครอบครองตำแหน่งผู้นำสำนักหยุนหยานเหมินได้แล้วทุกสิ่งที่เขาทำลงไปนั้นคืออะไร? นอกจากนี้เส้นทางทั้งหมดของเขาก็จะจบลงและเขาไม่มีเส้นทางอื่นให้เลือกอีกต่อไป
ภายในห้องซงเจิ้งหยวนก็มองไปที่ไทจิอิเคดะข้างหน้าเขาและพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “แกทำแบบนี้ทำไม?..เราตกลงกันในตอนแรกว่าพวกแกจะช่วยให้ฉันได้รับตำแหน่งผู้นำสำนักหยุนหยานเหมินไม่ใช่เหรอ?..แต่ตอนนี้สาวกและลูกศิษย์ทุกคนในสำนักตายกันไปหมดแล้วเพราะงั้นตำแหน่งเจ้าสำนักมันจะไปมีประโยชน์อะไร?”
ไทจิอิเคดะก็แสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ซงเจิ้งหยวน..ถึงยังไงแกก็ยังสามารถรับใช้เราในอนาคตได้..ลองคิดดูสิว่าถ้าสาวกของสำนักหยุนหยานเหมินยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องรู้ความจริงในสักวัน..นี่แกไม่กลัวว่าแกจะถูกเนรเทศหรือประหารชีวิตเหรอ?”
“แต่สุดท้ายฉันก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี..อีกอย่างฉันมีเรื่องอื้อฉาวมากมายและฉันก็ไม่สามารถอยู่ในประเทศจีนได้อีก..ชีวิตที่เหลือของฉันมันจบลงแล้ว” ซงเจิ้งหยวนพูด “ในตอนนี้อาจารย์และศิษย์น้องของฉันยังมีชีวิตอยู่เพราะงั้นพวกเธอจะไม่ปล่อยฉันไปอย่างแน่นอน”
“อย่ากังวลไปเพราะพวกเราอยู่ที่นี่..ถึงยังไงอาจารย์และศิษย์น้องของแกก็ไม่สามารถทำอะไรแกได้” ไทจิอิเคดะพูด “พวกเราจะกลับประเทศญี่ปุ่นทันทีที่สถานการณ์เริ่มสงบลง..คราวนี้ภารกิจของพวกเราเสร็จเรียบร้อยแล้วเพราะงั้นฉันจะแนะนำให้แกรู้จักกับพี่ใหญ่ของเราและทำให้แกเพลิดเพลินไปกับความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งในอนาคตที่ดินแดนของเรา..ต่อให้อาจารย์และศิษย์น้องของแกต้องการจะฆ่าแกแค่ไหนแต่ถึงยังไงพวกนั้นก็ไม่กล้าบุกไปที่ประเทศญี่ปุ่นอยู่ดี”
จนถึงตอนนี้ซงเจิ้งหยวนก็ไม่มีทางอื่นอยู่ดีดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเท่านี้เพราะเรื่องต่างๆมันเกิดขึ้นแล้วเขาคงอยู่ที่ประเทศจีนไม่ได้อีกต่อไปแล้วและเขาทำได้เพียงแค่ตามนินจาเหล่านี้กลับไปยังประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถึงแม้ว่าเขาจะต้องเป็นสุนัขรับใช้เขาก็ต้องจำใจทำเท่านั้น “มีอีกเรื่องที่ฉันต้องบอกให้ชัดเจน..พวกแกสามารถฆ่าอาจารย์ของฉันได้แต่ห้ามทำร้ายศิษย์น้องของฉันเพราะเธอเป็นของฉัน!” ซงเจิ้งหยวนพูด
“อย่าเสียเวลาไปหน่อยเลย..เมื่อแกไปถึงประเทศญี่ปุ่นของเราเมื่อไหร่ก็มีผู้หญิงสวยๆมากมายรอแกอยู่..สาวชาวญี่ปุ่นของเราน่ะวิเศษสุดๆไปเลยและพวกเธอก็เชื่อฟังด้วย” ไทจิอิเคดะพูดต่อ “ภาษาจีนของแกพูดว่าอะไรนะ?..ชายชาตินักรบมักสยบให้แก่สตรีใช่มั้ย?..นั่นมันเรื่องไร้สาระ!”
“แกไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้แกแค่รับปากฉันก็พอ” ซงเจิ้งหยวนพูด “นอกจากนี้พวกแกต้องฆ่าเย่เชียนให้ฉันด้วย!”
“ไม่ต้องกังวลไปเพราะเย่เชียนอยู่ได้อีกไม่นานหรอก” ไทจิอิเคดะพูด “ที่ญี่ปุ่นพวกเราได้ดำเนินการกวาดล้างเขี้ยวหมาป่าครั้งใหญ่แล้วรวมไปถึงแก๊งฝูชิงที่เป็นพันธมิตรของเขี้ยวหมาป่าด้วยเพราะงั้นความตายของเย่เชียนมันก็เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น..แกไม่ต้องห่วง”
“ช่างเป็นคำพูดที่ยิ่งใหญ่จริงๆ” จู่ๆทันใดนั้นเย่เชียนก็เดินเข้ามาพร้อมกับหน่วยมังกรซ่อนเล็บของสำนักความมั่นคงแห่งชาติที่นำโดยหยานฮั่นและหูวเค่อ ซึ่งเมื่อเขาเห็นซงเจิ้งหยวนแล้วดวงตาของเย่เชียนก็เต็มไปด้วยความโกรธ “หลายคนต้องการฆ่าฉันแต่ฉันก็ยังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้..พวกแกจะโอ้อวดเกินไปแล้ว?” เย่เชียนพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเย่เชียนทำให้ไทจิอิเคดะและคนอื่นๆตกใจจริงๆและทุกคนก็รู้สึกประหม่าในทันทีแล้วจ้องมองด้วยสายตาที่ระมัดระวังเพราะในเวลานี้การต่อสู้และการปะทะนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
“อาจารย์..ศิษย์น้อง!” ซงเจิ้งหยวนตะโกนออกมาอย่างอ่อนแรงและเห็นได้ชัดว่าเขามีความสำนึกผิดอยู่ในคำพูด
“หุบปาก!..แกไม่สมควรเรียกฉันแบบนั้น” หูวเค่อพูดอย่างโกรธเกรี้ยว “อาจารย์ใจดีกับแกมากแต่แกกลับจะฆ่าอาจารย์และทำลายสำนักหยุนหยานเหมิน!..แกไม่คู่ควรกับการเป็นลูกศิษย์ของสำนักหยุนหยานเหมินเลย!”
“ฉันไม่ใช่พี่ชายของเธอแล้วงั้นเหรอ?” ซงเจิ้งหยวนพูด “เธอรู้ไหมว่าฉันชอบเธอตั้งแต่ยังเป็นเด็กแต่เธออยากอยู่กับไอ้หมอนี่มากกว่าอยู่กับฉัน..มันมีดีอะไร..ถ้าไม่ใช่เพราะเธอฉันคงไม่ทำแบบนี้หรอก!”
“หืม..นั่นมันเป็นการตัดสินใจของแกเองเพราะงั้นเลิกโทษคนอื่นซะที!” หูวเค่อพูด “แกก็น่าจะรู้ดีว่าฉันไม่เคยชอบแกเลย..แกแค่ต้องการสนองความเป็นเจ้าของและจิตวิญญาณแห่งการแข่งขันของตัวเอง..แกไม่จำเป็นต้องหาข้อแก้ตัวดีๆให้ตัวเอง..แกทำลายสำนักหยุนหยานเหมินแกมันเลว..แกสมรู้ร่วมคิดกับพวกญี่ปุ่นแกมันชั่ว..คนอย่างแกไม่มีสิทธิ์มาบอกรักใคร!”
“แล้วมันมีดีอะไร” ซงเจิ้งหยวนพูด “มันเป็นแค่ทหารรับจ้างและเด็กกำพร้าที่ถูกตระกูลเย่ทิ้ง..มันเป็นคนเลวคนเจ้าชู้..มันมีคนรักอยู่แล้วแต่เธอก็ยังหน้ามืดตามัวไปรักมัน!..คนอย่างมันก็ไม่มีสิทธิ์มารักเธอ..พวกเธอมันก็แค่โสเภณีที่อยากได้ผู้ชายจนตัวสั่นสินะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เชียนก็ขมวดคิ้วและความโกรธก็ผุดขึ้นมาจากหัวใจของเขา ส่วนหูวเค่อก็สูดลมหายใจอย่างเย็นชาและพูดว่า “ไม่ว่าเขาจะเป็นยังไงแต่อย่างน้อยๆเขาก็รู้ดีว่าอะไรควรหรือไม่ควร..เมื่อเทียบกับเขาแล้วแกมันก็แค่เศษสวะ!”
“เหอะๆ..ฮ่าๆ!” ซงเจิ้งหยวนหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและพูดว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็อย่ามาโทษว่าฉันโหดร้ายก็แล้วกัน..ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้หัวใจของเธอแต่อย่างน้อยๆร่างกายของเธอก็จะเป็นของฉันและไม่มีใครสามารถเอามันไปได้!”
เย่เชียนก็หัวเราะแล้วพูดว่า “หึ..ฉันจะให้โอกาสแกเพราะงั้นบอกฉันทีว่าใครคือผู้นำของแกและใครที่ทำให้องค์กรในประเทศญี่ปุ่นรวมกันเป็นหนึ่ง”
“หืม..ทำไมฉันต้องบอกแกด้วยล่ะเพราะวันนี้แกจะไม่มีทางรอดกลับไปได้!” ไทจิอิเคดะพูด
“พวกญี่ปุ่นนี่หยิ่งผยองเมื่อสิ้นหวังกันทุกคนจริงๆ..ใจสู้ไม่เลวเลย” เย่เชียนพูด “เมื่อพวกเรามายังที่นี่แกคิดว่าพวกแกจะออกไปจากที่นี่ได้งั้นเหรอ?..ช่างมันเถอะต่อให้แกไม่พูดเดี๋ยวก็มีสักคนที่จะพูดออกมา..จะบอกให้ว่านี่แค่ก้าวแรกเพราะองค์กรทั้งหมดในประเทศญี่ปุ่นของแกจะลงหลุมตามแกไปติดๆอย่างแน่นอน”
เมื่อคำพูดนั้นจบลงเย่เชียนก็พุ่งเข้าไปพร้อมกับมีดคลื่นโลหิตในมือของเขาราวกับเคียวมรณะจากนรกผสมกับพลังปราณอันรุนแรง หูวเค่อเองก็ไม่รีรอเช่นกันและรีบพุ่งไปที่ซงเจิ้งหยวนที่อยู่ข้างหลังเหล่านินจาญี่ปุ่นทันที
เมื่อเห็นเช่นนั้นไทจิอิเคดะก็ออกคำสั่งและเหล่านินจาจากญี่ปุ่นต่างก็ชักอาวุธออกมาเพื่อปะทะกับพวกเขา “ปังๆๆๆๆ” ในทันใดนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้นและเหล่านินจาก็ล้มลงทีละคนทันทีจนไทจิอิเคดะอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและตะโกนว่า “ไอ้บ้าเอ๊ย” จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าไปหาเย่เชียนอย่างสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากต้องเผชิญหน้ากับอาวุธปืนแล้วเขาจึงหมดหนทางอย่างสมบูรณ์แบบและไม่สามารถป้องกันตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงต้องเข้าประชิดศัตรูเพื่อลดความเสี่ยงจากพลปืนสไนเปอร์ด้านนอกอีก
มีเสียงปืนดังขึ้นหลายครั้งและเหล่านินจาก็ล้มลงไปทีละคนๆจนหลี่เหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว จากนั้นเขาก็ทิ้งปืนในมือแล้ววิ่งเข้าไปพร้อมตะโกนว่า “แม่งเอ๊ย..ใช้ปืนแล้วมันไม่น่าตื่นเต้นเลย..บอสเหลือให้ผมบ้าง!” เมื่อเห็นเช่นนั้นเฟิงหลานก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งเฟิงหลานนั้นก็สอดส่องและจัดการศัตรูด้วยกล้องอินฟราเรดในปืนไรเฟิลและเมื่อสมาชิกของหน่วยมังกรซ่อนเล็บตกอยู่ในอันตรายเฟิงหลานก็จะยิงสนับสนุนพวกเขาโดยไม่ลังเล
นี่ไม่ใช่การแข่งขันแต่เป็นการต่อสู้ที่สิ้นหวังและนองเลือดอย่างสยดสยอง ซึ่งนี่คือสงครามแห่งความตายดังนั้นโซ่ตรวนทางศีลธรรมก็ไม่สำคัญอีกต่อไป ก่อนหน้านี้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนได้ประสานงานกับสถานีตำรวจทุกเขตเอาไว้แล้วและไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่นี่พวกเขาก็จะต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลยแล้วค่อยจัดการสิ่งต่างๆในภายหลัง ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านั้นจะไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เนื่องจากเป็นคำสั่งของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนที่เป็นถึงผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติแล้วพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะเพิกเฉยเพราะเป็นคำสั่งที่ออกโดยตรงจากรัฐบาลระดับสูง ดังนั้นพวกเขาจะกล้าคัดค้านได้อย่างไร?
ตั้งแต่คืนนั้นกับแม่ม่ายดำจือเหวินเย่เชียนก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าสิ่งที่คล้ายกับเมล็ดถั่วเหลืองในตันเถียนของเขามีขนาดใหญ่ขึ้นและพลังปราณที่มีอยู่ในนั้นก็ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ในตอนนี้ดูเหมือนว่ามีดคลื่นโลหิตจะฉายแสงสีแดงเลือดราวกับเป็นเลือดที่ไหลรินพุ่งเข้าไปแทงสะบักไหล่ของไทจิอิเคดะอย่างรุนแรง ซึ่งไทจิอิเคดะก็ส่งเสียงตะโกนที่น่าสลดใจและส่วนกลับเย่เชียนด้วยมีด อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็หลบหลีกอย่างสมบูรณ์แบบแล้วหมุนตัวไปยังด้านหลังของไทจิอิเคดะจากนั้นก็ใช้มีดฟันเข้าไปที่ไทจิอิเคดะ ซึ่งการเคลื่อนไหวนั้นรวดเร็วในชั่วพริบตาและสร้างบาดแผลจำนวนมากเอาไว้บนหลังของไทจิอิเคดะ
จากนั้นเย่เชียนก็ใช้ฝ่ามือโจมตีเข้าไปที่กลางหลังของไทจิอิเคดะด้วยพลังปราณรูปทรงเกลียวกระแทกร่างของไทจิอิเคดะทันทีอย่างรุนแรงจนไทจิอิเคดะกระเด็นออกไปแล้วเย่เชียนก็พุ่งตามเข้าไปใช้มีดคลื่นโลหิตแทงเข้าไปที่หน้าอกของไทจิอิเคดะแล้วหมุนตัวกลับพร้อมกับดึงมีดออกมา ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกมาจากอกของไทจิอิเคดะอย่างน่าสยดสยอง
ไทจิอิเคดะก็เบิกตากว้างแล้วค่อยๆล้มลง
ด้วยความช่วยเหลือของเฟิงหลานนั้นทำให้การโจมตีของหน่วยมังกรซ่อนเล็บเป็นไปได้อย่างราบรื่นและไม่มีอะไรต้องกังวลเลย แต่สำหรับนินจาญี่ปุ่นเหล่านั้นต่างออกไปเพราะไม่ใช่แค่ต้องรับมือกับการโจมตีระยะประชิดของหน่วยมังกรซ่อนเล็บเท่านั้นแต่ยังต้องคอยหลบกระสุนที่ไม่รู้ว่ามาจากทิศทางไหนอีกด้วย ซึ่งมันเป็นความกดดันในความตายอย่างน่าหวาดกลัว