ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 935 โชคชะตา (2)
ตอนที่ 935 โชคชะตา (2)
มันเป็นเวลาเพียง 11 ชั่วโมงสั้นๆเท่านั้นเย่เชียนจึงไม่ได้คิดจะสร้างปัญหาใดๆกับสองคนนี้เหตุผลที่เขาเลือกขึ้นรถไฟก็เพื่อหูวเค่อและเพื่อที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหูวเค่อ เขาไม่ใช่คนวิปริตที่ต้องการมีอะไรกับเธอบนรถไฟเช่นนั้นเพราะมันไม่จำเป็น
ด้วยเหตุนี้เย่เชียนจึงไม่พูดอะไรแต่เขารู้ว่าหญิงสาวสองคนนี้กำลังซ่อนอะไรบางอย่างอยู่ ทุกวันนี้ทุกคนมักจะระมัดระวังตัวและไม่มีใครเปิดเผยตัวตนต่อหน้าคนอื่น แม้แต่ผู้หญิงที่ต้องการอวดหน้าอกและก้นตามท้องถนนเหล่านั้นพวกเธอก็ยังคงพยายามปกปิดส่วนของตัวเองให้ดีที่สุด ซึ่งอาจเป็นเพราะความเป็นส่วนตัวหรือข้อควรระวังหรือบางทีก็เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้อื่นเพราะท้ายที่สุดมนุษย์ต่างก็มีความอยากรู้อยากเห็นเสมอ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรอย่างน้อยๆก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่มีใครที่ปกปิดตัวตนได้อย่างสมบูรณ์แบบและมันไม่ใช่พิพิธภัณฑ์ที่ใครจะสามารถเข้ามาชมได้ด้วยตั๋วเช่นนั้น
รถไฟแล่นไปข้างหน้าเรื่อยๆและเนื่องจากไม่มีอะไรทำเย่เชียนจึงหยิบนวนิยายขึ้นมาอ่านเล่นและนี่เป็นนวนิยายอัตชีวประวัติขององค์กรใต้ดินและเหล่าทหารรับจ้างและมันคือประวัติของตัวเขาเองที่เขียนโดยนักเขียนออนไลน์นามปากกาว่าบู๊เยว่ฟางอ้างอิงจากข้อมูลที่เปิดเผย
ถึงแม้ว่าจะมีองค์ประกอบที่สมมติขึ้นและเกินจริงอยู่มากมายแต่ในความเห็นของเย่เชียนนั้นมันก็ดูมีความสมจริงอยู่บ้างและทำให้อ่านได้อย่างสนุกสนาน เย่เชียนนั้นเคยไปที่ร้านขายหนังสือเพื่อซื้อหนังสือนิยายของแท้แต่ใครจะรู้ว่าฉบับจริงยังไม่ถูกตีพิมพ์ออกมา แต่เมื่อดูเรื่องราวของเขาเองแล้วเย่เชียนก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยและรู้สึกขบขันอย่างมาก
“ฉันตรวจสอบแล้วไม่มีใครตามเรามา” ในขณะนั้นชายหนุ่มคนหนึ่งก็เข้ามาจากด้านนอกและพูดขึ้น หลังจากที่เห็นเย่เชียนเขาก็หยุดพูดทันทีจากนั้นหลี่ซือก็ขยิบตาให้เขา ส่วนเย่เชียนก็ยังคงเอาหนังสือมาปิดหน้าและไม่หันไปมองราวกับว่าเขาไม่สนใจ
จากนั้นชายหนุ่มก็เดินไปที่เตียงของหูวจ้าวเจียวแล้วนั่งลงและพูดเบาๆว่า “ฉันเตรียมตั๋วเอาไว้ให้แล้วเราจะไปที่เมืองเซี่ยงไฮ้กันก่อนแล้วค่อยไปที่ซีอาน..ถ้าเราถึงที่นั่นเหมือนเราเธอก็จะปลอดภัย”
หลีซือก็ก้มหน้าลงจากเตียงชั้นบนและเขาจงใจเปิดเพลงในโทรศัพท์มือถือของเธอราวกับว่าเขาต้องการใช้เสียงเพลงเพื่อกลบเสียงสนทนาไม่ให้เย่เชียนได้ยินการสนทนาของพวกเธอ “เยว่ฟางขอบคุณนะ..ถ้าไม่ได้นายฉันคงแย่แน่” เฉินซือพูดอย่างขอบคุณ
เยว่ฟางยิ้มก็อย่างอ่อนโยนและพูดว่า “นี่คือสิ่งที่ฉันควรทำ..นั่นเพราะ..” ขณะที่เขาพูดเขาก็เหลือบมองไปที่หูวจ้าวเจียวแล้วพูดว่า “ฉันเองก็ต้องรับผิดชอบเหตุการณ์นี้ด้วยเพราะถ้าเธอกับจ้าวเจียวไม่มาช่วยฉันล่ะก็เรื่องแบบนี้คงจะไม่เกิดขึ้น” เยว่ฟางพูดต่อ
เย่เชียนก็แอบเหลือบมองอย่างลับๆและทันใดนั้นเขาก็รู้สึกร้อนรุ่มไปตัวร่างกายเนื่องจากหลี่ซือนั้นหลี่ซือนั้นอยู่ที่ชั้นบนแต่เธอนอนคุยกับคนชั้นล่างจึงทำให้คอเสื้อของเธอเปิดลงจนหน้าอกสีขาวปรากฏอย่างชัดเจนในดวงตาของเย่เชียน เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็หันหน้าหนีอย่างเร่งรีบและสูดลมหายใจเข้าลึกๆและระงับความคิดชั่วร้ายในหัวของเขา เนื่องจากประสบความสำเร็จในการรวมพลังปราณแท้จริงของศิลปะการต่อสู้จีนโบราณจึงทำให้ความรู้สึกของเขาไวและสัมผัสได้ดีกว่าเดิม ซึ่งทำให้เขารู้สึกหดหู่เล็กน้อย ซึ่งเมื่อเขาเห็นหน้าของเยว่ฟางที่นั่งอยู่บนเตียงเย่เชียนก็ถึงกับตกตะลึงเพราะนี่คือนักเขียนออนไลน์ที่เขียนหนังสือชีวประวัติของเขาไม่ใช่เหรอ? ดูเหมือนจะเป็นเรื่องบังเอิญอย่างยิ่ง
“บู๊เยว่ฟาง!..คุณคือบู๊เยว่ฟางใช่หรือเปล่า?” เย่เชียนวางหนังสือในมือลงอย่างตื่นเต้นและพูดว่า “ผมชอบผลงานของคุณมาก..ผมเองก็กำลังอ่าน.. ‘ยอดนักรบจอมราชัน’ ..ของคุณอยู่..ว่าแต่ทำไมคุณถึงเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาตื่นมา..ตัวเอกในเรื่องคุณได้แรงบันดาลใจมาจากไหนเหรอ?”
เย่ฟางก็ตกตะลึงอยู่พักหนึ่งและเมื่อเขาเห็นเย่เชียนถือนวนิยาย ‘ยอดนักรบจอมราชัน’ อยู่ในมือเขาก็โล่งใจ อย่างไรก็ตามเมื่อดูจากรูปลักษณ์ของหนังสือแล้วเห็นได้ชัดว่ามันเป็นหนังสือลอกเลียนแบบ “ถ้าคุณชอบหนังสือเล่มนี้ก็ช่วยสนับสนุนต้นฉบับด้วย” เย่ฟางพูดต่อ “นี่เป็นเหมือนกำลังใจเล็กๆน้อยๆสำหรับนักเขียนออนไลน์อย่างเรา..หนึ่งหยวนต่อหนึ่งบทมันไม่แพงมากหรอก..แถมในอินเทอร์เน็ตก็มีโปรโมชั่นลดราคามากมาย!”
เย่เชียนตกตะลึงเล็กน้อยและยิ้มอย่างเขินอายแล้วพูดว่า “ผมไม่ค่อยมีเวลาน่ะเพราะงั้นผมจึงไม่ค่อยอ่านนิยายออนไลน์สักเท่าไหร่”
“โถ่เอ๊ย” เยว่ฟางกลอกตาไปมาแล้วพูดว่า “แต่คุณก็ยังดีเพราะอย่างน้อยคุณก็ไม่ได้หวังผลประโยชน์เพราะนักอ่านบางคนชอบซื้อลิขสิทธิ์ต้นฉบับและนำไปขายต่ออย่างผิดๆจนทำให้นักเขียนอย่างเราเสียรายได้ไป..ถ้าคุณชอบมันจริงๆคราวหน้าก็ไปสนับสนุนต้นฉบับที่ตีพิมพ์สิ”
“แล้วนิยายของคุณจะจบเมื่อไหร่เหรอ?” เย่เชียนถาม
“หนังสือเล่มนี้สร้างจากเหตุการณ์จริงเพราะงั้นผมต้องสอบถามตัวเอกของนิยายเรื่องนี้ด้วย” เยว่ฟางพูดและหลังจากหยุดไปชั่วขณะเขาก็พูดต่อ “โทษทีนะตอนนี้เรายังมีเรื่องต้องคุยกันเพราะงั้นคุณควรอ่านนิยายไปก่อน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เชียนก็ไม่สนใจอีกต่อไปและเขาก็ทำหน้ามุ่ยเล็กน้อยแล้วนอนลงอีกครั้งจากนั้นก็เปิดหนังสืออ่านต่อ ถึงแม้ว่าเสียงเพลงจะค่อนข้างดังแต่เย่เชียนก็ยังสามารถได้ยินการสนทนาระหว่างพวกเขาได้อย่างชัดเจน ทั้งหลี่ซือและหูจ้าวเจียวนั้นเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในซีอานและคราวนี้หลี่ซือกับหูจ้าวเจียวก็มาเยี่ยมเยว่ฟาง แต่พวกเธอถูกลักพาตัวไปแต่ก็หนีมาได้ ดังนั้นพวกเธอจึงไม่กล้ากลับไปที่ซีอานโดยตรงดังนั้นพวกเธอจึงคิดว่าการนั่งรถไฟไปลงเมืองเซี่ยงไฮ้อีกเที่ยวคงจะดีกว่า
เมื่อเขาได้ยินเช่นนี้เย่เชียนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเพราะเขาจำสิ่งที่หูวหนานเจียนบอกได้หรือเป็นไปได้ไหมว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่เขาต้องปกป้องเธอ? ดูเหมือนว่าเด็กคนนั้นจะชื่อหลี่ซือเหมือนกันด้วย อย่างไรก็ตามมีคนจำนวนมากที่มีชื่อเหมือนกันในโลกนี้ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่ได้ใส่ใจ
ประมาณห้าโมงเย็นเย่เชียนก็ลุกขึ้นและทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้หูวเค่อ ส่วนสามคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ยังคงกระซิบอะไรบางอย่างกันอยู่และแน่นอนว่าเย่เชียนเพิกเฉยเช่นเคย แต่เขาก็ยังคงถามเยว่ฟางอย่างกระตือรือร้นว่าเขาต้องการจะกินด้วยหรือเปล่าแต่เยว่ฟางตอบขอบคุณและปฏิเสธ เมื่อเป็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ไม่รบกวนเขาแล้วเดินออกไปข้างนอก ในทางเดินมีกลุ่มผู้โดยสารเดินมาทางพวกเขา อย่างไรก็ตามเย่เชียนสามารถรับรู้ได้ว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่คนธรรมดาๆแต่จากรูปลักษณ์ของพวกเขาแล้วเห็นได้ชัดว่าพวกเขาสวมบทเป็นสมาชิกครอบครัว เมื่อนึกถึงการสนทนาระหว่างเยว่ฟางกับทั้งสองสาวแล้วเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะให้ความสนใจมากขึ้น
“ไปให้พ้น!” เมื่อพวกเขามาถึงด้านข้างของเย่เชียนแล้วชายหนุ่มคนหนึ่งก็ตะโกนใส่เย่เชียน แต่เย่เชียนก็ไม่ได้แข็งข้อและก้าวหลบไปอย่างเฉยเมยและมองดูคนเหล่านั้นเดินไปที่ห้องส่วนตัวของเขา ดูเหมือนว่าการเดาของเขาจะถูกต้องจริงๆดังนั้นหลังจากต้มบะหมี่เสร็จแล้วเย่เชียนก็เดินกลับมาพร้อมกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและได้ยินเสียงการต่อสู้จากระยะไกลๆและที่ประตูห้องก็มีชายหนุ่มพิงอยู่พร้อมกับบุหรี่ในปาก
เย่เชียนเดินไปพร้อมกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและเมื่อเขาอยู่หน้าประตูชายหนุ่มคนนั้นก็หยุดเย่เชียนเอาไว้และจ้องมาที่เขาอย่างดุเดือดแล้วพูดว่า “แกกำลังทำอะไร..นี่ไม่ใช่เรื่องของแกออกไปซะ!”
“แฟนของฉันอยู่ข้างในและนี่คือห้องของฉันเพราะงั้นทำไมฉันจะเข้าไปไม่ได้” เย่เชียนพูด
“แกอยากเจ็บตัวใช่มั้ย?..ฉันบอกให้แกออกไปให้พ้นแกไม่ได้ยินเหรอ?..ไปสิวะไม่งั้นฉันจะสั่งสอนแก!..แล้วถ้าแกไปฟ้องใครล่ะก็แกโดนแน่!” ชายหนุ่มหน้าประตูขู่เย่เชียน
เย่เชียนก็ทำหน้าบึ้งและส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า “ในเมื่อพวกแกต้องการสร้างปัญหาแล้วทำไมถึงต้องกลัวตำรวจบนรถไฟด้วย?”
“หืม?..ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ!” ทันทีที่เสียงนั้นจบลงชายหนุ่มก็ต่อยเย่เชียนด้วยหมัด อย่างไรก็ตามเย่เชียนหลบได้และใช้ฝ่ามือฟาดเข้าไปที่ท้ายทอยของชายหนุ่มอย่างรวดเร็วและร่างของชายหนุ่มก็ทรุดลงไปกับพื้นทันที ซึ่งไม่มีแม้แต่น้ำหกแม้แต่หยดเดียวจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในมือของเย่เชียนในการจัดการกับคนเหล่านี้ เย่เชียนไม่จำเป็นต้องเอาจริงเกินไปเพราะถึงแม้จะมีเพียงมือเดียวแต่เย่เชียนก็สามารถรับมือได้อย่างสมบูรณ์แบบ ต่อให้แขนซ้ายของเขาจะไม่สามารถใช้การได้ในตอนนี้แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรเมื่อเผชิญกับคนเหล่านี้
เมื่อเข้าไปในห้องส่วนตัวแล้วหูวเค่อก็ยืนอยู่ข้างหน้าหลี่ซือและหูจ้าวเจียวพร้อมกับจ้องมองไปที่คนหนุ่มสาวสามคนด้วยความโกรธ ส่วนเยว่ฟางนั้นนอนอยู่บนพื้นและมีเลือดเต็มใบหน้าของเขาเห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถปกป้องหญิงสาวทั้งสองได้ “วุ่นวายกันจริงๆ..อย่าบอกนะว่ากำลังแย่งที่บนรถไฟกันอยู่?” เย่เชียนเดินเข้ามาแล้วพูด
คนแปลกหน้าทั้งสามคนก็มองออกไปและเมื่อเห็นว่าคนที่เฝ้าประตูอยู่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะแน่นิ่งไปครู่หนึ่งและพวกเขาก็รู้ได้ว่ามันเป็นฝีมือของเย่เชียน จากนั้นเย่เชียนก็เดินไปหาหูวเค่อและยื่นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในมือของเขาให้แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “โชคดีที่มันไม่หกไปซะก่อน..กินสิมันกำลังร้อนๆเลย..เดี๋ยวที่เหลือผมจัดการเอง!”
หูวเค่อพยักหน้าและเดินออกไปเพราะตอนนี้เธอเห็นทักษะของคนเหล่านี้แล้วเพราะงั้นเธอจังไม่กังวลอะไร ดังนั้นต่อให้เย่เชียนจะใช้แขนเพียงข้างเดียวในการต่อสู้เขาก็จะไม่เป็นอะไร “เป็นยังไงบ้าง..การต่อสู้แบบนี้ไม่เหมาะกับคุณที่ถือแต่ปากกา..เอาสิลุกขึ้น!”
“ลูกผู้ชายควรจะสู้ใช่มั้ย..ถึงแม้ว่าจะแพ้ก็เถอะแต่อย่างน้อยๆก็ต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อคนรก..ถ้าไม่กล้าแม้แต่จะปกป้องคนรักแล้วล่ะก็ในอนาคตผมจะไปทำอะไรได้!” เยว่ฟางพูด
“ฉันเป็นคนที่พวกแกต้องการจับตัวไปเพราะงั้นฉันจะไปกับพวกแก..แต่พวกแกต้องสัญญาว่าจะต้องปล่อยพวกเขาไป” หลี่ซือสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วก้าวไปข้างหน้าสองก้าวแล้วพูดต่อ “ฉันรู้ว่าพวกแกต้องการตัวฉันเพราะงั้นถ้าพวกแกปล่อยเพื่อนของฉันไปฉันจะไปกับพวกแกและไม่ขัดขืน!”