ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 974 หมาป่าผี
ตอนที่ 974 หมาป่าผี
เพราะในช่วงวินาทีสุดท้ายเย่เชียนได้หลี่กเลี่ยงจุดตายของไป๋ฮวยเอาไว้ดังนั้นอาการบาดเจ็บของเขาจึงไม่ร้ายแรง อย่างไรก็ตามใบมีดก็แทงเข้าไปลึกจนเกินไปจึงทำให้เสียเลือดมากและไป๋ฮวยก็อยู่ในอาการโคม่าชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งโรงพยาบาลทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้และสรุปผลออกมาว่าไป๋ฮวยจะรอดได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นและความพยายามของเขาเอง
เย่เชียนก็นั่งอยู่ที่ด้านข้างของไป๋ฮวยทั้งวันทั้งคืนและนอนไม่หลับเอาแต่พึมพำไม่หยุดถึงเรื่องราวในอดีตและหวังว่าสิ่งนี้จะทำให้จิตสำนึกของไป๋ฮวยตื่นขึ้น อย่างไรก็ตามไป๋ฮวยก็ไม่ได้อยากมีชีวิตต่อและนั่นก็เท่ากับการปิดกั้นประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขาแล้วเขาจะไปได้ยินคำพูดของเย่เชียนได้อย่างไร? เขารอไม่ไหวที่จะหลับแบบนี้และหลับตลอดไปโดยไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย
“พี่ไป๋ตื่นเถอะ..ได้โปรดตื่นสิ..พี่จะหลับไปแบบนี้ได้ยังไง?..เราผ่านความตายด้วยกันมานานหลายปีและผมก็ไม่เคยเห็นพี่ขี้ขลาดแบบนี้เลย..เราผ่านสงครามกันมากี่ครั้งแล้วเราสู้กับกองโจรมาตั้งกี่กลุ่มทั้งเสือดาวหิมะที่ผมเคยรู้จักในนามราชาแห่งทหารรับจ้างในสมัยนั้นก็ยังพ่ายแพ้ให้กับเรา..ตอนนั้นผมไม่เห็นพี่จะขี้ขลาดแบบนี้เลยเพราะงั้นอย่าแม้แต่จะคิดที่จะตายไป..ตอนนี้พี่ยังตายไม่ได้..อย่าทำให้ผมต้องดูถูกพี่สิ..ผมยังต้องการความช่วยเหลือจากพี่ไป๋อยู่..เราจะต่อสู้เคียงข้างกันและพิชิตประเทศนี้ไปด้วยกันเพราะงั้นถ้าพี่ตายไปผมจะทำยังไง?..คนที่มีฉายาว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยไม่ใช่คนขี้ขลาด..ไม่ว่าจะเจออุปสรรคแบบไหนเราก็จะผ่านมันไปได้..พี่น้องเขี้ยวหมาป่าทุกคนรอพี่อยู่และรอพี่กลับมากลับมาสู้ด้วยกัน..พี่จะเดินจากกันไปแบบนี้ไม่ได้..นี่ไม่ใช่หมาป่าผีที่ผมรู้จัก!” เย่เชียนหลั่งน้ำตาและน้ำมูกก็ไหลเต็มใบหน้าของเขา
นี่เป็นครั้งแรกที่หวังยู่เห็นเย่เชียนร้องไห้เพราะในความคิดของเธอเย่เชียนดูเหมือนอันธพาลเสมอราวกับว่าเขาไม่สนใจอะไรและดูถูกเหยียดหยามคนอื่น อย่างไรก็ตามในตอนนี้เย่เชียนกำลังร้องไห้ให้กับพี่ชายเช่นนี้ดังนั้นมิตรภาพระหว่างพวกเขาจะลึกซึ้งแค่ไหน? แน่นอนว่าหวังยู่ไม่เข้าใจแต่หัวใจของเธอเต้นแรงเพราะเสียงร้องของเย่เชียนราวกับมีดที่กำลังทิ่มแทงหัวใจของเธอ
สามวันผ่านไปแต่ไป๋ฮวยดูเหมือนไม่มีแววที่จะตื่นขึ้นเลย ในตอนเช้าโทรศัพท์มือถือของเย่เชียนดังขึ้นและเป็นสายของหูวหนานเจียนและเขาก็ยังรู้เรื่องของไป๋ฮวยอีกด้วย ซึ่งในตอนแรกเขาก็ถามเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของไป๋ฮวยจากนั้นก็ถามว่าเย่เชียนว่างที่จะไปพบเขาหรือเปล่า
เย่เชียนนั้นรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหูวหนานเจียนดังนั้นเขาจึงพยักหน้าและตกลง จากนั้นเย่เชียนก็หันไปมองหวังยู่ที่นอนอยู่ข้างๆ เขาแล้วเย่เชียนก็ถอดแจ็คเก็ตออกแล้วคลุมให้เธอแล้วหันหลังเดินออกไป
เมื่อเย่เชียนมาถึงสถานที่ที่นัดพบกับหูวหนานเจียนแล้วก็พบว่าหูวหนานเจียนกำลังนั่งอยู่ที่นั่นเพียงลำพังและเมื่อเขาเห็นเย่เชียนเข้ามาหูวหนานเจียนก็รีบลุกขึ้นยืน “ฉันรู้ว่าตอนนี้เอ็งอารมณ์ไม่ค่อยดีแต่ตอนนี้สถานการณ์ตึงเครียดมาก..เพราะงั้นฉันก็เลยเรียกเอ็งมาพบ” หูวหนานเจียนพูด
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ” เย่เชียนพูด
“ไม่กี่วันก่อนเจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่เราส่งไปคุ้มกันด็อกเตอร์หลี่ฉีถูกฆ่าตายจนหมดและเธอก็เกือบจะถูกพวกอเมริกันพาตัวไป..ฉันคิดว่าพวกสหรัฐอเมริกาอาจจะใจร้อนไปหน่อย..พวกนั้นต้องการตัวด็อกเตอร์หลี่ฉีไปโดยเร็วที่สุดและในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเราพบว่ามีคนคอยสะกดรอยตามลูกสาวของด๊อกเตอร์หลี่ฉีอยู่และพวกนั้นน่าจะเป็นพวกอเมริกัน..เพราะฉะนั้นเราต้องรีบดำเนินการโดยเร็วที่สุดซึ่งถ้าหากเราช้าฉันกลัวว่าสิ่งต่างๆจะสายเกินไปและถ้าหากการวิจัยในประเทศสหรัฐอเมริกาประสบความสำเร็จจริงๆล่ะก็ผลที่ตามมาก็คงจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแก้ไข” หูวหนานเจียนขมวดคิ้วแน่นและดูเหมือนว่าสิ่งต่างๆจะเลวร้ายจริงๆ
“แล้วสิ่งที่ผมต้องการล่ะ?” เย่เชียนยื่นมือออกมาแล้วพูด
“สิ่งนั้นถูกเตรียมเอาไว้สำหรับเอ็งแล้ว” หูวหนานเจียนหยิบใบรับรองออกมาและส่งให้พร้อมกับพูดว่า “นี่คือใบรับรองสมาชิกขององค์กรพิเศษแห่งชาติจีน..มันคือใบรับรองที่สำคัญและมันเทียบเท่ากับใบอนุญาตการฆ่าคนจากรัฐ..ฉันต้องพูดให้ชัดเจนก่อนว่าเอ็งไม่ควรฆ่าคนอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าและอย่าทำอะไรร้ายแรงจนเกินไปล่ะ”
“นั่นมันห้ามกันไม่ได้หรอก..สุดท้ายแล้วผมอาจจะทำอะไรบางอย่างที่หลี่กเลี่ยงไม่ได้แต่ถ้าคุณไม่เชื่อผมคุณก็สามารถหาคนอื่นทำแทนผมได้” เย่เชียนรับใบรับรองและอ่านมันจากนั้นก็พูดเบาๆ
หูวหนานเจียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “ฉันรู้ว่าตอนนี้เอ็งอารมณ์ไม่ดีแต่ฉันก็หวังว่าเอ็งจะคิดเรื่องนี้เพื่อประเทศชาติเพราะผลที่ตามมาของเรื่องนี้ร้ายแรงมาก..ส่วนเรื่องไป๋ฮวยเอ็งวางใจได้เลยเดี๋ยวฉันจะช่วยดูแลเขาเอง..ส่วนนี่คือโรงเรียนที่หลี่ซือลูกสาวของด็อกเตอร์หลี่ฉีกำลังศึกษาอยู่..ตอนนี้สถานะของเอ็งคือนักศึกษาเพราะงั้นเอ็งรีบไปรายงานโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้..อย่าทำให้สิ่งต่างๆถูกเปิดเผยเด็ดขาดและปกป้องตัวตนนี้เอาไว้เป็นความลับ”
“ไม่!..ผมต้องเห็นไป๋ฮวยตื่นก่อนผมถึงจะโล่งใจได้” เย่เชียนพูด “ถ้าไป๋ฮวยไม่ตื่นผมก็จะไม่ไปไหนและถ้าคุณไม่พอใจก็หาคนอื่นมาทำแทนผมได้เลย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหูวหนานเจียนก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งและการแสดงออกของเขาก็แน่นิ่งไป แน่นอนว่าประเทศจีนนั้นมีบุคลากรบอดี้การ์ดมากฝีมือมากมายแต่คนเหล่านั้นไม่เก่งเท่ากับเย่เชียนที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้และเย่เชียนนั้นแตกต่างออกไปเพราะเย่เชียนไม่ได้รับการฝึกฝนอย่างมืออาชีพในแบบบอดี้การ์ดดังนั้นการแสดงละครตบตาของเย่เชียนจึงแนบเนียนและสามารถปกป้องหลี่ซือได้โดยไม่ถูกจับตามอง
หูวหนานเจียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “ฉันรู้ว่าเอ็งต้องการอะไรแต่ฉันหวังว่าเอ็งจะคิดได้..อย่าช้าเกินไปล่ะ”
เย่เชียนก็พยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอก่อนนะ” หลังจากนั้นเย่เชียนก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป เมื่อเขาไปถึงประตูเย่เชียนก็หยุดและพูดว่า “จำเอาไว้ให้ดีล่ะคุณควรอยู่ให้ถึงเงื่อนไขที่คุณสัญญากับผม..ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นปู่ของเค่อเอ๋อร์ก็เถอะแต่ตำแหน่งและสถานะของเราแตกต่างกัน..หากคุณไม่รักษาสัญญาคุณก็ต้องตาย”
“อย่ากังวลไป..สิ่งที่เราทำมาตลอดคือความมั่นคง” หูวหนานเจียนพูด
“ขอบคุณครับ!” เย่เชียนเดินออกไปโบกแท็กซี่แล้วตรงไปที่โรงพยาบาล
เมื่อเขามาถึงห้องผู้ป่วยเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกับฉากข้างหน้าเขาและเขาก็รู้สึกสูญเสียอย่างกะทันหันเพราะมันไม่มีใครอยู่บนเตียงและเป็นไปได้ไหมว่า… เย่เชียนไม่กล้าคิดเรื่องนี้อีกต่อไปและเมื่อหันหลังกลับเขาก็เห็นพยาบาลเดินเข้ามา จากนั้นเย่เชียนก็ถามอย่างเร่งรีบว่า “คุณพยาบาลคนไข้ในห้องนี้อยู่ที่ไหน..เขา..เขา…” เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะถามจริงๆ
พยาบาลมองไปที่เย่เชียนด้วยความงุนงงและพูดอย่างประหม่าว่า “คุณ..คุณรู้สึกไม่สบายหรือเปล่า..คุณต้องการพบแพทย์ใช่มั้ย?”
เย่เชียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วตะโกนว่า “ผมถามคุณว่าคนไข้ในห้องนี้อยู่ที่ไหน?”
“เช้านี้เขาออกไปจากโรงพยาบาลตั้งแต่เช้าแล้วและตอนนั้นเราแนะนำให้เขาพักผ่อนอีกหน่อยแต่เขาไม่ฟังเลย” นางพยาบาลบอก “คุณเป็นคนในครอบครัวเขาหรือเปล่า..คุณช่วยไปทำเรื่องลงทะเบียนผู้ป่วยด้วยเพราะเขายังไม่ได้ทำตามขั้นตอนของโรงพยาบาล”
“พาผมไปหน่อย” เย่เชียนรู้สึกมึนงงอย่างช่วยไม่ได้ อย่างไรก็ตามเขาก็โล่งใจอย่างมากเช่นกันเพราะอย่างน้อยๆผลลัพธ์ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดและไป๋ฮวยก็ได้ตื่นขึ้นแล้วเพียงแต่เขายังไม่อยากพบตัวเองเท่านั้น จากนั้นเย่เชียนก็เดินไปที่สำนักงานและชำระเงินค่ารักษาจากนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เงินถูกจ่ายเต็มจำนวนและทำตามขั้นตอนการออกจากโรงพยาบาล เนื่องจากไป๋ฮวยต้องการที่จะหลี่กเลี่ยงเขาดังนั้นจึงรู้ว่าเขาไม่ควรไปหาไป๋ฮวยในตอนนี้และในใจของเขาก็รู้สึกอึดอัดอย่างหลี่กเลี่ยงไม่ได้
หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการเย่เชียนก็ได้พบกับหวังยู่ที่ทางเดินและเมื่อเธอเห็นเย่เชียนเธอก็รีบวิ่งไปหาและพูดพร้อมน้ำตาว่า “ไป๋ฮวยอยู่ที่ไหน..เขาไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว ” แน่นอนว่าเธอคิดเช่นเดียวกับเย่เชียนก่อนหน้านี้
เย่เชียนก็ตบไหล่หวังยู่เบาๆแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร..เขาแค่หนีไปอย่างลับๆ”
“หายไป?” หวังยู่พูดด้วยความตกใจ
เย่เชียนพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ผมคิดว่าไป๋ฮวยน่าจะต้องการเวลาคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะงั้นเราควรปล่อยให้เขาพักสักหน่อย..บางทีมันอาจจะดีหลังจากที่เขาคิดออกแล้ว”
“แต่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส…” หวังยู่ถามอย่างกังวล
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกไป๋ฮวยน่ะดูแลตัวเองได้” เย่เชียนพูด หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็หันไปมองหวังยู่และพูดว่า “แล้วคุณจะทำยังไงต่อ?”
ทันใดนั้นหวังยู่ก็กอดเย่เชียนและพูดว่า “ฉันไม่รู้..ฉันไม่รู้จริงๆ..ฉันไม่อยากไปจากนาย..ฉันคิดว่าเวลาสามารถลืมทุกอย่างได้แต่เงาของนายกลับหลอกหลอนฉันเหมือนฝันร้าย..ในใจของฉันอยากจะลืมนายเท่าไหร่ก็ลืมไม่ลง..นายเป็นเหมือนตาข่ายที่มองไม่เห็นที่ตรึงฉันเอาไว้..ฉันรักนายจริงๆ..ให้ฉันไปกับนายได้หรือเปล่า”
เย่เชียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “แต่ผมมีแฟนแล้วและมีมากกว่าหนึ่งคนด้วย..คุณไม่รู้สึกเสียใจบ้างเหรอ?”
“ฉันไม่สน..ฉันไม่สนใจหรอกว่านายจะมีผู้หญิงกี่คน..ตราบใดที่ฉันมีที่ของฉันในหัวใจของนายแค่นั้นฉันก็พอใจแล้ว..แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม” หวังยู่พูด “ตอนที่นายจากฉันไปฉันใช้ชีวิตราวกับว่าฉันไม่มีตัวตนไม่มีวิญญาณ..ฉันนึกภาพไม่ออกจริงๆว่าฉันจะเป็นยังไงถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป”
เย่เชียนก็โอบกอดหวังยู่อย่างช้าๆและอ่อนโยนแล้วพูดว่า “ผมขอโทษ..ผมผิดเอง..ถ้าไม่ใช่เพราะผมแล้วความรู้สึกของคุณคงจะไม่ถูกทำร้ายแบบนี้..ไม่ต้องเสียใจแล้วนะ..ผมจะดูแลคุณอย่างสุดหัวใจและจะรักคุณให้มากเท่าที่จะทำได้”