ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 979 ช่วยชีวิตคน
ตอนที่ 979 ช่วยชีวิตคน
สำหรับเย่เชียนผู้ผ่านประสบการณ์ชีวิตและความตายมานับครั้งไม่ถ้วนเขาก็มีสัมผัสที่รับรู้ถึงอันตรายตามสัญชาตญาณและความรู้สึกที่ไม่สามารถแสดงออกด้วยคำพูดได้ราวกับว่าเขามีความรู้สึกถึงบรรยากาศที่ชั่วร้ายรอบๆตัวเขาและในตอนนี้เขาก็รู้สึกชัดเจนว่ามีเจตนาฆ่าที่รุนแรงอย่างมากในบริเวณนี้
จากนั้นเย่เชียนก็กวาดสายตามองดูแล้วพบร่างที่คุ้นเคยปรากฏอยู่ข้างหน้าเขาและนั่นคือหลี่ซือลูกสาวของด็อกเตอร์หลี่ฉีผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรมในประเทศจีนและเป็นเป้าหมายที่เขาต้องปกป้องเธอ ซึ่งด้านหลังของหลี่ซือมีชายหนุ่มสองคนเดินตามเธอไปและหันซ้ายหันขวาเห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้มุ่งร้ายอย่างมาก
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและเห็นได้ชัดว่าทั้งสองเป็นคนจีนและไม่ใช่ชาวอเมริกันหรอกหรือ? เห็นได้ชัดว่าหลี่ซือไม่ได้สังเกตว่ามีใครติดตามเธออยู่ ดังนั้นเธอจึงเดินอย่างสบายใจเฉิยและคาดว่าเธอเพิ่งเลิกเรียนและน่าจะกำลังกลับบ้านของเธอและไม่ใช่หอพัก
เย่เชียนตามมาเงียบๆเพราะเขาต้องการดูว่าสองคนนั้นเป็นใครและมีคนที่ถูกส่งมาจากประเทศสหรัฐอเมริกาอีกหรือเปล่า
เย่เชียนไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้จงใจหรือเปล่าเพราะเธอเดินเข้าไปในตรอกที่ไม่มีผู้คนและชายหนุ่มสองคนที่ติดตามเธอก็จะพลาดโอกาสที่ดีเช่นนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงรีบเดินไปข้างหน้าและล้อมหลี่ซือเอาไว้ ซึ่งการแสดงออกของหลี่ซือก็เผยให้เห็นถึงความตกใจและความกลัว “พวกคุณ..พวกคุณเป็นใคร..พวกคุณจะทำอะไร?” หลี่ซือถามด้วยความตกใจ
เงาแห่งความชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นในใจของเธอจนทำให้หลี่ซือรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อยๆและอดไม่ได้ที่จะเสียใจว่าทำไมเธอถึงอยากกลับบ้าน? เมื่อครู่นี้เพื่อนร่วมห้องขอให้เธอชวนเธอกลับหอพักแต่เธอยืนกรานที่จะกลับบ้าน
“หึ..เธอตามพวกเรามาอย่างเชื่อฟังดีกว่าไม่อย่างนั้นก็อย่ามาโทษพวกเราที่หยาบคายกับเธอก็แล้วกัน” ชายคนหนึ่งพูดอย่างเย็นชา
เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วคิดอย่างลับๆว่า “มันคือการเรียกค่าไถ่ใช่มั้ย?” หากเป็นกรณีนี้ก็ไม่น่าแปลกใจเพราะการแต่งกายของหลี่ซือนั้นดูเหมือนลูกหลานจากครอบครัวมหาเศรษฐี ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่น่าแปลกใจเพราะรูปลักษณ์เธอสวยงามดังนั้นก็ต้องพบเจอกับเรื่องเหล่านี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“พวกคุณต้องการเงินงั้นเหรอ..ได้ฉันจะให้พวกคุณทั้งหมดเลย” หลี่ซือรีบหยิบกระเป๋าเงินของเธอออกมาแล้วยื่นมันให้ อย่างไรก็ตามชายทั้งสองก็ไม่ตอบสนองและเห็นได้ชัดว่าไม่สนใจเรื่องเงิน
“หัวหน้าของพวกเราสั่งว่าอย่าทำร้ายเธอถ้าไม่จำเป็นเพราะงั้นเธอตามเรามาอย่างเชื่อฟังดีกว่า..ไม่งั้นเธอจะเจ็บตัวฟรี” ชายคนหนึ่งพูด
คิ้วของเย่เชียนก็ขมวดเข้าหากันแน่นกว่าเดิมเพราะดูเหมือนว่าคนเหล่านี้จะไม่ใช่โจรเรียกค่าไถ่และไม่ได้มาจากประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วพวกเขาเป็นใครกันแน่? ดูเหมือนว่าตระกูลหลี่และตระกูลเฉินจะสร้างศัตรูมากมายและดูเหมือนว่าหลายๆคนต้องการชีวิตของพวกเขา ซึ่งเย่เชียนเชื่อว่าหลี่ซือนั้นไร้เดียงสาและนี่จะต้องเป็นผลกระทบจากพ่อและแม่ของเธอและเธอก็เป็นแค่เหยื่อที่โชคร้าย
“คุณรู้ไหมว่าฉันเป็นใครและพ่อของฉันเป็นใคร?..ถ้าคุณทำร้ายฉันพ่อของฉันจะไม่มีวันปล่อยคุณไปแน่” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจจะมาทำร้ายเธอตั้งแต่แรกหลี่ซือก็อ้างชื่อพ่อของเธอทันทีโดยหวังว่าคนเหล่านี้จะตกใจและหวั่นเกรง แน่นอนว่าพ่อของหลี่ซืออย่างเฉินชิงหนิวซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเมืองซีจิงและถือได้ว่าชื่อของเขาสามารถทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ในเมืองซีจิกตกตะลึงได้อย่างแน่นอน
ในเมืองซีจิงนั้นเมื่อมีคนพูดถึงชื่อเฉินชิงหนิวแล้วทุกคนต่างก็หวั่นเกรงเพราะตอนเด็กๆเฉินชิงหนิวคนนี้มาจากชนบทด้วยความกล้าหาญและความพยายามและมาสร้างโลกของตัวเองบนดินแดนซีจิง บางคนบอกว่าเฉินชิงหนิวนั้นโหดเหี้ยมแต่บางคนก็บอกว่าเขามีคุณธรรมและไม่ว่าคนอื่นจะพูดอะไรมันก็ไม่สามารถลบล้างความสามารถที่แท้จริงและสิ่งที่เฉินชิงหนิวทำได้แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะไม่ตกใจกับชื่อของเฉินชิงหนิวเลยและพวกเขาก็หัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “เรารู้ว่าเธอเป็นใครเพราะงั้นอย่าอ้างชื่อพ่อของเธอเพื่อทำให้เรากลัวเลยมันเสียเวลา..มากับพวกเราอย่างเชื่อฟังซะ..ฉันไม่อยากทำให้เธอเจ็บตัว”
หลี่ซือก็หวาดกลัวเพราะเนื่องจากอีกฝ่ายรู้ชื่อพ่อของเธอแต่พวกเขาก็ยังกล้าทำเช่นนี้กับเธออีก เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้วางแผนและไตร่ตรองเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว อย่างไรก็ตามทางเข้าและทางออกก็ถูกปิดกั้นโดยชายหนุ่มทั้งสองคนและเธอก็ไม่สามารถหลบหนีได้เลย เมื่อเย่เชียนพอจะเข้าใจเรื่องต่างๆแล้วเขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไปและเดินเข้าไปอย่างช้าๆจากทางเข้าตรอก จากนั้นเย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “นี่พวกคุณกำลังทำอะไรกันอยู่..ทำไมถึงมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในวิทยาเขตได้?..ในสังคมปัจจุบันแบบนี้พวกคุณไม่กลัวถูกประณามเลยเหรอ?”
คำพูดของเย่เชียนได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันทีแต่เนื่องจากเย่เชียนปกปิดใบหน้าของเขาด้วยผ้าสีดำและมีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ถูกเปิดเผยให้เห็นและไม่มีใครจำเขาได้ เมื่อเห็นเช่นนั้นทั้งสองก็ขมวดคิ้วและถอนหายใจอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “แกจะมายุ่งทำไมออกไปจากที่นี่ซะ..มันไม่ใช่เรื่องของแก”
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ดูชุดของฉันสิ..ฉันคือผู้พิทักษ์และมันก็เป็นหน้าที่ของฉันที่จะช่วยเหลือผู้หญิงที่น่าสงสาร..ช่างน่าละอายใจจริงๆที่ผู้ชายอย่างพวกแกมาทำร้ายผู้หญิงคนเดียวเพราะงั้นฉันจะเพิกเฉยได้ยังไง?”
“อ๊ะ..ฮ่าๆ” ท่าทางอวดดีของเย่เชียนนั้นทำให้หลี่ซือหัวเราะในทันที และเขาก็อดหัวเราะไม่ได้ “หัวเราะทำไมสาวน้อย..ฉันกำลังมาช่วยชีวิตเธอนะ” เย่เชียนกลอกตาไปมาแล้วพูด
“ไอ้เด็กเหลือขออยากตายงั้นเหรอ?” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดอย่างโกรธเกรี้ยวและรีบวิ่งไปที่เย่เชียนแล้วเตะเย่เชียนโดยตรง ซึ่งมันเป็นการโจมตีไม่ธรรมดาและดูเหมือนว่าเขาจะฝึกศิลปะการต่อสู้มาด้วย เมื่อเห็นเช่นนั้นหลี่ซือก็กรีดร้องด้วยความตกใจและปิดปากของเธอไปในทันทีด้วยความกลัว
“ใช่!..ฉันอยากตาย!” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ ซึ่งในการจัดการกับคนแบบนี้เย่เชียนไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามอะไรมากนักเพราะเขาผ่านสงครามมากมายและความตายมานับไม่ถ้วนมานานหลายปี ซึ่งในตอนนี้เขายังเป็นนักศิลปะการต่อสู้โบราณอีกด้วย ดังนั้นการจัดการกับคนเหล่านี้เขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามอะไรเลย เมื่อเห็นอีกฝ่ายเข้ามาโจมตีเย่เชียนก็เหยียดมือขวาออกแล้วคว้าข้อเท้าข้างที่คู่ต่อสู้เตะแล้วบิดอย่างแรงจนชายหนุ่มคนนั้นหมุนตัวกลางอากาศแล้วล้มลงกับพื้น ด้วยการบิดของเย่เชียนทำให้ขาของชายหนุ่มหักและร้องโอดครวญอย่างน่าอนาถ
“ถ้ามีกันแค่สองสามคนก็อย่ามาสร้างปัญหากันเลยมันเสียเวลา..มันน่าละอายใจเกินไปหรือเปล่า?” เย่เชียนพูดต่อ “เอาล่ะเหลือแกแค่คนเดียวแล้วเข้ามาสิ!” ขณะที่เย่เชียนกวักมือเรียกชายอีกคนท่าทางของเขาก็สงบเยือกเย็นและน่าเกรงขามอย่างมาก
เมื่อเห็นว่าเย่เชียนไม่เป็นอะไรอีกทั้งยังจัดการกับหนึ่งในนั้นอย่างง่ายดายเช่นนี้หลี่ซือก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งใจ “สาวน้อย..ถ้าเรื่องนี้จบเมื่อไหร่เราไปกินมื้อเย็นด้วยกันนะ!” เย่เชียนกลอกตาไปมาและพูด เย่เชียนนั้นจะต้องจัดการทั้งสองคนนี้และต้องสอบถามเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาทำดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วเย่เชียนก็ไม่อยากที่จะให้หลี่ซืออยู่ที่นี่ในตอนนั้น
หลี่ซื่อก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งและพูดขอบคุณจากนั้นก็วิ่งหนีไป “อย่าขยับ!” ชายอีกคนหนึ่งเห็นว่าหลี่ซือกำลังจะวิ่งหนีไปดังนั้นเขาจึงเอื้อมมือออกไปคว้าตัวเธอเพราะเขาตระหนักดีถึงบุคลิกของเจ้านายของเขาหวังฉิงเซิงและเขาเป็นที่รู้จักในนามราชาแห่งเมืองซีจิงและวิธีการของเขาโหดร้าย ดังนั้นถ้าหากขาล้มเหลวผลที่ตามมาจะเป็นเหมือนกับหายนะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“อย่าตายนักเหรอ!” เย่เชียนตะโกนและรีบวิ่งออกไปพร้อมกับหมัดปาจี๋กระแทกเขาอย่างแรงจนอีกฝ่ายกระเด็นล้มลงไปกับพื้นอย่างแรงและกระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นเย่เชียนก็หันไปมองแล้วพบว่าหลี่ซือหนีไปแล้วเขาก็ฉีกยิ้มและเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆแล้วนั่งย่อๆลงเพื่อตบหน้าชายคนนั้นแล้วพูดว่า “บอกฉันทีว่าพวกแกเป็นใครแล้วทำไมถึงต้องจับตัวเธอ”
“หึ!” ชายคนนั้นสูดลมหายใจอย่างเย็นชาและหันหน้าหนีแล้วเมินเฉยต่อเขา
“หืมพวกแกซื่อสัตย์ดีจัง” เย่เชียนพูดและคว้าต้นขาของเขาด้วยมือขวาและทันใดนั้นเย่เชียนก็หักขาของเขาจนเขาหัวใจสลายทันทีด้วยความเจ็บปวดอย่างมาก
“ปล่อยเดี๋ยวนี้!” ชายหนุ่มร้องด้วยความเจ็บปวด
“อยากให้ปล่อยก็ตอบคำถามก่อนหน้านี้ของฉันมาสิ!” จากนั้นเย่เชียนก็พูดว่า “บอกมาว่าพวกแกเป็นใครและใครส่งพวกแกมาที่นี่แล้วทำไมพวกแกถึงต้องการตัวเธอ?”
“พวกเราเป็นคนของหวังฉิงเซิง..ส่วนพ่อของเด็กผู้หญิงคนนั้นคือเฉินฉิงหนิว..เขาเป็นศัตรูหัวหน้าของเราเพราะงั้นหัวหน้าของเราจึงสั่งให้เรามาจับตัวเธอเพื่อข่มขู่เฉินฉิงหนิว” ชายคนนั้นตอบ
“หวังฉิงเซิง?” เย่เชียนพึมพำและขมวดคิ้วเพราะดูเหมือนว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับประเทศชาติเลยจนเย่เชียนอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งหูวหนานเจียนอย่างรุนแรงในใจ เนื่องจากหูวหนานเจียนต้องการปกป้องหลี่ซือดังนั้นเขาก็ควรจะอธิบายสถานการณ์ในเมืองซีจิงให้เขาฟังก่อนหน้านี้ด้วยไม่ใช่เหรอ? ซึ่งเย่เชียนเองก็ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่และมันคุ้มกับสิ่งที่เขาทำหรือเปล่า
เนื่องจากทั้งสองคนนี้ไม่ได้มาจากประเทศสหรัฐอเมริกาดังนั้นเย่เชียนจึงไม่เป็นที่จะต้องทำอะไรใดๆเพราะการฆ่าสองคนนี้ไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก จากนั้นเย่เชียนก็ลุกขึ้นอย่างช้าๆแล้วพูดว่า “เอาล่ะ..ออกไปจากที่นี่ซะแล้วกลับไปบอกหัวหน้าของแกด้วยว่าถ้ากล้าคุกคามผู้หญิงคนนี้อีกในอนาคตฉันจะฆ่าเขาด้วยมือของฉันเอง!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นทั้งสองก็ไม่กล้าที่จะลังเลแต่อย่างใดและพวกเขาก็รีบลุกขึ้นและหนีไปอย่างเร่งรีบ ซึ่งการกลับไปมือเปล่าแน่นอนว่าเขาจะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอนแต่ก็ดีกว่าตายที่นี่
เมื่อมองดูพวกเขาจากไปเย่เชียนก็ส่ายหัวเล็กน้อยและถอดผ้าสีดำที่ปิดใบหน้าออกเพราะดูเหมือนว่าเมืองซีจิงแห่งนี้จะไม่สงบสุขนักและคาดว่าเขาอาจจะต้องมีส่วนร่วมในการต่อสู้ที่ไม่จำเป็นโดยไม่มีเหตุผลเลย หวังฉิงเซิงชื่อนี้เย่เชียนได้จดจำชื่อนี้เอาไว้เพราะดูเหมือนว่าเขาจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบประวัติของผู้ชายคนนี้
เย่เชียนก็ไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้วและเดินกลับไปยังหอพักต่อ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้สังเกตว่าในมุมมืดๆที่อยู่ไม่ไกลนั้นหลี่ซือได้เห็นทั้งหมดนี้ในดวงตาของเธอแล้วและเธอก็พึมพำว่า “เป็นเขานี่เอง!”
ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะกลัวแค่ไหนแต่เธอก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้ใช่ไหม? เธอได้คิดว่าถ้าหากเย่เชียนตกอยู่ในอันตรายใดๆเธอก็จะออกมาและกลับไปพร้อมกับสองคนนี้เพื่อให้พวกเขาปล่อยเย่เชียนไปนั่นเอง