ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1000 ทางตัน (2)
“ทุกท่านคิดจะบีบบังคับพวกเราหรือ” อันซีขวางวิญญาณดาวตนนั้นไว้ คนที่เหลือแยกกันยืนอยู่ รอบตัวเขา ประจัญหน้ากับคนสองกลุ่มอยู่หน้าทางเข้า
ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาจะให้คนสองกลุ่มนี้เข้าไปไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นผลลัพธ์ลัพธ์ยากคาด ดคิดถึง
ถ้าไม่ใช่บริเวณใกล้ๆ ต่างถูกสัตว์โบราณกับวิญญาณดาวล้อมไว้ ทำให้ไม่สะดวกต่อการหลบหนี พวก กเขาคงจะให้คนพวกนั้นแอบหนีออกจากศูนย์หลัก หลบเลี่ยงอันตรายไปก่อนแล้ว
แต่ตอนนี้พูดอะไรไปก็สายเสียแล้ว ได้แต่ยันเอาไว้เท่านั้น
“หลีกทางเสีย พวกเจ้าขวางพวกเราไม่ได้หรอก” ซีเฟอลาร์กมองคนที่ขวางทางเข้าเบื้องหน้าอย่างนิ งเฉย
แม้เทรย์กับเป่ยฝ่าซาจะเป็นอนธการเช่นกัน แต่อยู่ในระดับธรรมดาเท่านั้น สำหรับสัตว์โบราณและ ะวิญญาณดาวแล้ว ไม่นับเป็นกำลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งอะไร
แม้อันซีผู้นั้นจะมีพลังแข็งแกร่งกว่าหน่อย แต่ก็แค่นี้เท่านั้น ดูเหมือนสมาคมวิจัยสมาคมนี้ จะมีขุมกำลังเพียงแค่นี้ แม้จะไม่ทราบว่าทำไมพวกเขาต้องปกป้องผู้หลบหนีกลุ่มนั้นด้วย แต่ค ความเลวก็ยังคงเป็นความเลว
ซีเฟอลาร์กมองบันไซซึ่งเป็นผู้นำในความเป็นจริงด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“สติปัญญาของพวกเจ้าไม่มีค่าอะไรให้เอ่ยถึงในสายตาวิญญาณดาวอย่างพวกเรา ระบบไม่เหมือนกัน ก็ ไม่มีคุณค่าอะไรให้เรียนรู้”
“นี่ไม่เกี่ยวกับความสูงต่ำทางสติปัญญา นี่เป็นหลักการ” บันไซกล่าวอย่างจริงจัง
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาคงไม่กล้าคุมเชิงและต่อปากต่อคำกับวิญญาณดาวระดับสูงสุดตนหนึ่ง แต่ต ตอนนี้
“ที่นี่เป็นถิ่นของสมาคมวิจัยของพวกเรา ไม่อนุญาต!” เขาก้าวขึ้นหน้าก้าวหนึ่ง
“ข้าไม่อนุญาต”
ในที่สุดท่าทางอ่อนโยนยอมคนก็เปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง
“น่าขำ! หากบอกว่าก่อนหน้านี้พวกเราเดาออกแค่ว่าพวกมันซ่อนตัวอยู่ที่นี่เท่านั้น ถ้าอยาง นั้นตอนนี้ เราก็แน่ใจเต็มร้อยแล้วว่า พวกมันจะต้องอยู่ที่นี่แน่!” ผู้บัญชาการอาทิตย์เขี ยวกางแขนขวาออก กลายเป็นกรงเล็บสัตว์หยาบใหญ่ที่มีขนยาวปุกปุยข้างหนึ่ง
“บุกเลย!”
เขาตวาดเสียงเย็นชา
“ใครบังอาจ!”
อันซีเดินออกมา พลังดาวน่ากลัวที่ยิ่งใหญ่และล้ำลึกกระเพื่อมออกจากร่าง
“อันซี! เจ้าคิดจะขวางพวกเราทั้งหมดคนเดียวหรือ” ซีเฟอลาร์กก้าวออกมาด้วยสีหน้าเมินเฉย
“เจ้าขวางไหวหรือ”
อันซีหัวเราะ
“ไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไร”
…
ฟ้าว!
ก้อนหินสีเทาขนาดยักษ์ที่ไร้รูปทรงก้อนหนึ่งกลิ้งผ่านตัวลู่เซิ่งไปอย่างสะเทือนเลื่อนลั่น
หลังจากเขาเชื่อมโลกพลังวิญญาณ โลกบรรพกาล และโลกเทพนอกรีตเข้าไว้ด้วยกัน ก็เริ่มติดตั้ง งค่ายกลมหึมาที่เชื่อมกับโลกมารสวรรค์ทันที
จากนั้นก็เปิดรอยแยกยักษ์ไปยังธารมารดา
หลังจากจัดการขุมกำลังใต้การบังคับบัญชาเสร็จ ลู่เซิ่งก็วางแผนใช้โลกพลังวิญญาณเป็นแกนกลาง และใช้โลกอีกสองใบเป็นกองหนุน
ขุมกำลังของบริวารเริ่มทำลายล้างพลังแห่งความรกร้างและพลังแห่งความว่างเปล่าที่ทะลักเข้ามา าอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย
จากนั้นเขาก็ให้เทพรับใช้ของตนคอยควบคุมบริวาร สุดท้ายก็เข้ามาในธารมารดา มุ่งหน้ากลับบ้ าน
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงก็คือ เขาเพิ่งจะเข้าธารมารดามา หลังจากส่งข่าวไปและได้รับ บการติดต่อ ก็ได้รับข่าวขอความช่วยเหลือเร่งด่วนที่ส่งมาจากทางนั้นทันที
“นายท่าน สถานการณ์ทางนี้ตึงมืออยู่บ้าง ถ้าท่านเห็นข้อความนี้ หวังว่าท่านจะกลับมาโดยไว ว”
“นายท่าน ไม่เป็นไรแล้ว ทางนี้จัดการได้แล้ว ท่านค่อยๆ มาก็ได้ ไม่ต้องห่วง มีเจ้าหน้าที่เก ก่าของสมาคมวิจัยลงมือ ยังดีที่ทุกอย่างราบรื่น”
“จัดการเรียบร้อย ไม่มีอะไรแล้ว แต่เมื่อครู่เหมือนค่ายกลข้ามมิติจะเกิดปัญหาเล็กน้อย…นาย ยท่านรอสักครู่ ข้าจะส่งตัวท่านไปยังโลกใกล้ๆ ก่อน หลังจากซ่อมแซมค่ายกลของโลกมารสวรรค์ท ทางนี้เสร็จ จะแจ้งท่านอีกที ขอภัยด้วย”
“เรียบร้อย กำลังปรับเปลี่ยนข้อมูลและพิกัด…”
ในธารมารดาสีรุ้ง ลู่เซิ่งขมวดคิ้วขณะสัมผัสข้อความที่ส่งมาจากเส้นสีดำเหนือศีรษะ
ข้อความมากมายทะลักมาอย่างไม่ขาดสาย เนื้อหาคำพูดไม่มีปัญหาอะไร แต่สิ่งที่ประหลาดอยู่บ้างก็ คือ เว้นระยะห่างสั้นเกินไปหน่อย
ราวกับว่า…
‘เหมือนจะเร่งด่วนอยู่บ้าง…’
ลู่เซิ่งเป็นคนระดับไหน ตัวตนเหี้ยมหาญที่มีวิชาจิตโน้มนำอยู่ในระดับมากกว่าพัน กอปรกับ เป็นมารสวรรค์ จึงเชี่ยวชาญด้านจิตใจอยางยิ่ง ทั้งยังมีสติปัญญาสูงส่ง
เหล่ามารสวรรค์ถนัดในการเล่นกับจิตใจคนและหลอกลวงชีวิตมาโดยตลอด เป็นมารไร้รูปร่างที่มี ชื่อเสียงฉาวโฉ่ที่สุดในบรรดาโลกมากมาย
ลู่เซิ่งยิ่งเป็นผู้โดดเด่น เวลาที่ใช้สมองแก้ไขปัญหาได้ จะต้องไม่ใช้กล้ามเนื้อเด็ดขาด
ในเวลาแบบนี้เขาย่อมความรู้สึกไวอย่างยิ่ง สัมผัสความผิดปกติได้ทันที
‘น่าจะเกิดเรื่องแล้ว’
ลู่เซิ่งคาดเดาในใจ
‘ถ้าไม่เกิดเรื่อง ทางบันไซไม่มีทางใช้น้ำเสียงรีบร้อนแบบนี้พูดกับเราเด็ดขาด นอกจากนี้ เขายั งไม่ใช่คนที่โกหกเก่งด้วย คำพูดเมื่อคู่ฟังดูเหมือนเสียงบันทึก จะต้องเกิดเรื่องอย่างแน่นอน น และอาจจะยังเป็นเรื่องที่แม้เราจะกลับไปก็ไม่อาจแก้ไขได้ด้วย’ ลู่เซิ่งกระจ่างแจ้ง
น้ำในธารมารดากระเพื่อม บนผิวลำธารมีก้อนหินยักษ์ที่หนักอึ้งหลายก้อนกลิ้งไหลลงมา
ลู่เซิ่งร้อนใจขึ้น เร่งความเร็วแหวกว่ายตามเส้นสีดำต่อ
โลกมารสวรรค์ไม่ได้อยู่ใกล้โลกพลังวิญญาณ การแหวกว่ายในธารมารดาจำเป็นต้องใช้เวลาไม่น้อย
ดีที่ลู่เซิ่งได้รับประโยชน์อย่างใหญ่หลวงจากการมาถึงโลกพลังวิญญาณในครั้งนี้ จิตวิญญาณยกระ ะดับมหาศาล ความเร็วในการว่ายจึงสูงกว่าก่อนหน้าไม่น้อย
พอเลี้ยวผ่านทางแยกเส้นหนึ่ง เขาก็ถึงตำแหน่งริมธารที่มีช่องโหว่เมื่อก่อนหน้านี้โดยไม่รู้ต ตัว
ช่องที่เรืองแสงอ่อนๆ ช่องนั้นยังคงอยู่ตรงนั้นไม่เปลี่ยนแปลง
ส่วนลึกในช่องยังมีแสงอ่อนๆ สาดออกมา ชวนให้คนรู้สึกสงบและเยือกเย็นถึงขีดสุด
ครั้งนี้พลังวิญญาณของลู่เซิ่งก้าวหน้าครั้งใหญ่ แต่ยังสัมผัสไม่ได้ว่าในช่องนี้มีความพิเ เศษอะไร
แต่ว่าในสถานที่อย่างธารมารดา แค่สิ่งธรรมดาไม่มีความพิเศษใดๆ ก็เป็นปัญหาใหญ่สุดอยู่แล้ว
เขาเพียงแค่พิจารณามันเพิ่มเท่านั้น จากนั้นก็เร่งความเร็วว่ายไปยังโลกมารสวรรค์ต่อ
เวลาผ่านไปทีละนิดๆ
ไม่นาน หลุมดำอันคุ้นตาซึ่งกำลังหมุนอยู่บนผนังริมธารก็ปรากฏขึ้นด้านหน้าลู่เซิ่ง
‘ทางเข้าไม่มีปัญหาอะไร! เกิดเรื่องจริงๆ ด้วย ไม่อย่างนั้นบันไซไม่น่าจะจงใจชักนำเราไปยังที่อ อื่น’
ลู่เซิ่งตัดสินใจว่ายไปยังทางเข้าของโลกมารสวรรค์
เพิ่งจะว่ายเข้าไป ทันใดนั้นหินยักษ์ก้อนหนึ่งก็กลิ้งลงมาหาเขาจากทางขวามือ
เปรี้ยง!
ลู่เซิ่งยกมือเดียวปัดหินยักษ์ออกไป แต่เขาถูกพลังกระแทกรุนแรงขัดขวาง ทำให้อยู่ห่างจากท ทางเข้ามากกว่าเดิม
“ใคร!”
เขาพลันถลึงตา ผุดร่างออกจากลำธาร แล้วยืนขึ้นเหนือผิวน้ำพร้อมมองไปรอบๆ
“หากเจ้ากลับไปแบบนี้ จะไม่ขัดกับความคาดหวังที่เจ้าหนูบันไซมีต่อเจ้าหรอกหรือ”
อีกด้านหนึ่งของธารมารดา ในสถานที่ที่อยู่ห่างจากทางเข้าโลกมารสวรรค์ไม่ไกล ชายชราที่ไว ว้เคราขาวเล็กๆ ใช้มีดแกะสลักแกะอะไรบางอย่างอยู่ริมธาร
ธารมารดามีริมธาร แม้จำนวนจะน้อยมาก แต่ก็มีอยู่จริงๆ
ลู่เซิ่งไม่ได้เข้าไปหา เขายังไม่ได้ศึกษาธารมารดาดีพอ หลายๆ ครั้งล้วนเร่งรุดพุ่งตะบึงใ ให้ถึงที่หมาย
พูดถึงที่สุด เป็นเพราะเขายังอายุน้อยเกินไป จึงมีประสบการณ์และความรู้ไม่เพียงพอ ยังไม่มีเว วลาไปค้นคว้าเรื่องที่ไม่ค่อยสลักสำคัญพวกนี้
พอเห็นชายชรานั่งแกะสลักอะไรสักอย่างอยู่ริมธาร ถ้าเป็นเวลาปกติ เขาจะลองเสวนาหยั่งเชิงด ดูสักหน่อยว่า ชายชราเป็นเทพเทวาจากที่ใด
แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลา!
“ตอนนี้ข้ามีเรื่องด่วน ต้องรีบกลับไปให้เร็วที่สุด” ลู่เซิ่งเอ่ยเสียงขรึม “ในเมื่อผู้อาวุ โสรู้จักบันไซ เช่นนั้นก็น่าจะทราบว่า ตอนนี้ทางนั้นเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงไม่ยอมให้ข้า กลับไปในตอนนี้”
“ข้ารู้…” ชายชราฉีกยิ้มเผยฟันหลอสีเหลืองเต็มปาก “แต่ข้าไม่บอก”
“…” ลู่เซิ่งผุดสีหน้าเมินเฉย
นานแล้วที่ไม่มีใครกล้าหยอกล้อเขาต่อหน้า
คนที่หยอกล้อแบบนี้ครั้งล่าสุดใกล้จะเน่าคาหลุมไปแล้ว
“ผู้อาวุโส ในเมื่อท่านรู้ สามารถบอกข้าหน่อยได้ไหม ท่านเสนอเงื่อนไขมาได้เลย” ลู่เซิ่งข่ มโทสะพลางถามเสียงทุ้ม ถ้ารู้เรื่องก่อนแล้วค่อยเข้าไป สถานการณ์อาจจะดีกว่าเดิม
“เงื่อนไขหรือ เด็กน้อย เจ้ายังหนุ่ม จึงไม่รู้ว่าไม่ควรมอบน้ำใจให้ใครง่ายๆ แบบนี้” ชายชรา าหัวเราะ
“สถานการณ์ทางนั้นย่ำแย่มาก สัตว์โบราณมาถึง วิญญาณดาวก็อยู่ด้วย ยังมีเจ้าตัวใหญ่คอยลอบส สอดส่องในที่ลับ ดูเหมือนจะมีเจตนาร้าย จุ๊ๆๆ…ดูเหมือนสมาคมวิจัยจะถึงคราวจบเห่เสียแล้วสิ…”
ลู่เซิ่งยังไม่ทันฟังจบ ก็พุ่งไปยังทางเข้าโลกมารสวรรค์ทันทีไม่มีรีรอ
ตูม!
หินยักษ์อีกก้อนกลิ้งมาชนเขา
ก้อนหินถูกเขาต่อยแหลกก่อนระเบิดเหมือนลูกระเบิดบนผิวน้ำ กลายเป็นเศษหินจำนวนมากกระจายเข้าไ ไปในลำธาร
“ทำไมถึงรีบร้อนอย่างนี้เล่า เด็กน้อยไม่มีความอดทนเลยหรือ”
“ตาเฒ่า ถึงข้าลู่เซิ่งจะเคารพคนแก่รักเด็ก แต่ถ้าท่านยังทำแบบนี้อีก ข้าจะไม่ไว้หน้าแล้วน นะ…” ลู่เซิ่งหยีตาจับจ้องชายชรา
“ไม่ไว้หน้าหรือ ไม่เป็นไร ข้าตาเฒ่าก็ทำเป็นเหมือนกัน” ชายชราหัวเราะ “ข้าได้รับการไหว้วาน ให้มาขวางเจ้าไว้ตรงนี้ ไม่ให้เจ้ากลับไป ดังนั้น เจ้าก็จงอยู่นิ่งๆ เสีย ข้าจะได้ไม่ต้องเปล ลืองแรงขยับมือขยับเท้า”
ในที่สุดลู่เซิ่งก็รู้เหตุผลแล้วว่าตาเฒ่าคนนี้โผล่มาเพราะอะไร
แต่เขาเป็นหัวหน้าแห่งสมาคมวิจัย ขณะเดียวกันก็เป็นเจ้านายใหญ่ของพวกบันไซ สมาคมวิจัยเกิด ดเรื่องแล้ว ถ้าแม้แต่เจ้านายใหญ่อย่างเขายังไม่ออกหน้า อย่างนั้นสมาคมวิจัยนี้จะยังมีความจำเป ป็นในการดำรงอยู่อีกหรือ
“หมายความว่าปัญหาทางนั้นหนักมากหรือ” เขาถามเสียงขรึม
“หนักอย่างยิ่ง” ชายชราหุบยิ้มกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“หนักขนาดไหน”
“หนักกว่าที่เจ้าจินตนาการไว้มากๆ…ไม่ต้องห่วงหรอก ยุ่งยากกว่าที่เจ้าคาดไว้เสียอีก ไม่อ อย่างนั้นบันไซไม่ให้ข้ามาขวางเจ้าไว้ที่นี่หรอก พูดตามจริง ตอนนี้เขาหลอมอินเอ้อสือเจียเป ป็นร่างแยกของตัวเองได้แล้ว พลังคำนวณจึงเหี้ยมหาญร้ายกาจ ทั้งสามารถแบ่งจิตมาติดต่อกับข้า าได้ ไม่อย่างนั้นข้าคงหลบเจ้าพวกนั้นมาถึงที่นี่ไม่ทัน”
ลู่เซิ่งนิ่งไป
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ อย่างนั้นก็…”
ฟ้าว!
เขาพุ่งไปยังทางเข้าโลกมารสวรรค์ดุจสายฟ้าแลบ
ความเร็วสูงกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่าตัว
ในธารมารดามีแรงต้านมหาศาล สามารถระเบิดความเร็วขนาดนี้ได้ในพริบตา พลังงานที่ต้องใช้เป็น นตัวเลขมากมายที่อยู่เหนือจินตนาการ
ยังไม่รอให้ชายชราตั้งตัว ลู่เซิ่งก็ไปถึงหน้าประตูทางเข้าแล้ว
“รอเดี๋ยว! เจ้าจะไปตายหรือไง!?” ชายชรารีบลงมือ แต่สายไปก้าวหนึ่ง
ลู่เซิ่งยื่นมือข้างหนึ่งเข้าไปในทางเข้าแล้ว
“ของบางอย่าง ไม่ใช่ว่าตัวเองไม่อยากแล้วจะไม่ทำก็ได้” เขากล่าวอย่างราบเรียบแล้วพุ่งหายเข้ าไปในวังวนสีดำ
ไม่ว่าจะเป็นพายุที่รุนแรงขนาดไหน แรงกดดันที่มากเพียงใด หรือลำบากขนาดไหน
เขาลู่เซิ่งไม่เคยกลัว!
“ดีปบลู! ขอดูขีดจำกัดของตัวเองหน่อยเถอะ!”