ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1004 สันติภาพ (2)
“นายท่าน ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว!” บันไซนั่งอยู่ด้านข้างมาโดยตลอด พอเห็นลู่เซิ่งฟื้นขึ้นมา ก็รีบเขยิบเข้าห หาพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“นายท่าน ครั้งนี้ดีที่ท่านแก้ไขสถานการณ์ได้ทัน ไม่อย่างนั้นสมาคมวิจัยทั้งสมาคมได้จบเห่จริงๆ แน่”
“อย่างนั้นหรือ ข้าจำไม่ได้แล้ว…” ลู่เซิ่งส่ายหน้า เขาเพียงจำได้แค่ว่าตนเองสะกดจิตตัวเองแล้วพุ่งออกไป เรื่อ องต่อจากนั้นล้วนลืมหมดแล้ว
“นายท่าน ขอเสียมารยาทถามสักประโยค ตอนนี้ท่านไปถึงขีดจำกัดมนุษย์แล้วใช่ไหม” แม้บันไซจะคำนวณพลังทำลายล้างจากผลง งานก่อนหน้านี้ของลู่เซิ่งออกคร่าวๆ แล้ว แต่ก็ยังอดถามด้วยตัวเองไม่ได้อยู่ดี
“อือ ไปถึงแล้ว ตอนนี้ติดอยู่ที่เดิม ไม่รู้ควรทะลวงอย่างไรดี” ลู่เซิ่งถอนใจ
เมื่อมาถึงขอบเขตของเขา วิชาใดๆ ล้วนมีคุณสมบัติแบบเดียวกัน
ขีดจำกัดมนุษย์เป็นขีดจำกัดของสิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์ทั้งหมดซึ่งดำรงอยู่ตามธรรมชาติ ไม่เพียงมนุษย์เท่านั้น เผ่า าพันธุ์รูปร่างมนุษย์ซึ่งถือกำเนิดบนดาวเคราะห์มากมาย ความจริงก็ต่างมีขีดจำกัดนี้อยู่เช่นกัน
ลู่เซิ่งลุกขึ้นจากเตียง โซ่บนตัวปลดออกโดยอัตโนมัติ
เขาลูบผมด้วยสองมือแล้วลุกขึ้น
“นี่ถึงจุดสิ้นสุดหรือยัง”
บันไซส่ายหน้า “ยังขอรับ ยังมีต่อ ข้าคำนวณอย่างละเอียดแล้ว นี่ไม่น่าจะใช่ปลายทาง”
“อย่างนั้นเจ้ามีวิธีไหม” ลู่เซิ่งหันไปมองเขา
“…ยังไม่มีขอรับ” บันไซเอ่ยอย่างจนใจ “นี่เป็นขีดจำกัดสองชั้นของร่างกายและวิญญาณ วิญญาณได้แต่รองรับพลังวิญญ ญาณที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ หากมากกว่านี้ก็รังแต่จะสลายตัวไปอย่างสิ้นเปลืองเสียเปล่าๆ…นอกเสียจากว่า…”
“นอกเสียจากอะไร”
“นอกเสียจากใช้พิธีกรรมเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนไปเป็นเผ่าอื่น…” บันไซกล่าวเสียงแผ่ว
“เรื่องนี้ไว้ว่ากันทีหลัง” ลู่เซิ่งโบกมือตัดบทสนทนา
“ตอนนี้รายงานสถานการณ์ของสมาคมวิจัยมาที นอกจากนี้ ข้อมูลของดวงตาแห่งความเลวทราม ข้าจะมอบข้อมูลตามเวลาจริงที่ มากพอให้แก่เจ้า…ข้าต้องการเบาะแสมากกว่านี้”
“รับทราบ” บันไซรีบตอบ
ในเวลาหลายวันต่อจากนั้น ลู่เซิ่งพักฟื้นอยู่ในสมาคมวิจัยอย่างสงบสุข ขณะเดียวกันก็ตรวจสอบคลังข้อมูลขนาดใหญ่ที่ เรียกได้ว่าแปลกประหลาดซึ่งข้อมูลของสมาคมวิจัยมีจำนวนมาก
ข้อมูลพวกนี้ถูกส่งผ่านระบบดาวของดาวเคราะห์ขนาดใหญ่แต่ละแห่งมาอย่างไม่ขาดสาย แล้วดำเนินการแลกเปลี่ยนกับคลังข้ อมูลเป็นระยะ
นี่ทำให้ลู่เซิ่งมีความเข้าใจอย่างล้ำลึกต่อสภาพของสายธารรอบๆ ในปัจจุบัน
เรื่องที่ใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ นอกจากเรื่องที่สัตว์โบราณกับวิญญาณดาวยุติศึก ก็คือศึกใหญ่ท ที่สมาคมความประหลาดลี้ลับได้ทำลายระบบดาวฤกษ์ที่อยู่รอบๆ ไปอย่างน้อยห้าแห่ง ดาวเคราะห์หลายสิบดวงระเบิดกลายเป ป็นพลุ
รอบๆ เกิดเมฆดารากับกลุ่มอุกกาบาต ฝุ่นผงจักรวาลแผ่ตลบอบอวลไปรอบๆ และมีแนวโน้มจะกลายเป็นแถบวงแหวนวนเวียนรอบสถา านีอวากาศ
ลู่เซิ่งซึ่งเป็นผู้นำสร้างชื่อขึ้นในการศึกนี้ ได้รับฉายาแสงทมิฬทำลายล้าง ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสมาคมวิจัย ขณะเดียวกันก็กลายเป็นหนึ่งในผู้เข้มแข็งระดับดาวมรณะที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นในสายธารรอบ ๆ และมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
ถูกต้อง โลกภายนอกคิดว่าลู่เซิ่งอยู่ในระดับดาวมรณะแล้ว และยังเป็นสุดยอดผู้เข้มแข็งในระดับสูงสุดของดาวมรณ ณะอีกต่างหาก
ทางลู่เซิ่งค่อยทราบหลังจากตรวจสอบข้อมูลว่า เทียบกับอนธการทั่วไป ระดับดาวมรณะจะแข็งแกร่งกว่าสิบถึงถึงยี่สิบเ เท่า นี่เป็นความแตกต่างอย่างมหาศาล
แต่ถ้าเทียบกับเขา ความแตกต่างนั้นจะขยายกว้างกว่าเดิม
แม้ตอนนี้เขายังไม่มีพลังดาวระดับดาวมรณะ แต่ก็มีจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่ในร่างหลักที่สูงเป็นเจ็ดพันกว่าเท่าขอ องอนธการทั่วไป
นี่เป็นตัวเลขที่น่าหวาดสะพรึงอย่างยิ่ง
กอปรกับแสงทมิฬทำลายล้างที่หลอมรวมได้มา หลังใช้พลังอาวรณ์เรียนรู้เคล็ดพันเทวะ
ตอนนี้กล่าวได้ว่า ระดับดาวมรณะทั่วไปไม่มีความมั่นใจบอกว่าตัวเองแข็งแกร่งเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
สัตว์โบราณกับพันธมิตรดาวสงบศึกชั่วคราว หรือควรบอกว่า ขุมกำลังสองฝ่ายที่มาหาเรื่องหยุดเคลื่อนไหวชั่วคราว
สัตว์โบราณกับพันธมิตรดาวมีขุมกำลังยิ่งใหญ่ และสองฝ่ายที่มาหาเรื่องในวันนั้นก็เป็นเพียงองค์ประกอบส่วนน้อยถึ งขีดสุดเหมือนเม็ดข้าวในมหาสมุทรเท่านั้น
พวกเขาไม่ได้เป็นตัวแทนสองเผ่าพันธุ์ อย่างมากสุดก็เป็นแค่ตัวแทนตัวเองเท่านั้น
นี่ทำให้คนของสมาคมวิจัยโล่งอก
อย่างไรไม่ว่าใครเผชิญหน้ากับสองขุมกำลังยิ่งใหญ่นี้ ก็รู้สึกเหมือนเผชิญภัยพิบัติฟ้าทั้งสิ้น
ลู่เซิ่งพักฟื้นอยู่หลายวัน ก่อนจะเริ่มเร่งให้บันไซอนุมานและคำนวณที่อยู่อื่นๆ ของดวงตาแห่งความเลวทราม หลังจา ากอินเอ้อสือเจียได้ข้อมูลเกี่ยวกับดวงตาแห่งความเลวทรามและเทพแห่งการทำลายล้าง บวกกับข้อมูลข่าวสารมากมาย
ไม่นานก็คำนวณเบาะแสใหม่ได้ นั่นก็คือ จอมหลอกลวงแมนดีลอร์
“จอมหลอกลวงคับแมนดีลอร์ อดีตผู้สร้างดวงตาแห่งความเลวทราม ว่ากันว่าเป็นสัตว์ประหลาดร่างแปลงขนาดยักษ์ที่ท่อ องเที่ยวอยู่ในธารมารดา ตามผลลัพธ์การคำนวณ นายท่านต้องหาสัตว์ประหลาดตัวนี้ให้เจอ บนตัวมันจะมีที่อยู่ของครอบ บครัวท่าน” บันไซยืนอยู่ตรงหน้าอินเอ้อสือเจีย กล่าวกับลู่เซิ่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“อย่างนั้นข้าจะหามันเจอได้อย่างไร” ลู่เซิ่งถามเสียงทุ้ม
“พวกเราประกาศภารกิจได้ สมาคมวิจัยมียอดฝีมือไม่น้อย เวลาไม่มีอะไรก็ชอบจุติไปทั่วอยู่แล้ว ในนี้มีมารสวรรค์เช ช่นกัน โลกระดับพลังงานต่ำพวกนั้นนายท่านท่านไม่จำเป็นต้องไปเองแล้ว ตอนนี้สมาคมวิจัยช่วยท่านค้นหาได้โดยตรง ท ท่านแค่ต้องให้ความสำคัญกับโลกระดับพลังงานสูงก็พอ”
บันไซอธิบาย
“นอกจากนี้ อินเอ้อสือเจียต้องการเวลาเล็กน้อยเพื่อช่วยท่านคำนวณจุดเด่นที่เป็นรูปธรรมของจอมหลอกลวงแมนดีลอร์ ด้วย”
“ต้องการเวลากี่วัน”
“ราวหนึ่งเดือน”
“ได้”
ช่วงนี้เพิ่งจัดการวิกฤตการณ์เสร็จพอดี ขุมกำลังอื่นๆ ส่งเทียบเชิญมาอย่างน้อมนอบ เพื่อเชิญลู่เซิ่งกับสมาชิกแกนก กลางอย่างบันไซไปเข้าร่วมงานเลี้ยงต่างๆ
รอบๆ สมาคมวิจัย นอกจากลัทธิจันทราแดงแล้ว ก็คือนครตราชั่งและขุมกำลังไร้ระเบียบที่มีชื่อว่าสหพันธ์ดาวม่วง
สหพันธ์ดาวม่วงผงาดขึ้นอย่างฉับพลันในเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา ว่ากันว่าหัวหน้าสมาพันธ์เป็นผู้เข้มแข็งระดับสุ ดยอดที่หนีจากศึกใหญ่ระหว่างพันธมิตรดาวและสัตว์โบราณ มาเกษียณที่เขตดาวรกร้างแห่งนี้
ผู้เข้มแข็งท่านนี้มีเส้นสายกว้างขวางในพันธมิตรดาว เบื้องหลังล้ำลึกอย่างมาก
ปัจจุบันสถานการณ์มั่นคง สันติภาพกำลังจะมาถึง
สหพันธ์ดาวม่วงมีความคิดก่อตั้งประเทศ กำลังปรึกษากับขุมกำลังรอบๆ และว่ากันว่าทางนครตราชั่งก็ได้แสดงท่าทีสน นับสนุนแล้ว
ลัทธิจันทราแดงก็ส่งของขวัญมาเพื่อแสดงว่ายินดีเชื่อมสัมพันธ์กับดาวม่วงเช่นกัน
เดิมทีสมาคมวิจัยยังไม่มีคุณสมบัติพอจะนั่งเทียบกับขุมกำลังยิ่งใหญ่ระดับหนึ่งแบบนี้
แต่ปัจจุบันพอลู่เซิ่งกลับมาก็ทำลายร่างแปลงของเหล่าผู้เข้มแข็งทิ้งไปในคราวเดียว อีกทั้งในนั้นยังมีผู้เข้ มแข็งดาวมรณะถึงสี่ห้าคน
ความลือลั่นนี้สุดที่ขุมกำลังทั่วไปจะเลียนแบบได้
วันนี้กล่าวได้ว่า สมาคมวิจัยอาศัยพลังต่อสู้ของลู่เซิ่งเติบโตขึ้นกลายเป็นขุมกำลังสำคัญที่พอจะเทียบเคียงกับ สหพันธ์ดาวม่วงได้แล้ว
แน่นอนว่าแม้ศักยภาพจะยังเทียบไม่ได้ ทางลัทธิจันทราแดงกับนครตราชั่งต่างมีขุมกำลังยิ่งใหญ่ที่ล้ำลึกคอยสนับสน นุนอยู่เบื้องหลัง แต่พลังในที่แจ้งกลับเพียงพอแล้ว
อย่างไรลัทธิจันทราแดงก็กระจายไปทั่วจักรวาล มียอดฝีมือเหลือคณานับ ส่วนนครตราชั่งมีเบื้องหลังเป็นจักรวรรดิหยก คู่ จักรวรรดิอันยิ่งใหญ่นั้นมีขุมกำลังแข็งแกร่ง ไม่อาจดูแคลนได้
ทั้งสองฝ่ายนี้กล่าวได้ว่าสามารถส่งกลุ่มมายาพิศวงหลายคนออกมาได้อย่างสบายๆ และสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ เบื องหลังพวกเขามีอนธการ หรือแม้แต่ดาวมรณะกับเบื้องหลังอันแข็งแกร่งอีกมากมาย
โดยเฉพาะจักรวรรดิหยกคู่ยังคงยิ่งใหญ่ดุจขุนเขาในยามสงคราม นี่แสดงให้เห็นถึงพลังอันน่ากลัวที่อยู่เหนือจินตนากา าร
และนอกจากสหพันธ์ดาวม่วงแล้ว รอบๆ ยังมีประเทศเล็กๆ และสำนักซึ่งมีขุมกำลังเล็กๆ กระจายตัวอยู่ไม่น้อย
หลังจากได้ยินมาว่าภรรยาของลู่เซิ่งจากไปก่อนวัยอันควร และครอบครัวต้องจากไปไกล ขุมกำลังไม่น้อยก็หันเหความสน นใจมาที่การแต่งงานของลู่เซิ่ง
ลู่เซิ่งกลับถึงเขตพักผ่อนของหัวหน้าสมาคม เขาใช้เขตเล็กๆ แห่งนี้เพียงคนเดียว
นี่นับเป็นอำนาจพิเศษสูงสุดในสถานีอวกาศ โดยเฉพาะหลังจากเขาแก้ไขสถานการณ์จัดการวิกฤติการณ์ลงได้
การมีตัวตนอยู่ของเขาในตอนนี้ทำให้เหล่าสมาชิกแกนหลักที่ก่อนหน้านี้ลังเลไม่แน่ใจมีที่พึ่งอย่างสมบูรณ์
ก่อนหน้านี้ความสามัคคีกับพลังของสมาคมวิจัยก็ทำให้พวกเขามีความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในระดับหนึ่งแล้วเช่น นกัน
ตัวตนที่เหมือนเข็มเทพยันสมุทรของลู่เซิ่งเริ่มทำให้ทุกคนเกาะกลุ่มกันดีกว่าเดิม
ลู่เซิ่งหย่อนก้นนั่งบนโซฟาในโถงรับแขกของเขตพักผ่อน แล้วหยิบเทียบเชิญปึกหนึ่งบนโต๊ะเตี้ยด้านหน้ามาพลิกดู
พลังไม่มีความก้าวหน้าแม้แต่น้อย พลังอาวรณ์ก็ผลาญไปพอประมาณแต่ยังไม่มีผลลัพธ์ใดๆ ทั้งยังไปไหนไม่ได้ จำเป็นต้อง รออินเอ้อสือเจียอนุมานผลลัพธ์ หาที่อยู่ของจอมหลอกลวงอะไรนั่นให้เจอก่อน
ลู่เซิ่งที่ไม่มีเรื่องอะไรให้ทำ นอกจากจะสร้างถ้ำเรืองแสงขึ้นในส่วนลึกของจิตวิญญาณของเขา ทุกๆ วันเพื่อล่อพว วกแมลงมาปะทังหิวแล้วปกติก็จะอ่านเอกสาร หรือไม่ก็ฟังเพลงหรือดูรายการบันเทิง
ปิ๊บ
เขากดรีโมท จอภาพสีรุ้งขนาดยักษ์จอหนึ่งปรากฏขึ้นบนผนังของโถงเล็กอีกฝั่ง ด้านบนมีหญิงงามซึ่งมีเขาสีดำเขาเดี ยวกำลังถือสิ่งของที่คล้ายๆ กับไม้เบสบอลพร้อมโฆษณาแนะนำ
“น่าเบื่อ…” ลู่เซิ่งโยนรีโมททิ้งแล้วพลิกอ่านเทียบเชิญในมือ
ขุมกำลังกับสำนักเล็กๆ สามารถมองข้ามได้ ในนี้มีสามเทียบเชิญที่บันไซคัดออกมาให้เขาซึ่งจำเป็นต้องไปเข้าร่วมให้ ได้
เทียบเชิญแรกมาจากสหพันธ์ดาวม่วง พวกเขาจะจัดงานเลี้ยงฉลองขนาดใหญ่ในวันเทศกาล ผู้นำของขุมกำลังอื่นๆ ล้วนไปเข ข้าร่วม หากเขาไม่ไปกลับจะสะดุดตาเกินไป
เทียบเชิญที่สองมาจากนครตราชั่ง เจ้านครตราชั่ง จันทราม่วงส่งคำเชิญมาอีกครั้ง สมาคมวิจัยของพวกเขาติดค้างน้ำใจขอ องนครตราชั่งไม่น้อย วิกฤติการณ์ครั้งนี้ก็เป็นเพราะมีนครตราชั่งคอยคุมเชิงในที่ลับ ผู้เข้มแข็งพวกนั้นเลยไม่ถึ งกับลงมือในทันทีที่พบหน้า
ดังนั้นทางจันทราม่วง ถ้าไปได้ก็จำเป็นต้องไป
เทียบเชิญที่สามมาจากประเทศเล็กๆ ชื่อจักรวรรดิซุนลัน
ครั้งกระโน้นตอนสมาคมวิจัยยังอ่อนแอมากๆ จักรวรรดิซุนลันได้ให้การช่วยเหลือสมาคมไว้ไม่น้อย ขุมกำลังนี้มีกองกำล ลังเล็กๆ เป็นดาวเคราะห์แค่สิบกว่าดวงเท่านั้น แต่ถือเป็นขุมกำลังใหญ่ที่เทียบได้กับสำนักนทีครามในช่วงแรกๆ ของสมาคมวิจัย
ราชาดีแลนซ์เป็นมายาพิศวงที่มีพลังไม่เลวคนหนึ่ง ครั้งนี้ที่ให้คนมาส่งเทียบเชิญ เป็นเพราะจักรวรรดิของเขาเพิ งผ่านภัยพิบัติพายุรังสี จึงจัดงานเลี้ยงฉลองขึ้นทั่วจักรวรรดิ
นอกจากนี้ยังมีเหตุผลอีกข้อที่แม้แต่ลู่เซิ่งควรไปด้วยความรู้สึกผิด
นั่นก็คือเขาที่คลุ้มคลั่งได้ทำลายดาวทรัพยากรขนาดเล็กดวงหนึ่งของจักรวรรดิซุนลันทิ้งตอนที่สะกดจิตตัวเอง
แม้สำหรับสมาคมวิจัยแล้ว ดาวทรัพยากรดวงหนึ่งจะไม่นับเป็นอะไร แต่สำหรับจักรวรรดิซุนลัน นี่กลับส่งผลอย่างใหญ่ หลวง
แต่ครั้งนี้พวกเขาก็ยังส่งเทียบเชิญมาด้วยมิตรไมตรี แม้แต่ลู่เซิ่งก็รู้สึกผิดอยู่บ้าง
‘ยุ่งยากจริงๆ’ ลู่เซิ่งหยิบเทียบเชิญสามใบออกมาวางไว้ด้านข้าง
‘ตามข้อมูลที่บันไซให้มา ทางนครตราชั่งยังดี เหมือนจักรวรรดิหยกคู่จะส่งคนมาเพื่อติดต่อกับเรา ส่วนสหพันธ์ดาว วม่วงต้องการหยั่งเชิงท่าทีและจุดยืนของเราต่อการก่อตั้งประเทศของพวกเขา ทางขุมกำลังเล็กๆ รวมถึงจักรวรรดิซุน ลันน่าจะอยากผูกสัมพันธ์กับเราผ่านการแต่งงาน’
ลู่เซิ่งเข้าใจความคิดของขุมกำลังเล็กๆ เหล่านี้ดี เพราะเขาก็มาจากขุมกำลังเล็กๆ เช่นกัน
จักรวรรดิซุนลันมีองค์หญิงสามองค์ ต่างก็งดงามเหลือล้น สององค์ในนี้เป็นผู้ใหญ่แล้ว คนหนึ่งเพิ่งเตรียมเข้าพิ ธีปักปิ่น และพิธีปักปิ่นก็จัดขึ้นพร้อมกับงานเลี้ยงพอดี
การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์สอดคล้องกับเงื่อนไขนี้อย่างสมบูรณ์
“ความจริงนายท่านไม่ต้องปวดสมองก็ได้” หลี่ซุ่นซีกับบันไซผลักประตูเข้ามาพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“ก่อนหน้านี้พวกเขาอยากจะมัดบันไซติดกับเรือมาโดยตลอด แต่เจ้านี่ไม่เข้าใจความหมาย ไม่มีปฏิกิริยาต่อเจตนาดีของคน นเขาแม้แต่น้อย ตอนนี้ท่านกลับมาพอดี จึงย้ายเป้าหมายมาไว้ที่ตัวท่านแทน”
“ครั้งนี้ข้าได้หาพี่สะไภ้ใหญ่มาให้พวกเจ้าแล้ว ไม่ต้องการคนอื่นอีก” ลู่เซิ่งโบกมืออย่างหงุดหงิด
“ท่านก็คิดลึกไป พวกเขาไม่ได้อยากแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับท่านเสียหน่อย ผู้เข้มแข็งเหนือกว่ามายาพิศวงมีอายุขัย ในหลักหมื่นปี การแต่งงานกับท่านไม่มีความหมายแม้แต่น้อย ยังไม่พูดถึงว่าพวกเขาไม่มีคุณสมบัติพอ ท่านเองก็ไม่น่า าพอใจเหมือนกัน” บันไซนั่งลงอย่างไม่เกรงใจ
“พวกเขาอยากจะมอบสาวใช้ให้ท่าน สตรีที่ร่วมหลับนอนน่ะ” เขายิ้มพลางสัพยอก
ผัวะ
ลู่เซิ่งตบหัวเขา
“ไม่มีใหญ่ไม่มีเล็กทั้งนั้น! เรื่องของเจ้านายเป็นสิ่งที่เจ้าพูดได้ตามใจปากหรือ”
บันไซหน้าเจื่อนแล้วรีบลุกขึ้นหลบไปไกลๆ
“ช่างเถอะ จัดเรือเหาะสำหรับไปยังสถานที่สามแห่งนี้ให้ข้าที ถ้ากำหนดเวลาเรียบร้อยแล้วค่อยแจ้งข้า พี่สะไภ้ของ งพวกเจ้ามีกิจการของตัวเอง ไม่ได้กลับมากับข้า ในเมื่อไม่มีเรื่องอะไรก็ไปผ่อนคลายจิตใจได้พอดี”
ลู่เซิ่งร่อนเร่ในจักรวาลภายนอกมาโดยตลอด น้อยครั้งจะเคลื่อนไหวในโลกมารสวรรค์ ครั้งนี้ออกไปพักผ่อนหย่อนใจก็ดีเห หมือนกัน ดูว่าจะรวบรวมพลังอาวรณ์ได้หรือไม่