ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1007 ระดับสุดยอดพลังงาน (1)
เกิดเสียงดังครืนครัน
ดาวระเบิดออกกลายเป็นดวงอาทิตย์
ลู่เซิ่งกับหวังจิ้งหมุนตัวลอยไปยังที่ไกล หมอกดำกลุ่มใหญ่แผ่พุ่งออกมาจากรอบๆ ตัวแล้วห่อหุ้มทั้งสองไว้
หมอกดำค่อยๆ สลายไป เผยให้เห็นร่างมนุษย์ของทั้งสอง
ลู่เซิ่งโอบกอดหวังจิ้ง ชุดทั้งสองอยู่ในสภาพดี เป็นชุดพลังงานที่สร้างขึ้นจากการแปลงพลังงานเป็นมายา
ลู่เซิ่งใส่ชุดเหมือนตอนอยู่บนโลกพลังวิญญาณ เพียงแค่เสื้อแขนยาวสีขาวกับกางเกงขายาวสีดำธรรมดา
หวังจิ้งยังคงใส่กระโปรงขาวและถุงน่องดำเหมือนเดิม เพียงแต่ชายกระโปรงสั้นกว่าก่อนหน้ามาก นางขดตัวอยู่ในอ้อมอ กลู่เซิ่งขณะหุบสองขา ขางามเรียวยาวกับบั้นท้ายวางอยู่บนมือลู่เซิ่ง
นางแอบอิงลู่เซิ่งเหมือนท่าอุ้มองค์หญิง
“ไม่ต้องเป็นห่วงข้า สถานการณ์ของข้าในโลกมารสวรรค์มั่นคงแล้ว กลับเป็นเจ้า คนที่พาเจ้าออกมาเป็นใครกันแน่… .” ลู่เซิ่งอุ้มหวังจิ้งขณะมองทิวทัศน์ดวงดาวระเบิดซึ่งอยู่ไกลออกไป ถามเสียงเบา
“อาจารย์นางเป็นระดับสูงในลัทธิจันทราแดง ลัทธิจันทราแดงมีสาขา ในโลกมารสวรรค์เช่นกัน ดังนั้น…”
หลังหวังจิ้งกลับเป็นร่างมนุษย์ ก็พูดจากระท่อนกระแท่นเหมือนเดิม
“ที่แท้ก็เป็นลัทธิจันทราแดงหรอกหรือ…” ลู่เซิ่งพลันกระจ่างแจ้ง
ลัทธิจันทราแดงเป็นลัทธินอกรีตขนาดมหึมาที่ปกคลุมทั่วจักรวาลมารสวรรค์ เหนือกว่าผู้ปกครองจันทราแดงยังมีอีกระด ดับ นี่เป็นเรื่องที่เขาก็รู้เช่นกัน
ในอดีตเขายังเคยเข้าร่วมกับลัทธิจันทราแดง แต่ตอนนี้เป็นเพราะสร้างสถานที่ของตัวเองขึ้น ดังนั้นจึงถือว่าลาอ ออกมาแล้ว
“ยังต้องการหรือไม่” หวังจิ้งพลันยื่นหน้าขึ้นมา แก้มแดงเย้ายวนเหลือแสน ดวงตาเป็นประกายหยาดเยิ้ม
นางบิดสะโพกที่แนบอยู่กับฝ่ามือลู่เซิ่ง
“ครั้งนี้…พวกเราใช้ร่างมนุษย์ดีไหม”
“ได้”
ลู่เซิ่งที่โอบกอดหวังจิ้งโบกมือ พลังวิญญาณสีดำที่บิดเบี้ยวกลุ่มใหญ่แผ่ตลบอบอวลออกมาห่อหุ้มทั้งสองเอาไว้
“มอบลูก...ให้ข้าเถอะ”
“ลูกหรือ” ลู่เซิ่งพลันชะงักพร้อมคิดถึงลู่หนิง
…
ใต้ต้นไม้ยักษ์ที่เปล่งแสงดาวสว่างไสวระยิบระยับ
ลู่หนิงแหงนหน้ามองต้นไม้ยักษ์เรืองแสงตรงหน้าอย่างเหม่อลอย เมื่อครู่อยู่ๆ เขาก็ใจไม่อยู่กับตัว
“คนของเคหาสน์วิญญาณหรือ” เสียงสตรีอันแผ่วเบาดังมาจากในต้นไม้ยักษ์
“ใช่ ข้าชื่อลู่หนิง” ลู่หนิงได้สติกลับมา ข่มความตื่นตระหนกในใจแล้วตอบเสียงทุ้ม “ข้าได้รับคำไหว้วานให้มาช่ว วยพวกท่านแก้ปัญหา”
กลางต้นไม้ยักษ์ค่อยๆ เปิดเป็นรอยแยก สตรีหูแหลมที่ร่างกะพริบแสงดาวสีฟ้าคนหนึ่งเดินออกมาช้าๆ
“ยินดีมากที่ได้พบท่าน ข้าคือมังกรแห่งสีขาวบรุสิทธิ์ นันซิน คาดุส สตรีแห่งสีขาวบริสุทธิ์ผู้เป็นตัวแทนพฤ ฤกษามาตาดารา” นางตอบอย่างราบเรียบ
ลู่หนิงพยักหน้าน้อยๆ
นันซินสตรีแห่งสีขาวบริสุทธิ์พิจารณาลู่หนิงที่อยู่ตรงหน้าอย่างตั้งใจ
“ท่านเป็นมนุษย์ที่มังกรวิญญาณมายาตัวสุดท้ายรับเลี้ยงไว้หรือ”
“ถ้าไม่มีบุตรมังกรที่ถูกรับเลี้ยงไว้คนอื่นล่ะก็ อย่างนั้นน่าจะเป็นข้าแล้ว” ลู่หนิงพยักหน้าอย่างราบเรียบ
“เอาล่ะ คำขอภารกิจเป็นเช่นนี้ โปรดรวบรวมเมล็ดหญ้าวิญญาณดาวหนึ่งร้อยเมล็ด รวมถึงสังหารสัตว์วิญญาณมายาอีกหนึ่ งร้อยตัว แล้วมอบซากที่ได้รับให้ข้า” นันซินเอ่ยอย่างจริงจัง
“ไม่มีปัญหา”
หลังจากถูกม้วนเข้าสู่กระแสวังวนมิติเวลาจากโลกมารสวรรค์ เขาก็ลอยเท้งเต้งอย่างงุนงงสับสนอยู่ในกระแสวังวนม มิติเวลาภายใต้การป้องกันจากหยกแขวนคุ้มครองที่บิดามอบให้ แล้วถูกกระแสวังวนที่เร็วเหมือนพายุพัดไปถึงที่ไหนสั กแห่งโดยไม่รู้ตัว
รอเขาได้สติกลับมา ก็เร่ร่อนมาถึงโลกที่ประหลาดพิสดารแห่งนี้แล้ว
หลังรับภารกิจ ลู่หนิงก็ปลดหมวกเกราะเสมือนลงแล้วมองดูปฏิทินตั้งโต๊ะที่อยู่บนโต๊ะหนังสือใกล้ๆ
‘วันพุธอีกแล้วหรือนี่…’
เขาถอนใจเฮือกหนึ่ง ถึงเวลาไปเรียนอีกแล้ว
หลังจากมาถึงโลกใบนี้ เขาก็ค้นพบอย่างสับสนว่าใช้วิชาหรือเนื้อหาทั้งหมดที่ตนเคยร่ำเรียนมาไม่ได้สักอย่างเดีย ยว
ในอากาศของที่นี่ไม่มีพลังงานกระจัดกระจายที่ดูดซับได้ อนุภาคพลังงานทั้งหมดจะไม่ปรากฏขึ้นเดี่ยวๆ
อากาศก็ดี ผืนดินก็ดี ทุกที่มีแต่สสาร ไม่มีรังสีและอนุภาคพลังงานที่ดูดซับได้
เมื่อฝึกฝนไม่ได้ ลู่หนิงก็ได้แต่ออกกำลังเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกาย แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ โครงสร้าง งร่างกายของที่นี่แตกต่างจากก่อนหน้าเช่นกัน แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะเหมือนกัน แต่รายละเอียดภายในแตกต่างกันอยู่หลายจุ ด
ดังนั้นเส้นทางกินสารอาหารเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ตัวเองจึงไม่มีเช่นกัน
ด้วยความจนปัญญา ลู่หนิงได้แต่ทำตัวเป็นเด็กชายไร้เดียงสาธรรมดาๆ คนหนึ่ง
เพียงแต่พอผ่อนคลายแบบนี้ นานวันเข้า เขาก็เริ่มค้นพบว่า ระดับความก้าวหน้าของโลกใบนี้อยู่เหนือจินตนาการของ ตัวเอง
ประเทศที่เขาอยู่เป็นขุมกำลังยักษ์ใหญ่ชื่อจักรวรรดิมอธ ซึ่งกินพื้นที่หลายแกแลกซี
ทักษะกระโดดข้ามมิติหดระยะทางให้สั้นลงได้อย่างใหญ่หลวง
สิ่งที่ทำให้เขาตกใจที่สุดก็คือ ที่นี่ไม่ได้มีแค่มนุษย์เท่านั้น ยังมีเผ่าพันธุ์ชนชาติอื่นๆ อีกมากมาย
ชีวิตที่อยู่ที่นี่ครอบครองพลังแข็งแกร่งแกนกลาง เป็นพลังจิตบริสุทธิ์ที่มีชื่อว่าคลื่น
‘คลื่น’ สามารถทำให้ชีวิตที่อ่อนแอต้อยต่ำควบคุมเรือรบจักรวาลที่ใหญ่โตมโหฬารลำหนึ่งได้ดั่งใจนึก
เมื่อผสานพลังคลื่นเข้ากับวิทยาการ ก็จะปกครองอาณาเขตหลายแห่งได้อย่างง่ายดายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก
ลู่หนิงได้สติกลับมา ลุกขึ้นยืนแล้วเริ่มเปลี่ยนเป็นเครื่องแบบสำหรับไปโรงเรียน
เขาจะฝึกคลื่นผ่านเกมเสมือนทุกวัน จนถึงตอนนี้เด็กหนุ่มอายุสิบห้าปีแล้ว ร่างกายร่างนี้แข็งแกร่งเท่าระดับเบื้อ องต้นของผู้ฝึกฝนคลื่นแล้ว
‘หวังว่าจะเลื่อนระดับเร็วหน่อย บางทีอาจมีวันหนึ่งที่อาศัยวิทยาการหาทางกลับไปได้’ ลู่หนิงยังคงคิดถึงครอบครัว วของตัวเอง ไม่ใช่ครอบครัวของชาตินี้ หากเป็นครอบครัวฝั่งบิดาลู่เซิ่ง
แม้เขาจะไม่อยากทิ้งครอบครัวของชาตินี้ไปเช่นกัน แต่เมื่อถึงเวลาคงหาวิธีการที่เหมาะสมได้เอง
…
ตอนลู่เซิ่งกลับถึงจักรวรรดิซุนลันก็เป็นอีกสี่ชั่วโมงกว่าๆ ให้หลังแล้ว
หวังจิ้งตายเสียแล้ว
นางตายเพราะได้รับบาดเจ็บหนักจากการที่ทนเซลล์ในตัวเขาไม่ได้
แต่นางเป็นเทพแห่งการทำลายล้างที่แข็งแกร่งที่สุด กอปรกับฝึกฝนวิชาแข็งแกร่งชนิดพิเศษใหม่ จึงให้กำเนิดร่างหนึ่ งออกมาทันในช่วงสำคัญ
ในที่สุดทั้งสองก็เข้าใจสภาพกระอักระอ่วนของลู่เซิ่ง
พลังแข็งแกร่งเกินไป ถ้าเคลื่อนไหวเฉยๆ ยังพอได้ เพียงควบคุมพละกำลังก็พอ แต่ถ้าคิดจะเกิดลูกด้วยกัน นั่นจะเป็น เงื่อนไขหฤโหดสำหรับทั้งคู่แล้ว
หลังจากหวังจิ้งเอาใจเป็นครั้งสุดท้าย นางค่อยจากโลกมารสวรรค์ไปอย่างอาลัยอาวรณ์ ตัดสินใจกลับไปกักตนฝึกฝนเพื่อ จะได้มีลูกกับลู่เซิ่งได้
ลู่เซิ่งกลับถึงจักรวรรดิซุนลันด้วยความละอายใจ ก่อนจะเริ่มใคร่ครวญว่าจะจัดการปัญหาด้านการสืบพันธุ์อย่างไร
แม้แต่คำสนทนาของดีแลนซ์ จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิซุนลันที่อยู่ในงานเลี้ยง ลู่เซิ่งก็ตอบรับอย่างขอไปที
กลับเป็นจินพาน ทูตจากอาวีลาที่พูดคุยกับลู่เซิ่งได้เป็นระยะ
ถึงช่วงใกล้จบงานเลี้ยง บันไซกับองค์หญิงผู้งดงามเจ้าของเรือนผมทองก็เดินเข้าไปเต้นรำบนลานเต้นรำด้วยกัน ทั้ งสองดูเหมาะกันดั่งกิ่งทองใบหยก ทุกคนที่เห็นพากันมอบคำอวยพรที่ดีที่สุดให้
บันไซไม่ปฏิเสธคำอวยพร ควงองค์หญิงมาจูบอย่างดูดดื่ม
รอบๆ พลันเกิดเสียงปรบมือกึกก้อง
ลู่เซิ่งที่นั่งบนที่นั่งปรบมือให้แก่บันไซเบาๆ จากใจจริง
ดูเหมือนถ้าไม่มีอุบัติเหตุ บันไซคงได้ลงเอยกับองค์หญิงผู้นี้
ครั้งนี้เขาเองก็ไม่ได้มาเปล่า การมาถึงอย่างกะทันหันของหวังจิ้งได้ทำให้เขาแตกตื่นยินดีอย่างยิ่ง
หลังงานเลี้ยง ลู่เซิ่งกลับก่อนกำหนดเพื่อไปเข้าร่วมงานเลี้ยงอีกสองที่
ทางนครตราชั่ง จักรวรรดิหยกคู่ส่งขุนนางกลาโหมมาพบหน้ากับลู่เซิ่ง สองฝ่ายปรึกษากันอย่างชื่นมื่นและมีความเห็น ตรงกัน โดยเฉพาะหลังจากทราบถึงพลังที่แท้จริงของลู่เซิ่ง จักรวรรดิหยกคู่ก็ปฏิบัติต่อลู่เซิ่งด้วยท่าทีเป็นมิตร อย่างยิ่ง
ทางด้านงานเลี้ยงก่อตั้งประเทศของสหพันธ์ดาวม่วงก็แสดงท่าทีต่อลู่เซิ่งอย่างดีที่สุดเช่นกัน
เพียงแต่ตอนที่ลู่เซิ่งถามสหพันธ์ดาวถึงที่อยู่ของมารดาแห่งความเจ็บปวด เฒ่าดาวม่วงกลับทำเฉไฉ นี่ทำให้เขาไม่พอใจ จมาก
เวลาไหลผ่านไปอย่างช้าๆ นอกจากรวบรวมของวิเศษที่เพิ่มพลังอาวรณ์ได้ในแต่ละวันแล้ว ลู่เซิ่งจะเข้าร่วมงานเลี้ยงมา ากมายหลายรูปแบบ
พริบตาเดียวเส้นตายเวลาหนึ่งเดือนกว่าๆ ก็มาถึง
อินเอ้อสือเจียคำนวณผลลัพธ์ออกมาอีกครั้ง ได้รับลักษณะเด่นสำคัญหลายอย่างของจอมหลอกลวงแมนดีลอร์ออกมา
หลังจากลู่เซิ่งรักษาสถานการณ์ทางด้านนี้จนมั่นคงแล้ว ก็เตรียมจะออกเดินทางตามหาที่อยู่ของครอบครัวและลูกชายอีก หน
ความจริงมาถึงตอนนี้ เขาเหลือความหวังต่อการรอดชีวิตของครอบครัวและลูกชายไม่มากเท่าไหร่ แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ ต้องหาคำตอบให้ได้ว่า ใครกันแน่ที่ขัดขวางไม่ให้เขาสืบหาความจริง
แม้ตอนนั้นมารดาแห่งความเจ็บปวดจะเป็นผู้ก่อเรื่อง ทำให้ครอบครัวและลูกชายหลุดเข้าไปในกระแสวังวนมิติเวลา แต่ไม ม่น่าจะไปไกลจนหาไม่เจอแบบนี้
นอกจากนี้ เขายังเจอเส้นทางกลับโลกใบเดิมแล้วด้วย
เขาอยากลับบ้านไปดูว่าตอนนี้ที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง…
…
ลู่เซิ่งที่ถือผลลัพธ์ลักษณะเด่นซึ่งคำนวณออกมาได้ขมวดคิ้วมุ่น ขณะจ้องมองภาพเหมือนที่อยู่บนนั้นเขม็ง
บนกระดาษวาดรูปบุรุษร่างสูงใหญ่ที่พันผ้าสีดำไว้ทั้งตัวและสวมเสื้อคลุมสีดำ
มือขวาของเขาถือไม้กางเขนสีแดงเข้มที่แผ่หมอกตลบอบอวลไว้ ผมยาวยุ่งกระจายอยู่ด้านหลังเหมือนกับแผงคอสัตว์
“จอมหลอกลวงแมนดีลอร์ ปรากฏบันทึกอยู่ในเทพนิยายเก่าแก่ของโลกมารสวรรค์ไม่น้อย เป็นไปได้ถึงขีดสุดที่แก่นสารขอ องเขาจะเป็นสิ่งมีชีวิตเก่าแก่ในลักษณะมารร้ายซึ่งอาศัยอยู่ในธารมารดา คุณสมบัติของเขาคล้ายๆ กับมารสวรรค์ตรง ที่มีพลังจิตแข็งแกร่งสุดขีด สามารถจุติไปยังโลกต่างๆ ได้อย่างอิสระ”
หลี่ซุ่นซีที่อยู่ด้านข้างอธิบายอย่างละเอียด
“เจอแรงจูงใจที่ทำให้มันลงมือกับครอบครัวข้าหรือยัง” ลู่เซิ่งถาม
“ไม่แน่ใจขอรับ แต่ว่า มันอาจจะมีเป้าหมายอื่นๆ ที่ล้ำลึกยิ่งกว่า จำเป็นต้องให้ท่านตามหามันให้เจอแล้วซักถามอย ย่างละเอียดเอง” หลี่ซุ่นซีก้มมองคันฉ่องพิเศษที่แสดงตัวแปรมากมายบนฝ่ามือ
“เอาล่ะ ยืนยันทิศทางการจุติในครั้งนี้เรียบร้อยแล้ว ท่านเตรียมเดินทางได้ทุกเวลา แต่ทางนั้นเป็นไปได้ถึงขีดสุด ที่จะเป็นโลกพลังงานสุดยอด ท่านจำเป็นต้องเตรียมตัวมากกว่านี้”
“ไม่เป็นไร ถ้าเป็นโลกพลังงานสุดยอด การไหลของเวลาจะมีปัญหาไหม” ลู่เซิ่งถามพลางขมวดคิ้ว
“ไม่แน่ขอรับ ตามทฤษฎีใหม่ของอินเอ้อสือเจีย เมื่อระดับพลังงานต่างกัน การไหลของเวลาก็อาจจะต่างกันตามไปด้วย แต่ก็มีโอกาสคล้ายกัน การไหลของเวลาไม่ได้เกี่ยวกับระดับพลังงานเท่านั้น ยังเกี่ยวกับขนาดของโลกและความแข็งแร รงทางมิติด้วย นอกจากนี้นายท่านไม่ต้องกังวลนะขอรับ ต่อให้พวกเราจะร้ายกาจอย่างไร แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งถึงขั้นท ทะลวงโลกพลังงานสุดยอดที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษแบบนั้นได้”
“ตกลง ข้าเข้าใจแล้ว” ลู่เซิ่งพยักหน้า
ค่ายกลจุติเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ใช้แบ่งยุคสมัย แต่ก็ต้องการพลังงานมหาศาลมาเจาะปราการของโลกเป้าหมายเช่นกัน
เขาวางภาพเหมือนลง
“นอกจากนี้ข้อมูลที่ข้าให้เจ้าช่วยตรวจสอบเป็นอย่างไรบ้าง”
หลี่ซุ่นซีพยักหน้าตอบอย่างจริงจัง
“พอจะมีเบาะแสแล้วขอรับ แต่ว่าข้อมูลลับสุดยอดจะต้องยื่นเรื่องขอแลกเปลี่ยนกับจักรวรรดิหยกคู่ที่เพิ่งติดต่อด้ วย ดีที่ทางนั้นแสดงท่าทีเป็นมิตรต่อพวกเรามาก”
“คนที่ชื่อเจินนั่นเป็นผู้ทะยานจากโลกเบื้องล่างที่มาจากโลกเครื่องจักรกลซึ่งอยู่ไกลแสนไกล มันทะยานจากจักรว วาลเครื่องจักรกลขึ้นมาและเข้าร่วมกับฝั่งสัตว์โบราณ มีความเกี่ยวพันกับเต่ายักษ์พันขาซีตีไม่น้อย พวกเราเริ่มรวบ บรวมข้อมูลของเต่ายักษ์พันขาซีตีแล้ว อีกอย่าง…ไม่ทราบว่าเหตุใดอสูรอินทรีย์ราชสีห์แปดเศียรที่แข็งแกร่งที่ส สุดในเผ่าสัตว์โบราณก็เหมือนจะมีท่าทีไม่เป็นมิตรต่อพวกเราเช่นกัน”
หลี่ซุ่นซีเล่าอย่างไม่เข้าใจอยู่บ้าง