ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1012 รับจ้างสอน (2)
กลับเป็นเด็กอ้วนที่ต้านทานวิชาจิตโน้มนำแบบง่ายๆ ของลู่เซิ่งได้ เดินมาถึงตรงหน้าเขาอย่างยากลำบาก
“อาจารย์หวังครับ! ผมอยากให้คุณสอนต่อยตีครับ!” เขาวิงวอนลู่เซิ่งอย่างจริงจังอย่างมาก “ผมรู้ว่าปกติยอดฝีม มือจะรับศิษย์ถ่ายทอดวิชายากมาก ไม่รู้ว่าคุณอยากให้ทำตามเงื่อนไขอะไรถึงจะยอมรับผมเป็นศิษย์และถ่ายทอดวรยุทธ์ ให้ครับ!?”
ลู่เซิ่งมีสีหน้าเรียบเฉย
“ฉันไม่สอนใครต่อยตี”
“แต่ว่า…”
“ฉันแค่สอนวิชาต่อสู้” ลู่เซิ่งตัดบทเขา “เป็นเพราะการต่อสู้ใช้สมาธิและเวลามากกว่าการเรียนหนังสือ ดังนั้นค่าเรีย ยนเลยแพงมาก”
“ไม่เป็นไรครับ! ขอแค่อาจารย์ยอมสอนก็พอ!” เด็กอ้วนตื่นเต้นทันที
“ได้ ฉันสอนวิชาป้องกันตัวพื้นฐาน วิชาป้องกันตัวไทเบอรา และมวยอิสระให้ได้ เธอจะเลือกอย่างไหน” ลู่เซิ่งส่งใบ บรายการให้เขา “เธอมาได้จังหวะพอดี ฉันกำลังจะเอาไปติดนอกประตูอยู่เลย”
บนนั้นเขียนระดับราคาต่อสู้ของวิชาป้องกันตัวสามชนิดเอาไว้
เด็กอ้วนเหมือนถูกสายฟ้าฟาดใส่…พลันกลายเป็นหิน…
วิชาต่อสู้สามชนิดนี้เป็นวิชาป้องกันตัวกระแสหลักที่พบเห็นได้บ่อยสุดในตลาด
แถมราคายังแพงกว่าตลาดไม่น้อย วิชาป้องกันตัวพื้นฐานราคาสูงกว่าหลายเท่า
“ผม…ผมๆ…” เด็กอ้วนหดหู่อยู่ชั่วขณะ รู้สึกพูดอะไรไม่ออก
“เธอชื่ออะไร” ลู่เซิ่งถาม
“ไป๋…ไป๋อันอี้ครับ”
“ยังมีวิชาต่อสู้ของตัวฉันเองอีกอย่างที่เธอเลือกได้ แต่ค่าใช้จ่ายจะแพงมาก ถ้าเธอยินดีจะลองดูก็ได้” ลู่เซิ งเอ่ยด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“วิชาต่อสู้อะไรเหรอครับ!?” หลังจากเจอเหตุการณ์หักมุมหลายครั้งแล้วเห็นแสงอรุณ ไป๋อันอี้ก็พลันรู้สึกว่ามีหวัง งแล้ว จึงกระตือรือร้นขึ้น
“ยังไม่มีชื่อหรอก เธอจะเรียกมันว่าวิชาต่อสู้แบกภาระก็ได้ เพราะมันจะสร้างภาระหนักให้แก่ร่างกายยิ่งกว่าวิชา ต่อสู้อื่นๆ ขั้นตอนการฝึกฝนอาจจะลำบากและเหนื่อยมาก ถึงขั้นมาพร้อมกับความเจ็บปวด เธอคิดให้ดีล่ะ” ลู่เซิ่งเตือ อน
“ผมไม่กลัวครับ!” เด็กอ้วนตะโกน ดวงตาเปล่งประกายวิบวับ
“ก็ได้ อันดับแรกฉันขอบอกให้ชัดเจนก่อนว่า ฉันเป็นคนสร้างวิชาต่อสู้นี้ขึ้นมาเอง ถ้าฉันไม่อนุญาต ห้ามถ่ายทอ อดให้คนอื่น”
“นี่เป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้วครับ” ยิ่งรักษาความลับแบบนี้ เด็กอ้วนยิ่งรู้สึกสนุก สีหน้าตื่นเต้นขึ้นเรื่อย ยๆ
“ข้อสอง” ลู่เซิ่งปิดจอคอมพิวเตอร์ “วิชาต่อสู้วิชานี้สิ้นเปลืองมาก ไม่ใช่เฉพาะค่าสอนของฉัน เธอเองก็จะต้องเ เผชิญกับค่าใช้จ่ายด้านยาบำรุงมากมายในระหว่างฝึกฝนเช่นกัน เธอจะต้องแน่ใจว่าเธอจะรับภาระหนักได้มากพอ”
“เรื่องนี้…” เด็กอ้วนลังเลอยู่บ้าง “ผมได้ค่าขนมแค่ห้าหมื่นต่อเดือน…แต่ผมขอแม่ได้ฮะ! น่าจะได้…เยอะ หน่อย เพราะยังไงผมก็ทำเรื่องจริงจังนี่”
ห้าหมื่นต่อเดือน…
ลู่เซิ่งนึกถึงเงินเดือนไม่ถึงหนึ่งหมื่นต่อเดือนของหวังมู่ จิตใจพลันซับซ้อน หวังมู่ที่น่าสงสารหาเงินค่าขนมของ งเด็กคนหนึ่งยังไม่ได้ด้วยซ้ำ…
เขาที่อยู่ในโลกใบนี้ช่างมีชีวิตลำเค็ญจริงๆ…
ความจริงเขาไม่คิดจะสอนเด็กคนนี้อย่างจริงใจ เพียงแค่จะรับศิษย์ภายนอกมาสอนอย่างขอไปที ให้พวกเขาได้ลิ้มลองรส หวานเท่านั้น จากนั้นค่อยคัดเลือกคนที่มีคุณสมบัติ นิสัย และกำลังทรัพย์เพียงพอมาอีกทีหนึ่ง
หลังจากทราบว่าโลกใบนี้มีจักรวรรดิมหึมาที่กินพื้นที่หลายกาแลคซี ลู่เซิ่งก็ทราบว่า ที่นี่จะต้องมีอาวุธแข็งแ แกร่งระดับรับมือดาวฤกษ์อยู่อย่างแน่นอน
พลังทำลายล้างระดับอนธการยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถึงขั้นอาจมีพลังทำลายล้างที่แข็งแกร่งกว่าดำรงอยู่เช่นกัน
ดังนั้นก่อนที่จะเข้าใจความเป็นมาของที่นี่ เขาคิดจะเดินบนเส้นทางดั้งเดิมไปทีละก้าว โดยพัฒนาขุมกำลัง รวมถึงสร ร้างความแข็งแกร่งให้แก่ตัวเองและรอบตัวตนเอง
“ค่าเรียนเอาเดือนละสี่หมื่นก็แล้วกัน ถ้าเธอยินดีจะสมัครก่อนก็ได้ ไม่อย่างนั้นก็กลับไปขอแม่เธอ”
“สมัครครับ ผมสมัคร!” เด็กอ้วนรีบว่า
คนหนึ่งจ่ายเงิน คนหนึ่งเขียนใบเสร็จให้ ยินดีกันถ้วนหน้า
ตอนนี้แต่ละวันลู่เซิ่งต้องจ่ายเงินอย่างน้อยหนึ่งพันไปกับอาหาร ตอนนี้มีรายรับเข้ามาทีเดียวสี่หมื่น นับว่าแก้ไ ไขปัญหาเร่งด่วนของเขาได้แล้ว
“เรียบร้อย ตอนนี้ยังมีเวลาเหลือพอดี ถ้าเธอยินดี วันนี้ฉันจะเปิดปัญญาให้เธอก่อน”
ลู่เซิ่งดูผนัง อีกสิบนาทีจะ 2 ทุ่ม
“ได้เลยครับ! ผมขอโทรศัพท์หาที่บ้านก่อนได้ไหม” เด็กอ้วนคิดอย่างรอบคอบ
“ได้สิ โทรเสร็จแล้วเข้ามา ทำที่นี่แหละ การเปิดปัญญาใช้เวลาไม่นานหรอก” ลู่เซิ่งเอ่ยอย่างเรียบๆ
“ครับอาจารย์!”
เด็กอ้วนซอยเท้าวิ่งออกไปโทรศัพท์
ลู่เซิ่งนั่งตรวจสอบสภาพของตัวเองอยู่ในห้องเก็บนิตยสาร ร่างกายเหมือนจะปรับตัวและย่อยสลายขอบเขตชีวิตแรกได้พอ อประมาณแล้ว ต่อจากนี้คือชีวิตที่สอง ฝึกกล้ามเนื้อ
วันนี้กลับไป น่าจะเริ่มยกระดับชีวิตที่สองได้แล้ว
สักพักหนึ่งเด็กอ้วนที่โทรศัพท์เสร็จแล้วก็เดินเข้ามา
“อาจารย์หวัง เริ่มกันเลยครับ! ผมเตรียมตัวพร้อมแล้ว! ต้องถอดเสื้อไหมครับ”
เขาเดินมาถึงด้านหน้าลู่เซิ่งด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“ไม่ต้องหรอก ยืนนิ่งๆ อย่างนี้ล่ะ” ลู่เซิ่งลุกขึ้นเดินไปถึงตรงหน้าเขา
พรุ่บ!
ทันใดนั้นเขาก็ดีดนิ้วชี้ แทงใส่ตัวเด็กอ้วนสามครั้งด้วยความเร็วสูง
เป็นเพราะเร็วเกินไป ทำให้เสียงสามเสียงเหมือนซ้อนทับกันจนมีเสียงเดียว
เด็กอ้วนยังไม่ทันตอบสนอง ก็รู้สึกว่ามีความเจ็บปวดรวดร้าวกระจายจากทรวงอกไปยังรอบๆ ตัว
เขาล้มลงกับพื้น ร่างกายเริ่มชักกระตุก เหงื่อซึมออกจากรูขุมขนมากมาย
“เจ็บขนาดนั้นเลยเหรอ” ลู่เซิ่งงุนงงเล็กน้อย เขาลดผลลงแล้วแท้ๆ วิชาดัชนีที่ใช้เป็นระดับหนึ่งในสามของผลตา ามมาตรฐาน
แต่พอเห็นว่าเด็กอ้วนเปล่งเสียงร้องไม่ออกด้วยซ้ำ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองอาจประเมินพลังปณิธานของคนบนโลกใบนี สูงไป
แต่ก็ไม่แปลก เป็นเพราะสงบสุขมานาน ระดับการใช้ชีวิตสูง และอยู่ดีกินดี การอดทนต่อความเจ็บปวดของประชาชนบนโลกใ ใบนี้จึงได้ถดถอยถึงขั้นที่ต่ำมาก
ลู่เซิ่งชักมือกลับมา ก่อนมองดูเด็กอ้วนกลิ้งตัวอยู่บนพื้นด้วยท่าทางเจ็บปวดจนสุดบรรยาย เหงื่อมากมายซึมออกม มาจากร่าง ประทับพื้นเป็นรอยน้ำสีดำหลายรอย
เวลาดำเนินอยู่ห้านาที
ในที่สุดผลของวิชาดัชนีก็ค่อยๆ หายไป
เด็กอ้วนไป๋อันอี้นอนหอบหายใจอยู่บนพื้น ทำท่าชีวิตช่างไร้ความหมาย
“เปิดช่องลับในสมองของเธอเรียบร้อยแล้ว ถือว่าเป็นการกรุยทางเพื่อการฝึกฝนในวันหน้าของเธอ ต่อจากนี้จะไม่เจ็บปวด แบบนี้อีก” ลู่เซิ่งกล่าวเรียบๆ
เด็กอ้วนอ้าปากพะงาบๆ แต่กลับพบว่าส่งเสียงไม่ออก
“กลับไปหลับพักผ่อนเถอะ กินเนื้อแดงเยอะๆ หน่อย พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่” ลู่เซิ่งกำชับ
เขาใช้วิชาหมัดหรือวิชาต่อสู้ที่สร้างขึ้นใหม่เปิดกงล้อการจำกัดตัวเองส่วนเล็กๆ ของกระบวนการเผาผลาญพลังงานใน นร่างกายให้แก่เด็กอ้วน
วิชาเก้าชีวิตของลู่เซิ่งใช้ทฤษฎีปรัชญาของโลกใบนี้ คือมองร่างกายมนุษย์เป็นองค์รวมที่ถูกจำกัดไว้ในกงล้อข ขนาดยักษ์
ทุกๆ การฝึกฝนในแต่ละระดับ จะเปิดขีดจำกัดร่างกายมนุษย์หนึ่งชั้น หรือก็คือปลดการจำกัดตัวเองทิ้ง
เด็กอ้วนพักผ่อนอยู่สักพัก หลังได้เรี่ยวแรงกลับมาแล้วค่อยตะเกียกตะกายลุกขึ้น
แต่สิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของลู่เซิ่งก็คือ เด็กคนนี้ไม่ได้กลัว กลับยังทำท่าตื่นเต้นเล็กน้อยด้วย
เหมือนกับเขาจะผอมลงหนึ่งรอบวงเล็กๆ อย่างเป็นปาฏิหาริย์เพราะการเปิดปัญญาเมื่อครู่
หลังจัดการเรื่องเด็กอ้วนเรียบร้อยแล้ว ลู่เซิ่งก็ปิดห้องสมุดกลับบ้าน
เขาจะเลื่อนระดับชีวิตที่สองในคืนนี้
เขาขี่จักรยานไฟฟ้ากลับถึงบ้านเช่า รีบกินอาหารบางส่วน จากนั้นก็ปิดม่านหน้าต่างแล้วนั่งในห้องรับแขก
แสงจันทร์ดุจผ้าขาวส่องลอดผ้าม่านเข้ามาจากนอกหน้าต่าง เหลือแสงกลุ่มเล็กๆ ไว้บนร่างลู่เซิ่ง
‘ดีปบลู’
เขาเพ่งจิตสงบลมหายใจก่อนจะนึกเงียบๆ
กรอบสีฟ้าเด้งออกมาลอยอยู่ด้านหน้าลู่เซิ่ง
[วิชาเกลียวเก้าชีวิต: ชีวิตแรก (ลักษณะเด่น: ผิวแข็งขึ้น)]
‘ยกระดับวิชาเกลียวเก้าชีวิตถึงชีวิตที่สอง’ ลู่เซิ่งกดปุ่มปรับเปลี่ยนบนเครื่องมือปรับเปลี่ยนพร้อมออกคำสั่ง
เครื่องมือปรับเปลี่ยนหยุดนิ่งเล็กน้อย ก่อนจะสั่นไหวอย่างรวดเร็ว
พลังอาวรณ์มากมายทะลักออกจากทรวงอกลู่เซิ่ง จากนั้นก็ถูกกล้ามเนื้อในแขนขาดูดซับอย่างรวดเร็วเหมือนหลุมไร้ก้น
พลังอาวรณ์ที่ต่อเนื่องไม่ขาดสายถูกใช้อย่างต่อเนื่อง สภาพนี้ดำเนินอยู่สิบกว่านาทีจึงค่อยๆ ช้าลง
รอจนหยุดโดยสิ้นเชิงแล้ว ลู่เซิ่งก็ค้นพบอย่างตื่นตระหนกว่า พลังอาวรณ์ของตัวเองหายไปถึงแสนสองหมื่นกว่าหน่วย
ตอนนี้เพิ่งถึงระดับสอง หน่วยหลักพันในครั้งแรกกลับยกระดับถึงหน่วยหลักแสนแล้ว
การเพิ่มขึ้นนี้ ทำให้ลู่เซิ่งตกตะลึงพรึงเพริด เขาสงสัยอยู่บ้างว่าพลังอาวรณ์น้อยนิดที่ตัวเองเก็บไว้จะประคับ บประคองการฝึกฝนถึงระดับสูงสุดได้หรือไม่
กรอบบนเครื่องมือปรับเปลี่ยนพร่ามัวอยู่สิบกว่านาที กรอบจึงค่อยๆ กลับมาชัดเหมือนเดิม
ลู่เซิ่งหลับตาสัมผัสการเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่กำลังเกิดขึ้น
กล้ามเนื้อทั้งหมดสั่นไหวและร้อนลวกเหมือนถูกเผา เลือดนับไม่ถ้วนไหลไปมาตามเส้นใยกล้ามเนื้อของเขา
เนื้อเยื่อและเส้นใยกล้ามเนื้อเดี๋ยวพองเดี๋ยวหดภายใต้การหล่อเลี้ยงของปราณปฐพีมากมาย พลังงานจำนวนมากกระตุ้นให้ เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่เหนือคณานับ
เซลล์เม็ดเลือดแดงนับไม่ถ้วนส่องแสงสีแดงเหมือนกับหิ่งห้อย ผิวของเซลล์เม็ดเลือดแดงทุกเซลล์ปรากฏลวดลายกงล้ออันแป ปลกประหลาดขึ้นมา
ขอบกงล้อมีหนามแหลม ตรงกลางเหมือนกับดวงตาดวงหนึ่ง
กรงล้อหนามแหลมนับไม่ถ้วนกำลังกัดเซาะกล้ามเนื้อทั้งหมดของลู่เซิ่งตามการไหลของเซลล์เม็ดเลือดแดง
ลู่เซิ่งค่อยๆ อ้าปาก ควันขาวหลายสายแผ่พุ่งออกมาจากเจ็ดทวารของเขา
‘กงล้อจำกัดตัวเองของร่างกายมนุษย์คือกงล้อสวรรค์ มอบการจำกัดขั้นพื้นฐานให้แก่มนุษย์บนโลก มนุษย์คือบุตรแห่ง งฟ้า เมื่อปลดการจำกัดทั้งหมดออก จะสำเร็จเป็นจักรพรรดิสวรรค์’
เวลานี้คำพูดท่อนหนึ่งจากหนังสือที่ลู่เซิ่งเพิ่งอ่านไปไม่นานปรากฏขึ้นในใจของเขาโดยไม่รู้ตัว
‘การเปลี่ยนแปลงนี้มัน…’ ลู่เซิ่งข่มความตื่นตระหนกไว้ การเปลี่ยนแปลงของที่นี่ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับกฎจักรวาล ระดับพื้นฐานสุดของโลกใบนี้
‘แค่ฝึกฝนการเพิ่มความแข็งแกร่งในระดับร่างกายเพื่อปลดกงล้อจำกัดกล้ามเนื้อออกเท่านั้นเอง…’
กฎของโลกใบนี้เหมือนจะให้การดูแลมนุษยชาติดีถึงขีดสุด ความสามารถของร่างกายมนุษย์เหนือกว่ามนุษย์ในโลกอื่นๆ ไม ม่น้อย
‘ความรู้สึกเหมือนกับบนตัวทุกคนต่างมีหลักฐานแห่งราชันระดับเล็กๆ เลย…’
ลู่เซิ่งเปรียบเทียบในใจ
เขาเกิดแรงบันดาลใจ จึงไม่สนใจการเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่เกิดขึ้นอีก หากแต่เริ่มคำนวณอย่างรวดเร็ว
ไม่นานนัก ขอบเขตสูงสุดขั้นสุดท้ายของวิชาเกลียวเก้าชีวิตก็ค่อยๆ กลายเป็นขอบเขตใหม่ จักรพรรดิสวรรค์
‘เมื่อปลดขีดจำกัดออก ก็จะกลายเป็นจักรพรรดิสวรรค์ หรือผู้อยู่ในระดับชั้นสุดท้าย ก้าวข้ามขีดจำกัดทั้งหมด เปลี่ ยนแปลงภาวะโดยสมบูรณ์ สำเร็จขอบเขตสวรรค์ชั้นสูงสุด…’
ลู่เซิ่งสังหรณ์ใจว่า ตอนที่ตนเลื่อนสู่ระดับชั้นสุดท้าย อาจจะขอยืมพลังของโลกระดับพลังงานสุดยอดใบนี้มาตามหาคว วามหวังในการเลื่อนสู่ระดับดาวมรณะได้